ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 76: เรือยักษ์ที่ลอยเหนือฟากฟ้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 76 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“นี่มัน…”

 

ฝูงชนที่ประกอบด้วยศิษย์ภายในและภายนอกต่างก็พากันตกตะลึง และแทบจะอ้าปากค้าง

 

มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่ซุนเทียนกังจะแพ้ แต่มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง? เขาโดนไปแค่ทีเดียวเองไม่ใช่หรอ?

 

‘ไหนหล่ะการต่อสู้อันน่าตื่นตาตื่นใจที่สัญญาเอาไว้? พวกเราถ่อมาถึงที่นี่เพื่อดูการต่อสู้ แต่เขาก็หายไปในชั่วพริบตา’

 

ตึง!

 

ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงสะเทือนดังขึ้นไกลๆในขณะที่ซุนเทียนกังร่วงลงไปกับพื้นที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร

 

ผู้อาวุโสใหญ่หันไปมองในทันที และรู้สึกโล่งอกที่เห็นว่าหลานของเขาได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อย

 

‘เฉินเฉินออมมือให้เขาสินะ…’

 

ความผันผวนของแรงกระแทกเมื่อซักครู่นี้ได้ทำให้เขา เซียนที่มีการสร้างรากฐานอย่างสมบูรณ์แบบต้องก้าวถอยไปข้างหลังอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าซุนเทียนกังรับแรงกระแทกลูกใหญ่เข้าไปเต็มๆ เขาคงจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอย่างแน่นอน ต่อให้เขาไม่ตายก็ตาม

 

พูดอีกนัยนึงก็คือ เฉินเฉินสมควรถูกจัดอยู่ลำดับ 10 ในสำนักเทียนหยุน

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็มองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในสนามประลองด้วยสายตาที่ซับซ้อน

 

‘เจ้าเด็กนี่พึ่งจะเข้ามาอยู่ในสำนักได้แค่ช่วงสั้นๆ แต่เขาก็มีระดับการฝึกตนที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้แล้ว’

 

‘หรือว่าเขาจะเป็นลูกลับๆของท่านเจ้าสำนักที่เริ่มฝึกวิชามาตั้งแต่เด็กและพึ่งถูกรับเข้ามาในสำนักกัน?’

 

‘ไม่น่าใช่ ข้ารู้จักคนรักของท่านเจ้าสำนัก และพวกเขาก็คงจะไม่แอบให้กำเนิดลูกอย่างแน่นอน’

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร เขาก็ยังต้องประกาศผลการประลองอยู่ดี

 

“อะแฮ่ม เฉินเฉินชนะการต่อสู้นี้ เพราะฉะนั้นลำดับของเขายังคงเดิม”

 

หลังจากที่พูดจบ เขาก็ออกไปจากสนามประลอง และไม่แม้แต่จะชายตามองหลานชายของเขา

 

เขาช่วยอะไรไม่ได้ มันน่าอับอายเกินไป!

 

ดูเหมือนว่าเขายังต้องรับการกล่าวโทษสำหรับการปฏิรูปสำนักต่อไป ไม่อย่างนั้น เมื่อสักครู่คงมีแค่พระเจ้าที่รู้ว่าหลานชายของเขาจะโดนทำร้ายยังไง

 

‘เจ้าไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย! มันดีแล้วหล่ะที่เจ้าได้รับความพ่ายแพ้ซะบ้าง!’

 

หลังจากสบถหลายชายของเขาในใจ ผู้อาวุโสใหญ่ก็หายตัวไป

 

 

ในระยะไกลออกไป ซุนเทียนกังกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนกอหญ้า และมองท้องฟ้าสีครามกับเมฆสีขาวที่อยู่เหนือหัวเขาด้วยความสับสน

 

‘นี่ข้าเป็นใครกัน? ข้าอยู่ที่ไหน? แล้วข้ากำลังทำอะไรอยู่?’

 

เขาศึกษาขั้นตอนต่างๆมาเป็นเวลาครึ่งวันและยุ่งอยู่กับมันพักใหญ่ๆ เขาต้องเขียนสาส์นท้าประลอง รายงานมัน และขอร้องปู่ให้มาเป็นพยาน

 

แล้วทั้งหมดนี่มันเพื่ออะไรกัน? แค่เพื่อให้ถูกอัดกลางฝูงชนเนี่ยนะ?

 

‘ทำไมข้าถึงเป็นคนที่ถูกอัดยับ แต่เจ้าเป็นคนที่สร้างความประทับใจหล่ะ!? ความรู้สึกนี้มันแย่ชะมัด!’

 

ในขณะที่คิดเช่นนี้ ซุนเทียนกังก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

 

มีคำถามมากมายในหัวของเขา แต่คำถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือว่า ทำไมเฉินเฉินถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

 

ในขณะที่กำลังรู้สึกสับสนอยู่นั้นเอง ศิษย์ภายนอกกลุ่มนึงก็เข้ามาช่วยพยุงเขา

 

ใบหน้าของพวกศิษย์ภายนอกนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นดินและหน้าตาของพวกเขาก็เห็นได้ไม่ค่อยชัด แต่สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสดใสอย่างมาก

 

“พี่ใหญ่ซุน ท่านผู้สืบทอดวานให้ข้ามาบอกท่านว่าคนที่ทนรับความยากลำบากได้นั้นจะกลายเป็นคนใหญ่คนโต!”

 

“ความล้มเหลวคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ!”

 

“ท่านต้องลุกขึ้นมาจากจุดที่ท่านล้ม!”

 

“ความล้มเหลวไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการสูญเสียความมุ่งมั่นในการถีบตัวเองให้ไปอยู่ในจุดที่ดีขึ้น!”

 

ในขณะที่มองศิษย์ภายนอกมากมาย ซึ่งสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ซุนเทียนกังก็ตกตะลึงในทันที จากนั้นตาของเขาก็เหลือกและสลบไป

 

 

ด้วยสภาพเช่นนี้เอง ข่าวที่เฉินเฉินเอาชนะซุนเทียนกังได้อย่างรวดเร็วด้วยกระบวนท่าเดียวก็กระจายไปทั่วทั้งสำนัก นอกจากเซี่ยวอู่โยว ไม่มีใครรู้สึกประทับใจหรือท้อใจเลย

 

ต่อให้ผู้สืบทอดเริ่มฝึกตนตั้งแต่เกิด เขาก็พึ่งฝึกตนมาได้แค่แปดปีเท่านั้น แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความแข็งแกร่งและความสามารถที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้เอง

 

ในตอนนี้เอง พวกเขาก็ได้เข้าใจซักทีว่าทำไมผู้สืบทอดถึงเป็นผู้สืบทอด ในขณะที่พวกเขาเป็นแค่ศิษย์ธรรมดา

 

หลังจากการต่อสู้นี้ ความเป็นที่เคารพของเฉินเฉินก็พุ่งกระฉูด ไม่นานนัก เขาก็ก้าวข้ามซุนเทียนกังและจ้าวเสี่ยวหยาของสำนักภายในไป และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถูกจดจำในฐานะศิษย์พี่ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักเทียนหยุน

 

แม้กระทั่งผู้อาวุโสบางคนก็ยังโค้งทำความเคารพเฉินเฉินในตอนที่เห็นเขา

 

นอกจากนั้น ศิษย์ของสำนักเทียนหยุนยังมีความกระตือรือร้นในการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผนวกกับทรัพยากรที่เพียงพอ สำนักเทียนหยุนจึงเริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรือง

 

 

ครึ่งเดือนต่อมา เฉินเฉินได้บินความสูงต่ำในภูเขาเทียนหยุนในขณะที่ใช้ระบบตรวจจับอย่างต่อเนื่อง

 

“เหมืองที่มีผลึกสายฟ้าสวรรค์+1”

 

“โสมตังกุยอายุหนึ่งพันปี+1”

 

“สมุนไพรถ่ายท้องอายุ 10,000 ปีชนิดพิษรุนแรง+1”

 

 

เวลาผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เฉินเฉินได้บินไปทั่วทั้งภูเขาเทียนหยุนเพื่อเก็บเกี่ยวของมีค่าต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เอาไปทั้งหมด และเก็บเกี่ยวแค่สมบัติส่วนนึงและปล่อยสมบัติบางส่วนที่มีประสิทธิภาพคล้ายกับสิ่งที่เขามีอยู่แล้ว

 

ในตอนที่เขากลับมาที่สวนของยอดเขาหลัก เจ้าผักบุ้งได้มาพันรอบเฉินเฉินอย่างมีชีวิตชีวา

 

“เจ้านาย น้ำวิญญาณใบไม้ผลิที่ท่านให้ข้าเมื่อวานหวานมากเลย ข้าอยากดื่มอีก!”

 

เฉินเฉินยิ้มแล้วเอาขวดใบนึงออกมาจากแหวนเก็บของของเขา แล้วรินน้ำวิญญาณใบไม้ผลิให้เจ้าผักบุ้ง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลิ่นอาหารก็ลอยฟุ้งมาจากในครัว

 

“เซียงเอ๋อเป็นปีศาจที่ฉลาดจริงๆ ทักษะการทำอาหารของเธอดีขึ้นเรื่อย ๆเลย เธอสามารถทำให้วัตถุดิบดำๆปล่อยกินสวรรค์แบบนั้นออกมาได้” เฉินเฉินพึมพำกับตัวเอง ในตอนนี้ เขารู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก

 

มันคงจะเยี่ยมไปเลยถ้าเขาสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ไปได้ตลอด แน่นอนว่าถ้าเขาทำได้ เขาก็อยากทำให้พ่อแม่ของเขาได้เป็นเซียนด้วย

 

กริ๊ง!

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆนั้นไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของคนเราตลอด ในช่วงเวลานี้เอง เสียงระฆังไพเราะก็ดังขึ้นในสำนักเทียนหยุน

 

 

เมื่อได้ฟังเสียงระฆังนี้ เฉินเฉินก็ถอนหายใจเบาๆ

 

มันคือระฆังสัญญาณรวมตัว

 

ถึงยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ต้องมาวันยังค่ำ

 

ตามที่คาดเอาไว้ เสียงของอาจารย์เซี่ยวอู่โยวก็ดังขึ้นในหูของเขาในจังหวะต่อมา

 

“ศิษย์เอ๋ย จงมาที่ตำหนักเจ้าสำนัก”

 

เฉินเฉินยอมเชื่อฟัง เขามองไปทางห้องครัวอย่างเสียดายก่อนที่จะบินไปยังตำหนักเจ้าสำนักอย่างไม่เต็มใจ

 

ไม่นานนัก เขาก็มาถึงตำหนักเจ้าสำนัก

 

นอกจากเซี่ยวอู่โยว มีชายอีกคนที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์และผมสีขาวอยู่ด้วย

 

เฉินเฉินรู้ในทันทีว่าเขาเป็นใคร เขาคือผู้อาวุโสระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเทียนหยุน จ้าวอู่ซึ่งมีความแข็งแกร่งไปถึงจุดสูงสุดของแก่นทองคำแล้ว

 

“ศิษย์เอ๋ย เรือเหาะของสำนักอู๋ซินจะมาถึงในเร็วๆนี้ ซึ่งเจ้าต้องเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ด้วย”

 

เซี่ยวอู่โยวมองแนเฉินด้วยความรู้สึกจนปัญญาในดวงตาของเขา

 

 

จากธรรมเนียมในอดีต เมื่อราชาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ แต่ละสำนักจะต้องส่งตัวแทนของตัวเองไปเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ในวังหลวง

 

และตอนนี้สำนักอู๋ซินก็กำลังส่งเรือเหาะมารับพวกเขา

 

“ข้าเข้าใจดีครับท่านอาจารย์ ข้าได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว” เฉินเฉินยิ้มและตอบสนองกลับด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

 

ในขณะที่มองสีหน้าและสายตาที่ลุกโชนของของเฉินเฉิน เซี่ยวอู่โยวก็เงียบไปพักใหญ่ๆก่อนที่พูดอย่างจริงจัง “ครั้งนี้ ผู้อาวุโสจ้าวอู่จะไปกับเจ้าด้วยเพื่อคุ้มครองเจ้า ข้าได้สรุปข้อควรระวังให้เจ้าแล้วในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ แต่ข้าก็ยังอยากเน้นย้ำจุดที่สำคัญอีกครั้งนึง! ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง การมีชีวิตรอดคือเป้าหมายสูงสุด ต่อให้เจ้าต้องสละของที่ยอดเยี่ยมไปก็ตาม เข้าใจใช่ไหม?”

 

“รับทราบครับ!” เฉินเฉินตอบอย่างหนักแน่นด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

“ดีมาก” เซี่ยวอู่โยวยิ้ม จากนั้นก็หันไปหาผู้อาวุโสจ้าวที่อยู่ข้างๆแล้วคำนับเขา

 

“ข้าขอฝากลูกศิษย์ของข้าคนนี้กับท่านด้วย”

 

เมื่อเห็นเจ้าสำนักคำนับ จ้าวอู่ก็รีบหลบออกอย่างรวดเร็วแล้วหัวเราะดังลั่น

 

“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้หรอกท่านเจ้าสำนัก ตราบใดที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กคนนี้”

 

แม้ว่าจ้าวอู่จะยิ้มอยู่ แต่เฉินเฉินก็เห็นความมุ่งมั่นที่แรงกล้าในดวงตาของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกตื้นตัน

 

ถ้าเขาถูกขอให้ทำเรื่องที่อันตรายแบบนี้ในตอนแรกที่เข้าร่วมสำนักเทียนหยุน เขาคงจะเก็บกระเป๋าหนีไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้สึกหวงแหนสำนักเทียนหยุน ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปที่เมืองหลวงในครั้งนี้

 

“คณะของสำนักอู๋ซินมาถึงแล้ว! ทุกคนจากสำนักเทียนหยุน จงรีบออกมาให้การต้อนรับ!”

 

ณ ตอนนี้ เสียงที่ทั้งดังและดูยิ่งใหญ่ได้กระจายไปทั่วยอดเขาต่างๆของสำนักเทียนหยุน

 

เฉินเฉินมองไปแล้วเห็นเรือสีดำขนาดใหญ่ ที่มีความยาวประมาณ 300 เมตร กำลังลอยอย่างสงบอยู่เหนือประตูภูเขาของสำนักเทียนหยุน และกำลังปล่อยพลังปราณมหาศาลที่ปกคลุมครึ่งนึงภูเขาเทียนหยุนออกมา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด