ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 11: โคตรซวย

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 11 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลังจากนั้นซักพัก

 

พวกเจ้าหน้าที่และม้าของพวกเขาก็พาครอบครัวของเฉินเฉินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน หวังเอ้อเดินอยู่ข้างหลังพวกเขา ด้วยประกายความชั่วร้ายในดวงตาของเขา

 

เฉินชานและฉินโหลวเห็นทุกอย่างและรู้สึกกังวลขึ้นมา

 

ในอีกด้านนึง เฉินเฉินดูเหมือนจะไม่ได้แยแสอะไรเลย เขาตะโกนเรียกเอ้อหยา ที่อยู่ในฝูงชน “เอ้อหยา ช่วยให้อาหารเหลาเฮยแทนข้าทีนะ! อย่าให้มันหิวจนน้ำหนักลดหล่ะ!”

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่เฉิน…” เอ้อหยาตอบอย่างเขินอาย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

 

เฉินเฉินยิ้มให้เธอเป็นการตอบกลับ จากนั้นเขาก็ตามเจ้าหน้าที่ไปแล้วเดินตรงไปที่หน้าหมู่บ้าน

 

วันนี้ เขาจะไปดูให้เห็นว่าคนพวกนี้เอาอะไรมาแสดง

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมา หลังจากที่ทั้งกลุ่มได้ออกห่างจากทางเข้าหมู่บ้านไป หวังเอ้อก็ทนไม่ได้อีกแล้ว เขาเดินจากหลังกลุ่มไปที่ข้างหน้า แล้วกระซิบกับเจ้าหน้าที่โจว “นายท่านหวังบอกว่าครอบครัวนี้ต้องถูกกำจัด!”

 

เมื่อเจ้าหน้าที่โจวได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตอบอย่างใจเย็น “พวกเราต้องคุยเรื่องราคากันก่อน ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าพวกเราแค่มาที่นี่เพื่อเก็บศพเท่านั้น”

 

“นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่พวกมันต้องถูกกำจัดระหว่างทาง” หวังเอ้อพูดอย่างเกรี้ยวกราด

 

พื้นเพของตระกูลหวังค่อนข้างน่าอัปยศ ถ้าตระกูลเฉินถูกพาไปที่ว่าการในมณฑล มันก็คงจะไม่ดีถ้าพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระออกไป การจัดการพวกเขาในระหว่างทางและป้องกันความผิดพลาดไปมากกว่านี้จะเป็นการดีกว่า

 

ประกายแปลกๆสะท้อนออกมาในดวงตาของเจ้าหน้าที่โจวในขณะที่เขาพูด “ฆ่าระหว่างทาง…. ราคามันก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีกนะครับ ถึงยังไง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ชอบธรรมอยู่แล้ว”

 

“ไม่มีปัญหา!” หวังเอ้อตอบอย่างไม่ลังเล

 

ตระกูลหวังของพวกเขามีเงินทองมากมายอยู่แล้ว!

 

“เยี่ยม ถ้างั้นข้าจะจัดการพวกเขาเมื่อเข้าไปในป่าหินที่อยู่ห่างออกไปห้าไมล์ พวกเราจะกำจัดพวกเขาที่นั่น!”

 

“ดีเลย!” หวังเอ้อตอบแล้วกลับไปที่หลังกลุ่ม ในตอนที่เขาเดินผ่านครอบครัวของเฉินเฉิน เขาก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองเฉินเฉินเหมือนกับว่าเขาจบสิ้นแล้ว

 

เฉินเฉินเย้ยหยันในใจ ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เขาสามารถได้ยินบทสนทนาระหว่างหวังเอ้อกับเจ้าหน้าที่โจวอย่างชัดเจน

 

ป่าหินห่างออกไปห้าไมล์หรอ?

 

เหอะ! ไม่มีคนดีๆอยู่บ้างเลยรึไงนะ!

 

“ลูกเฉิน ตอนนี้ข้ามีความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะถ่วงเวลาให้ เจ้าพาแม่ของเจ้าไปชิงม้าซักตัวแล้วหนีไปซะ ห้ามหันกลับมาหล่ะ เข้าใจไหม?!” เฉินชานถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เขาดูเหมือนพร้อมที่จะเผชิญกับความตายอย่างไม่ท้อถอย

 

ในฐานะผู้ชาย เขาไม่มีเวลามาลังเลแล้ว

 

“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงครับ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้” เฉินเฉินยิ้มแล้วปลอบใจเขา

 

ฉินโหลวเห็นเช่นนี้แล้วถอนหายใจกับตัวเอง

 

ลูกชายของเธอสมบูรณ์แบบ ข้อเสียเดียวของเขาก็คืออ่อนโยนเกินไป เขาไม่รู้ว่าคนเราก็สามารถชั่วร้ายได้เหมือนกัน

 

“ลูกเฉิน ข้างนอกนั้นมีคนไม่ดีอยู่เต็มไปหมด เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะ”

 

ฉินโหลวลูบศีรษะลูกชาย สีหน้าของเธอนั้นแสดงความหวาดกลัวออกมาอยู่

 

ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเธอจะหนีไปไหนได้กัน? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ อย่างมากที่สุดเธอจะดึงความสนใจคนพวกนี้และสร้างโอกาสให้เฉินเฉินหนีไปได้

 

เฉินเฉินแสดงสีหน้าผ่อนคลายให้พ่อแม่ของเขา จากนั้นก็เร่งฝีเท้าแล้วเดินพล่านไปทั่วกลุ่ม

 

ในตอนที่หวังเอ้อเห็นเช่นนี้ เขาก็ตามหลังเฉินเฉินไปอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าเขาจะหนี

 

“ระบบ ช่วยหาโชคร้ายให้ข้าหน่อย เหมือนกับที่ข้าวิ่งไปเจอหมาป่าเมื่อคืนนี้”

 

“เดินไปข้างหน้าแปดเมตรโดยทำมุมยี่สิบองศา ท่านจะไปเหยียบบนกองขี้วัวที่ซ่อนอยู่”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็เร่งความเร็วขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปตามทางที่ระบบบอกในทันที การรับรู้ของเขานั้นเฉียบคม และหลังจากที่เจอขี้วัว เขาก็เดินข้ามมั่นไปอย่างเยือกเย็น

 

หวังเอ้อจ้องเฉินเฉินตาไม่กระพริบ แล้วเร่งฝีเท้าอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นซักพัก เขาก็รู้สึกได้ว่าเท้าของเขาเหยียบโดนอะไรแหยะๆ

 

พอมองลงไป เขาก็มองเห็นกองขี้วัวเลอะเต็มรองเท้าของเขา มันเป็นรอยเปื้อนสีดำๆและค่อนข้างน่าขยะแขยง

 

“เวร! โคตรซวยเลย!” หวังเอ้อบ่น แล้วรีบเดินออกมา ในตอนที่เขากลับไปมองเฉินเฉินอีกครั้ง เด็กชายก็กลับไปเดินกับกลุ่มแล้ว

 

เฉินเฉินรู้สึกขบขันในตอนที่เห็นหวังเอ้อสบถ

 

วันนี้ เขาอยากจะให้ชายแก่คนนี้ได้รับรู้ว่าความโหดร้ายที่แท้จริงเป็นยังไง

 

หลังจากที่ทั้งกลุ่มเดินไปได้อีกหลายร้อยเมตร เฉินเฉินก็เดินออกมาจากพวกเขาอีกครั้ง โดยมีหวังเอ้อตามไปอย่างใกล้ชิดเช่นเคย

 

เขาคิดว่าเขาเดินไปเหยียบขี้โดยบังเอิญและไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรเลย

 

ในขณะที่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เท้าที่เคยเหยียบขี้มาก่อนก็ได้ไปเหยียบอีกกองนึง ซึ่งการผสมกันนี้ก็ทำให้เขาลื่นอย่างกระทันหัน แล้วเขาก็ล้มเอาหลังลง

 

‘ลื่นบนกองขี้! วันนี้โคตรจะดวงซวยเลย’ หวังเอ้อบ่นในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ในฐานะพ่อบ้านตระกูลหวัง เขาพอรู้ศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง ในตอนที่เขาล้มไปข้างหลัง ร่างกายของเขาก็ออกแรงขึ้นมาอย่างกระทันหัน แล้วเขาก็ยืนบนพื้นอย่างมั่นคงด้วยท่ากระโดดกลับหลังอย่างสวยงาม

 

การเคลื่อนไหวถือว่าเชี่ยวชาญใช้ได้ ถ้ามันไม่ใช่เพราะขี้ที่ติดเท้าของเขา มันก็คงจะดูดีกว่านี้

 

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะต่อมา เขาก็อ้าปากค้างในขณะที่สีหน้าของเขาซีดลงอย่างกระทันหัน

 

เขายกเท้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าได้ถูกหินคมๆแทงทะลุรองเท้าฝังเข้าไปในฝ่าเท้าของเขาในตอนที่เอาขาลงพื้น

 

ด้วยเลือดที่ไหลออกมา ผสมกับขี้สีดำ มันจึงดูน่าขยะแขยงขึ้นไปอีก

 

“โอ๊ย! เจ็บ! เจ็บ!”

 

ท่าทีที่สง่างามของหวังเอ้อหายไปในทันที เขาไม่สนใจเรื่องขี้วัวอีกแล้ว เขายกเท้าขึ้นมาแล้วเริ่มร้องโอดครวญ

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกในตอนที่พวกเขาเห็นภาพ พวกเขาไม่เคยเห็นใครโดนตำเท้าในตอนที่เดินมาก่อน!

 

แล้วไอ้ขี้สีดำๆนั่นมันอะไรกัน?

 

หลังจากเจ้าหน้าที่ตระหนักได้ว่ามันคืออะไร พวกเขาก็หันหนีพร้อมกัน เพราะไม่กล้าที่จะมองตรงๆ

 

โคตรน่ารังเกียจเลย!

 

มีแค่เฉินเฉินที่เดินไปหาหวังเอ้อด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

“พ่อบ้านหวังเป็นอะไรไหมครับ? บางทีพวกเราไม่ต้องรีบไปที่ว่าการก็ได้ กลับไปที่หมู่บ้านแล้วทำแผลของท่านก่อนดีกว่านะครับ”

 

หวังเอ้อแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาในตอนที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาตะคอก “แผลแค่นี้มันเล็กน้อยสำหรับข้า! เวรจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกชั้นต่ำอย่างเจ้าหล่ะก็นะ หลังจากนี้ก่อนออกจากบ้านข้าคงต้องดูปฏิทินก่อนแล้วหล่ะ!”

 

เฉินเฉินมองดูหินเปื้อนเลือดแล้วส่ายหัวอย่างจริงจัง “พ่อบ้านหวัง ท่านมองว่าโชคร้ายได้ยังไงกันครับ? มันเป็นโชคดีแล้วที่เจ็บแค่เท้าของท่าน ถ้าท่านลื่มล้มหัวกระแทกพื้นหล่ะ? ท่านอาจจะถึงตายเลยก็ได้ไม่ใช่หรอครับ? ท่านหน่ะโชคดีแล้ว!”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน ดวงตาของหวังเอ้อก็สั่นเครือแล้วหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ถ้าไม่ได้กระโดดกลับหลัง เขาอาจจะหัวกระแทกพื้นไปแล้ว และถ้าหัวของเขาโดนหินตำเข้าหล่ะ…

 

หวังเอ้อไม่กล้าจะคิดไปมากกว่านี้ แล้วเดินกลับไปหากลุ่มด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็สัญญากับตัวเองว่านับจากนี้ไปในระหว่างที่เดินเขาจะระวังจริงๆแล้ว

 

ที่เบื้องหน้าของกลุ่ม เจ้าหน้าที่โจวขมวดคิ้วในตอนที่เห็นเหตุการนี้ แล้วออกคำสั่ง “พ่อบ้านหวัง มีแม่น้ำอยู่ที่ข้างหน้าป่า ไปล้างแผลที่นั่นเถอะครับ”

 

เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เป็นข้ออ้างในการพาครอบครัวของเฉินเฉินเข้าไปในป่า

 

“นั่นสิ ขอบคุณนะเจ้าหน้าที่โจว”

 

หวังเอ้อโบกมือเป็นการขอบคุณแต่ก็อ้าปากค้างอีกครั้งหลังจากที่พูดจบ

 

ความรู้สึกของการที่ขี้วัวซึมเข้าไปในแผลมันทำให้รู้สึกไม่สบายเลย และทำให้เขาอยากตายจริงๆ

 

ในตอนนี้ เขาไม่สนเรื่องเดินตามเฉินเฉินแล้ว เขาแค่อยากรีบไปล้างแผลที่แม่น้ำ ไม่อย่างนั้นเท้าของเขาอาจจะใช้การไม่ได้อีกก็ได้!

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้เลยว่า…

 

นี่เป็นแค่การเริ่มต้นสำหรับเขา!

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด