Advent of the Archmage – Chapter 31: เวทย์เลเวล 0 บทแรก (2)

อ่านนิยายจีนเรื่อง Advent of the Archmage ตอนที่ 31 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ลิงค์ ไม่เคยคิดเลยว่าสำหรับคนที่เป็นนักเรียนที่ต่ำต้อยอย่างเขา จะสามารถนั่งเงียบๆและเพ่งสมาธิทั้งหมดของเขาไปกับการอ่านหนังสือเวทย์มนตร์ได้จริงๆ ในความเป็นจริง, เขาจดจ่ออยู่กับการอ่านแทบจะทั้งวันได้เลยด้วยซ้ำ

 

ตอนที่เขาเริ่มอ่าน, เขาต้องบังคับตัวเองให้มีสมาธิ มันเป็นเรื่องที่ทรมานแทบตาย ในตอนแรก— เปลือกตาของเขาหนักมากจากสูตรมานาที่มี่จำนวนนับไม่ถ้วนและทะเลแห่งอักษรเวทย์มนตร์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน

 

แต่สมาธิของเขาก็ค่อยๆจมดิ่งเข้าไปในหัวเรื่องของหนังสือ, เขาค่อยๆสนใจเนื้อหาที่อยู่ข้างในมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ, และในท้ายที่สุด, เขาก็ตกเป็นทาสของมันอย่างสมบูรณ์

 

ประสบการณ์ในการอ่านหนังสือเวทย์มนตร์ในตอนนี้แตกต่างจากประสบการณ์ที่เขาได้รับเมื่อคืนก่อน ขณะที่กำลังอ่านทฤษฎีความแปรปรวนของมานาในห้องของ เซลีน โดยสิ้นเชิง เมื่อวาน, เขาแค่เปิดอ่านผ่านๆ; เขาไม่ได้ใส่ความสนใจลงไปทั้งหมด, และเขาก็ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะหาความรู้ แต่ครั้งนี้, ลิงค์ ใส่ความพยายามทั้งหมดของเขาลงไปในหนังสือด้วย

 

เขาเปิดอ่านแต่ละหน้าอย่างช้าๆ, บางครั้งเขาถึงขนาดหยุดระหว่างหน้าเพื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งอ่านไปอย่างระมัดระวัง

 

ตามที่หนังสือเขียนไว้, เวทย์มนตร์แบ่งออกเป็น 6 ประเภท: เวทย์มนตร์ธาตุ, เวทย์มนตร์ลึกลับ, เวทย์มนตร์ปลุกวิญญาณ, เวทย์มนตร์อัญเชิญ, เวทย์มนตร์ลุ่มหลง, และเวทย์มนตร์ปรุงยา

 

สำหรับเวทย์มนตร์เลเวล 3 และต่ำลงมา, ความแตกต่างระหว่างความหลากหลายของชนิดเวทย์มนตร์พวกนี้ไม่ได้สำคัญนัก นักเวทย์สามารถพัฒนาสกิลของพวกเขาในเวทย์มนตร์ทุกประเภทได้ แต่เมื่อนักเวทย์มาถึงเลเวล 3 และเหนือขึ้นไป, พวกเขาจำเป็นต้องระบุและตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นไปที่เวทย์มนตร์ชนิดไหน

 

โดยปกตินักเวทย์สามารถพัฒนาและเพิ่มความก้าวหน้าในทักษะสกิลของพวกเขาได้แค่เวทย์มนตร์ชนิดเดียวเท่านั้น ในการที่จะเชี่ยวชาญเวทย์มนตร์มากกว่าหนึ่งชนิดหลังจากเลเวล 4 นั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้, แล้ะเป็นเรื่องที่หายากมากๆที่จะมีข้อยกเว้น

 

หนังสือโครงสร้างของเวทย์มนตร์พื้นฐาน, ได้ระบุ บอลเพลิง กับ หนามพสุธา ไว้ในฐานะตัวอย่างของเวทย์ธาตุ, และ ระบุหายตัวระดับต้น ไว้ในฐานะของเวทย์มนตร์ปลุกวิญญาณ ส่วนเวทย์มนตร์ลึกลับและเวทย์มนตร์อัญเชิญนั้นไม่ได้มีตัวอย่างเขียนเอาไว้เพราะเวทย์มนตร์ทั้งสองสาขานี้เป็นหัวข้อที่คลุมเครือมากๆ และเป็นเรื่องหายากมากๆที่จะมีคนที่เรียนเวทย์เหล่านี้ผ่านตำราเรียนเพียงอย่างเดียว วิธีเดียวที่จะเรียนรู้พวกมันก็คือการเรียนกับผู้สอนโดยตรง

 

ขณะที่เขาอ่านเรื่องโครงสร้างเวทย์มนตร์ของบอลเพลิงจบ, ลิงค์ ก็เอาคทานิวมูนของเขาออกมาและพยายามที่จะร่ายเวทย์

 

กระบวนการร่ายเวทย์นั้นประกอบด้วยสามขั้นตอน: ขั้นแรกรวบรวมมานา, ขั้นที่สองสร้างโครงสร้างของเวทย์มนตร์, และขั้นที่สามปล่อยเวทย์มนตร์ออกมา

 

ช่วงที่สำคัญที่สุดคือช่วงสร้างโครงสร้างของเวทย์มนตร์ กระบวนการร่ายเวทย์มนตร์จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้

 

ลิงค์ เพ่งสมาธิทั้งหมดของเขาและทำตามแต่ละจุดที่แนะนำไว้ในหนังสือ สองวินาทีต่อมา, ปลายคทานิวมูนก็มีแสงขึ้นมา, และจุดเล็กๆของแสงก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศที่เบาบางไกล้ๆกลับปลายคทา

 

นี่คือต้นแบบของเวทย์บอลเพลิง

 

จุดแสงมีขนาดประมาณเท่ากับเมล็ดข้าว, มันคงอยู่ได้ประมาณหนึ่งวินาที, แล้วก็หายไปในอากาศที่เบาบางด้วยเสียง ฟู่ว

 

ถ้าการสร้างโครงสร้างเวทย์มนตร์ล้มเหลว, การร่ายเวทย์มนตร์ก็จะสิ้นสุดลงในทันที

 

นี่จึงอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร

 

ลิงค์ เม้มริมฝีปากของเขา เขาตระหนักได้ว่าวิธีการเรียนรู้แบบนี้แตกต่างจากวิธีการที่เขาเรียนรู้เวทย์มนตร์ที่เขาได้รับด้วยค่าโอมนิพ้อยท์ของเขาโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้, มานาได้กลายเป็นเด็กที่ซุกซนและคึกคะนอง ตอนที่เขาต้องการให้มันไปทางซ้าย, มันก็จะไปทางขวา ตอนที่เขาต้องการให้มันเสถียร, มันก็จะปั่นป่วน มันแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษามันให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

 

ลิงค์ พยายามอีกครั้ง

 

สามวินาทีถัดมา, มีเสียง ฟู่ว, และแสงขนาดเท่าก้อนกรวดขึ้นมาอีกครั้ง และอีกครั้งที่มันปรากฏขึ้นมาจากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว— มันคืออีกหนึ่งความพยายามที่ล้มเหลวในการร่ายบอลเพลิง

 

ลิงค์ รู้สึกว่าอากาศที่ร้อนแรงได้มากระทบบนหน้าของเขา เขาโชคดีที่เขาแค่ทดสอบเวทย์มนตร์เลเวล 0 หากมันเป็นเวทย์มนตร์เลเวล 4, ระเบิดเพลิง, และเขาทำเละในระหว่างกระบวนการร่ายเวทย์, เขาคงจะถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแล้ว

 

เวทย์มนตร์ ถูกพิจารณาให้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันก็เป็นดาบสองคม นักเวทย์ยิ่งแข่งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นในตอนที่พวกเขาร่ายเวทย์ คำพูดนี้กล่าวโดยจอมเวทย์ผู้มีชื่อเสียง, ผู้ที่ ลิงค์ ในตอนนี้เห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง

 

ถ้าคนไม่สามารถทนความล้มเหลวของเวทย์มนตร์เลเวล 4 ได้, ถ้างั้นเวทย์มนตร์ระดับตำนานก็อาจจะถึงขั้นฆ่าพวกเขาได้

 

ในความเป็นจริง, นักเวทย์ที่ปราถนาจะเรียนเวทย์มนตร์ระดับสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือต่างๆมาช่วยพวกเขา สิ่งสำคัญที่สุดในบรรดาเครื่องมือเหล่านี้คือหอคอยนักเวทย์ที่ทำงานได้เต็มรูปแบบ

 

หอคอยนักเวทย์สามารถช่วยนักเวทย์ได้ด้วยการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่ที่อยู่รอบๆหอคอย, และอุปกรณ์ที่อยู่ข้างในหอคอยเองก็ใช้เพื่อปกป้องพวกเขาขณะที่พวกเขาทดลองเวทย์มนตร์ใหม่ๆ

 

อย่างไรก็ตาม, ข้อเสียของอาคารพวกนี้คือค่าใช้จ่ายในการสร้างพวกมัน หอคอยนักเวทย์ธรรมดาก็ต้องการวัตถุดิบเวทย์มนตร์และวัตถุดิบต้านทานเวทย์มนตร์จำนวนมหาศาลแล้ว, ซึ่งค่าใช้จ่ายในการสร้างนั้นมีราคาประมาณ 10,000 เหรียญทอง – ซึ่งเป็นราคาที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

 

ความแข็งแกร่งมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเสมอ

 

เวทย์มนตร์นั้นเป็นเหมือนกับงานอดิเรกที่มีราคาแพงที่สามารถผลาญเงินได้อย่างรวดเร็วจนคนธรรมดาไม่สามารถเชื่อได้!

 

แน่นอนว่า, ลิงค์ ยังไม่คิดถึงหอคอยนักเวทย์ในตอนนี้ บอลเพลิงไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเวทย์มนตร์เลเวล 0, เขาสามารถทดลองมันอย่างกล้าหาญได้โดยไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของเขา

 

ครั้งที่สาม, ครั้งที่สี่, และครั้งที่ห้า ในการร่ายเวทย์มนตร์ทั้งหมดนั้นล้มเหลว จากนั้นพอถึงความพยายามครั้งที่หก, หลังจากผ่านไปประมาณห้าวินาที, ลูกแก้วสีขาวขนาดเท่าหินอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาที่ปลายคทาในที่สุด

 

ลิงค์ ในตอนนี้ได้ตรวจสอบและซึมซับประสบกาณ์ในกระบวนการทั้งหมดของวิธีการร่ายเวทย์โดยตรง โดยเริ่มจากศูนย์

 

มานาไหลเข้ามา, และโครงสร้างของเวทย์มนตร์ก็ถูกสร้าง, จากนั้นธาตุไฟถูกดึงดูดเข้ามา, ก่อให้เกิดโครงสร้างที่มั่นคง ช่างเป็นกระบวนการที่งดงามจริงๆ

 

เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของอากาศจากบอลเพลิงเล็กๆที่อยู่เบื้องหน้าเขาแล้วหัวใจของ ลิงค์ ก็ถูกเติมเต็มด้วยความภาคภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆของเขา

 

บอลเพลิง เป็นเวทย์มนตร์แรกสุดที่เขาได้เรียนรู้อย่างแท้จริง

 

แต่แล้ว ลิงค์ ก็หัวเราะเยาะตัวเอง นี่เป็นแค่เวทย์มนตร์เลเวล 0, และฉันยังต้องใช้เวลาถึงห้าวินาทีในการร่ายมัน แถม, บอลเพลิงของฉันก็เป็นได้แค่แสงจากไม่ขีดไฟดีๆเท่านั้นเอง

 

ภายในเกมส์, เขาสามารถปล่อยเวทย์มนตร์เลเวล 0 ได้ในเวลาแค่ 0.1 วินาที ซึ่งต้องให้ได้ความเร็วขนาดนั้นเท่านั้นถึงจะสามารถเอาพวกมันไปใช้ได้ในการต่อสู้

 

อย่างไรก็ตาม, ลิงค์ มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะเก่งขึ้นได้ในที่สุดด้วยการฝึกฝนที่มากขึ้น

 

แถม ลิงค์ เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะกังวลว่าเขาจะใช้มานาในร่างกายของเขาทั้งหมดไปขณะที่กำลังฝึกฝน เพราะเขาจะทำให้มั่นใจว่ามานาที่ใช้ไปในการร่ายเวทย์นั้นจะถูกดูดซึมกลับมา, แล้วตอนที่บอลเพลิงค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ, พลังงานที่เสียไปก็กลับเข้ามาในร่างกายของ ลิงค์

 

จากนั้น, ลิงค์ ก็ปล่อยให้มานาไหลเพิ่มเข้าไปในคทา, แล้วสร้างโครงสร้างเวทย์มนตร์ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้, หลังจากที่เวลาผ่านไปสี่วินาที, บอลเพลิงก็ถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

 

ลิงค์ เริ่มที่จะเข้าใจมัน, และเขาก็ฝึกฝนต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนซ้ำแล้วซ้ำแล้ว

 

เขาจมอยู่กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่จนเขาไม่ทันรู้ตัวถึงการไหลเวียนของเวลา

 

เขาร่ายเวทย์มนตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า, โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าการร่ายเวทย์โดยใช้ความพยายามของเขากับการร่ายเวทย์ที่ได้รับมาจากโอมนิพ้อยท์นั้นได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจนแยกไม่ออก

 

ซู่วววว บอลเพลิงที่มั่นคงปรากฏขึ้นมาที่ปลายคทาของเขา, แล้วก็— ฟู่ว, บอลเพลิงได้หายไป, และมานาก็ถูกดูดซึมกลับเข้ามา เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างวดเร็วเหมือนกับการเปิด/ปิดไฟ

 

โดยไม่ทันได้รู้สึกตัว, การร่ายเวทย์ของ ลิงค์ ก็มีความเร็วไม่ถึง 0.1 วินาที ลิงค์ รู้สึกว่าในเวลาแค่ 1 วินาทีเขาสามารถปล่อยบอลเพลิงได้อย่างน้อย 20 ลูก

 

เขาอยู่ในสภาพที่ผิดธรรมดาแล้วในตอนนี้, เขายังคงได้รับความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากระบบเกมส์, แต่เขาเองก็สามารถรู้สึกและเข้าใจในแต่ละกระบวนการของการร่ายเวทย์ได้ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของเวทย์มนตร์ด้วย

 

“นายเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์ของฉันหรอ?” ลิงค์ ถามระบบเกมส์ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ถ้ามันเป็นแค่ความพยายามของเขาคนเดียว

 

ระบบเกมส์ตอบกลับ

 

ใช่แล้ว การฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมาในทีเดียวนั้นจะผลาญพลังงานของผู้เล่นเพียงเท่านั้น, และไม่ได้ช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจถึงเวทย์มนตร์เลย แต่เมื่อผู้เล่นมีความเข้าใจถึงพื้นฐานของเวทย์มนตร์, ระบบจะทำการเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์ของผู้เล่นเพื่อเพิ่มความเร็วในการร่ายเวทย์โดยรวม

 

“แล้วฉันสามารถร่ายเวทย์เลเวล 0 ได้เร็วที่สุดเท่าไหร่?”

 

0.0512 วินาที นั่นคือขีดจำกัดของเวทย์มนตร์ธาตุไฟ คุณไม่สามารถเร็วไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

เวลาในการร่ายเวทย์สำหรับเวทย์ธาตุแบ่งเป็นสองส่วน: ส่วนแรก, คือเวลาในการสร้างโครงสร้างมานา ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วจิตของนักเวทย์, ซึ่งแน่นอนว่าสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน ส่วนที่สอง, คือเวลาที่ธาตุจะรวบรวมและจัดการองค์ประกอบให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม ความเร็วส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของธาตุในบริเวณโดยรอบ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่หิมะของทางเหนือกับพื้นที่ทะเลทรายของทางใต้, พื้นที่อย่างหลังจะรวบรวมธาตุไฟได้เร็วกว่าเดิมสิบเท่า

 

ภายในห้องที่ ลิงค์ อาศัยอยู่, ธาตุไฟต้องใช้เวลา 0.05 วินาทีในการรวบรวม, และนี่เป็นเวลาที่เร็วที่สุดสำหรับเวทย์นี้

 

โอ้, งั้นก็หมายความว่าฉันเร็วมากแล้วสินะ 0.0512 วินาที, นั่นเร็วพอๆกับสายฟ้าเลยนะเนี่ย ลิงค์ พอใจกับระดับของความคืบหน้านี้

 

ครั้งต่อไปที่เขาจะฝึกบอลเพลิง, เขาจะไม่ทุ่มสมาธิมากเกินไปในการควบคุมเสถียรภาพของโครงสร้างเวทย์มนตร์, แต่เขาจะเอาความพยายามของเขาไปใส่ในกระบวนการดึงดูดธาตุไฟแทน

 

หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที, ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในหัวของ ลิงค์ มีข้อบกพร่องในโครงสร้างของเวทย์มนตร์นี้

 

เมื่อเขาได้ฝึกฝนและได้ซึมซับประสบการณ์มาบ้าง, ลิงค์ ในตอนนี้ก็เริ่มตั้งคำถาม ตอนนี้เขาเข้าใจกระบวนการร่ายเวทย์ทั้งหมด, และเขาก็สามารถสังเกตุเห็นข้อบกพร่องบางอย่างในโครงสร้างของเวทย์มนตร์บอลเพลิงได้

 

ลิงค์ ให้ความสนใจอย่างทั่วถึงในโครงสร้างของเวทย์มนตร์และทำการค้นหาต่อไป

 

กระบวนการของเวทย์นี้ในการดึงดูดธาตุไฟเข้ามาจากรอบๆมันยังไม่สมบูรณ์, และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แต่มันก็มีความเสถียรมาก, และเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการพัฒนา แต่วิธีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการในเวทย์มนตร์ของฉัน, บางทีฉันอาจจะสามารถปรับแต่งและพัฒนามันได้นะ

 

ลิงค์ เป็นคนที่ทำจริง; เมื่อเขามีความคิดผุดขึ้นมาเขาก็จะทำมันในทันที

 

แต่ในขณะนั้น, ก็มีคนมาเคาะที่หน้าประตู, เอเลียร์ด เรียกเขา “ลิงค์, ตอนนี้ถึงเวลาไปแล้วนะครับ”

 

ลิงค์ หันไปมองนอกหน้าต่าง เพียงแค่นั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว

 

“แปบนะ, เดี๋ยวฉันออกไป” ลิงค์ ตอบกลับไปอย่างรีบร้อน

 

พอเก็บไม้คทาของเขา, เขาก็รีบล้างหน้าของเขาและพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูสดชื่นขึ้น แต่จากสิ่งที่เขาเห็นในกระจก, ไม่ว่าเขาจะมองดูตัวเองยังไง, เขาก็ดูเหมือนแค่คนธรรมดาๆ โรคป่วยมานาส่งผลกระทบกับเขาอย่างแน่นอน

 

เขาเปิดประตูมาเห็น เอเลียร์ด แล้วนั่นก็ทำให้ตอนนี้ ลิงค์ รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

 

หลังจากได้พักผ่อนยามค่ำคืนอย่างเต็มที่, เอเลียร์ด ก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ ตอนนี้ทั้งตัวของเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น, ราวกับว่าตัวเขากำลังเปล่งประกายอยู่ คู่ดวงตาสีเขียวอ่อนของเขามีความชัดเจน, และดูมีความหมายราวกับว่าพวกมันส่องแสงในตัวเอง ใครก็ตามที่เห็นเขาจะรู้ได้ว่าเขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

 

ในบรรดาเวทย์มนตร์, มีเวทย์มนตร์ที่เรียกว่าตรวจจับออร่า, ที่สามารถใช้วัดออร่าที่แผ่ออกมาจากเป้าหมายได้

 

ลิงค์ ยังไม่ได้เรียนมัน, แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าให้คนมาตรวจสอบ เอเลียร์ด โดยใช้เวทย์นี้, พวกเขาจะพบว่าเขากำลังเปล่งประกายด้วยพลังมานาที่สดใส

 

อา, คุณจะสามารถพูดอะไรได้บ้างตอนที่เขาเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดอันดับหนึ่งและผู้ชายที่หล่อที่สุดอันดับหนึ่งในเกมส์ เขาช่างมีหน้าตาที่มีเสน่ห์จนไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบได้จริงๆ! ลิงค์ อดที่จะคร่ำครวญไม่ได้

 

หลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเช้าที่ห้องโถงเสร็จ, พวกเขาก็ออกเดินทาง

 

สถาบันอีสโควฟอยู่ห่างไป 30 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองรีเวอร์โควฟ, ในพื้นที่โคเว่น มันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก พวกเขาต้องเดินประมาณสองชั่วโมง, จากนั้นทางเข้าอ่าวก็จะอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาแล้ว

 

ที่ทางเข้าเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่, และในนั้นก็มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนเอาไว้อยู่, มันคือชื่อของสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟ มีตราโรงเรียนประดับไว้อยู่ด้านบน, โดยที่หัวของสิงโตอยู่ตรงกลาง, และมีคทาไขว้กันอยู่ข้างใต้มัน, ซึ่งมันหมายถึงเวทย์มนตร์ที่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรนอร์ตัน

 

ข้างๆแผ่นหินคืออาคารไม้สองชั้นขนาดเล็ก, และด้านหน้าอาคารก็เป็นลานที่มีชายแก่ผมขาวสวมผ้าคลุมนักเวทย์สีน้ำเงินเทากำลังนั่งอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ยาว

 

พอ ลิงค์ หันไปทางชายแก่คนนั้น, การแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมา

 

วินเซนท์

นักเวทย์ปกติ เลเวล 2

สถานะ: ค่าออร่าคงที่

ตำแหน่ง: ผู้รับนักเรียนเข้าสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟและผู้ทดสอบคุณสมบัติ

 

ในตอนที่ วินเซนท์ เห็น ลิงค์ กับ เอเลียร์ด, เขาก็กวาดสายตามาที่พวกเขาแล้วถาม, “พวกเธอทั้งคู่พยายามที่จะเข้าสถาบันหรอ?”

 

“ครับ?” ทั้งคู่ตอบกลับไปด้วยความเคารพ

 

วินเซนท์ ยกคทาในมือของเขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ เอเลียร์ด, แล้วพยักหน้า “เธอสามารถเข้าเรียนได้, ตราบเท่าที่เธอสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้”

 

จากนั้นเขาก็ชี้คทาไปที่ ลิงค์, แล้วส่ายหน้า “เธอ, มีต้นกำเนิดมานาน้อยเกินไป เว้นเสียแต่ว่า, เธอจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอมีความรู้และสายตาที่หลักแหลมในเรื่องเวทย์มนตร์ที่เพียงพอเธอถึงจะสามารถเข้าเรียนได้ แต่ถ้าไม่ก็กลับไปยังที่ที่เธอจากมาซะ”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด