Advent of the Archmage – Chapter 357: ช่วงเวลาก่อนศึกสุดท้ายส่วนที่ 2

อ่านนิยายจีนเรื่อง Advent of the Archmage ตอนที่ 357 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

Chapter 357: ช่วงเวลาก่อนศึกสุดท้ายส่วนที่ 2

 

หลังจากได้รับข่าวเรื่องการมาถึงของลิงค์ ดยุคอาเบลก็ลุกขึ้น และสูญเสียความเยือกเย็นไป ยังมีที่หนักยิ่งกว่า มีใครบางคนลุกขึ้นออกจากเก้าอี้และวิ่งออกไปจากห้อง

 

ทุกคนมองหน้ากัน และพูดไม่ออก คนที่วิ่งออกไปนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าหญิงไฮเอลฟมิลด้า เธอวิ่งเร็วมากจนร่างกายของเธอส่องแสงจางๆและหายไปนอกประตูในชั่วพริบตา

 

เธอนั้นได้ใช้เวทย์เร่งความเร็ว

 

ก่อนหน้านี้ทุกคนได้เห็นน้ําตาของมิลด้าแล้ว แต่นั่นเป็นตอนที่ทุกคนคิดว่าลิงค์ตายแล้ว พวกเขาทุกคนรู้ สึกหนักหน่วง แต่ไม่ได้คิดอะไรกับมันมาก ตอนนี้ลิงค์ไม่เป็นอะไรแล้ว และพวกเขาต่างก็โล่งใจ แต่ว่าปฏิกิริยาของมิลด้านั้นน่าทึ่งมาก พวกเขาจึงคิดมากขึ้นในเรื่องนี้

 

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มิลด้าได้เจอปัญหาที่เฟิร์ด และ มาสเตอร์ลิงค์ก็เป็นคนช่วยเธอเอาไว้ หลังจากนั้น มิลด้า ก็อาศัยอยู่ที่เฟิร์ดแทนที่จะกลับไปยังเกาะรุ่งอรุณเธอมีแม้ก ระทั่งบ้านของเธอในเฟิร์ดด้วย

 

เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ใครๆก็สามารถรู้ได้ถ้าพวกเขาถาม

 

ในฐานะนักเวทย์ เธอไม่ได้ควบคุมอารมณ์ของเธอและ ร้องไห้ในตอนที่ได้ยินข่าวเรื่องการตายของลิงค์ พอมา ถึงตอนนี้ เธอก็แสดงความรู้สึกออกมามากขนาดนี้หรือว่า ระหว่างพวกเขามีอะไรบางอย่าง?

 

ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายในเวลานี้

 

ริเอล ราชาคนแคระนั้นเป็นคนตรงอย่างมาก เขาทุบหมัดลงบนโต๊ะและหัวเราะออกมา “เจ้าหญิงตกหลุมรักท่าน นักเวทย์อย่างงั้นหรอ? ฮ่าๆ สุดยอดไปเลย!”

 

ผู้บัญชาการกองทัพเรือบินยับบ้าเองก็หัวเราะออกมา “ข้าพกันเลยว่ามันจะต้องเป็นบทกวีชิ้นเอกได้อย่างแน่ นอน”

 

ดยุคอาเบลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าลิงค์มีผู้หญิงอยู่ที่ แผ่นดินเฟิร์ดชื่อว่าเซลื่นหรืออะไรซักอย่าง ทั้งสองคนนั้น รักกันอย่างมาก ซึ่งปฏิกิริยาของเจ้าหญิงไฮเอลฟ์นั้นทําให้ งนี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก

 

ดยุคหัวเราะ “ฮ่าฮ่า นั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของมาสเตอร์ลิงค์ เลิกคุยเรื่องนี้แล้วมาต้อนรับเขากันเถอะ” 

 

ทุกคนลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องโถง

 

ตลอดทาง ยิ่งดยุคอาเบลคิดเกี่ยวกับมันเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกเท่านั้น ในตอนที่เขาเดินผ่านจุดตรวจแรก ใน ที่สุดเขาก็เข้าใจ “เรื่องเจ้าหญิงมิลด้าเป็นเรื่องส่วนตัวของลิ งค์” เขากระซิบกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างเขา “เรื่องนี้ห้าม ให้ใครพูดถึง พวกเราจะทําเป็นไม่รู้อะไรไม่เห็นอะไร ถ้า เกิดว่ามีทหารคนไหนนินทา ลงโทษพวกเขาด้วย! เข้าใจนะ?”

 

ในตอนท้ายดยุคอาเบลได้ทําดวงตาแข็งกร้าว และเม้มริมฝีปากของเขาจนมันดูบางลง สีหน้าของเขานั้นเข้มงวดมากๆ

 

“รับทราบครับ ท่านแม่ทัพ!” เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าทําไมแม่ทัพของเขาถึงเป็นแบบนี้แต่ว่าเขาก็เลือกที่จะเชื่อฟังอยู่ดี

 

อาเบลนั้นคิดถึงเบื้องหลังของการกระทําเหล่านี้อย่างลึก ซึ้งมาก

 

คนแคระกับยับบ้านั้นเป็นเผ่าพันธุ์อื่น ซึ่งคนนอกไม่ได้สน และกังวลกับดราม่านี้ ยังไงก็ตาม อาเบลนั้นรู้ว่าน้ําตาของ เจ้าหญิงมิลด้านั้นเป็นของจริงแต่การรีบพุ่งออกไปต้อนรับ เขาหลังจากที่รู้ว่าลิงค์ยังมีชีวิตอยู่มันดูโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย

 

เธอเป็นเจ้าหญิงของไฮเอลฟ์และทุกการกระทําของเธอก็มีความหมายมาก หลังจากที่อาศัยอยู่ด้วยกันในป้อมปราการในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ อาเบลก็รู้ว่ามิลด้านั้นรู้หน้า ที่ของตัวเองดีมาก เธออาจจะยังไม่เติบโตในฐานะนักการเมืองซักเท่าไหร่ แต่ว่าเธอก็ได้เติบโตในแบบของเธอเอง เธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลายๆคนซะอีก

 

แล้วเธอสูญเสียความเยือกเย็นของเธอง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?

 

ไบรอันเองก็มีความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงกับไฮเอลฟ์และยังตายในเกาะรุ่งอรุณด้วย.หม นี่ไฮเอลฟ์อยากได้อัจฉริยะชาวมนุษย์ทุกคนเลยรึไง? ช่างแผนสูงอะไรอย่างนี้! เมื่อคิดได้แบบนี้ หัวใจของอาเบลก็เย็นชาขึ้นมา

 

เขานั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อดยุคเหล็กและมีบุคลิกภาพที่แข็งแกร่ง ความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาตินั้นเป็นสิ่งสําคัญสําหรับเขาเสมอ ในความคิดเห็นของเขา ไฮเอลฟ์และ ดาร์กเอลฟ์ต่างก็เป็นคนต่างแดน พวกเขาอาจจะทํางาน ร่วมกันได้แต่จะต้องคอยระวังอยู่เสมอ!

 

แต่ก็แน่นอนว่า ถึงแม้เขาจะไม่สบายใจในเรื่องการกระทําของมิลด้า แต่เขาก็เป็นนักการเมือง และพวกเขาก็เป็นพันธมิตรกัน อาเบลรีบปรับอารมณ์ของเขาและฉีกยิ้มออกมา

 

ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์นั้นเพิ่งจะผ่านกําแพงแรกของป้อมแต่ทหารกลับมาออกันจนเต็มจัตุรัสแล้ว พวกเขานั้นต่างก็ มาเพื่อรอดูนักเวทย์ผู้โด่งดังอย่างใกล้ชิด

 

มีคนมารวมตัวกันเป็นจํานวนมาก โชคดีที่ทหารส่วนใหญ่ นั้นรักษากฎระเบียบและเชื่อฟังคําสั่งนายกอง จึงไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเลย

 

ในขณะที่เดินอยู่ อยู่ๆฝูงชนที่อยู่ด้านหน้าก็มีเสียงดังขึ้นมา พวกเขาต่างก็ตกตะลึงและร้องตะโกน

 

“เจ้าหญิงไฮเอลฟ์มาที่นี่!”

 

“โอ้พระเจ้า มีผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยงั้น หรอ?”

 

“เธอจะต้องเป็นร่างอวตารของดวงจันทร์แน่ๆ!”

 

เจ้าหญิงไฮเอลฟ์ได้มาอยู่ที่ป้อมโอริด้านานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ว่าในตอนที่เธอมาครั้งแรก เธอสวมผ้าคลุมหน้า เอาไว้อยู่ หลังจากนั้น เธอก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่หอคอยเวทมนตร์ ดังนั้นทหารธรรมดาส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสได้ เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ มีข่าวลือว่าเธอนั้นสวยมากแต่ก็ ไม่มีใครรู้ว่าเธอสวยยังไง

 

แต่ตอนนี้เธอได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนและไม่ได้ปกปิดใบหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

 

รูปร่างของเธอนั้นน่าทึ่งมากและยังดูค่อนข้างรุนแรงอีกด้วย เพียงแค่มองเธอก็สามารถทําให้บางคนแทบจะตาบอดจากความสวยของเธอและหยุดหายใจไปได้เลย

 

ความสวยงามระดับนี้แทบจะไม่เคยปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ชายเหล่านี้เลย ในป้อมปราการสงครามที่ซึ่งแม้แต่หมูตัวเมีย ยังถูกรุมจ้อง ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมมันถึงเกิดความวุ่นวายขึ้น

 

เมื่อเห็นฉากนี้ ลิงค์ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกว่าการกระทําของมิลด้านั้นไม่เหมาะสม

 

และในตอนนั้นเองมิลด้าก็ได้มาถึงตรงหน้าเขา

 

เธอสวมชุดเดรสงาช้างในรูปแบบของไฮเอลฟ์และตกแต่งด้วยรูนเวทมนตร์จํานวนมาก เธอนั้นสวมผ้าคลุมหมีหิมะอยู่ที่หลังของเธอและมีผ้าพันคอจิ้งจอกหิมะที่ไหล่ของเธอ ผมสีทองของเธอตกลงมาที่ไหล่ราวกับแสงอาทิตย์ และมีสัญลักษณ์สีเงินที่รูปร่างเหมือนเพลิงแต้มอยู่ที่หน้าผากของเธอในตอนที่เธอเดินมาออร่าความงดงามของเธอนั้นรุนแรงมากๆ

 

คนสวยที่ปรากฏตัวท่ามกลางทหารที่เต็มไปด้วยเหงื่อและเสื้อผ้าขาดๆ เมื่อเอามาเทียบกันแล้วมิลด้านั้นราวกับเทพธิดา

 

ดวงตาของลิงค์เองก็เป็นประกายเช่นกัน แต่ว่าเขารีบก้มลงและทําความเคารพในทันที “องค์หญิง”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ มิลด้าก็เดินเข้ามากอดเขาแน่น “ลิงค์!” เธอร้องไห้ด้วยความดีใจ “เจ้ายังมีชีวิตอยู่ นี่มันยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”

 

“โอ้ว!” ทหารที่อยู่รอบๆเริ่มที่จะส่งเสียงเชียร์และพูดแซวนี่มันตํานานชัดๆ

 

โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก มีใครบางคนพูดขึ้นมา “มาสเตอร์ จูบเธอเลย!”

 

“แต่งงานกับเจ้าหญิงไฮเอลฟ์เลย!”

 

“มาสเตอร์ เจ้าหญิงชอบท่านนะ!”

 

ลิงค์นั้นตกใจยิ่งกว่า เขารู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายของมิลด้าเพราะว่าเธอนั้นตื่นเต้นมากๆ แต่มันก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ ในความทรงจําของเขา ทุกการกระทําของมิลด้านั้น เหมือนกับเจ้าหญิงอย่างแท้จริง เธอนั้นจะไม่มีวันทําอะไร ที่ทําให้เกิดการเข้าใจผิดต่อหน้าทหารมากมายขนาดนี้แน่ๆ

 

และพวกเขากก็ยังไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้นด้วย

 

มันรู้สึกว่ามีอะไรผิดไป

 

ด้วยความที่ถูกกอดแน่น ลิงค์จึงไม่สามารถผลักเธอออก ไปได้เขาทําได้แค่พึมพํา “องค์หญิง นี่มันอันตรายมากเลยนะ แต่ว่าผมกลับมาแล้ว…คุณช่วยปล่อยผมไปได้รึยัง?”

 

มันรู้สึกดีที่ได้กอดกับสาวสวย แต่ว่าลิงค์ก็ต้องปล่อยให้เธอผ่านไป ความสวยของเจ้าหญิงไฮเอลฟ์นั้นไม่มีที่เปรียบ เธอสวยยิ่งกว่าราชินีมังกรแดงซะอีกยังไงก็ตาม ลิงค์ได้บัน ทึกเธอเอาไว้ในใจแล้วในฐานะ “พันธมิตรทางการเมือง ไม่มีความสัมพันธ์อื่น”

 

ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากว่าเธอเป็นเจ้าหญิงไฮเอลฟ์ไม่ว่า เธอจะบริสุทธิ์และไร้เดียงสาแค่ไหน หลังจากผ่านไปหลายปี เธอก็จะต้องโตขึ้นพวกเขาสามารถเป็นพรรคพวกกันได้ แต่ว่าสําหรับความรักนั้นมันเป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง

 

น้ําเสียงของลิงค์นั้นใจเย็นมากและไม่แสดงถึงอารมณ์อื่น เลยมิลต้าตั้งตัวตรงและปล่อยเขาในทันที เธอกระซิบด้วย ดวงตาสีแดง… “ข้าคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วซะอีก แต่ว่าเจ้าก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย ขอโทษสําหรับความใจร้อนของข้านะ”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก ลิงค์เปลี่ยนเรื่องคุยในทันที “นี่หมายความว่าสกินอร์สก็กลับมาได้อย่างงั้น สินะ?”

 

“เขากลับมาได้และยังเอาสมุดเวทมนตร์ของเจ้ามาด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า สมุดนั่นจะต้องถูกส่งกลับหาเจ้าของ แล้วหล่ะนะ”มิลด้าวางตัวใหม่ และเธอก็เอาสมุดโน้ตออกมายื่นให้กับลิงค์

 

ลิงค์รับมัน และในตอนที่เขากําลังจะพูด ดยุคอา เบลกับคนอื่นๆก็มาถึง

 

ดยุคอาเบลนั้นฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารีบเดินไปหาลิ งค์และบังคับให้มิลด้าต้องถอยไปด้านข้าง เขากางแขนออก กว้าง หัวเราะอย่างมีชีวิตชีวาและกอดลิงค์อย่างอบอุ่น จากนั้นเขาก็ตบหลังของลิงค์พร้อมกับพูดด้วยความคร่ําครวญ “มาสเตอร์ การที่ท่านกลับมาได้นั้นช่างวิเศษจริงๆ”

 

ลิงค์ทําได้แค่ตอบกลับไปอย่างสุภาพ เขารู้สึกได้ถึงความวุ่นวายมากมายตั้งแต่ที่เขากลับมา เขาทําได้แค่ถอนหายใจ มันคือเรื่องการเมือง มันน่าสนใจน้อยกว่าเวทมนตร์มากๆ

 

เขาแกล้งทําเป็นพูดเรื่องที่ไม่สําคัญ หลังจากที่พูดคุยถึงเรื่องการเมืองเล็กน้อย ลิงค์ก็เข้าไปที่ป้อมปราการเหล็กที่อยู่ ด้านบนสุดของภูเขา

 

ในตอนนี้มิลด้าเองก็กลับมาเป็นปกติแล้ว เธออธิบายถึงสถานการณ์ของนักเวทย์ในป้อมโอริด้าให้ฟัง

 

ในป้อมนี้ มีนักเวทย์มากกว่า 300 คน 234 คนนั้นเป็นมนุษย์ เลเวลที่มากสุดก็คือ 6 และมีทั้งหมด 3 คน ส่วนอีก 76 คนนั้นเป็นไฮเอลฟ์ที่มีเลเวลต่ําสุดที่ 6 และมีเลเวล 7 สองคนคือมิลด้าและโรมิลสัน

 

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ลิงค์ก็คิดอย่างระมัดระวังแล้วพูด “มีนักเวทย์เลเวล 6 เพียงพอแล้ว เริ่มฝึกกันได้เลย…ซัก 10 วันเป็นไง?หลังจากผ่านไป 10 วัน ผนึกเวทมนตร์น่าจะสามารถใช้ได้อย่างเป็นทางการแล้วนะ”

 

คําพูดเหล่านี้ได้กระตุ้นให้ทุกคนตกใจ “มาสเตอร์ ตอนนี้สุขภาพของท่านเป็นยังไงบ้าง?” ดยุคอาเบลถาม

 

“ไม่มีปัญหา พวกเราสามารถเริ่มกันได้ตอนนี้เลย!”

 

“เยี่ยม!” ดยุคอาเบลลืมเรื่องปัญหาก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ความเกรี้ยวกราดต่ออุปกรณ์ระดับพระเจ้าแห่งความมืด ในจิตใจของเขาได้ถูกชําระล้างออกไปจนหมด

 

4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

 

พรบ ไอมอนส์ปรากฏตัวขึ้นในป่า

 

เขาขอสรพิษทมิฬและบินมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับคิดถึงสถานการณ์ของสนามรบไปด้วย

 

ในตอนที่ข้าออกมา เมียสเมอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เธอคงจะตายไปแล้ว ปีศาจที่เหลือรอดก็ไม่น่าจะสู้กับลิงค์ ได้เขาจะต้องรอดกลับไปถึงป้อมโอริด้าอย่างแน่นอน ชาย คนนั้นน่ากลัวเกินไป เขาใช้เวทย์ระดับตํานานได้จริงๆ เขาอาจจะคิดวิธีการต่อกรกับเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วด้วยซ้ํา ไม่ข้าจะมัวชักช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!

 

การที่จะยึดเมืองหลวงของเผ่ายับบ้าให้ได้นั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งมันนานเกินไป เขาไม่สามารถทนรอได้

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด