Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 56 สืบทอด

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 56 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 56 สืบทอด

“อี้เหยี่ยนจื่อ ชื่อนี้ดี! เจ้าเป็นคนของสำนักสุริยันแผดเผาใช่หรือไม่?!” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม ความทรงจำเลือนรางเมื่อหลายล้านปีก่อนผุดขึ้นมา ในดินแดนอรัญญิกเคยปรากฏชื่อสำนักนี้มาก่อน และเคล็ดวิชาสุริยันแผดเผาก็เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากคู่ต่อสู้ผู้น่าเกรงขามของสำนักนั้น!

“ถูกแล้ว คุณชาย ท่าน…”

ปีศาจพูดตะกุกตะกักด้วยลังเลว่าควรเอ่ยถามหรือไม่ แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะปริปาก “คุณชาย…ท่านรู้จักสำนักของเราได้อย่างไร? รวมถึงเคล็ดวิชาสุริยันแผดเผานั่นอีก…”

เคล็ดลับต่างๆ ถูกบันทึกไว้ในในตำราเล่มเล็กทำมือ กลิ่นหมึกบนกระดาษยังใหม่…เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเขียนขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ปีศาจเพลิงรู้สึกฉงนว่าแม้แต่บรรดาผู้อาวุโสแห่งสำนักยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเคล็ดวิชานั้นมาก่อน แล้วเยี่ยฉวนผู้เป็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆารู้ละเอียดถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

“อ่านตำรา”

เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปีศาจเพลิงจึงเข้าใจทุกอย่างกระจ่างขึ้น…

สำนักหมอกเมฆายามนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เพราะถูกกดดันจากทั้งสำนักเครื่องนิลและสำนักเบญจลักษณ์ทุกทาง ในที่สุดอาจถูกเนรเทศออกจากเทือกเขาหมอกเมฆาในสักวันหนึ่ง ทว่าก็ยังเป็นสำนักเก่าแก่ที่ก่อตั้งและสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลานาน ยอดฝีมือในสำนักมีไม่มาก ทว่ามีตำราเคล็ดวิชาต่างๆ ทั้งเคล็ดวิชาเฉพาะภายในสำนัก และเคล็ดวิชาลับของสำนักอื่นๆ ถูกเก็บรักษาไว้ในหอคัมภีร์สงครามนับหมื่นเล่ม! เยี่ยฉวนในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักผู้พำนักอยู่บนยอดเขาเมฆาอินทนิลซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากเจ้าสำนักหยุนเฟยหวู่ คงมีโอกาสได้อ่านตำราโบราณจนมีความรู้แตกฉานกว่าศิษย์ผู้อื่น

“คุณชายช่างปราดเปรื่อง! ศิษย์ผู้อื่นโจษจันว่าท่านไร้สติปัญญาและความสามารถ แท้จริงพวกมันมีตาแต่หามีแววไม่ ความคิดอ่านของท่านล้ำเลิศเหนือผู้ใด แม้ยังเยาว์วัยแต่กลับอ่านตำราหลายเล่มควบคู่ไปกับการฝึกตนเพื่อวางรากฐานพลังยุทธ์ให้แข็งแกร่ง วันข้างหน้าผู้ที่จะสามารถรวมสำนักทั้งสามให้เป็นหนึ่งคงมีเพียงท่านผู้เดียว!”

ปีศาจเพลิงรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวเยี่ยฉวน เขาประจักษ์แล้วว่าการตัดสินใจของตนในวันนั้นที่จะอยู่รับใช้อีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มนุษย์ผู้ใดก็ตามอาจฝึกตนให้เก่งกาจได้…แต่การที่เยี่ยฉวนรู้จักอ่านตำราเคล็ดวิชาและวางรากฐานพลังยุทธ์อย่างไม่รีบร้อนตั้งแต่อายุยังน้อย นับว่ามองการณ์ไกลยิ่ง!

“รวมสำนักทั้งสามให้เป็นหนึ่งงั้นหรือ อันที่จริงข้าไม่…” เยี่ยฉวนพึมพำด้วยท่าทางเหม่อลอย หวนนึกถึงภพอดีตครั้งที่เขายังมีราชาโอสถหัตถ์วิญญาณผู้ก่อตั้งสำนักหมอกเมฆาอยู่ข้างกาย

นักปราชญ์ยอดฝีมือวัยชราที่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋า เลือกเข้าไปคารวะฝากตัวรับใช้ราชวงศ์ต้าฉินเพื่อรับพระราชทานยศและตำแหน่ง…

นักปราชญ์ยอดฝีมือผู้บรรลุถึงระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าบางราย เข้าคารวะต่อราชวงศ์ต้าฉินเพื่อรับตำแหน่งขุนนางชั้นสูง…

ทว่ามหาปราชญ์ยอดฝีมือผู้เปี่ยมล้นด้วยความสามารถอันน่าอัศจรรย์ แม้พำนักอยู่ในดินแดนห่างไกล…แม้แต่องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงยังคารวะฝากตัวเป็นศิษย์!

บรรดาศิษย์ทั้งหลาย เหล่าผู้พิทักษ์ หรือแม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักหมอกเมฆาต่างวาดฝันว่าในอนาคตจะสามารถรวบรวมสำนักทั้งสามเป็นหนึ่งเพื่อชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วยุทธภพ ต่างคาดหวังว่าตนจะบรรลุไปจนถึงระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋า รวมถึงความรุ่งโรจน์ด้านยศตำแหน่งไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าเยี่ยฉวนไม่เคยใส่ใจลาภยศสรรเสริญเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ครั้งที่เขาเคยเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ สหายและสาวกทั้งหลาย…ราชินีอสูรเนตรสีคราม ราชันโอสถหัตถ์วิญญาณ ผู้ใดบ้างไม่ใช่มหาปราชญ์ยอดฝีมือ?!

“คุณชาย คุณชายเยี่ย…ท่านว่าอย่างไรนะขอรับ?” ปีศาจเพลิงเอ่ยถาม เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนออกจากภวังค์กลับสู่โลกปัจจุบัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเป็นปกติ “เปล่า ไม่มีอะไร อี้เหยียนจื่อ…อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดีขึ้นมากโข ขอบคุณคุณชาย เพียงแต่…” ปีศาจเพลิงกระชับตำราสุริยันแผดเผาในมือแน่นขึ้นอย่างกังวลใจ “ระยะนี้ข้าต้องรักษาตัวจึงไม่อาจต่อสู้กับผู้ใดได้…บริวารโอสถผู้นี้เกรงว่าจะไม่อาจช่วยเหลือท่าน การประลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสามสำนึกใกล้เริ่มต้นขึ้นเต็มที ทั้งคนของสำนักเครื่องนิลและคนของสำนักเบญจลักษณ์ต่างมีเจตนาชั่วร้าย ชัดเจนว่าพวกมันต้องการสังหารท่านในงานประลอง เรื่องนี้…”

“วางใจเถิด เมื่อข้ารับคำ…ข้าย่อมมีหนทางรับมือ เจ้าจงอยู่บนยอดเขารักษาอาการบาดเจ็บให้หายโดยเร็ว” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ

“หากเป็นเช่นนั้นทาสผู้นี้ก็วางใจ”

ปีศาจเพลิงเห็นเยี่ยฉวนมีแผนการรับมือที่ดี แม้แต่ในจิตใจยังมีความกังวลอยู่บ้างทว่าเขาก็ไม่ได้ปริปาก หลังหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเขาจึงกล่าวออก “ยังมีอีกเรื่อง…สองสามวันที่ผ่านมา ข้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและพลังปราณพลังที่อันตรายและรุนแรงขึ้นทุกทีราวจอมมารปีศาจจะทำลายผนึกออกมา คุณชาย…มีสิ่งใดเกิดขึ้นบริเวณหลังหุบเขาหรือ?”

ปีศาจเพลิงพำนักอยู่บนยอดเขาเมฆาอินทนิลเพียงไม่นาน ทว่าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารน่าหวาดผวาจากก้นเหวมังกรปีศาจด้านหลังสำนัก จิตใจของเขารู้สึกกระสับกระส่ายยิ่ง แต่เยี่ยฉวนกำชับเขาไว้ก่อนหน้าว่าไม่ควรลงจากยอดเขาโดยไม่จำเป็น จึงไม่ได้ลงไปสำรวจว่าแท้จริงสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่?

“นั่นคือที่ตั้งของหุบเขามังกรปีศาจ มีตำนานเล่าขานว่ามีมังกรร้ายจากยุคโบราณถูกผนึกไว้ใต้ก้นเหวลึก แต่ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”

เยี่ยฉวนกล่าวตอบขณะเงยหน้าขึ้นมองภูเขาลูกหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาก่อนกล่าวออก “วางใจเถิด สำนักหมอกเมฆาสืบทอดมาอย่างยาวนาน แม้ยามนี้จะเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ แต่โชคชะตายังไม่สิ้นสุด ต่อให้มีมังกรปีศาจพุ่งออกมาจากก้นเหวนั่น อย่างไรยอดฝีมือในสำนักย่อมรับมือได้ ศิษย์สามัญเช่นพวกเราไม่มีทางเดือดร้อนเป็นแน่! ไปเถิด…กลับไปที่ลานกว้างบนยอดเขา”

เยี่ยฉวนกำชับหนักแน่นก่อนประคองปีศาจเพลิงเหาะทะยานขึ้นไปยังยอดเขาเมฆาอินทนิล…

เยี่ยฉวนถูกขังอยู่ในสุสานเทพเจ้านานนับล้านปี ครั้นหลบหนีออกมาสำเร็จ เขาเลือกสถานที่พำนักเพียงแห่งเดียวคือสำนักหมอกเมฆา…

สำนักแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยราชาโอสถหัตถ์วิญญาณ สหายผู้ซื่อสัตย์และภักดีที่สุดของเขา เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบมากกว่าศิษย์ยุคปัจจุบันของสำนักเสียอีก! แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าและแม่น้ำลำธาร รวมถึงยอดเขาสูงเทียมฟ้าเหล่านั้นที่เขาเคยใช้พลังยุทธ์เคลื่อนย้ายด้วยตนเอง ความทรงจำยังแจ่มชัดแม้ถูกกักขังอยู่หลายล้านปี

เขตหวงห้ามเก่าแก่หลายแห่งในสำนักปัจจุบันศิษย์ในสำนักหมอกเมฆาก็ไม่มีผู้ใดรู้แล้ว ทว่าเขากลับไม่เคยลืม บรรยากาศโดยรอบยังไม่เปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนแปลงอาจมีเพียงศิษย์มากหน้าหลายตาที่ผันเปลี่ยนไปแต่ละสมัย เมื่อราชาโอสถหัตถ์วิญญาณไม่อยู่ เหล่าผู้พิทักษ์ที่ดุร้ายประหนึ่งพยัคฆ์ก็ไม่อยู่เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ชายชราผู้สวมชุดคลุมเขียวที่เขาพบบริเวณปากเหวมังกรปีศาจผู้นั่นเป็นใครกัน? อาวุโสลำดับที่เจ็ดในสำนักมีบุคคลเช่นนั้นด้วยหรือ?

เยี่ยฉวนนึกถึงครั้งที่เขาไปสำรวจหุบเขามังกรปีศาจเป็นครั้งแรกและได้พบชายนิรนามผู้นั้น นอกจากคาดเดาไม่ได้ว่าคือผู้ใด…ระดับขั้นการฝึกตนก็ไม่อาจคาดเดา คนผู้นี้นับว่าน่าหวั่นเกรงยิ่ง! ยังดีที่เขาไม่รู้สึกถึงจิตสังหารที่บ่งบอกถึงความเป็นศัตรูจากอีกฝ่าย

ครั้นกลับถึงสำนักหมอกเมฆา ทั้งเขาและปีศาจเพลิงจึงผ่อนคลายอารมณ์ลงเพราะไม่รู้สึกกังวลว่าจะถูกสัตว์อสูรตามไล่ล่าหรือถูกปีศาจเฒ่าถงปี่เล่นงานอีกต่อไป ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปยังยอดเขาเมฆาอินทนิลนั้นเอง เยี่ยฉวนหยุดชะงักฝีเท้าอย่างฉับพลันด้วยสัมผัสถึงจิตสังหารรุนแรงที่พุ่งเข้าปะทะใบหน้าโดยตรง!

ชายหนุ่มแปลกหน้าสวมชุดสีขาวสะพายกระบี่ยาวด้านหลัง ปรากฏตัวขึ้นตรงเชิงเขาขวางทางทั้งคู่เอาไว้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด