Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 76 ไม่ยั่งยืน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 76 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 76 ไม่ยั่งยืน

เยี่ยฉวนนั่งลงกับพื้นก่อนเข้าสู่สมาธิฝึกตนอย่างสันโดษทันทีที่กลับถึงที่พำนัก…

เขาไม่รู้สึกกังวลใดๆ แม้วันนี้สำนักหมอกเมฆาจะพ่ายแพ้การประลองถึงสองครั้งติดต่อกัน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาจงใจให้เกิดขึ้น หลังจากนี้เขาจะต้องพลิกสถานการณ์ให้กลับตาลปัตรราวกระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศทางจนฝูงชนตกตะลึง! ดังนั้นหากพึ่งพาเพียงกลยุทธ์ที่แยบยลอาจไม่เพียงพอ…

เขาเริ่มบริกรรมเคล็ดวิชาอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นแสงสีฟ้าจากโคมบงกชสีครามพลันกะพริบและค่อยๆ สว่างเรือง

จุดสีดำเล็กๆ สองจุดปรากฏขึ้นตัดกับแสงสีฟ้าก่อนหมุนวนอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นเองราชันจักจั่นทองคำและลูกหมูป่าขนสีขาวพลันกระโดดออกมาจากตัวโคม!

ราชันจักจั่นทองคำกระพือปีกขณะบินวนไปรอบๆ ทันทีที่สัมผัสกับโลกภายนอก ปีกขนาดเล็กทั้งสี่ทำให้เกิดคลื่นพายุในอากาศราวกระแสน้ำวน ส่วนลูกหมูยังนอนหลับอุตุไม่รู้สึกรู้สากับสถานที่ที่เปลี่ยนไป เสมือนใช้เวลาในการนอนทั้งชีวิตก็ไม่เพียงพอ

บริวารทั้งสองตัวดูเหมือนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ทว่าสำหรับเยี่ยฉวนผู้มีสายตาเฉียบแหลมแล้ว…เขาสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว

รอยนูนสองรอยบนหลังของราชันจักจั่นทองคำมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังปริออกเล็กน้อยจนเห็นปีกบางส่วนภายใน นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการผลัดเปลี่ยนเป็นร่างที่มีหกปีก ทว่าที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคือก้อนกลมๆ อีกสองรอยที่ปูดขึ้นเป็นสัญญาณว่าจะมีปีกงอกออกมาอีกหนึ่งคู่! ส่วนลูกหมูขนสีขาวมีลักษณะที่ผิดแผกไปจากเดิม รูปร่างมันไม่เหมือนหมูป่าอีกต่อไปแต่ดูเหมือนอสุรกายนกยักษ์โบราณที่กำลังกลายพันธุ์

“หรือมันจะเป็น…หมูป่าขาวในตำนาน?!”

เยี่ยฉวนประหลาดใจในสิ่งที่ได้รับชม! ความคิดที่จะเข้าไปในหุบเขาหลังสำนักให้ลึกขึ้นเพื่อค้นหาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มาเป็นบริวารเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ที่ได้มาจากสุสานเทพเจ้าทำให้เขาเห็นโลกทัศน์ใหม่ๆ ที่แม้แต่ตัวเขาในอดีตชาติก็ไม่เคยพบพาน!

ภพชาตินี้เขาทำการฝึกตนจากจุดเริ่มต้นอีกครั้ง แม้ทักษะของเขาจะก้าวหน้าอย่างเชื่องช้าแต่หากมีสัตว์อสุรกายที่แข็งแกร่งจำนวนมากเป็นบริวาร เพียงส่งกระแสจิตควบคุมพวกมันด้วยปลายนิ้วก็สามารถบดขยี้ทั้งสำนักเครื่องนิลและสำนักเบญจลักษณ์จนแหลกละเอียดเป็นผุยผง! เช่นเดียวกับชีวิตของเขาในภพชาติก่อนที่สามารถซ่อนเร้นสวรรค์ได้โดยใช้ฝ่ามือเดียว!

เขาสลัดความคิดที่ต้องการเข้าไปสำรวจในหุบเขาหลังสำนักทิ้งก่อนนำวัตถุบางสิ่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็วุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมสิ่งของอีกหลายชิ้นเพื่อจัดทำบางอย่างที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตกตะลึง!

ยามราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็ว…

บรรดาศิษย์ของทั้งสามสำนักยังรู้สึกตื่นเต้นกับการประลองในช่วงกลางวันที่ผ่านมา ทั้งยังสนทนากันอย่างออกรสถึงเหตุการณ์เหล่านั้น บนผาปากอินทรีมีเพียงที่พำนักของอี้สั่วที่ไร้เสียงเล็ดลอดใดๆ ออกมา…

หลังจากประลองครั้งที่สองบนสังเวียนแห่งความเป็นตาย อี้สั่วได้วิ่งหนีไปและไม่สุงสิงกับผู้ใดอีก ขณะที่เยี่ยฉวนยังคงวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมสิ่งของบางอย่าง เขากลับซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและมีชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางเย็นชา

“ใช่แล้ว! ไอ้เยี่ยฉวน…มันต้องเล่นสกปรกกับข้าเป็นแน่!”

อี้สั่วกล่าวพร้อมขบฟันแน่น แม้เวลาจะผ่านไปเกือบหนึ่งวันทว่าเสียงที่เปล่งออกยังคงเป็นเสียงสตรีที่ไพเราะและอ่อนหวาน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวผิดมนุษย์ด้วยความโกรธแค้นระคนอับอาย “ท่านเจ้าหอจิน! ข้าจะฆ่ามัน! ข้าอยากฉีกเนื้อไอ้เยี่ยฉวนนั่นเป็นชิ้นๆ เต็มทีแล้ว!”

ความรู้สึกโกรธของเขาโหมกระหน่ำราวไฟสุมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน! เดิมทีเขาต้องการเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้เพื่ออวดศักดา แต่ใครจะคาดคิดว่านอกจากเขาจะไม่เฉิดฉายบนสังเวียนแล้ว…ยังต้องอับอายขายหน้าไปถึงบรรพบุรุษกว่าแปดรุ่น ทุกคนที่รับชมการประลองอยู่บนอัฒจันทร์ต่างหัวเราะเยาะเขา!

ตอนที่เขาอยู่บนสังเวียนแห่งความเป็นตายและถูกฝูงชนจากรอบทิศหัวเราะเยาะ จิตใจของเขาทั้งขาวโพลนและว่างเปล่า ทว่ายามนี้แม้เสียงจะยังไม่กลับมาเป็นปกติแต่ท่าทีสงบลงมากแล้ว ครั้นทบทวนอย่างถี่ถ้วนจึงพอคาดเดาต้นสายปลายเหตุได้ นอกจากเยี่ยฉวนแล้วคงไม่มีผู้ใดกล้าใช้กลอุบายสกปรกเช่นนี้ เพียงแต่อีกฝ่ายทำได้อย่างไรและทำตั้งแต่ตอนไหน อี้สั่วยังไม่รู้แน่ชัด…

ขณะที่ตั้งวงร่ำสุรากัน เยี่ยฉวนลอบวางยาพิษในจอกสุราของเขาด้วยอย่างนั้นหรือ?!

อี้สั่วนึกทบทวนอีกครั้ง ภาพความทรงจำค่อยๆ ไหลเข้ามาในห้วงความคิด ทันใดนั้นเขาจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เยี่ยฉวนเอื้อมมือมาตบไหล่! เขาเร่งฉีกเสื้อผ้าของตนเองทันทีและพบรอยจุดสีแดงขนาดเล็กเท่ารูเข็มบริเวณหัวไหล่ แต่เมื่อออกแรงกดบนรอยนั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เป็นมันจริงๆ ด้วย!

อี้สั่วโกรธแค้นจนร่างสั่นสะท้านพร้อมชักกระบี่ออกจากฝักที่ห้อยอยู่บริเวณเอวทันที! จิตสังหารอันรุนแรงของเขาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ! ยามนี้เขาต้องการบุกไปยังที่พำนักของเยี่ยฉวนเพื่อฉีกร่างของอีกฝ่ายออกเป็นพันชิ้น!

จินจื่อคุนผู้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเพียงยืนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ห้ามปราม เขาใช้สายตาเย็นเยือกเหลือบมองไปที่อี้สั่วผู้มีจิตสังหารแรงกล้าก่อนกล่าวออก “ฆ่างั้นรึ?! เจ้าจะฆ่ามันได้อย่างไร? ลากเขาออกไปแล้วใช้กระบี่ฟันร่างเขาเป็นสองท่อนอย่างนั้นหรือ?! หากเจ้าหุนหันพลันแล่นเช่นนี้หมายความว่าเจ้าไม่ต้องการตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แล้วใช่หรือไม่…เหตุใดจึงไม่เชื่อฟังคำชี้แนะของอาวุโสลำดับสามเสียบ้าง?!”

ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวไม่พอใจในการกระทำของอี้สั่วยิ่ง! คำถามกึ่งตำหนิที่ถาโถมใส่อีกฝ่ายประหนึ่งสาดน้ำเย็นใส่โดยแรง เขาหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ “อี้สั่ว ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก! จำไม่ได้แล้วหรือว่าข้าและอาวุโสลำดับสามกำชับสิ่งใดกับเจ้าไว้บ้าง?! เจ้าเป็นผู้อาสาขึ้นไปบนสังเวียนนั้นเองไม่ใช่รึ?!”

“ต่อให้ข้าไม่เสนอตัวเข้าประลองในครั้งนั้น แต่ไอ้เด็กเหลือขอนั่นกลับรู้ทันว่าข้าลอบวางยาพิษลงในสุราจึงระวังตัวเป็นอย่างดี มันช่างร้ายกาจทั้งยังน่ารังเกียจนัก! วาทะกรรมสวยหรูเสียเปล่า…ความจริงแล้วมันไม่ไว้ใจข้าเลยแม้แต่น้อย!” อี้สั่วเผยสีหน้าเคร่งเครียดด้วยความชิงชัง! ความเป็นปฏิปักษ์พลันก่อเกิดขึ้นในจิตใจ

เดิมทีเขาคิดว่าเยี่ยฉวนโง่เขลาและงี่เง่าจนสามารถหลอกให้ตกหลุมพรางได้โดยง่าย ไม่นึกเลยว่าผู้ที่โง่เขลากลับเป็นตัวเขาเสียเอง!

‘ไอ้เยี่ยฉวนนั่นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก!’

“หากเจ้ามีไหวพริบมากกว่านี้เสียหน่อยและแกล้งทำทีเหมือนถูกวางยาพิษเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ต่อให้ไอ้เยี่ยฉวนสงสัยมันก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ ทั้งเจ้ายังมีโอกาสดำเนินแผนการให้มันและคนอื่นๆ พ่ายแพ้อย่างยับเยินในการประลองนั้น จำไม่ได้หรือ? สิ่งที่เจ้าต้องทำคืออย่ากระทำการใดที่ผิดแผน  ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว…เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้กับอาจารย์ของเจ้าอย่างไร?!” จินจื่อคุนจ้องเขม็งไปยังอี้สั่ว ปราณหยางในร่างกายของเขาเดือดพล่าน!

เขาโกรธจนอกแทบระเบิดเพราะแผนที่ถูกคิดมาอย่างดีเยี่ยมกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า!

ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากยอมรับความสูญเสีย!

หากเขาไม่เกรงกลัวอำนาจของอาวุโสลำดับสามผู้เป็นอาจารย์ของอีกฝ่าย…เขาคงเด็ดหัวของไอ้หนุ่มผู้นี้ด้วยน้ำมือของตนเองไปแล้ว!

อี้สั่วผู้โกรธเกรี้ยวจนหน้ามืดตามัวได้ยินถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวจึงค่อยๆ ดึงสติกลับมา ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไร้การควบคุม…ใบหน้าพลันซีดขาวไร้โลหิต

เขาหลงลืมแผนการที่อาวุโสลำดับสามกำชับกับเขาอย่างมั่นเหมาะไปจนสิ้น!

เจ้าแห่งหอแปรธาตุจินจื่อคุนกล่าวถูกต้อง หลังจากนี้เขาจะอธิบายความผิดพลาดมหันต์นี้ให้ท่านอาจารย์ฟังได้อย่างไร?!

“ในเมื่อสถานการณ์พลิกผันเช่นนี้ พวกเราคงทำได้เพียงเปลี่ยนแผนการเสียใหม่…”

จินจื่อคุนสบตาอี้สั่วก่อนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ยามนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง ทางแรก คือสังหารไอ้เยี่ยฉวนซะโดยยืมมือของผู้อื่น ทางที่สอง เจ้าจะต้องอดทน! ยิ่งเจ้าโกรธแค้นมากเพียงใดยิ่งต้องแสดงท่าทีอ่อนแอและน่าสมเพชให้มากขึ้นเท่านั้น! พอมันเห็นเจ้าเป็นเช่นนั้นจึงจะลดความระแวดระวังของตนเองลง หลังจากนั้นหากสบโอกาสเจ้าก็ลงมือฆ่ามันเสีย!”

“เช่นนั้น…ข้าจะยืมมือผู้อื่นสังหารมันได้อย่างไร?” ดวงตาของอี้สั่วฉายแววอาฆาตร้าย!

อดทนรึ?!

นี่ไม่ใช่นิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย! เขาไม่สามารถอดทนถึงเพียงนั้นได้อย่างแน่นอน!

หากเขาต้องแสร้งปั้นหน้าเศร้าและทำตัวน่าสมเพชต่อหน้าเยี่ยฉวน…เห็นทีคงกลั้นใจตายเสียก่อน! เทียบกับการสังหารอีกฝ่ายให้ตายตกไปเสียเพื่อแก้แค้นโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรเลย!

อี้สั่วผู้ไร้ซึ่งความอดทนเลือกหนทางแรกอย่างไม่ลังเล!

“จงจำไว้ว่าบางเรื่องเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้…แค่ทำตามคำสั่งของข้าก็เพียงพอแล้ว แม้สำนักเบญจลักษณ์จะเข้าถึงได้ยากนักแต่ข้าก็มีหูและตาอยู่ที่นั่นบ้าง อี้สั่ว…ขยับเข้ามา” จินจื่อคุนออกคำสั่งก่อนเอี้ยวตัวไปกระซิบบางอย่างข้างหูของอีกฝ่ายพร้อมยื่นท่อนไม้จันทน์ให้ อี้สั่วได้ยินเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจนใบหน้าซีดเผือด!

“หึ! กลัวหรือ?” จินจื่อคุนแค่นเสียงอย่างเย็นชา

“หะ…หากท่านเจ้าสำนักเบญจลักษณ์รู้เรื่องนี้เข้า ข้าเกรงว่า…”

อี้สั่วลังเลอยู่เป็นนานจนเหงื่อโซมกาย ทว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าจินจื่อคุนที่ส่งสายตาเยือกเย็นจ้องมองเขาอย่างกดดันเช่นนั้น เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงหยิบท่อนไม้จันทน์ก่อนผงกศีรษะอย่างหนักแน่นพร้อมกล่าวออก “ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องกลัว! ถึงหวั่นกลัวไปก็เปล่าประโยชน์ อี้สั่วยินดีปฏิบัติตามคำชี้แนะของท่านเจ้าหอทุกประการ!”

“เช่นนั้นก็ดี! วางใจเถิด! หากเจ้าทำสำเร็จตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาต้องเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน! ข้าต้องการเพียงศีรษะของไอ้เยี่ยฉวน ส่วนคนอื่นๆ เจ้าจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าเจ้าอาจกลายเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปก็เป็นได้ และอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดในสำนักจะตกเป็นของเจ้า!” แววตาของจินจื่อคุนวูบไหว เขารอคอยโอกาสที่จะสังหารเยี่ยฉวนมานานโข…ในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง!

“ท่านเจ้าหอแปรธาตุโปรดวางใจ อี้สั่วตระหนักแล้วว่าควรทำสิ่งใด!”

อี้สั่วโค้งคำนับพร้อมสูดลมหายใจลึก ก่อนเดินออกไปด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด