Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 26 น้องสาว…อย่าทำตัวน่ากลัวเช่นนี้!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 26 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 26 น้องสาว…อย่าทำตัวน่ากลัวเช่นนี้!

ทันทีที่กองทัพสำนักเครื่องนิลรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงเร่งรุดมายังที่เกิดเหตุโดยเร็ว…

ครั้นโท่วป่าเซียงเนียวเห็นร่างเย็นชืดของว่าที่สามีก็หลั่งน้ำตาคร่ำครวญทันที นางโถมตัวลงไปที่ศพของจินหัวราวกับนกอินทรียักษ์ที่กางปีกถลาลงดินพร้อมกับร่ำไห้โหยหวนดังลั่น “สามี! ผู้ใดสังหารท่านอย่างเลือดเย็นเช่นนี้?! ฮือ สามีของข้า…”

ผู้คนที่เห็นโท่วป่าเซียงเนียวกอดศพของว่าที่สามีพลางร้องไห้ฟูมฟายปานดวงใจแตกสลายถึงเพียงนี้ ต่างเข้าใจไปว่านางและจินหัวคงมีความผูกพันต่อกันมานานนับสิบปี!

“อาวุโสสูงสุด ท่านต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับข้า!”

เจ้าสำนักโท่วป่าเซียงกวาดสายตาโหดเหี้ยมไปยังฝูงชนโดยรอบก่อนหันมาจ้องมองซู่โกวหงอย่างคาดคั้น ใบหน้าเขานิ่งสงบจนมองไม่เห็นความโศกาอาดูรและความโกรธเกรี้ยว ทว่าท่าทางแบบนั้นของเขากลับทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกกระสับกระส่ายยิ่ง! บรรยากาศโดยรอบอึมครึมลงและเต็มไปด้วยความน่ากลัว

ท่านเจ้าสำนักเครื่องนิลอุตส่าห์เดินทางมาส่งตัวเจ้าสาวด้วยตนเอง ทว่ากลับต้องมาพบเจอเรื่องราวไม่คาดคิดเช่นนี้? เจ้าสำนักไม่อยู่ที่นี่…หากเขาโกรธจนกระทำสิ่งเลวร้ายใหญ่โตขึ้นมาแล้วใครเล่าจะหยุดยั้งได้?!

จูซือเจียยืนอยู่ข้างอาวุโสสูงสุดอย่างเงียบสงบไร้ท่าทีดื้อรั้นและห้าวหาญ สัดส่วนโค้งเว้ายั่วยวนของนางกระตุ้นให้เกิดประกายเพลิงร้อนแรงในดวงตาของโท่วป่าเซียงทันทีที่เขาเหลือบไปเห็น ครู่หนึ่งสายตาคู่นั้นจึงกลับไปสู่สภาพเย็นชาเอาแต่ใจดังเดิม หากคำตอบจากอาวุโสสูงสุดไม่เป็นที่พึงพอใจ เขาพร้อมเปิดศึกระหว่างสำนักทันที!

บรรยากาศยามนี้ตึงเตรียดยิ่งและอาจเกิดชนวนสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ กองทัพสำนักเครื่องนิลที่ยกขบวนมาส่งตัวเจ้าสาวต่างแผ่จิตสังหารราวใบดาบคมกริบที่ยังไม่ถูกเจียระไน ส่วนเหล่าทหารองครักษ์และบรรดาศิษย์ของสำนักหมอกเมฆาไม่ยอมถูกคนนอกสำนักคุกคามเพียงฝ่ายเดียว พวกเขาทยอยชักอาวุธประจำกายออกไว้คอยท่า

ท่ามกลางโคมไฟและป้ายหลากสีสันที่ถูกประดับประดาไว้รอบสำนักอย่างสดใสรื่นเริง ทว่าผู้คนที่มาร่วมงานกลับหันอาวุธเข้าหากัน

“หากท่านมีข้อสงสัยก็ถามข้าเถิด…ข้าเป็นผู้สังหารเขา!”

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในสภาพตึงเครียดและกระสับกระส่าย เยี่ยฉวนก้าวออกไปด้านหน้าพลางยืดอกรับอย่างกล้าหาญ เขาพูดเหตุผลในการสังหารจินหัวแบบเดียวกับที่เพิ่งอธิบายให้จินจื่อคุนไปเมื่อครู่อีกครั้ง

“ไอ้หนู! เจ้าบอกว่าจินหัวต้องการหลบหนีออกจากสำนักเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานนี้ แต่ก่อนไปเขากลับบุกรุกหอคัมภีร์สงครามแล้วขโมยตำราลับมังกรอวตาร ครั้นถูกจับได้จึงสังหารเหล่าทหารอารักขาเพื่อปิดปากงั้นหรือ?!”

โท่วป่าเซียงเลิกคิ้วขึ้นจนหน้าผากจมเป็นริ้วรอย เขาระเบิดเสียงหัวเราะอันเย็นชาพลางกล่าวออก “หึๆ! ไม่มีผู้ใดจับผิดการกระทำของเขาเลยหรือ?! พวกเจ้าคิดว่าเขาสามารถทำเรื่องทั้งหมดรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หากทำเช่นนั้นจริง…จินหัวช่างมีทักษะสูงส่งนักที่สามารถบุกรุกเข้าไปในหอคัมภีร์สงครามโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น ทว่าตอนเขากลับออกมาเล่า? เหตุใดเขาจึงถูกเหล่าทหารอารักขาล้อมไว้? บังเอิญอย่างนั้นรึ?!”

ขิงแก่อย่างไรก็ย่อมเผ็ดร้อนกว่า โท่วป่าเซียงดำรงตำแหน่งเป็นถึงเจ้าสำนักย่อมเคยพบเจอประสบการณ์หลอกลวงเช่นนี้มานับไม่ถ้วน เขาจึงเปี่ยมด้วยไหวพริบและมองช่องโหว่ที่น่าสงสัยออกอย่างรวดเร็ว

จินจื่อคุนได้ยินและคิดตามดังนั้นจิตใจของเขาก็รู้สึกปั่นป่วนทันที เขาจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยสีหน้าดุดันยิ่งกว่าเก่า หากอาวุโสลำดับสามไม่ห้ามปรามไว้เขาคงพุ่งกระโจนใส่อีกฝ่ายไปแล้ว!

“ท่านเจ้าสำนักกล่าวถูกต้องแล้ว เหตุการณ์ช่างประจวบเหมาะถึงเพียงนี้ข้าเองก็รู้สึกตะหงิดใจเช่นกัน แต่ด้วยความสามารถอันเปี่ยมล้นของศิษย์น้องจินหัว แม้ถูกเหล่าทหารล้อมไว้เขาก็สามารถฝ่าวงล้อมหลบหนีออกไปได้โดยง่าย เหตุใดจึงเลือกหนทางสิ้นคิดเช่นการสังหารบรรดาทหารอารักขาเพื่อปิดปากด้วยเล่า?! หากท่านอาวุโสสูงสุดมาถึงช้ากว่านี้เพียงนิด เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาอาจสังหารเหล่าทหารนายอื่นๆ เพิ่มอีก?!” เยี่ยฉวนไม่ได้ยกเหตุผลมาหักล้างอย่างโจ่งแจ้ง ทว่าใช้วิธีเบี่ยงเบนข้อสันนิษฐานของโท่วป่าเซียงอย่างแยบยลพร้อมๆ กับปลุกปั่นความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

บรรดาทหารองครักษ์ของฝั่งสำนักหมอกเมฆาเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม้พวกเขามีตำแหน่งอารักขาหอคัมภีร์สงครามทว่าขั้นการฝึกตนยังบรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับที่หนึ่ง หากช่วงเวลานั้นตัดสินใจเข้าจู่โจมจินหัวผู้บรรลุขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าทั้งยังอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นนั้น พวกเขาอาจไม่มีชีวิตรอดจนถึงบัดนี้

สหายเฒ่า! หากคิดจะหว่านความบาดหมางให้เกิดขึ้นต่อหน้าข้า จงรับรู้ไว้เถิด…เจ้ายังอ่อนประสบการณ์นัก!

เยี่ยฉวนเผยสีหน้านิ่งสงบทว่าภายในกำลังหัวเราะอย่างเย็นชา!

โท่วป่าเซียงอาจเป็นขิงแก่ที่เผ็ดร้อนสำหรับศิษย์คนอื่นๆ ทว่าไม่อาจเทียบเท่าเขาผู้เคยเป็นถึงมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ได้เลยแม้แต่น้อย! ‘หากเจ้าคิดเล่นสกปรกแล้วล่ะก็ ไม่นานข้าจะทำให้เจ้าจะหายวับไปราวหมอกควัน ดูเจ้าจินหัวนั่นเป็นตัวอย่างเถิด!’

โท่วป่าเซียงสบตาเยี่ยฉวนพลางกล่าวคำเบาอยู่สองสามคำแล้วจึงเงียบไป ทว่าบุตรสาวของเขาเช่นโท่วป่าเซียงไม่รับฟังเหตุผลใดทั้งสิ้น นางกระโดดด้วยพละกำลังมหาศาลพร้อมชักดาบยาวออกจากเอวและพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนทันที! “ข้าไม่สน! ผู้ใดสังหารสามีของข้า มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

ดาบเล่มนั้นสะท้อนแสงวาววับและเปล่งประกายดุดัน มันลอยพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างว่องไว!

แม้โท่วป่าเซียงเนียวเป็นสตรีทว่าร่างกายของนางแข็งแรงยิ่งทั้งยังเปี่ยมด้วยพละกำลังมหาศาลราวบุรุษเพศ ทักษะการฝึกตนของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน! ข้อมือข้างที่จับดาบนั้นสั่นระรัว เหตุผลที่เยี่ยฉวนพูดมาทั้งหมดไม่อาจตรวจสอบได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ทว่าเป้าหมายของนางคือการสังหารเขาโดยต้องแทงให้ถูกจุดสำคัญ

“ศิษย์พี่ใหญ่! ระวัง!”

จูซือเจียกรีดร้องลั่นพร้อมชักกระบี่ที่เหน็บอยู่ตรงบั้นเอวออก!

แม้จูซือเจียเป็นคนมีนิสัยดื้อรั้นและปากร้ายทั้งยังไม่พอใจที่เยี่ยฉวนตบบั้นท้ายของตนนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าหากเขาถูกปองร้ายจากศิษย์ต่างสำนักนางก็พร้อมที่จะปกป้องด้วยมาตรฐานเดียวกับบรรดาผู้อาวุโส ก่อนที่นางจะได้ออกโรงกลับมีอีกคนปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าเขาไว้ทันการณ์ ชายร่างสูงชักกระบี่ออกและเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งครั้ง ชิ้ง ดาบยาวของโท่วป่าเซียงเนียวหักออกเป็นสองท่อนทันที ทั้งยังถูกแรงโจมตีกระแทกให้กระเด็นถอยไปไกลหลายก้าว ผิวของนางปรากฎรอยช้ำเป็นจ้ำสีเขียวจากนั้นจึงซีดจางลง

เยี่ยฉวนยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่ต้องออกแรงใดๆ ขณะที่หนานเทียนตูชักกระบี่นิลสลักกดดันให้อีกฝ่ายล่าถอย

“ท่านพ่อ พวกมันรังแกข้ารุนแรงนัก! ลูกสาวของท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว! ข้าไม่อยากอยู่แล้ว! ฮือ…”

โท่วป่าเซียงเนียวโยนดาบที่หักทิ้งไว้กับพื้นพร้อมโผกอดต้นขาของผู้เป็นบิดาและเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ นอกจากนางจะมีรูปลักษณ์ภายนอกอันน่าสยดสยองแล้ว สติปัญญาของนางยังน้อยนิดราวเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบเท่านั้น!

“อาวุโสสูงสุด! ท่านคิดจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?!” โท่วป่าเซียงจ้องมองซู่โกวหงที่เอาแต่นิ่งเงียบพลางกระชากเสียงอย่างก้าวร้าว “ข้าไม่ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างสองสำนักใหญ่ บรรดาแขกคนสำคัญจากสำนักเครื่องนิลทยอยเดินทางมากันแล้ว ค่ำคืนวิวาห์ที่ควรจะมีแต่ความสุขแต่เจ้าบ่าวกลับถูกสังหาร! บุตรสาวของข้ายังไม่ได้แต่งงานทั้งยังมีสถานะเป็นแม่ม่าย ยามนี้ไม่มีหนทางใดเลยที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ สำนักของท่านจงใจให้ผู้อื่นมองพวกเราเป็นตัวตลกและทำให้พวกเราอับอายหรืออย่างไร?!”

โดยปกติแล้วอาวุโสสูงสุดเป็นคนไม่เด็ดขาดในการตัดสินใจ ทว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอใดๆ ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากโท่วป่าเซียงเช่นนี้ ชายชราลอบโคจรแก่นแท้แห่งพลังปราณก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “เจ้าสำนักผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่อง หากท่านกล่าวเช่นนี้ หมายความว่าท่านมีหนทางจัดการกับเรื่องดังกล่าวกระนั้นหรือ?!”

“ง่ายดายยิ่ง ข้ามีสองทางให้เลือก…”

โท่วป่าเซียงกวาดสายตาเย็นชามองฝูงชนโดยรอบพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หนึ่ง ท่านจะต้องยอมให้ข้าพาศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักของท่านผู้เป็นฆาตรกรกลับไปยังสำนักเครื่องนิลเพื่อรับการลงทัณฑ์ หรือ…สอง ท่านจะยังคงดำเนินพิธีแต่งงานต่อไปเช่นเดิม ทว่าเปลี่ยนตัวให้เจ้าเยี่ยฉวนเป็นเจ้าบ่าวแทนจินหัวและเข้าพิธีแต่งงานกับเสี่ยวเนียวของข้า!”

“เรื่องนี้…จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?!” อาวุโสสูงสุดร้องอุทานด้วยความโกรธาระคนตื่นตกใจ!

การกระทำน่าโสมมของโท่วป่าเซียงยิ่งตอกย้ำให้ชายชราคิดเห็นด้วยว่าสิ่งที่เยี่ยฉวนพูดก่อนหน้านี้ถูกต้องทุกประการ สำนักเครื่องนิลต้องการเอาเรื่องการผูกสัมพันธไมตรีโดยการแต่งงานมาทำให้สำนักหมอกเมฆาต้องอับอายขายหน้า หากบรรดาแขกได้เห็นรูปโฉมที่อัปลักษณ์ราวนกอินทรียักษ์ของโท่วป่าเซียงเนียวจะยิ่งมองเป็นเรื่องขบขัน ด้วยเหตุนี้โท่วป่าเซียงจึงไม่ใส่ใจว่าผู้ที่จะมาแต่งงานกับบุตรสาวของตนจะเป็นศิษย์ชั้นเลิศเช่นจินหัว หรือศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเช่นเยี่ยฉวน…เขาต้องการผู้ใดจากสำนักหมอกเมฆาก็ได้ทั้งสิ้น! บิดาผู้นี้ทำราวกับบุตรสาวของตนเองเป็นเพียงหุ่นเชิด!

“ท่านเลือกเอาเถิดอาวุโสสูงสุด ว่าต้องการให้มีการนองเลือดเกิดขึ้นในสำนักหมอกเมฆา หรือจะยอมรับการประนีประนอมเสีย?” ด้วยรูปการณ์ปัจจุบันที่โท่วป่าเซียงเป็นต่อ เขาจ้องซู่โกวหงอย่างคาดคั้นเอาคำตอบพลางยกยิ้มเย็นเยือก

ก่อนหน้านี้โท่วป่าเซียงเนียวยังร่ำไห้ด้วยน้ำตาที่เจิ่งนองท่วมท้น ทว่ายามนี้นางกลับเงยหน้าขึ้นพลางปรับสายตาสำรวจชายผู้ที่บิดากล่าวถึงตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉับพลันสายตาของนางค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง ท่าทีเช่นนั้นของนางราวเด็กน้อยผู้ยังไม่รู้เดียงสาที่ร้องไห้ฟูมฟายเจียนตายเพราะเพิ่งสูญเสียของเล่นชิ้นเดิมไป ครั้นเห็นของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนใจยิ่งกว่า…สายตาก็เปล่งประกายเจิดจ้าอีกครั้ง!

อย่า! เสี่ยวเนียว อย่าทำตัวน่ากลัวเช่นนี้!

หัวใจของเยี่ยฉวนเต้นรัวดังโครมคราม เขาไม่หวาดกลัวโท่วป่าเซียงที่เป็นเพียงชายชราผู้เอาแต่ใจ ทว่าหวาดกลัวสายตาดุจจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวของโท่วป่าเซียงเนียวยิ่งกว่า!

สตรีนางอื่นอาจแต่งงานเพราะหวังในทรัพย์สมบัติ แต่ดูแล้วนางนกอินทรียักษ์ผู้นี้คงต้องการแต่งงานเพราะคิดจะสูบน้ำในร่างกายเท่านั้น…อ๊ะ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด