Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 84 ใฝ่ฝันอยากเป็นหงส์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 84 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

บทที่ 84 ใฝ่ฝันอยากเป็นหงส์

 

การประลองวิทยายุทธครั้งสุดท้ายของวันนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงพลบค่ำ…

 

ผลการจับสลากประกาศก้อง…สํานักหมอกเมฆาประลองกับสํานักเครื่องนิล! สิ้นคําประกาศอาวุโสตู๋แห่งสํานักเบญจลักษณ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก! ทว่าเจ้าสํานักโท่วป่าเซียงแห่งสํานักเครื่องนิลกลับเผยสีหน้าเคร่งเครียด

 

“ไป! เรียกหงลี่ให้เร่งมาที่นี่!”

 

โท่วป่าเสียงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงออกคําสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เขาตัดสินใจส่งศิษย์รุ่นเยาว์ผู้มีวิทยายุทธแข็งแกร่งที่สุดในสํานักให้ลงสนามประลองครั้งนี้ หงลี่ควรทําหน้าที่ฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเครื่องนิลให้สมเกียรติ!

 

ไม่นานหงลี่ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะโค้งคํานับให้กับโท่วป่าเซียงเพื่อรอรับคําสั่ง เพียงคาดเดาว่าท่านเจ้าสํานักจะมอบหมายให้เขาเป็นผู้ประลองกับยอดฝีมือในรอบพันปี เช่นหนานเทียนโตวจากสํานักหมอกเมฆา หัวใจเขาเขาพลันสั่นรัวด้วยความตื่นเต้นจนแทบระเบิดออกจากอก! 

 

“หงลี่…สิ่งที่อยู่ในมือข้าคือชุดเกราะเทพราชันและหอกโลหิต รับไปเถิด!”

 

โท่วป่าเซียงมอบสมบัติล้ำค่าสองชิ้นให้กับหงลี่ ก่อนลดเสียงลงต่ำขณะกล่าวต่อ “ฆ่ามันซะ! ไม่ว่าผู้ที่สํานักหมอกเมฆาส่งมาจะเป็นใคร จงฆ่ามันเพื่อข้า! หากเจ้าชนะ…สมบัติทั้งสองชิ้นนี้จะตกเป็นของเจ้า หากแพ้…เจ้าต้องสละตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักให้ศิษย์รุ่นเยาว์ผู้อื่นที่มีความสามารถมากกว่า!”

 

เงื่อนไขในครึ่งแรกของโท่วป่าเซียงทําให้หงลี่เป็นสุขยิ่ง! ทว่าเงื่อนไขที่สองกลับทําให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายจนเหงื่อไหลโซมทั่วร่าง! แววตาของบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ในสํานักเครื่องนิลที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย บ้างก็เห็นอกเห็นใจ บ้างก็เย้ยหยัน บางรายจ้องมองสมบัติล้ำค่าสองชินราวพยัคฆ์จ้องตะครุบเหยื่อ

 

สํานักเครื่องนิลแตกต่างจากสํานักหมอกเมฆาเรื่องการแต่งตั้งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานัก พวกเขาไม่ได้พิจารณาจากระยะเวลาที่ศิษย์ผู้นั้นเข้ามาฝึกตนในสํานัก ทว่าพิจารณาจากความแข็งแกร่ง ผู้ใดก็ตามที่มีทักษะวิทยายุทธเป็นเลิศจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศิษย์พี่ใหญ่โดยชอบธรรม แม้กฏเกณฑ์ดังกล่าวจะผิดแปลกจากสํานักอื่นๆ แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะทําให้บรรดาศิษย์ในสํานักที่ต้องการความก้าวหน้าเพียรฝึกตน อย่างหนักจนแกร่งกล้าราวหมาป่าและพยัคฆ์ร้าย

 

สิ่งเหล่านี้เพิ่มแรงกดดันให้หงลี่เป็นเท่าทวี หากเขาทําภารกิจที่ท่านเจ้าสํานักมอบหมายไม่สําเร็จ…ผลลัพธ์คือตายเท่านั้น!

 

ทุกคําสั่งที่ออกจากปากของเจ้าสํานักโท่วป่าเซียงหนักแน่นทั้งยังทรงอํานาจมหาศาล ในสํานักเครื่องนิลไม่เคยมีผู้ใดกล้าโต้แย้งหรือท้าทายเขา หงลี่ผู้ได้ยินเช่นนั้นไม่ตอบรับในทันทีแต่กลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีก่อนสบตาโท่วป่าเซียงพร้อมกล่าวออก “ท่านเจ้าสํานัก หากศิษย์ชนะการประลอง ศิษย์ไม่ต้องการสมบัติใดๆ มีเพียงคําร้องขอเท่านั้น…”

 

“พูดมา!” ดวงตาโท่วป่าเซียงฉายแววประหลาดใจ

 

“หากข้าแพ้ สํานักจะลงโทษข้าอย่างไรก็ย่อมได้ ทว่าหากข้าชนะ ข้าเพียงหวัง…หวังว่าท่านเจ้าสํานักจะอนุญาตให้ข้าแต่งงานกับศิษย์น้องโท่วป่าเซียงเนียว!” หงลี่กัดฟันขณะกล่าวขอแต่งงานกับบุตรสาวของท่านเจ้าสํานักต่อหน้าทุกคน!

 

เขามีสถานะเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเครื่องนิล…ฐานะนั้นสูงส่งกว่าศิษย์ทั่วไปหลายเท่า ทั้งทักษะวิทยายุทธก็แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ใด เขาหลงรักนกน้อยบอบบางเช่นโท่วป่าเซียงเนียวจนยอมทําทุกอย่างเพื่อให้นางพึงพอใจมาโดยตลอด ทว่าเขาไม่เคยได้รับความรักใดๆ ตอบกลับมา เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเขาไร้ความโดดเด่น ด้วยส่วนสูงที่ต่ำเตี้ยและใบหน้าที่ปราศจากความหล่อเหลา ปมด้อยเหล่านี้รบกวนจิตใจเขาเสมอมา

 

บรรดาศิษย์ร่วมสํานักต่างล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจของศิษย์พี่ใหญ่หงลี่ แต่สายตาและคําวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ดีนัก โท่วป่าเซียงเนียวมีรูปโฉมงดงามโดดเด่นไร้ผู้ใดเปรียบ แต่รูปโฉมของหงลี่ช่างอัปลักษณ์ ทั้งสองไม่คู่ควรกันเลยแม้แต่น้อย!

ถึงกระนั้นหงลี่ก็ไม่ยอมพ่ายแพ้! ยิ่งไม่เหมาะสมเพียงใดเขายิ่งต้องการนางมากเท่านั้น!

 

เขาไม่เชื่อประโยคที่ว่าคางคกไม่อาจผยองไปกินเนื้อหงส์ หากเปรียบโท่วป่าเซียงเนียวเป็นหงส์สาวสง่างาม เขาคงไม่กัดกินเนื้อของนางเพียงคําเดียวเยี่ยงคางคกทว่าต้องการกัดกินอีกหลายคํา! หลังจากนั้นจึงพากันบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทั้งเขาและนางจะเป็นหงส์คู่!

 

หงลี่ผู้มีร่างกายเตี้ยตันมีความฝันอันยิ่งใหญ่ แม้ร่างกายเป็นเพียงคางคกน่าเกลียด ทว่ากลับมีความใฝ่ฝันว่าสักวันตนจะเปลี่ยนเป็นหงส์ได้

 

เขาตระหนักมาโดยตลอดว่าความฝันอันสูงส่งไปถึงสวรรค์เช่นนั้นคงไม่อาจเป็นจริง แต่ในเมื่อมีโอกาสอันดีถูกหยิบยื่นมากองตรงหน้าจึงลองเสี่ยงดูสักครั้ง! ขอเพียงท่านเจ้าสํานักตอบตกลง แม้โท่วป่าเซียงเนียวไม่เห็นด้วยทว่านางก็ได้หนทางปฏิเสธ…

 

“เจ้าน่ะหรือจะแต่งงานกับบุตรสาวของข้า?!” โท่วป่าเซียงแค่นเสียงเยาะเย้ย

 

หงลี่รวบรวมความกล้าก่อนพยักหน้ารับ “ขอรับ! ท่านเจ้าสํานักโปรดเมตตาให้ข้าสมปรารถนาด้วยเถิด!”

 

“ประเสริฐยิ่ง! หากเจ้าต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของข้า เจ้าจะต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเจ้าคู่ควร! ไปเถิด! สังหารคนของสํานักหมอกเมฆาเพื่อข้า…เอาชนะการประลองให้จงได้!” โท่วปาเซียงตอบกลับอย่างแบ่งรับแบ่งสู้พลางออกคําสั่งเสียงกร้าว!

 

“ขอบคุณขอรับ! ท่านเจ้าสํานักช่างปราดเปรื่อง!”

 

หงลี่น้อมกายคํานับอีกฝ่าย จากนั้นจึงหยิบชุดเกราะเทพราชันมาสวมใส่และคว้าหอกโลหิตก่อนกระโดดขึ้น ไปบนสังเวียนแห่งความเป็นตายด้วยจิตสังหารแรงกล้า!

 

เขาร่วมการประลองครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสํานักทว่าเพื่อตนเอง! โท่วป่าเซียงเนียวคือใคร?! นางคือสตรีผู้มีรูปโฉมงดงามที่สุดในสํานักเครื่องนิล ทั้งยังเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเจ้าสํานักโท่วป่าเซียงอีกด้วย! หากชีวิตนี้ได้ตบแต่งกับนาง เขาไม่เพียงได้ครอบครองสาวงามเช่นนาง…ทว่ายังสามารถส่งเสริมสถานะของเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามหลักแล้ว ในอนาคตเขาอาจเป็นผู้สืบทอดตําแหน่งเจ้าสํานักเครื่องนิลคนต่อไป!

 

ความทะเยอทะยานของหงลี่สูงลิบกว่าส่วนสูงต่ำเตี้ยเรี่ยดินของตนมากนัก! แม้ชุดเกราะเทพราชันและหอกโลหิตจะเป็นสมบัติล้ำค่าและทรงพลังเพียงใดทว่าเขาไม่ต้องการมันแม้แต่น้อย เป้าหมายของเขายิ่งใหญ่กว่าสมบัติเพียงสองชิ้นนี้เสียอีก!

 

“หึๆๆ!”

 

ทันทีที่เขายืนอยู่บนสังเวียนแห่งความเป็นตาย เขาจึงแสดงความแข็งแกร่งของตนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาสาธารณชน โดยการกวัดแกว่งหอกโลหิตในมือ ทําให้เกิดละอองหมอกสีเลือดที่ควบแน่นจนปรากฏเป็นรูปร่างมังกรโลหิต! มันบินวนรอบกายเขาก่อนเปล่งเสียงคํารามดังสนั่นไปทั่วบริเวณ การปรากฏตัวของมันทําให้เกิดพายุพัดฝุ่นทรายปลิวว่อนในอากาศเหนือสนามประลอง ชุดเกราะเทพราชันที่หงลี่สวมใส่ ยิ่งส่งเสริมให้เขาเปี่ยมไปด้วยสง่าราศีราวขุนศึกอมตะในตํานาน! ทั้งเกราะที่ตีรันฟันแทงไม่เข้า หอกโลหิตอันเป็นอาวุธสังหารร้ายกาจ ประกอบกับเคล็ดวิชาอันทรงพลัง ทําให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่สามารถเอาชนะได้

 

“นั่นอะไรนะ?! หอกโลหิตที่เขาถือคืออาวุธประจํากายของท่านอาวุโสตู๋ไม่ใช่หรือ?!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่สวมชุดเกราะ! นั่นคือชุดเกราะเทพราชันที่ไม่มีอาวุธใดแทงทะลุได้ของท่านเจ้าสํานักไม่ใช่หรือ?!”

 

ฝูงชนที่รับชมการประลองอยู่บนอัฒจันทร์ต่างตกตะลึงในสิ่งที่เห็นยิ่ง!

 

ทั้งหอกโลหิตและชุดเกราะเทพราชันเป็นสมบัติล้ำค่าที่แข็งแกร่งและทรงพลังกว่าอาวุธทั่วไปถึงสองเท่า หนําซ้ำยังเป็นอาวุธสังหารประจํากายของสํานักเบญจลักษณ์และสํานักเครื่องนิลตามลําดับ ตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็น่าหนักใจทั้งสิ้น ทว่าสมบัติทั้งสองตกเป็นของศิษย์เพียงคนเดียวได้อย่างไรพวกเขาไม่อาจล่วงรู้…

 

สองสํานักยิ่งใหญ่กลับร่วมมือกันเพื่อไม่ให้สํานักหมอกเมฆามีหนทางรอด..

 

ทุกคนตระหนักในสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!

 

จิตใจของจ้าวต้าจื่อ จูซือเจีย และศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆ หนักอึ้งจนเจ็บปวด พวกเขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งเอาชนะการประลองในสองครั้งก่อนหน้า ทว่าสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์กลับร่วมมือกันออกนอกหน้าว่าต้องการกวาดล้างให้สํานักหมอกเมฆาสิ้นอํานาจ…การกระทําของพวกเขาช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอายนัก!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่! นี่ไม่ถูกต้อง! พวกมันทําเช่นนี้เท่ากับจงใจกลั่นแกล้งพวกเราชัดๆ!” เจ้าอ้วนตะโกนอย่างเจ็บแค้น

 

“สิ่งเหล่านี้ไม่ผิดกฎการประลอง…ทําไมพวกมันจะทําไม่ได้เล่า?!”

 

เยี่ยฉวนกล่าวตอบ แม้เจ้าอ้วนและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกแย่ทว่าเขากลับไม่แยแส สําหรับเขาแล้ว…หงลี่ผู้เอาแต่กวัดแกว่งอาวุธสังหารไปโดยรอบอย่างโอ้อวดเป็นเพียงตัวตลกน่าเกลียดที่ก้าวขึ้นไปแสดงบนสังเวียน!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่! พวกเราจะทําอย่างไรดี?” จูซือเจียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลยิ่ง! ทุกครั้งที่สบตาเยี่ยฉวนภาพที่เขาโอบกอดหลิวหงในป่าชายเลนจะผุดขึ้นมาซ้อนทับให้นางรู้สึกโกรธเคือง แต่ตอนนี้นางกลับเป็นห่วงเขาจับใจ!

 

ศิษย์พี่ใหญ่หงลี่แห่งสํานักเครื่องนิลมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงส่งวิทยายุทธหรือก็โดดเด่น ยิ่งตอนนี้เขามีสมบัติล้ำค่าสองสิ่งอยู่กับตัว ในบรรดาศิษย์ทั้งสามสํานักไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้

 

จูซือเจียขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด แม้พวกเขาส่งหนานเทียนโตวไปเป็นคู่ประลองก็ยังไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้เลย หากพวกเขาแพ้การประลองในครั้งนี้สํานักหมอกเมฆาจะสูญเสียศักดิ์ศรีครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนยังจะถูกลงโทษโดยการตัดแขนประจาน เช่นนี้จะไม่ให้นางรู้สึกกังวลได้อย่างไร?!

 

“ศิษย์น้องเทียนโตว ครั้งนี้เจ้ามั่นใจเพียงใด?!” เยี่ยฉวนไม่ตอบคําถามจูซือเจียทว่าหันไปถามหนานเทียนโตวแทน 

 

ท่ามกลางศิษย์ร่วมสํานักที่ตื่นตระหนกและสิ้นหวัง หนานเทียนโตวยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเช่นทุกครั้ง สีหน้าของเขาปราศจากอารมณ์ใดๆ

อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com

“สามในสิบ!” หนานเทียนโตวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวตอบพลางถ่มน้ำลายลงพื้น

จูซือเจีย จ้าวต้าจื่อและคนอื่นๆ เผยสีหน้าซีดเผือดอย่างฉับพลัน แม้แต่หนานเทียนโตวยังมีความมั่นใจเพียงน้อยนิด…ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าสถานการณ์การประลองครั้งนี้อันตรายเพียงใด!

 

“ฮ่าๆๆ! ดี! เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว! มีความมั่นใจเพียงสามในสิบก็ดีกว่าไม่มีเลย!”

 

เยี่ยฉวนหัวเราะก่อนหยิบของสองสามสิ่งออกมาจากอกเสื้อ พร้อมยัดมันไว้ในมือหนานเทียนโตว จากนั้นจึงเอี้ยวตัวไปกระซิบแผนการ ตอนแรกหนานเทียนโตวยังคลางแคลงใจ ทว่าเมื่อฟังแผนการจนจบแววตาพลันวูบไหวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ราวมีเปลวเพลิงโหมกระหนอยู่ภายใน เขาโค้งคํานับเยี่ยฉวนหนึ่งครั้งก่อนกระชับกระบี่บินในมือด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ก่อนกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนแห่งความเป็ นตายเพื่อเผชิญหน้ากับหงลี่จอมหยิ่งผยอง!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด