Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 25 ค่ำคืนวิวาห์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 25 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 25 ค่ำคืนวิวาห์

“ผู้ใดสังหารลูกข้า?! จงยืดอกยอมรับแต่โดยดี!”

จินจื่อคุนลุกยืนพร้อมกวาดสายตามองโดยรอบ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและโหดเหี้ยมราวอสูรร้ายจนบรรดาศิษย์และเหล่าทหารองครักษ์ต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวพลางก้าวถอยหลังโดยพลัน!

สำนักหมอกเมฆาให้ความสำคัญกับการเพาะปลูกสมุนไพรหายากและการเล่นแร่แปรธาตุ ภายในสำนักถูกแบ่งเป็นสามฝ่ายหลักๆ ได้แก่หน่วยตระเวนบรรพต โรงหลอมอาวุธ และหอแปรธาตุที่เป็นเสมือนแกนกลางขับเคลื่อนของสำนัก ดังนั้นเจ้าแห่งหอแปรธาตุจึงถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดรองจากบรรดาผู้อาวุโสทั้งห้า

เขาเป็นผู้นำที่เปรียบดังไม้ยืนต้นฝังรากลึกของหอแปรธาตุมาหลายปี สิบปีที่แล้วเขาบรรลุขั้นซิวฉือระดับเจ็ด ดังนั้นเขาจึงห่างจากขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าเพียงลำดับเดียว! ยามเขาโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขาโดยตรง…ไม่กล้าแม้หายใจแรงจนมีเสียงเล็ดลอดออกมา

“เป็นข้าเอง!” เยี่ยฉวนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แยแสท่ามกลางสายตามากมายของฝูงชน ท่าทีของเขาสงบนิ่งอย่างไม่หวาดกลัวจิตสังหารอันแรงกล้าของจินจื่อคุนแม้แต่น้อย!

“ฮ่าๆๆ! ดี! ไอ้สารเลว! ความกล้าหาญของเจ้านับว่าน่าชื่นชม!”

จินจื่อคุนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ก้าวเท้าออก เปรี๊ยะ แผ่นหินสีครามใต้ฝ่าเท้าของเขาพลันแตกร้าว! เขาแผ่จิตสังหารกระจายเป็นวงกว้างก่อนคำรามออก “บอกเหตุผลที่เจ้าสังหารหัวเอ๋อร์มา!”’

ดวงตาของเขาแดงก่ำประหนึ่งโลหิต ท่าทางโหดเหี้ยมคุกคามเสียจนผู้คนที่เห็นต่างหวาดผวา แม้อากาศรอบกายไม่หนาวเย็นทว่าร่างกายของทุกคนพลันสั่นสะท้าน

“เพราะมันสมควรตาย!”

ครั้นฝูงชนได้ยินประโยคสั้นๆ ไร้ความรู้สึกจากปากของเยี่ยฉวนก็ยิ่งตื่นตระหนกและหวาดกลัว!

ให้ตายเถอะ! ชายผู้นี้คงเสียสติไปแล้วที่กล่าววาจาบ้าบิ่นท้าทายอำนาจเจ้าแห่งหอแปรธาตุ! เขาไม่กลัวจินจื่อคุนจับฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ หรืออย่างไร?!

‘สมควรตาย’ สามพยางค์ทำให้จินจื่อคุนโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น! เขาพุ่งไปด้านหน้าด้วยใบหน้าที่ดุดันและแดงก่ำอย่างน่ากลัว “เหตุผลเล่า?! พูดออกมาเยี่ยฉวน! ขอหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้ข้าเปลี่ยนใจไม่สังหารเจ้า!”

“ศิษย์น้องจินหัวไม่พอใจการแต่งงานระหว่างสำนักที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงคิดหลบหนีลงจากภูเขาลูกนี้ไป ก่อนที่เขาจะทำเช่นนั้นยังได้บุกรุกหอศาสตราวุธโดยไม่ได้รับอนุญาตและขโมยตำราลับมังกรอวตาร!”

เยี่ยฉวนมองไปโดยรอบก่อนกล่าวต่อด้วยท่าทางสุขุม “การพยายามหลีกเลี่ยงการแต่งงานโดยการหลบหนีออกจากสำนักอย่างไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับหลายๆ ฝ่ายในภายหลัง…เขาเป็นศิษย์ชั้นเลิศแต่กลับฝ่าฝืนกฏของสำนักโดยการขโมยตำราลับมังกรอวตาร การกระทำชั่วร้ายของเขาทั้งสองเรื่องสมควรถูกลงโทษโดยการตัดศีรษะเสียบประจานต่อสาธารณชนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่าเขากลับทำสิ่งที่โหดเหี้ยมทารุณกว่าโดยใช้พลังหมัดพยัคฆ์สังหารเหล่าทหารองครักษ์หอศาสตราวุธถึงสิบนายเพื่อปิดปากไม่ให้เรื่องแพร่งพราย! หากท่านอาวุโสสูงสุดมาถึงช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่เช่นข้าคงถูกเขาสังหารเช่นกัน! วีรกรรมร้ายกาจมหาศาลถึงเพียงนี้หากไม่ใช่เขาแล้วผู้ใดเล่าที่สมควรตาย?!”

เยี่ยฉวนอธิบายอย่างกระจ่างชัดเจนด้วยท่าทางใจเย็น กระตุ้นให้ผู้คนโดยรอบโกรธเคืองและเกลียดชัง

ฝูงชนจ้องมองศพเลือดท่วมของจินหัวด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนแรก…สายตาทุกคู่ปราศจากความสงสารเห็นใจ หากจินหัวเป็นมนุษย์แล้วเหล่าทหารองครักษ์ไม่ใช่มนุษย์หรือจึงต้องสังเวยชีวิตเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน?! แม้แต่ศิษย์ชั้นเลิศเช่นเขายังฝ่าฝืนกฏของสำนักแล้วจะเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ผู้อื่นได้อย่างไร?!

“ไอ้สารเลว! หากเจ้าพูดต่ออีกนิดเดียว วันนี้ฆ่าจะสังหารเจ้าเสีย!”

จินจื่อคุณคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวน เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายอธิบายใดต่อ อสูรแมงป่องปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ หางของมันสะบัดไปมาพร้อมเหวี่ยงใบมีดคมกริบแหวกผ่านม่านอากาศพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว กลิ่นพิษร้ายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ!

หัตถ์แมงป่องพิษ!

จินจื่อคุนเลือกใช้อาวุธสังหารร้ายแรงเฉพาะตัวที่มีชื่อเสียงยิ่งจู่โจมอีกฝ่าย!

ผู้ฝึกตนที่ขัดเกลาร่างกายในขั้นอู่เจ๋อสำเร็จ ครั้นบรรลุถึงขั้นซิวฉือพวกเขาสามารถฝึกพลังเวทย์เพื่อควบคุมยันต์กำเนิดชีวิตของอสูรได้ทุกชนิด ยันต์ของจินหัวเป็นอสูรพยัคฆ์ดุร้าย…ในขณะที่ยันต์ของจินจื่อคุนเป็นอสูรแมงป่องพิษที่ปรากฏตัวพร้อมสายลมโชยกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนให้ผู้ที่สูดดมรู้สึกวิงเวียน ทั้งยังสามารถปล่อยใบมีดลมสังหารศัตรูได้ในระยะกว่าร้อยเมตร!

เยี่ยฉวนกลั้นหายใจขณะถอยหลังอย่างรวดเร็วหลบใบมีดลมของอีกฝ่าย…

“อะไรกัน?!”

ครั้นเห็นว่าเยี่ยฉวนยืนนิ่งอย่างไร้บาดแผลจากการโจมตีเมื่อครู่ จินจื่อคุณอุทานออกอย่างตกตะลึงพร้อมเผยสีหน้าดุร้ายยิ่งกว่าเดิม!

กระบวนการโจมตีของหัตถ์แมงป่องพิษนอกจากลมที่โชยกลิ่นคาว อาวุธที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือใบมีดลม…แม้แต่ศิษย์ผู้บรรลุขั้นซิวฉือระดับที่หนึ่งยังหลีกเลี่ยงโดยไม่ถูกเชือดเฉือนได้ยากยิ่ง แล้วไอ้สารเลวเยี่ยฉวนหลบทันได้อย่างไร?!

“มาเถิด! ข้าจะสังหารเจ้าให้ดับดิ้นภายในสามกระบวนท่า!”

ดวงตาของจินจื่อคุนราวมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ภายใน เขาพุ่งไปตรงหน้าเยี่ยฉวนอีกครั้งก่อนโบกฝ่ามือขึ้นอย่างโหดเหี้ยม! พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน…ลมโชยกลิ่นคาวพิษทวีความรุนแรงยิ่ง! บรรดาศิษย์และเหล่าทหารองครักษ์เห็นดังนั้นจึงเร่งถอยร่น ทว่ายังรู้สึกตาพร่าวิงเวียนและอึดอัดแน่นทรวงอกแม้อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร

ความเร็วของจินจื่อคุนน่าประทับใจยิ่ง ทว่าคราวนี้เยี่ยฉวนไม่คิดหลบเลี่ยงแต่กลับยกแส้เทวะขึ้นเพื่อตั้งรับ!

ไม้กวาดธรรมดาที่แม้โยนทิ้งก็ไม่มีผู้ใดสนใจ ทว่าเมื่อมันอยู่ในมือของเยี่ยฉวนกลับทำให้จินจื่อคุนรู้สึกครั่นคร้ามราวภยันตรายมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ยิ่งพินิจยิ่งพบว่ามันคล้ายดาบของทหารในสงครามที่สามารถตัดเหล็กให้ขาดสะบั้นยิ่งกว่าไม้กวาดทั่วไปเสียอีก! ชายวัยกลางคนยังตวัดฝ่ามือต่อไปหมายบดร่างของอีกฝ่ายให้ละเอียด!

“หึ! ไม่เลวนี่ไอ้หนู! กระบวนท่าที่สอง…แมงป่องผงาด!”

จินจื่อคุนคำรามลั่นอีกครั้งก่อนใช้ไม้ตายที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงกว่ากระบวนท่าแรก! อสูรแมงป่องพิษที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาย่อตัวลงจนหน้าท้องแบนราบ ทันใดนั้นก็ผงาดตัวขึ้นพร้อมเหวี่ยงสะบัดหางด้วยความเร็วสูง!

ลำแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในอากาศ!

บรรดาผู้สังเกตการณ์ถอยห่างไปไกลกว่าเดิมทันทีที่สัมผัสถึงอันตราย!

เยี่ยฉวนขมวดคิ้วขณะที่หัวใจเต้นแรง!

หากเป็นเขาในภพชาติก่อนคงสรรหาเคล็ดวิชาอีกหลายหลากมาตอบโต้การโจมตีของศัตรูตัวเล็กๆ เช่นจินจื่อคุนได้โดยง่าย แตกต่างจากภพปัจจุบัน…ระหว่างขั้นอู่เจ๋อระดับที่ห้าและขั้นซิวฉือระดับที่เจ็ดมีช่องว่างมากเกินไป ในยามนี้ประสบการณ์มหาปราชญ์หลายล้านปีของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!

“ศิษย์พี่ใหญ่! ข้าอยู่ที่นี่แล้ว อย่าได้กังวล!”

เสียงเย็นเยือกอันคุ้นเคยดังขึ้นจากระยะไกลพร้อมกับใบดาบสะท้อนแสงแวววับแหวกออกมาจากความมืด!

สิ้นเสียงเย็นชา หนานเทียนตูพลันปรากฏตัวขวางระหว่างเยี่ยฉวนและจินจื่อคุนอย่างแข็งแกร่งราวขุนเขา ปลายกระบี่นิลสลักชี้จ่ออยู่ระหว่างคิ้วของอีกฝ่ายพลางแผ่จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ทันใดนั้นอาวุโสลำดับสองพลันปรากฏตัวขึ้นในความมืดพร้อมจอบคู่กาย เขาจ้องจินจื่อคุนเขม็งขณะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ฮึ่ม! จินจื่อคุน ขณะท่านเจ้าสำนักไม่อยู่เจ้าเหิมเกริมคิดสังหารศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเชียวรึ?! ช่างไร้มนุษยธรรมนัก! เข้ามา! ข้านี่แหละจะสั่งสอนเจ้า…หากข้าไม่อาจสังหารเจ้าได้ภายในสามกระบวนท่า จงอย่าเรียกข้าว่าหนานกงเหริน!”

หนานกงเหรินเหาะขึ้นบนอากาศมาสมทบกับหนานเทียนตู ทั้งสองเข้าขัดขวางการกระทำอันโหดเหี้ยมของจินจื่อคุนได้ทันเวลา!

“ตาเฒ่าลำดับสอง! เจ้า…”

จินจื่อคุนขบกรามแน่น ดวงตาฉายแววเกลียดชังและไม่สบอารมณ์ยิ่ง! ครู่นี้เกือบสังหารอีกฝ่ายได้อยู่แล้วทว่ากลับมีคนมาขัดขวาง! หากอาวุโสลำดับสองผู้มีนิสัยดื้อรั้นรุนแรงไม่เกรงกลัวสิ่งใดและยอดฝีมือผู้รักสันโดษอย่างหนานเทียนตูร่วมกันออกตัวปกป้องเยี่ยฉวนเช่นนี้ เขาทำได้เพียงข่มกลั้นโทสะและหยุดยั้งการโจมตีเพราะไม่อาจเอาชนะชายชราผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่สาม จิตใจของเขาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดราวไฟสุมที่ไม่อาจระบายความแค้น

“จื่อคุน กลับไปเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าโศกเศร้าเพียงใดที่บุตรชายของเจ้าตาย ทว่าพวกเขาพูดถูก…ตามกฏของสำนักแล้วจินหัวกระทำเรื่องเลวร้ายสมควรถูกลงโทษ!” อาวุโสลำดับสามกล่าวปรามจินจื่อคุนพลางมองไปทางหนานกงเหรินด้วยสีหน้าคล้ำหม่น ก่อนหันไปสำรวจเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตาที่หรี่ลงราวอสรพิษชวนให้ผู้ที่เห็นรู้สึกกระสับกระส่าย ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ว่าชายชราคิดสิ่งใดอยู่ในใจ

“อาวุโสลำดับสาม! ท่านจะปล่อยให้หัวเอ๋อร์ตายอย่างอนาถเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ! ท่าน…” จินจื่อคุนแทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินชายชรากล่าวดังนั้น จินหัวสิ้นใจอย่างทุกข์ทรมานทั้งสภาพศพยังน่าสังเวชยิ่ง เขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้อย่างไร?!

“เจ้าโง่! ดูไม่ออกหรือว่าอาวุโสสูงสุดคอยปกป้องไอ้เด็กนั่นแม้ไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง! หากเราลงมือกับเยี่ยฉวนยามนี้เท่ากับต้องต่อสู้กับเขาและอาวุโสลำดับสองอีกด้วย…คุ้มแล้วหรือที่จะเอาตำแหน่งมาเสี่ยง?! คนของสำนักเครื่องนิลกำลังเร่งรุดมาที่นี่ ปล่อยให้โท่วป่าเซียงสังหารไอ้เด็กนั่นแทนเถิด! ส่วนเราคอยดูว่าตาเฒ่าสองคนนั่นจะแก้ตัวอย่างไร?!”

อาวุโสลำดับสามลอบส่งข้อความผ่านกระแสจิตกับจินจื่อคุณ

จริงสิ! หากโท่วป่าเซียงผู้โหดเหี้ยมรับรู้เรื่องดังกล่าว เยี่ยฉวนไม่อาจรอดพ้นไปได้แน่!

จินจื่อคุนระงับความโกรธ ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นแวบหนึ่งขณะลอบส่งสายตามาดร้ายให้กับอีกฝ่าย

เสียงคึกคักดังขึ้นจากบริเวณเชิงเขาพร้อมกับแสงสว่างเรืองจากคบเพลิงที่พวยพุ่งตัดกับความมืดมิดในยามราตรี เจ้าสำนักโท่วป่าเซียงและกองทัพสำนักเครื่องนิลยกขบวนเกี้ยวส่งตัวเจ้าสาวมาถึงสำนักหมอกเมฆาแล้ว!

ค่ำคืนวิวาห์…เจ้าสาวเดินทางมาถึงแล้ว ทว่าเจ้าบ่าวกลับถูกไม้กวาดฟาดจนสิ้นชีพก่อนเข้าพิธีแต่งงาน พวกเขาจะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร?!

บรรดาศิษย์ในสำนักต่างวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แม้แต่อาวุโสลำดับสูงสุดก็คิดหาหนทางแก้ไขไม่ตกเช่นกัน…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด