ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – Chapter 80: ใครก็ตามที่รับใช้ข้าจะเติบโต ส่วนคนที่ไม่ยอมจะรับใช้ข้าจะต้องตาย!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything ตอนที่ 80 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“เย่หวู่เชิง ร่างวิญญาณพยัคฆ์สวรรค์ขาวที่อยู่ในขั้นสร้างรากฐานและได้บ่มเพาะวิชาต่อสู้พยัคฆ์สวรรค์ขาว ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนของสำนักอสูรถูกสังหารโดยเขา เมื่อสองปีก่อน เขาได้สังหารนายน้อยของหน่วยที่สามของสำนักอสูรในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในรุ่นเยาว์”

 

เฉินเฉินมองไปที่ชายสวมชุดเกราะและนึกถึงข้อมูลที่อาจารย์บอกเขามาก่อนหน้านี้

 

ความแตกต่างระหว่างผู้สืบทอดมันยิ่งใหญ่มาก บางคนเป็นแค่ตัวแทนของผู้สืบทอดที่แท้จริงเท่านั้น

 

ผู้สืบทอดเหล่านี้แข็งแกร่งมากเพียงใดกันนะ?

 

เย่หวู่เชิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของสำนักพยัคฆ์ขาว ตั้งแต่ที่เขาฝึกต้นตั้งแต่ช่วงแรก ไม่ต้องพูดเลยว่าเขายังคงเป็นพวกที่ชอบการต่อสู้และผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเขายังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายเต็มไปหมดด้วย

 

ด้วยเหตุผลนี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่ต้วนปิงจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก

 

 

เย่หวู่เชิงสวมชุดเกราะเต็มตัวและเดินตามลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นไป เพียงเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่พักที่สำนักอู๋ซิ่นจัดไว้ให้

 

เมื่อเห็นป้ายของห้องรับแขกแล้ว ชายแก่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่หวู่เชิงก็บินมาด้วยความโกรธเคือง

 

 

“ห้องรับแขกปฐพี? เจ้าหมายความว่ายังไง?”

 

ลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เมื่อคนที่ทรงพลังที่อยู่ในระดับแก่นทองคำจ้องมาที่เขาอย่างแค้นเคือง เขาพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ห้องสวรรค์ถูกยึดครองโดยคนจากสำนักเทียนหยุนครับ ศิษย์พี่ฮานและศิษย์พี่ต้วนต่างคิดว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนคือผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดในการไปครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะอยู่ในห้องสวรรค์”

 

เพียงไม่นานที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา คนสี่คนจากสำนักพยัคฆ์สขาวต่างหันมามองเขาพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้ซ่อนความเย็นชาในดวงตาของพวกเขาเอาไว้เลยสักนิด

 

หนึ่งในลูกศิษย์ที่ร่วมมือด้วยพูดออกมาพูดตรงๆ “น่าขำขันเสียจริง ศิษย์พี่เย่ถูกนับว่าเป็นผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในสำนักเหนือทั้งแปด เจ้าต้องการที่จะก่อปัญหาหรืออย่างไรกัน!?”

 

ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “ใช่และถ้ามอบห้องสวรรค์ไปให้กับสำนักเทียนหยุนแล้ว พวกเขากล้าที่จะอยู่ที่นั่นด้วยหรือ?”

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้แล้ว ลูกศิษย์ของสำนักอู๋ซิ่นยังยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจและตอบกลับ “พวกเขาเป็นคนมีความสามารถ พวกเขาจะไม่กล้าได้ยังไงกัน?”

 

“เจ้า!”

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ต้วนปิงที่ถูกทำร้ายจนหน้าบวมเป่งก็ตื่นเต้นและตะโกนออกมา!

 

‘สู้! สู้เลย!’

 

ยังไงก็ตาม มันไม่ได้เป็นตามที่เขาวางแผนไว้และเมื่อลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยกันอีกสองคนกำลังจะไปตั้งคำถามกับเฉินเฉิน เย่หวู่เชิงที่อยู่เงียบพูดขึ้น

 

“เข้ามาสิ”

 

หลังจากพูดออกมาอย่างเย็นชาแล้ว เย่หวู่เชิงจ้องไปที่เฉินเฉินอย่างเยือกเย็นและหันหลังกลับเดินเข้าไปที่ห้องปฐพี

 

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว อีกสามคนที่เหลือ แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสแก่นทองคำก็เดินตามหลังเขาอย่างเงียงบงัน

 

“โอ้ พระเจ้า! เขาทำให้ฉันกลัวมาก…”

 

หลังจากรอเย่หวู่เชิงเดินจากไป โยวหลานซินเอามือกุมหน้าอกด้วยความหวาดกลัว

 

หลังจากที่เธอทำมันแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอสูญเสียความใจเย็นลงไปและทำท่าทางใจเย็นอีกครั้งหนึ่ง

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ขอบตาของเฉินเฉินกระตุก

 

เขารู้ว่าเธอน่าจะแกล้งทำตัวใจเย็นอยู่ตลอดเวลา เธอเองเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่เธอรู้ว่าเธอขี้อายมากขนาดไหน

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าของเฉินเฉินเย็นชาขึ้น ในขณะที่สายตาของเขาดูลึกล้ำมากขึ้น โชคดีที่เขาเป็นคนเย็นชาและดูนิ่งเฉยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องแสร้งทำอะไรทั้งนั้น

 

 

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินไม่ได้มีท่าทีแตกต่างไปจากปกติ โยวหลานซินพูดออกมาอย่างประหลาดใจ “ศิษย์พี่เฉิน เย่หวู่เชิงพึ่งจะจ้องไปที่พี่ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมแบบนั้น…พี่ไม่กลัวเหรอ?”

 

“โอ? งั้นเหรอ? แย่จริง ข้าไม่กลัวคนรุ่นเยาว์คนไหนในรัฐจินเนี่ยสิ”

 

เฉินเฉินพูดออกมาอย่างเยือกเย็นพร้อมกับสายฟ้าที่สว่างวาบในดวงตาของเขา

 

มันเป็นสายฟ้าที่เป็นสีน้ำเงินอย่างแท้จริง โยวหลานซิงเชิงเปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง ไม่สามารถที่จะทำใบหน้าใจเย็นต่อไปได้

 

“ขอโทษด้วยนะ พลังในร่างกายของข้ามันมากเกินกว่าที่จะเก็บกักไว้ได้ ข้าจึงปล่อยออกมาบ้างเป็นครั้งเป็นคราว”

 

หลังจากพูดออกมาอย่างใจเย็นแล้ว เฉินเฉินไม่เลือกที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับโยวหลานซิงอีก เขาเดินกลับเข้าไปในห้องสวรรค์ พร้อมกับสายตาของโยวหลานซินที่จ้องไปที่แผ่นหลังอันลึกลับของเขา

 

วิธีที่เขาเดินนั้นเหมือนกันกับวิธีที่เย่หวู่เชิงเดิน

 

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน..

 

ภายในพระราชวังของเมืองหลวงในรัฐจิน มีชายแก่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์และชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังก์ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย

 

ชายแก่พูดขึ้น “ฉงเย่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามสิบห้าสำนักกำลังจะมายังที่นี่ การเตรียมการในเมืองหลวงเกือบจะเสร็จแล้วด้วยเช่นกัน”

 

“พวกมันก็เป็นแค่บ้านนอกเท่านั้นแหละครับ อาจารย์ ท่านได้ทำให้คำว่าผู้เชี่ยวชายแปดเปื้อนโดยการเรียกพวกเขาแบบนั้น”

 

ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกโดยที่ไม่มีความดูถูกปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาแค่พูดออกมาอย่างใจเย็นเหมือนกับว่าเขากำลังพูดความจริงออกมาเฉยๆ

 

“พวกเขาบางคนไม่ได้แย่เลยสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินจินจากสำนักมังกรมรกตและเย่หวู่เชิงจากสำนักพยัคฒ์ขาว ทั้งสองคนต่างมีความแข็งแกร่งระดับที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานเกือบสมบูรณ์แบบแล้ว ครั้งนี้ พวกเขาต่างมาต่อสู้กันเพื่อแย่งลำดับในสำนักทั้งสามสิบหก ในยามที่เจ้ากำลังจะขึ้นครองราชย์บัลลังก์ พวกเขาอาจจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้ก็ได้

 

ผู้อาวุโสพูดออกมาพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกาย

 

อันดับสามสิบหกสำนักถูกตั้งไว้เมื่อสามสิบหกปีก่อน ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องรราวขึ้นหลายต่อหลายอย่างและสำนักบางสำนักก็ล่มสลายไป ในขณะที่บางสำนักก็ทะยานขึ้น

 

อันดับก่อนหน้านี้มันไม่ได้แม่นยำเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว

 

แน่นอนว่าสำนักอู๋ซิ่นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับอันดับเลยสักนิด

 

การต่อสู้แย่งชิงอันดับมันก็แค่ข้ออ้างแค่นั้น

 

การต่อสู้แย่งชิงอันดับนั้นเปิดให้กับสำนักทุกสำนักในรัฐจิน ไม่ใช่เพียงแค่สำนักทั้ง 36 สำนักเท่านั้น

 

สำนักอู๋ซิ่นได้สนับสนุนสำนักหลายสำนัก ก่อนที่การต่อสู้แย่งชิงอันดับจะเกิดขึ้น สำนักหลายสำนักเลือกที่จะกำจัดคนที่ต่อต้านสำนักอู๋ซิ่นแล้ว

 

เมื่อเวลามาถึง พวกเขาจะบังคับให้สำนักเหล่านั้นมอบภูเขาที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณมา เพื่อความยุติธรรมต่ออันดับของพวกเขา

 

สำนักที่อ่อนแอสำนักอื่นก็จะเลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งสำนักอู๋ซิ่น หลังจากที่มองเหตุการณ์จากทางด้านข้าง

 

มันเป็นวิธีที่อ่อนโยนที่สุดที่สำนักอู๋ซิ่นจะรวมสำนักทั้งสามสิบหกสำนักเข้าด้วยกัน

 

มันเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

 

ความรุนแรงและความเหี้ยมโหดอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เมื่อสำนักอสูรอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้

 

“ไม่ต้องกังวลไป อาจารย์ ถ้าสำนักมังกรมรกตและสำนักพยัคฆ์ขาวปฏิเสธที่จะรวมตัวกัน ข้าจะทำร้ายหลินจินและเย่หวู่เชิงให้บาดเจ็บ ก่อนที่จะท้าทายสำนักอื่น แผนนี้มันจะไม่มีข้อบกพร่องอีกต่อไป”

 

ในเวลาเดียวกัน ปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าที่เรียบนิ่งของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าเขาแล้ว ชายแก่รู้สึกโล่งอกและอบอุ่นหัวใจมาก

 

หลังจากผ่านไปนับพันปี คนที่เหมาะสมที่จะฝึกวิชาวิชาเต๋าหวังฉิงระดับสุดยอดก็ได้ปรากฏขึ้นในราชวงศ์ มันทำให้กองกำลังของสำนักอู๋ซิ่นไม่มีทางที่จะล่มสลายได้

 

โดยไม่มีการขัดแย้งจากราชวงศ์แล้ว มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักอู๋ซิ่นที่จะรวมสำนักทั้งสามสิบหกเข้าด้วยกัน

 

ในตอนนี้ พวกเขาขาดปัจจัยเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น

 

เมื่อมันสำเร็จ รัฐจินก็จะหลอมรวมกันอย่างถูกต้องเหมือนกับรัฐโจว ในขณะที่เจ้าสำนักของสำนักอู๋ซิ่นก็จะกลายเป็นองค์ราชา

 

สำนักอู๋ซิ่นก็จะกลายเป็นเจ้ารัฐจิน

 

“เจ้าจะต้องต่อสู้ ในช่วงการต่อสู้แย่งชิงอันดับ เจ้าต้องแสดงให้ถึงพละกำลังที่หยั่งไม่ถึง เพื่อที่จะทำให้พวกสำนักที่อ่อนแอเหล่านั้นหวั่นไหว เมื่อถึงจุดนี้แล้ว พวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับการแย่งชิงอันดับเลยด้วยซ้ำและพวกเราได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้ว เจ้าจะต้องลงแรงไปทั้งหมดด้วยละ”

 

ชายแก่ยิ้มออกมา

 

เมื่อเห็นอาจารย์ที่ฝึกวิชาเต๋าหวังฉิงขั้นสูงสุดหัวเราะ ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเหม่อเพียงเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะดุดัน

 

“ไม่ต้องกังวลไปครับ อาจารย์ ใครก็ตามที่รับใช้ข้าจะเติบโต ส่วนคนที่ไม่ยอมจะรับใช้ข้าจะต้องตาย! สำนักอู๋ซิ่นของพวกเราจะต้องรวมสำนักทั้ง 36 สำนักให้จงได้!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด