Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 11 การสูญเสีย
บทที่ 11 การสูญเสีย
“ช้าก่อน!”
เยี่ยฉวนเห็นว่าชายชรายกจอบในมือขึ้นสูง เขารีบเร่งร้อนตะโกนออก “อาวุโสโปรดฟัง! มิใช่ว่าท่านปลูกพลับพลึงวารีไว้ตรงนี้หรือ?!”
หนานกงเหรินหยุดชะงัก ปลายจอบอยู่ห่างจากเข่าของเยี่ยฉวนเพียงครึ่งนิ้ว
ลมแรงปะทะใบหน้าเยี่ยฉวน เส้นผมนั้นปลิวลู่ไปด้านหลัง ชุดคลุมยาวถูกพัดจนกระทบเกิดเสียง จากจิตสังหารละท่าทีของหนานกงเหรินในตอนนี้ คำพูดไม่ใช่ทำให้เยี่ยฉวนกลัว แต่จะหักขาสองข้างจริงดังที่กล่าว!
“ไอ้หนู! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเพิ่งปลูกพลับพลึงวารีแปดร้อยปีที่นี่?” ชายชรามองเยี่ยฉวนอย่างอยากรู้ หากคำตอบของอีกฝ่ายไม่เข้าหู เขาก็พร้อมจะเงื้อจอบฟาดลงที่ขาทั้งสองข้างทันที!
เยี่ยฉวนกวาดสายตาและพบจุดสังเกตอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยตอบเสียงชัด “ง่ายมากขอรับ! สีของพื้นดินรอบต้นพลับพลึงวารียังใหม่อยู่ บ่งบอกว่ามันเพิ่งถูกขุดไม่นานมานี้ และดินโดยรอบก็มีลักษณะต่างกันแสดงว่ามันถูกขุดมาจากที่อื่น ใช่หรือไม่?”
“ไม่เลว! ช่างสังเกตดีนี่ไอ้หนู!”
แม้ชายชราพึงใจในคำตอบทว่าสีหน้ายังเรียบเฉย เขายกจอบขึ้นสูงอีกครั้ง “อย่างไรก็เถอะ! เจ้าเหยียบย่ำสมุนไพรมากมายเช่นนี้แสดงว่าคงเบื่อชีวิตโสมมเต็มทน! เห็นแก่ท่านเจ้าสำนัก…ข้าจะยอมผ่อนปรนโดยหักขาของเจ้าเพียงข้างเดียว!”
อกของเขาแทบลุกเป็นไฟด้วยความโกรธายิ่ง! ไม่ทันเอ่ยจบประโยคก็ยกจอบแล้วฟาดลงที่ขาซ้ายของเยี่ยฉวน!
“จบกัน! ศิษย์พี่ใหญ่จบสิ้นครานี้แน่!”
“นั่นน่ะซี! กล้าดีอย่างไรมายั่วอารมณ์อาวุโสลำดับสอง รนหาที่ตายชัดๆ!”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นท่ามกลางความมืด บรรดาลูกศิษย์รีบร้อนมายังสวนสมุนไพรหลังจากรู้ข่าวว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น และเริ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ระหว่างอาวุโสลำดับสองและเยี่ยฉวน!
จูซือเจียอยู่ที่นี่เช่นกัน สีหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่ยินดียิ่ง ขาก้าวออกอย่างต้องการหยุดยั้งเหตุการณ์ ทว่ากลับหยุดชะงักด้วยความลังเล…
หนานกงเหรินเป็นที่เลื่องลือเรื่องความอารมณ์ฉุนเฉียว ในยามปกติเขาคล้ายกับคนใบ้ แต่ยามไม่สบอารมณ์ ต่อให้ใช้กระทิงสิบตัวก็ไม่อาจฉุดรั้ง!
หลังเยี่ยฉวนกลับจากสุสานเทพเจ้า นิสัยของเขาเปลี่ยนไปราวคนละคน จากศิษย์พี่ใหญ่จอมทึ่มกลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์! นอกจากนี้นี้จูซือเจียเคยถูกเขาฉวยโอกาสลวนลามหน้าอกและบั้นท้ายอยู่บ่อยครั้งทว่านางไม่คิดเก็บมาใส่ใจ แต่ด้วยอารมณ์เปี่ยมโทสะของชายชรานางจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง!
จูซือเจียหมุนตัวและเร่งสั่งการ “เจ้าอ้วน! รีบไปตามท่านปู่มาเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบ!”
จ้าวต้าจื่อก็รู้ดีว่าปัญหานี้ร้ายแรงเพียงใดจึงเร่งไปตามอาวุโสสูงสุดมาทันที! ท่าทีในตอนนี้ของเขาที่มีต่อเยี่ยฉวนแตกต่างจากคราก่อนลิบลับ แม้จูซือเจียไม่บอกกล่าว เขาก็จะคิดหาทางอื่นเพื่อช่วยเหลือ!
ไม่ว่าชายชราจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพียงใด เขาก็ยังคงเชื่อฟังคำของท่านอาวุโสสูงสุดอยู่บ้าง เพียงแต่น้ำที่อยู่ไกลนั้นไม่อาจดับไฟใกล้ได้อย่างทันท่วงที!
จิตใจของจูซือเจียเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นหนานกงเหรินปัดหนวดเคราพลางจ้องเยี่ยฉวนเขม็งและยกจอบขึ้นพร้อมที่จะสับขาของอีกฝ่ายทุกเมื่อ ขณะที่นางตัดสินใจก้าวออกไปห้ามปราม เยี่ยฉวนพลันตะโกนสุดเสียง “ช้าก่อนท่านผู้เฒ่า! ต้นพลับพลึงวารีกำลังจะเฉาตายในไม่ช้า! ท่านยังมีเวลามาคลุ้มคลั่งอยู่อีกหรือ?!”
จอบหนักอึ้งชะงักค้างกลางอากาศอีกครั้ง…
ชายชราจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวน “ว่ามาซิ! เหตุใดพลับพลึงวารีใกล้เฉาตาย? อย่าได้กล่าววาจาไร้แก่นสารเพื่อยืดเวลาเชียว! ไม่เช่นนั้นข้าจะฉีกปากอันน่ารังเกียจของเจ้าเสีย!”
“ระยะนี้สมุนไพรจำนวนมากบนเทือกเขาทยอยเฉาตายโดยมีเหตุมาจากฝูงแมลงวันอสูร! ดังนั้นพลับพลึงวารีของท่านก็คงไม่ต่างกัน!”
เยี่ยฉวนมองอาวุโสลำดับสองที่กำลังโกรธเกรี้ยวพลางเอ่ยเสียงเรียบ “หากท่านไม่เชื่อก็ก้มสำรวจพลับพลึงวารีให้ละเอียดเถิด บนผิวของมันล้วนมีรอยที่ถูกแมลงวันอสูรดูดเพื่อกักเก็บความชื้นทำให้เหี่ยวแห้งและเฉาตายในไม่ช้า!”
“สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?! ผู้อาวุโสลำดับสองกึ่งเชื่อกึ่งคลางแคลง
เขาพอรู้ปัญหาเรื่องแมลงวันอสูรที่รุมเกาะต้นพลับพลึงวารีอยู่บ้าง ทว่ามันยังเขียวชอุ่มและเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต การกล่าวว่ามันใกล้ตายนั้นไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ?!
“หากท่านต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ข้าพูดจริงหรือเท็จ ก็จงตัดกลีบของมันมาดูเถิด!” เยี่ยฉวนตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง บ่งบอกอีกฝ่ายเป็นนัยว่า ‘จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน!’ ยิ่งเขามีท่าทีสงบชายชรายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ หลังไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงหยิบมีดสั้นออกมาตัดกลีบพลับพลึงวารี ปรากฎว่าเป็นจริงดังที่เยี่ยฉวนกล่าว แม้ภายนอกของมันจะเขียวชอุ่มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แต่ภายในกลับเหี่ยวเฉาแล้วบางส่วน!
“บัดซบ! เป็นไปได้อย่างไร!?”
ทันใดนั้นสีหน้าของชายชราก็แปรเปลี่ยน เขาขบกรามแน่นพลางยื่นมือออกไปและทำท่ากดลงกลางอากาศ ทำให้แมลงวันอสูรที่เกาะอยู่บนพลับพลึงวารีพลันร่วงผล็อยลงตายราวห่าฝน!
หึ! ใช้ได้นี่! เยี่ยฉวนไม่คาดคิดว่าอาวุโสลำดับสองจะใช้เคล็ดวิชา ‘หัตถ์กรงเล็บมังกร’ ได้อย่างชำนาญยิ่ง! หนึ่งในเคล็ดวิชาของราชาโอสถหัตถ์วิญญาณซึ่งยากต่อการฝึกฝน! มีศิษย์เอกของเขาเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกสำเร็จ! ด้วยเหตุนี้ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณจึงกลัดกลุ้มอย่างหนักและมาขอให้เยี่ยฉวนช่วยแก้ปัญหา…ทว่าในยามนั้นเขาไม่พบหนทางแก้ไขใดๆ เลย การฝึกฝนยิ่งยากเท่าใดทักษะที่ได้ย่อมแก่กล้าขึ้น!
แม้หนานกงเหรินมีอารมณ์ฉุนเฉียวทว่าเขากลับฝึกฝนเคล็ดวิชาหัตถ์กรงเล็บมังกรสำเร็จ!
“ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย…พวกแมลงวันอสูรมีมากเกินไปหนำซ้ำยังเป็นแมลงที่กลายพันธุ์ แม้พยายามฆ่าพวกมันก็ไม่มีประโยชน์อันใด หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปพลับพลึงวารีต้องตายแน่!” เยี่ยฉวนกล่าวอย่างไม่แยแส
ไม่ทันขาดคำเสียงหึ่งๆ ก็ดังขึ้นจากรอบทิศ! แมลงวันอสูรฝูงใหญ่บินแหวกความมืดออกมาและมุ่งไปยังต้นพลับพลึงวารี ชายชราไม่เชื่อในความร้ายกาจของมันจึงใช้เคล็ดวิชาหัตถ์กรงเล็บมังกรจัดการกับพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า! ทว่าฆ่าตายไปหนึ่งฝูง…อีกหนึ่งฝูงก็บินออกมาและไปเกาะยังต้นพลับพลึงวารีเช่นเดิม!
“พลับพลึงวารีอายุกว่าแปดร้อยปี ช่างน่าสงสารนักที่จะต้องเฉาตายเสียยามนี้ เฮ้อ…” เยี่ยฉวนโคลงศีรษะ หลังร่างติดอยู่ในตาข่ายรูปร่างพิลึกเขาก็เผยท่าทีที่สงบลงราวรู้สึกสงสารพลับพลึงวารีเคราะห์ร้ายเหล่านั้น
ฝ่ายชายชราฆ่าแมลงวันนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้เสียที เขาหันไปถามเยี่ยฉวนด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “เด็กเหลือขอเช่นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพลับพลึงวารีนี้มีอายุถึงแปดร้อยปี?!”
“ในตำรากล่าวไว้ว่ากลีบดอกพลับพลึงวารีเปรียบเสมือนแขน ดอกยามผลิบานมีสีขาวบริสุทธิ์ หากเติบโตไปอีกสองร้อยปีก็สามารถรับพลังจากตะวันและจันทราทำให้เนื้อแท้งอกงามขึ้น! โธ่! น่าเสียดายจริง!” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ
ชายชราตะครุบแมลงวันอสูรไว้พลางหันกลับอย่างเร่งร้อน “ในตำรากล่าวถึงการแก้ไขปัญหาไว้หรือไม่!”
“ขอรับ! ในตำรามีเขียนไว้ว่าหากพบปัญหาเช่นนี้ต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง? ขอข้านึกสักครู่… โอ๊ะ! ยืนนานเกินไปจนข้าชักวิงเวียนเสียแล้ว!” เยี่ยฉวนแสร้งโอดโอย
อาวุโสลำดับสองถลึงตาใส่และเกือบใช้ความรุนแรงอีกครั้ง ทว่าเขาจำต้องอดกลั้นและปล่อยอีกฝ่ายออกจากตาข่ายเนื่องด้วยเห็นแก่ต้นพลับพลึงวารีตรงหน้า “เอาล่ะ! เจ้าเป็นอิสระแล้ว! บอกวิธีแก้ปัญหากับข้าได้หรือยัง?!”
“เหมือนว่าเท้าของข้าจะเป็นเหน็บชา ท้องของข้าก็รู้สึกอึดอัดไปหมด ใช่แล้ว! ข้าต้องบาดเจ็บเป็นแน่!”
จูซือเจียที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเยี่ยฉวนใช้วิธีเสแสร้ง นิสัยของผู้อาวุโสลำดับสองช่างรั้นประหลาดทั้งยังฉุนเฉียวราวกับไฟ แม้แต่นางยังเกรงกลัว
“เจ้าเด็กบัดซบ! รนหาที่ตายหรืออย่างไร!?” ชายชรากลอกตาขณะความโกรธเกรี้ยวแล่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน…ใคร่กลับไปพักบนยอดเขาเมฆาอินทนิลเต็มที อาวุโสลำดับสองทำใจให้สบายเถิด ท่านไม่ต้องกังวลไป…พลับพลึงวารียังสามารถอยู่ได้จนถึงรุ่งสาง ทว่าหลังจากนั้นก็สุดจะคาดเดา” เยี่ยฉวนปัดเศษดินที่ติดอยู่บนชุดออกแล้วหมุนตัวจากไป
“อย่า! อย่าเพิ่งไป! หากเจ้าไม่รังเกียจก็สามารถพักที่เรือนของข้าได้!” ชายชราเบิกตากว้างพลางปัดหนวดเครา มีแขกมาเยือนถึงชายคาแล้วเขาไม่อาจเพิกเฉย ครู่เดียวเขาก็ยกยิ้มและเดินนำเยี่ยฉวนไปยังเรือนไม้ไผ่
ไม่นาน…เยี่ยฉวนเอนกายเอกเขนกภายในในเรือนไม้ไผ่และเริ่มชี้นิ้วสั่งการ ชายชราวิ่งเข้าออกเรือนให้วุ่น เขาเริ่มปรุงยาวิเศษตามคำแนะนำของเยี่ยฉวนเพื่อนำไปฉีดพรมต้นพลับพลึงวารี ของเหลวนี้ไร้สีและรส ทว่าทันใดที่พรมลงไป แมลงวันอสูรบนกลีบดอกต่างผละออกและบินหนีออกห่างโดยเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
“เยี่ยฉวน! แมลงวันเหล่านี้บินหนีไปจริงด้วย…ต่อไปให้ข้าทำอย่างไร?”
“ค่ายกลของที่นี่มีข้อบกพร่องต้องเร่งแก้ไข ในตำราบอกว่ามีความจำเป็นต้อง… โอ๊ะ! เหตุใดนอนพักแล้วขาของข้ายังปวดอยู่?!”
“อย่างนั้นเจ้านอนพักเถิด ข้าจะช่วยนวดให้!”
ชายชรายอมทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งละทิ้งศักดิ์ศรีขอเพียงรักษาต้นพลับพลึงวารีไว้ได้ สมญานาม ‘ผู้คลั่งไคล้โอสถ’ ได้มาเพราะทั้งชีวิตของเขามีงานอดิเรกเพียงการเพาะปลูกสมุนไพรเท่านั้น เขาไม่ใส่ใจฐานะ ‘อาวุโสลำดับสอง’ เสียด้วยซ้ำ…เหล่าศิษย์ที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกต่างรู้สึกงงงัน
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะได้เห็นศิษย์พี่ใหญ่ถูกอาวุโสลำดับสองลงโทษ ใครจะคาดคิดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตร! ในไม่ช้าข่าวลือระหว่างเยี่ยฉวนและหนานกงเหรินก็แพร่กระจายไปทั่วสำนัก!
ณ ห้องโถงโอ่อ่าภายในเรือนใหญ่ จินหัวเผยสีหน้าแข็งกระด้างและน่ากลัวขณะบีบจอกสุราจนแตกละเอียดไปอีกใบ! เขาเอ่ยเสียงกร้าวถามคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า “อาวุโสลำดับสองกับเยี่ยฉวนปรองดองกันแล้วงั้นรึ?!”
“ขอรับ!” อีกฝ่ายเอ่ยตอบเสียงสั่นเทา
“บัดซบ! เป็นไปไม่ได้! จะเป็นไปได้อย่างไร?!”
เขาร้อนรนแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธายิ่ง!
เขาและเหอไท่ซวีคิดแผนการยึดครองตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่อย่างหนักตลอดทั้งคืน! ทั้งยังใช้เงินไปมากเพื่อเตรียมของกำนัลมากมายซื้อแรงสนับสนุนจากคนเหล่านั้นอย่างลับๆ ยังคิดว่าตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ต้องตกเป็นของเขาเป็นแน่! แต่นอกจากเยี่ยฉวนจะไม่ถูกลงมือยังปรองดองกันอย่างดีกับอาวุโสลำดับสองอีกด้วย! เขาออกจากสวนสมุนไพรไปไม่นานแล้วหลังจากนั้นเกิดสิ่งใดขึ้น?!
“นายน้อย ในเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นดังคาด เช่นนั้นเราจะต้องสืบหาข้อเท็จจริง!” เหอไท่ซวีเดินไปด้านหน้าเพื่อปลอบประโลมผู้เป็นนาย
“ไสหัวไป! ยังต้องสืบหาอะไรอีก?! ตาเฒ่าเหอ…แผนการของเจ้าใช้ได้สักเรื่องหรือไม่?! ข้าต้องเป็นชายคนแรกของจูซือเจียและเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหมอกเมฆา! หากข้าไม่ได้…ไอ้สารเลวเยี่ยฉวนก็ต้องไม่ได้เช่นกัน! เข้าใจหรือยัง?!” ไฟโทสะของจินหัวทะยานสูงถึงขีดสุด โต๊ะตรงหน้าถูกเขาพลิกคว่ำ!
ใบหน้าของเหอไท่ซวีผุดหยดเหงื่อเย็นเยียบ เขาข่มใจเช็ดหยดสุราบนใบหน้าก่อนเข้าไปกระซิบแผนต่อไปให้ผู้เป็นนาย หลังจินหัวฟังจนจบ…ไฟโทสะที่พุ่งขึ้นฟ้าก็สงบลงและกล่าวเสียงดุดัน “ตาเฒ่าเหอ! แผนครั้งนี้จะต้องสำเร็จเท่านั้น! ไม่เช่นนั้นหุบเขามังกรปีศาจคือจุดจบของเจ้า!”
“แน่นอน! แน่นอนขอรับ! นายน้อยโปรดวางใจ! แม้ครั้งนี้มันรอดไปได้ทว่าครั้งหน้าจะไม่มีโอกาสอีก!”
เหอไท่ซวีเอ่ยตอบ หยดเหงื่อเย็นเยียบค่อยๆ ไหลลงจากใบหน้า…
คอมเม้นต์