Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 64 ศิษย์น้อง…ข้าขออภัย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 64 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 64 ศิษย์น้อง…ข้าขออภัย

อี้สั่วมองเยี่ยฉวนอย่างคาดไม่ถึง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดจึงเลือกข้า?”

ชายหนุ่มแปลกใจในรายชื่อที่อีกฝ่ายประกาศยิ่ง!

อี้สั่วมีฐานะเป็นศิษย์ชั้นเลิศและยอดฝีมือแห่งสำนักหมอกเมฆา เขามุ่งมั่นให้ทักษะและพลังยุทธ์ของตนก้าวหน้าเหนือศิษย์คนอื่นๆ ทั้งยังเพียรฝึกฝนเพื่อให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในยุทธภพ ครั้นการประลองครั้งใหญ่ถูกจัดขึ้น ยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้แสดงศักยภาพ ทว่าสิทธิ์ตัดสินใจคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมการประลองอยู่ที่ศิษย์พี่ใหญ่เช่นเยี่ยฉวน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเข้าร่วมเพราะคิดว่าตนคงไม่ถูกอีกฝ่ายเลือกเป็นแน่!

เขาออกท่องยุทธภพเป็นเวลาหลายปี พอกลับมายังสำนักก็ออกตัวเป็นศัตรูกับเยี่ยฉวน หนำซ้ำยังเกือบต่อสู้กับอีกฝ่ายในที่สาธารณะอีกด้วย! หากเขาเป็นเยี่ยฉวนคงตัดรายชื่อทิ้งเป็นรายแรก ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้จะไม่ถือโทษโกรธเคือง ทั้งยังเลือกเขาให้เข้าร่วมการแข่งขัน คาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้!

บัดนี้เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนศิษย์จากสำนักหมอกเมฆาให้เข้าร่วมการประลองอย่างสมบูรณ์ ร่างแข็งแรงด้วยมัดกล้ามยืดอกเผยท่าทีน่าเกรงขาม…ในที่สุดชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่ปรากฏเสียที ทว่าลึกๆ แล้วเขายังรู้สึกเคลือบแคลงใจไม่น้อยว่าอีกฝ่ายมีแผนการใดแอบซ่อนไว้หรือไม่? จินจื่อคุนก็ประหลาดใจเช่นกัน เขามองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความสงสัยระคนหวั่นเกรง ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าจะส่งอี้สั่วไปร่วมการประลองได้อย่างไร? ไม่คาดคิดว่าไอ้เด็กนั่นจะเปิดทางเก็บศัตรูไว้ข้างกายเสียเอง! ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังซ้อนแผน

“ศิษย์น้อง…ข้าขออภัย!”

เยี่ยฉวนกวาดสายตามองโดยรอบก่อนมาหยุดที่อี้สั่วพร้อมกล่าวคำออกอย่างจริงใจ “ข้าไม่ควรปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น…ก่อนหน้านี้เจ้าเพิ่งกลับมาจากการออกท่องยุทธภพ แต่ข้ากลับไม่ตระเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ต้อนรับ ทั้งยังปฏิบัติต่อเจ้าอย่างหยาบคายไร้ความเอื้อเฟื้อ…นั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง! ศิษย์พี่ใหญ่ทำผิดต่อเจ้า…ต้องขออภัยด้วย”

ทุกคนที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆา ต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน!

แม้เยี่ยฉวนมีระดับขั้นการฝึกตนที่ไม่สูงส่งทัดเทียมผู้อื่น ทว่าเขาก็ดำรงตำแหน่งเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนัก และการที่ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวคำขอโทษศิษย์น้องในที่สาธารณะเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! เห็นทีดวงอาทิตย์คงขึ้นจากทิศตะวันตกเสียแล้วกระมัง!

อี้สั่วพ่นลมหายใจแรงขณะจ้องไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา ในใจยังไม่คลายความสงสัย…

“ศิษย์น้องอี้สั่ว…ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจข้า แต่นั่นถือเป็นความคับข้องใจส่วนตัว ข้ารู้ว่าคนฉลาดเช่นเจ้าคงรู้ว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในยามนี้”

เยี่ยฉวนหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนัก บอกตามตรงว่าข้ารู้สึกละอายใจยิ่ง! ด้วยทักษะการฝึกตนของข้าที่อยู่ในระดับปานกลาง…พรสวรรค์หรือก็ด้อยนัก ข้าตระหนักเสมอว่าตัวข้าช่างไม่คู่ควรกับความเมตตาจากผู้อาวุโสทุกท่านเอาเสียเลย ศิษย์พี่ศิษย์น้องคงรู้ดีว่าข้ารักความสันโดษมากกว่ากิจกรรมที่มีผู้คนพลุกพล่าน เดิมทีข้าไม่สนใจประลองครั้งใหญ่นี้ด้วยซ้ำ ทว่าข้อบังคับจากอีกสองสำนักทำให้ข้าจำต้องเข้าร่วม แต่ถ้าใช้ทักษะของข้าเพียงผู้เดียวอาจพ่ายแพ้โดยง่าย ดังนั้นข้าจึงฝากความหวังไว้กับยอดฝีมือแห่งสำนักเช่นเจ้า…ศิษย์น้องอี้สั่ว การประลองครั้งนี้ราวจัดขึ้นเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ หากไม่มีเจ้าเสียหนึ่งคนสำนักของเราต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ศิษย์พี่ใหญ่เช่นข้าเสียหน้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่าสำนักหมอกเมฆาต้องเสียชื่อเพราะแพ้การประลองคงน่าอับอายยิ่ง…ไปกับข้าเถิด! สู้รบเพื่อศักดิ์ศรีของพวกเรา!”

เขากำลังเชื้อเชิญอี้สั่วในนามของสำนักให้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ต่อหน้าทุกคน น้ำเสียงของเยี่ยฉวนเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและหนักแน่น…ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ผู้ฟังสามารถปฏิเสธได้

สีหน้าอี้สั่วดีขึ้นไม่เย็นชาอีกต่อไปเพราะชื่นชอบวาทะกรรมของอีกฝ่ายยิ่ง! ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเยี่ยฉวนผู้เป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่จึงกล่าวอย่างถ่อมตนในที่สาธารณะเมื่อเผชิญกับเรื่องใหญ่อย่างการประลองเช่นนั้น?!

ยามนี้เขาคลายความสงสัยแล้ว จูซือเจียและบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ก็เข้าใจเช่นกัน แม้การคัดเลือกให้อี้สั่วจะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แต่เมื่อไตร่ตรองตามคำอธิบายจากปากของเขาจึงรับรู้ว่าเป็นสิ่งที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล ในรายชื่อเจ็ดคนที่จะเข้าร่วมประลอง…เยี่ยฉวนบรรลุขั้นการฝึกตนในระดับที่ต่ำกว่าผู้อื่น ทั้งยังมีเจ้าอ้วนและศิษย์ชั้นนอกที่ดูไร้ประโยชน์อีกสองคน หากขาดยอดฝีมือเข้าร่วม เกรงว่าสำนักคงพ่ายแพ้การประลองจนหมดรูป!

“ว่าอย่างไร? ศิษย์น้องอี้สั่ว…เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือยัง?” เยี่ยฉวนพยายามตีเหล็กทั้งยังร้อน บนใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งความจริงใจและคาดหวังยิ่ง ทว่าจิตใจกลับลอบหัวเราะเยาะ หางตาเหลือบมองท่าทีของอาวุโสลำดับสามและจินจื่อคุนอย่างรวดเร็ว

‘เจ้าอยากเล่นสกปรกนักไม่ใช่รึ?! โอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว…ดูซิว่าเจ้าจะคว้ามันไว้หรือไม่!’

เยี่ยฉวนวางแผนการนี้ไว้แล้ว…หากจะจับอสรพิษต้องล่อมันออกมาจากรูให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นเขาค่อยคิดวิธีกำจัดจินจื่อคุนและอาวุโสลำดับสาม รวมถึงขยะไร้ค่าในครั้งเดียว! ยิ่งคนชั่วเหล่านี้แฝงตัวอยู่ในสำนักนานเท่าไร ยิ่งเป็นอันตรายต่อเขามากเท่านั้น!

อี้สั่วเพียงเหลียวมองไปยังอาวุโสลำดับสาม…อาจารย์ของเขาที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ปริปากเอ่ยคำใด ครั้นอีกฝ่ายลอบพยักหน้า เขาจึงพ่นลมหายใจก่อนพยักหน้าตอบรับคำเชิญจากอีกฝ่าย “ก็ได้ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสำนัก ศิษย์น้องผู้นี้ยินดีไปร่วมการประลองกับท่าน!”

ขณะที่อี้สั่วยังมีท่าทีสงบนิ่ง เจ้าหอแปรธาตุจินจื่อคุนกลับเผยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความพึงใจโดยไม่เก็บอาการ ความกังวลของเขาก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลง นับจากนี้ค่อยหารือกับอาวุโสลำดับสาม ว่าจะวางแผนการอย่างไรให้เยี่ยฉวนหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล…

จินจื่อคุนปรายตามองเยี่ยฉวนแวบหนึ่งก่อนหลบสายตาโดยเร็ว จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี หลังจากเอาแต่อดทนรอคอยจังหวะมานาน ในที่สุดเขาก็มีโอกาสแก้แค้น!

“ศิษย์น้องช่างปราดเปรื่อง!”

เยี่ยฉวนปรบมือชื่นชมอี้สั่วด้วยรอยยิ้มกว้าง ดูเหมือนเขาไม่รับรู้เลยว่าตนกำลังเปิดช่องให้ศัตรูเข้าใกล้ ราวคนโง่ที่เชื้อเชิญหมาป่าให้เข้ามาในตัวบ้าน…

ขณะเดียวกันจูซือเจียผู้มีไหวพริบกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลแต่ไม่ได้โต้แย้งให้เยี่ยฉวนเสียหน้าในที่สาธารณะ เพียงกล่าวคำออกอย่างโกรธเคือง “เยี่ยฉวน! ข้าจะทำเป็นลืมเรื่องที่เจ้าเลือกให้เจ้าอ้วนเข้าร่วมการประลอง แต่ศิษย์ชั้นนอกอย่างอู๋หย่งกับหวังลี่เล่า?! เท่านี้สำนักหมอกเมฆาของเราก็เสียเปรียบมากพออยู่แล้ว เจ้ายังจะเลือกพวกเขาเข้าร่วมการประลองอีกหรือ?!”

นางขบกรามแน่นอย่างโกรธเคือง หลายวันที่ผ่านมานางพยายามรวบรวมรายชื่อบรรดายอดฝีมือเพื่อช่วยเยี่ยฉวนให้เลือกบุคคลที่เหมาะสมร่วมในการประลองครั้งนี้ มาวันนี้เขากลับไม่ชายตามองมันเลยแม้แต่น้อย! ทั้งผู้ที่เขาเลือกยังเป็นคนที่นางไม่คาดคิด…

“นั่นสิ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นไปได้?!”

“เขาพยายามพูดจาหว่านล้อมแทบตายเพื่อให้ศิษย์ชั้นเลิศอย่างอี้สั่วเข้าร่วมการประลอง แต่กลับเลือกศิษย์ชั้นนอกไร้ประโยชน์ถึงสองคนไปด้วย ศิษย์พี่ใหญ่คิดสิ่งใดอยู่กันแน่?!”

บรรดาศิษย์ต่างถกเถียงกันอย่างเปี่ยมอรรถรส ทว่าคิดจนสมองตีบตันพวกเขาก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดของเยี่ยฉวน

“ศิษย์น้องอี้สั่วเป็นยอดฝีมือผู้มีทักษะแข็งแกร่งไร้ผู้ใดเปรียบ ทั้งยังเป็นศิษย์ชั้นเลิศแห่งสำนักที่ปรากฏตัวขึ้นในเวลาสำคัญเช่นนี้ ดังนั้นสำหรับการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะรับมือ! ส่วนศิษย์ชั้นนอกทั้งสองใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ สนามประลองเมฆาวาโยอยู่ไกล จึงจำเป็นยิ่งที่จะต้องมีผู้ทำธุระอื่นๆ แทน เตรียมอาหาร หรือสิ่งยิบย่อยอื่นอีก จริงหรือไม่?!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงแทบสิ้นสติ! เลือกศิษย์ชั้นนอกสองคนให้เป็นผู้เตรียมอาหารและทำธุระต่างๆ งั้นหรือ?! นอกจากศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนแล้ว คงไม่มีผู้ใดคิดเรื่องเช่นนี้ได้เป็นแน่!

ขณะที่ฝูงชนต่างตระหนกกับสิ่งที่ได้ยิน เยี่ยฉวนกลับมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่แม้แต่จะกะพริบตา แม้ทักษะการฝึกตนของเขาไม่สูงส่ง…ทว่าใบหน้าของเขาก็หนาพอที่จะไม่ใส่ใจคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ของฝูงชน

อาวุโสลำดับสูงสุดถึงกับโคลงศีรษะและหมุนกายจากไปด้วยกล่าวคำใดไม่ออก จูซือเจียส่งสายตาอาฆาตแค้นไปยังเยี่ยฉวนก่อนเดินตามท่านปู่ของนางออกไปอีกคน จากนั้นบรรดาศิษย์สำนักหมอกเมฆาก็ทยอยแยกย้ายไปทำหน้าที่รับผิดชอบของตน แต่ละคนต่างส่ายหน้าด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง…ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าสำนักหมอกเมฆาไม่มีทางเอาชนะการประลองระหว่างสามสำนักในครั้งนี้ได้ มีเพียงอี้สั่วที่ยังคงยืดอกอย่างทะเยอทะยานและหลงใหลอยู่กับวาทะกรรมของศิษย์พี่ใหญ่ แม้ท้ายที่สุดสำนักจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบเขาก็ไม่ใส่ใจ ตราบใดที่ชื่อเสียงของตนยังเป็นที่ประจักษ์ในดินแดนห่างไกล…นั่นนับว่าคุ้มค่าเพียงพอแล้ว!

“การประลองครั้งนี้ ผู้คนทั้งยุทธภพจะต้องจดจำบุคคลสองคน คนหนึ่งคือเยี่ยฉวน…ขยะไร้ประโยชน์ของสำนัก และอีกคนคือข้า…อี้สั่ว!”

เขาสบตาเยี่ยฉวนก่อนเผยรอยยิ้มจอมปลอมขณะตั้งปณิธานอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นจึงหมุนกายจากไป…

เยี่ยฉวนหัวเราะร่าเช่นกันขณะมองตามแผ่นหลังของอี้สั่วและอาวุโสลำดับสามและบรรดาผู้ติดตามคนอื่นๆ เห็นอาการราวตนคือผู้ชนะเช่นนั้นเขาจึงเผยรอยยิ้มเหนื่อยหน่าย ขณะที่ศิษย์คนอื่นๆ ต่างส่ายศีรษะ มีเพียงหนานเทียนโตวที่มีท่าทีสงบประหนึ่งดวงจิตมีน้ำเย็นหล่อเลี้ยง ร่างสูงใหญ่ยืนตัวตรงนิ่งราวมีดาบแหลมคมปักตรึงให้อยู่กับที่ เขาไม่เดือดร้อนกับเหตุการณ์รอบข้างแต่อย่างใด

‘ในการประลองครั้งนี้…มียอดฝีมือคนเดียวก็เพียงพอจะรับมือแล้ว’ เป็นประโยคหนึ่งที่เยี่ยฉวนไม่ได้โกหก ทว่าบุคคลนั้นไม่ใช่อี้สั่ว แต่เป็นหนานเทียนโตว…ผู้เคยฝึกตัวอย่างสันโดษที่เพิ่งลงมาจากยอดเขาต่างหาก!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด