Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 85 ชีวิตคางคก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 85 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 85 ชีวิตคางคก

 

“เจ้าอีกแล้วหรือ? ฮ่าๆๆ จอมยุทธ์จากสํานักหมอกเมฆาอันยิ่งใหญ่ต่อสู้เป็นเพียงผู้เดียวหรือไง? แล้วศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเล่า? กล้าจะนคนเข้าสู่การประลองแต่ไม่กล้าขึ้นสังเวียนเสียเอง ขี้ขลาดตาขาวอะไรเช่นนี้? ฮ่าๆๆ…”

 

หงลี่หัวเราะลั่นด้วยความหยิ่งผยอง

 

เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าหนานเทียนโตวจะเป็นผู้เข้าร่วมประลองจึงไม่แปลกใจเท่าใดนัก ถึงหนานเทียนโตวจะแข็งแกร่งมากแต่ก็เป็นศิษย์รุ่นเยาว์กว่า ระดับการฝึกตนของพวกเขาจึงไม่ห่างกันมากนัก จิตสังหารของหงลี่พลุ่งพล่าน มั่นใจว่าจะบั่นคอหนานเทียนโตวเสียตรงนี้ได้ด้วยพลังจากชุดเกราะเทพราชันและหอกโลหิต เพียงแต่เสียดายที่เยี่ยฉวนไม่ขึ้นสังเวียนจึงไม่อาจสังหารเขาต่อหน้าสาธารณชนได้

 

“คิดจะสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ของข้างั้นหรือ? เจ้ายังอ่อนหัดนัก!” 

 

หนานเทียนโตวผู้เยือกเย็นพุ่งไปข้างหน้าและเปิดฉากจู่โจม ทันทีที่เสียงชักกระบี่ก้องกังวานปลายกระบี่ก็อยู่ตรงหน้าหงลี่เสียแล้ว

 

หนานเทียนโตวยืนหยัดดั่งต้นสนและเคลื่อนไหวดั่งสายลม! การเคลื่อนไหวของเขาไว้เล่ห์เหลี่ยมแต่กลับว่องไวจนเหลือเชื่อ

อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com

สีหน้าของหงลี่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดว่าหนานเทียนโตวจะจู่โจมฉับพลันโดยไม่พูดไม่จาเช่นนี้ เขาหลบอย่างรวดเร็ว “ฉับ!” แม้จะหลบการแทงโดนจุดสําคัญได้แต่กระบี่ของหนานเทียนโตวกลับแทงเข้าที่ไหล่ ผู้ชมนอกสังเวียนกรีดร้องและสูดหายใจลึกด้วยความที่งในการโจมตีอันเฉียบขาดและว่องไวของหนานเทียนโตว แต่ในวินาทีต่อมากลับเกิดภาพที่น่าตื่นตกใจยิ่งกว่า 

 

หงลี่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่รอยกระบี่บนชุดเกราะที่เขาสวมใส่ ทว่ากระบีในมือของหนานเทียนโตวกลับหักครึ่งแทน

 

“ฮ่าๆๆ นี่แหละชุดเกราะเทพราชันชุดเกราะของเทพเจ้าที่ร่วงลงมาจากสวรรค์ ไอ้หนู เจ้ามันอัจฉริยะจริงๆ แต่ข้าคงต้องส่งเจ้าไปลงนรกเสีย ฮ่าๆๆ…”

 

หงลี่อึ้งไปชั่วครู่เมื่อเห็นผลลัพธ์ก่อนจะหัวเราะสุดเสียง เขาเปิดฉากโต้กลับอย่างดุเดือดด้วยหอกโลหิตที่ทรงพลังจนสามารถสั่นสะเทือนทั้งแผ่นดินได้!

 

ในตอนแรกเขาเองก็หวาดกลัวเมื่อเห็นความเร็วอันน่าทึ่งของหนานเทียนโตวและคิดว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว แต่เกราะเทพราชันบนร่างกลับแข็งแกร่งเกินคาด! ผู้ใดจะสามารถต่อกรกับชุดเกราะและหอกไร้พ่ายคู่นี้ได้!

 

หงลี่มั่นใจในการป้องกันของตนอย่างเต็มที่จึงโจมตีโดยไม่คุ้มกันตนเองเลยแม้แต่น้อย บัดนี้เขาไร้ซึ่งความกลัวและเต็มไปด้วยความประมาท

 

ใบหน้าของหนานเทียนโตวยังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใด แม้กระบี่ในมือจะหักไปก็ไม่ปรากฏร่องรอยความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาใช้กระบี่หักเล่มนั้นปัดป้องการโจมตีต่อไป เมื่อเทียบกับหงลี่ผู้มีอาวุธถึงสองชิ้นก็เท่ากับว่าเขาต่อสู้มือเปล่า ความแข็งแกร่งของทั้งคู่จึงใกล้เคียงกันจนเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สถานการณ์ของหนานเทียนโตวในตอนนี้น่าเป็นห่วงยิ่ง

 

“ฆ่ามัน ฆ่ามันเลย!”

 

“ฆ่ามัน! เพื่อสํานักเครื่องนิลของเรา!”

 

ศิษย์สํานักเครื่องนิลกู่ร้องอย่างฮึกเหิมอยู่นอกสังเวียน ขวัญกําลังใจพุ่งสูงศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ก็ร่วมร้องตะโกนด้วยความยินดีที่ได้เห็นอีกสองสํานักทรมาน ส่วนเจ้าอ้วนจูซือเจีย และศิษย์สํานักหมอกเมฆาเผยสีหน้าตึงเครียด

 

ละอองโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วสังเวียนแห่งความเป็นตายอย่างต่อเนื่อง

 

ละอองเหล่านั้นก่อรวมกันเป็นภาพมังกรเลือนรางทะยานขึ้นไปบนฟ้าและร้องคํารามไปยังหนานเทียนโตวเพื่อโจมตีร่างกายและจิตวิญญาณ

 

ความรุนแรงของหงลี่บ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆ แสดงพลังของชุดเกราะเทพราชันและหอกโลหิตออกมาได้อย่างเต็มที่ หนานเทียนโตวล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดไหลหยดทั่วร่าง ตอนนี้เขาถูกต้อนจนถึงขอบสังเวียนแห่งความเป็นตายขณะที่ชีวิตก็อยู่บนปากเหวแห่งความตายเช่นกัน

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรกันดี? เจ้าบอกว่ามีหนทางไม่ใช่ หรือ?” จูซือเจียถามด้วยความกังวลสีหน้าของนางตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ มือขวากําด้ามกระบี่ของตนแน่น

 

จ้าวต้าจื่อก็กลัดกลุ้มและเป็นกังวลเช่นกัน “หากศิษย์พี่เทียนโตวต้านทานไม่ไหว แล้วเราจะทําอย่างไรกันดีศิษย์พี่ใหญ่?”

 

“อย่าห่วงเลย ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เชื่อข้าว่าจะไม่เป็นไร” 

 

เยี่ยฉวนสงบนิ่ง สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด

 

“เชื่อเจ้างั้นหรือ? เลือดเทียนโตวจะไหลหมดตัวแล้ว เวลาที่เหมาะสมของท่านจะมาถึงเมื่อใด?” จูซือเจียกระทืบเท้า นางโมโหสีหน้าไม่แยแสของเยี่ยฉวน หากไม่รีบหาทางแก้ไขหนานเทียนโตวจะต้องตายและเยี่ยฉวนก็ต้องตัดแขน

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเชื่อในตัวท่าน! ศิษย์น้องหญิงเจียเจีย อย่าได้กังวลไปเลย หากศิษย์พี่ใหญ่ว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร!”

 

เจ้าอ้วนผู้ร้อนรนกระวนกระวายเมื่อครู่กลับใจเย็นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

 

แม้ไม่เห็นทางที่หนานเทียนโตวจะรอดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ ได้แต่เขาเชื่อมั่นในตัวเยี่ยฉวนสุดหัวใจ หลังขายยันต์ที่ตลาดมืดได้สําเร็จ ในสายตาเขาศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ก็เป็นผู้ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

 

“ผู้เดียวที่รู้จักข้าดีคือเจ้าอ้วน น่าเสียดายที่เจ้าเป็นชาย หากเป็นศิษย์น้องหญิงเจียเจียคงจะดีไม่น้อย”

 

เยี่ยฉวนยกยิ้ม จูซืออเจียโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม นางกังวลกับการประลองแทบแย่แต่เขากลับใจเย็นอยู่เสมอ

 

จูซือเจียจ้องเยี่ยฉวนและกําลังจะอ้าปากก่นด่าด้วยความฉุนเฉียว ทว่าสถานการณ์บนสังเวียนกลับพลิกผัน

 

หนานเทียนโตวผู้จนมุมยกยิ้มเย็นเยียบขึ้นทันใด เขาคว้ายันต์คลี่นควันจากอกมาฉีก ฉับพลันนั้นเกิดกลุ่มควันลอยตลบคละ คลุ้งไปทั่ว

 

“อะไรกัน? ไอ้สารเลว เจ้าคิดว่าควันกระจอกนี้จะช่วยให้เจ้าหนีรอดไปได้งั้นหรือ?”

 

หงลี่ไม่ได้เตรียมตั้งรับการเคลื่อนไหวนี้ แต่เขามั่นใจในชุดเกราะ และหอกโลหิตของตนจึงไม่คิดล่าถอยและยังคงเดินหน้าหมายจะคว้าโอกาสนี้ลงมือสังหารอีกฝ่ายเสีย ชายหนุ่มใช้หอกแทงเข้าที่หัวใจ ของหนานเทียนโตวแต่ในชั่วพริบตารอบตัวของเขากลับพร่ามัวจนมองไม่เห็นสิ่งใด

 

“เจ้าโง่!”

 

หนานเทียนโตวก่นด่าก่อนจะคว้ายันต์ระเบิดออกมาจากอกและเหวี่ยงหมัดใส่หงลี่ เสียงกึกก้องราวพสุธากัมปนาทดังสนั่นจนทั้งผา ปากอินทรีสั่นสะเทือน เกิดแสงระยิบระยับท่ามกลางกลุ่มควันหนาทึบตามด้วยเสียงร้องอันน่าสยดสยองราวกับหมูถูกเชือด

 

หมอกควันค่อยๆ จางไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นตรงหน้าทําให้ทุกคนตกตะลึง!

 

บนสังเวียนแห่งความเป็นตาย ผู้ตัดสินทั้งสามไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทว่าหงลี่ผู้โอหังกลับถูกตรึงแน่นหนาอยู่กับพื้น ด้วยกระบี่หักๆ เล่มนั้น! ชุดเกราะเทพราชันที่ว่ากันว่าหอกหรือกระบี่ใดก็แทงไม่เข้าเลื่อนหลุดจากร่าง สภาพของเขาราวกับเต่าพันปีที่หลุดออกจากกระดองและถูกทารุณจนหมดสภาพ

 

“แค่ข้ายังเอาชนะไม่ได้แต่คิดจะท้าประลองกับศิษย์พี่ใหญ่ ไปฝึกตนมาอีกสักร้อยปี!”

 

หนานเทียนโตวมองดูหงสี่ในสภาพปางตายอย่างเย็นชาพลางคิดว่าหากฉวยโอกาสสังหารอีกฝ่ายเสียตอนนี้จะเป็นการกระทําที่ไร้ศักดิ์ศรีเกินไป เขาจึงเก็บหอกโลหิตขึ้นมาจากพื้นและกระโดดลงจากสังเวียนแห่งความเป็นตาย

 

สติของผู้ชมนอกสังเวียนเริ่มกลับมาอีกครั้งและเริ่มพูดคุยกัน อย่างตื่นเต้น

 

สีหน้าของโท่วป่าเซียงซีดเผือดดุจขี้เถ้า เขาพ่นลมหายใจก่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่ชายตามองหงลี่แม้แต่น้อย ทั้งหดหูและผิดหวังในตัวศิษย์พี่ใหญ่ประจําสํานักผู้นี้เป็นอย่างมาก

 

หงลี่ยังไม่ตายแต่ก็อยู่ในสภาพร่อแร่เต็มที่ หัวใจของเขาราวกับเถ้าและแขนขาเย็นเฉียบราวกับน้ําแข็ง

 

แม้จะเกิดมารูปร่างเล็กเตี้ยแต่หงลี่นั้นมีความทะเยอทะยานอันสูงส่งและใฝ่ฝันอยากเป็นหงส์ในสักวัน แต่สุดท้ายกลับไม่อาจเปลี่ยนชีวิตคางคกที่อัปลักษณ์ได้ราวกับถูกลิขิตมาว่าไม่มีวันได้ครอบครองโท่วป่าเซียงเนียว เขาสูญสิ้นทุกสิ่งในการพ่ายแพ้ครั้งนี้ นอกจากจะไม่มีวันได้แต่งงานกับโท่วป่าเซียงเนียวแล้วยังเสียตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ไปอีกด้วย

 

สีหน้าของโท่วป่าเซียงแลดูปวดร้าวไม่น่ามองเช่นเดียวกับอาวุโสตู แผนการฆ่าหนานเทียนโตวไม่เพียงล้มเหลวหากแต่ยังเสียหอกโลหิตไปอีกด้วย นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่!

 

นี่เขาคํานวณอะไรผิดพลาดไปหรือ?

 

อี้สั่วรู้สึกอัดอั้นตันใจ หนานเทียนโตวชนะการประลองสามรอบติด เจ้าอ้วนจูซือเจีย และผู้อื่นต่างเป็นสุข ทว่าเขากลับหดหู่ยิ่งกว่าเดิม หรือเขาจะได้แต่มองดูเยี่ยฉวนเฉิดฉายในการประลองครั้งยิ่งใหญ่ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งโลกด้วยความสิ้นหวังเช่นนี้จริงๆ?

 

อี้สั่วไม่เต็มใจจะยินดีกับชัยชนะจึงจากไปอย่างเงียบๆ เพื่อตามหาจินจื่อคุน

 

ในขณะเดียวกัน สีหน้าของหนานเทียนโตวผู้พลิกสถานการณ์กลับไม่มีความตื่นเต้นเจือปนอยู่เลย เขากระโดดลงจากสังเวียนไปหยุดยืนตรงหน้าเยี่ยฉวนก่อนจะยื่นหอกโลหิตให้ด้วยความเคารพ ถึงเขาจะเป็นผู้ชนะแต่ก็รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ผู้ที่เอาชนะหงสี่ได้อย่างแท้จริงคือศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวน เขาคงตายตกไปแล้วหากปราศจากยันต์อันน่าซึ่งทั้งสองที่เยี่ยฉวนมอบให้

 

“อืม หอกเล่มนี้ก็ไม่ได้ดีมากมายนัก แต่ข้าจะฝืนใจรับมาแล้วกัน คงพอขายเป็นเศษเหล็กได้ในราคาไม่กี่เงิน”

 

เยี่ยฉวนสันศีรษะพร้อมรับหอกโลหิตไร้พ่ายมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะยิ้มยียวนให้อาวุโสต์ผู้อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

 

เมื่อเข้าสู่สังเวียนแล้วเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหงสี่เสมอไป การขัดเกลายันต์ได้นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การดึงพลังของยันต์เหล่านั้น ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และอัจฉริยะแห่งสหัสวรรษอย่างหนานเทียนโตวทําได้!

 

เยี่ยฉวนต้องเริ่มฝึกตนใหม่ทั้งหมดอีกครั้งหลังการฟื้นคืนชีพ แต่ความสามารถในการพลิกสถานการณ์หน้า มือเป็นหลังมือของเขายังไม่หายไป เมื่อเวลาผ่านไปเขามั่น ใจว่าจะสร้างความรุ่งโรจน์ครั้งใหม่ขึ้นได้แน่นอน ชาติที่แล้วเขาเพียงแค่ซ่อนเร้นสวรรค์ด้วยมือ แต่ในชาตินี้เขาจะกลืนกินสวรรค์เข้าไปเสีย!

 

อาวุโสจับตาดูพวกเขาอยู่ไม่ไกลนักและแทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินคําพูดของเยี่ยฉวน หากมองว่าหอกโลหิตเป็นเพียงเศษเหล็กแล้วเหตุใดจึงไม่คืนมาให้เขาเสียเล่า?

 

เคราะห์ร้ายที่เมื่อเนื้อชั้นดีเข้าปากผู้ใดแล้วย่อมไม่คายออกง่ายๆ รอยยิ้มของเยี่ยฉวนทําให้รู้ว่าไม่ง่ายนักที่จะชิงหอกของเขากลับคืนมา ทั้งหัวใจและสมองของเขาช่างปวดร้าวเสียจริง! 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด