Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 89 เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 89 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

บทที่ 89 เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลง

 

ลมเย็นพัดผ่านจนหนาวเหน็บไปถึงกระดูก

 

เยี่ยฉวนยกยิ้มเย็นเยียบ เขาล่วงรู้จุดประสงค์ของนากู๋ซื้อทันที “เข้ามาเลย! จะได้เห็นกันว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหน!”

 

เยี่ยฉวนสงบนิ่ง ยันต์กลืนกินสวรรค์โคจรอย่างรวดเร็วก่อเกิดกระแสพลังงานบริสุทธิ์

 

ผู้คนทั่วไปคงรู้สึกเสียขวัญเมื่อได้ยินเรื่องทวีปไร้แสงจันทร์ ที่ซึ่งเหล่าผู้ฝึกมารมารวมตัวกัน ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่ยินดียินร้ายใดๆ ในยามที่เป็นนักปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ เขาได้เดินทางเข้าออกดินแดนเก่าแก่ที่อันตรายกว่าทวีปไร้ แสงจันทร์นี้นับพันเท่าและเข่นฆ่าบรรดาปีศาจร้ายจนพวกมันหวาดกลัวแทบสิ้นสติ น่าเสียดายที่เขากลับชาติมาเกิดเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาและต้องฝึกตนที่นั้นจึงไม่มีเวลาท่องทวีปไร้แสงจันทร์อีกต่อไป

 

“นะ..นี่มันเคล็ดวิชาอะไรกัน? ทําได้อย่างไร..”

 

ปีศาจเขาโค้งตกตะลึงเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากภายในหลังอีกฝ่ายโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์เพื่อใช้ เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ ดูเหมือนว่าเขา จะใช้พลังได้เพียงหกในสิบของพลังทั้งหมดเมื่ออยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน

 

ปีศาจเขาโค้งจ้องมองเยี่ยฉวนด้วยความตื่นตระหนกและเผยสีหน้าหวาดหวั่น

 

ในหมู่ผู้ฝึกมารมีตํานานที่เล่าสืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าว่า เมื่อผู้ฝึกมารรูปแบบใดก็ตามบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋จะ ไม่ต้องเกรงกลัวแรงกดดันจากสํานักอันชอบธรรมใดๆอีกต่อไป แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นนักปราชญ์ก็ไม่อาจกล้ํากรายได้ แต่พวกเขาจะรู้สึกถึงแรงกดดันก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึก เคล็ดวิชาสูงสุดแห่งจอมมารปีศาจในตํานาน

 

เยี่ยฉวนอายุเท่าไหร่กัน? เขาคือจอมมารปีศาจในตํานาน หรือจอมมารปีศาจในยุคโบราณกลับชาติมาเกิดกันแน่?

 

ปีศาจเขาโค้งส่ายศีรษะ ความคิดนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแต่ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากภายในจริงๆ!

 

“หากข้าบอกว่าข้าคือจอมมารปีศาจโบราณกลับชาติมาเกิด เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?” เยี่ยฉวนยิ้มหยัน แววตาทอประกายราวกับมองปีศาจเขาโค้งออกอย่างทะลุปรุโปร่ง 

 

“เป็นไปไม่ได้! จอมมารปีศาจโบราณจะกลับชาติมาเกิดในสํานักที่ถูกกดขี่อีกทั้งยังเป็นผู้ไร้ชื่อเช่นนี้หรือ? หากเจ้าเป็นจอมมารปีศาจโบราณ ข้าก็คงเป็นราชันจอมมาร

ปีศาจผู้ยิ่งให้มารปีศาจโบรรเป็นผู้ไร้ชื่อเช่น

 

ปีศาจเขาโค้งตะโกนก่อนจะพุ่งตรงไปที่เยี่ยฉวน ทันใดนั้นปรากฎกรงเล็บมหึมาบนท้องฟ้าเข้าตะครุบอากาศที่ว่างเปล่า ปลายเล็บอันแหลมคมงองุ้มราวกับกรงเล็บหมีที่ แผ่จิตสังหารออกมา ดูเหมือนว่าปีศาจเขาโค้งได้รวมร่างกับสัตว์อสุรกายมากกว่าสองตน

 

ยิ่งผู้ฝึกมารวมร่างกับอสุรกายมากเท่าใดก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แต่การควบคุมจิตใจของปีศาจเป็นเรื่องยากและมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง

 

เยี่ยฉวนก้มต่ําลงเล็กน้อยและกระโดดหลบทันทีที่กรงเล็บคมกริบพุ่งเข้าโจมตี

 

“ไอ้หนู เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”

 

ปีศาจเขาโค้งตะโกนลั่นขณะไล่ตามเยี่ยฉวน เขาเปิดฉากการโจมตีพลิ้วไหวราวกระแสน้ำ

 

เยี่ยฉวนว่องไวแล้วแต่เขาว่องไวยิ่งกว่า แม้ข้อเข่าจะแข็งที่อแต่การกระโดดกลับรวดเร็วกว่ากระบี่บินเสียอีก ไม่ว่าเยี่ยฉวนจะหนีไปทิศใดเขาก็ไล่ตามทันทุกครั้ง ส่วนเยี่ยฉวนรู้เคล็ดวิชาลับทําให้ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับใบไผ่ ปีศาจเขาโค้งจึงไม่อาจคาดเดาทิศทางการหลบหนีของเขาได้

 

อดีตนักปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์อย่างเยี่ยฉวนนั้นเคยเชี่ยวชาญถึงสามร้อยเคล็ดวิชาและมากประสบการณ์พอจะรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ เคราะห์ร้ายที่ขั้นการฝึกตนของเขานั้นยังแข็งแกร่งไม่มากพอ ไม่นานนากู๋ซื้อก็ต้อนเยี่ยฉวนจนมุมที่เชิงหุบเขาอย่างไร้ซึ่งหนทาง

 

“ฮ่าๆๆ เจ้าหนู ยอมเชื่อฟังแล้วมาที่วังปีศาจเขาโค้งกับข้า ซะดีๆ!” ปีศาจเขาโค้งหัวเราะลั่นพลางย่างเท้าเข้าหา 

 

การปะทะกันระหว่างขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าและขั้นอูเจ๋อ ระดับเจ็ดนั้นห่างไกลจากคําว่าสูสี เยี่ยฉวนในยามนี้ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของนากู๋ซื้อเลยแม้แต่น้อยแต่ก็หาโอกาสหลบหนีจากวงล้อมด้วยสารพัดกระบวนท่าและยันต์ต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนปีศาจเขาโค้งหวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องหาวิธีจัดการโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากอีกฝ่ายแจ้งเหล่าปรมาจารย์ประจําสามสํานักใหญ่จะต้องเกิดเรื่องเดือดร้อนเป็นแน่

 

เจ้าสํานักหมอกเมฆายังไม่กลับมาก็จริงแต่ยังมีโท่วปา เซียงเจ้าสํานักเครื่องนิลและอาวุโสต์เจ้าสํานักเบญจลักษณ์ แม้นากู๋ซื้อจะไม่ได้เกรงกลัวแต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องพลิกผันโดยไม่คาดคิด

 

“เจ้ารวมร่างกับหมอสูรเมื่อราวๆ ห้าสิบเจ็ดปีก่อนสินะ”

 

เยี่ยฉวนเลิกหลบหนี เพียงแค่มองปีศาจเขาโค้งอย่างไม่เกรงกลัวพลางเอ่ยด้วยน้ําเสียงราบเรียบ

 

ปีศาจเขาโค้งผู้ดุร้ายหยุดฝีเท้าลงก่อนเผยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

 

“ในตอนนั้นเจ้าโชคดีที่สามารถรวมร่างกับหมอสูรอายุพัน ปีและขัดเกลาความสามารถเฉพาะตัวของมันได้ แต่ก็ได้รับผลกระทบร้ายแรงถึงชีวิตเช่นกัน เจ้ามักจะปวดแขนขวาในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนไม่ตอบคําถามหากแต่พูดถึงปัญหาของเขาต่อไป

 

เมื่อครู่นี้ เขาไม่เพียงหลบการโจมตีของปีศาจเขา โค้งแต่ยังสํารวจดูร่างกายของอีกฝ่ายและค้นพบปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่อีกด้วย

 

เยี่ยฉวนต้องเริ่มฝึกตนใหม่อีกครั้งหลังการฟื้นคืนชีพ ขั้นการฝึกตนของเขาจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก ทว่าประสบการณ์ และการหยั่งรู้ยังคงอยู่

 

“ช่างปะไร? ต่อให้ข้าจะเสียแขนขวาทั้งแขนไปเจ้าก็ยัง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี!”

 

นากู๋ซื้อเกรี้ยวกราดขึ้นมาจนอยากจะจับตัวเยี่ยฉวนให้ได้เสียเดี๋ยวนี้

 

“ยี่สิบสามปีก่อนเจ้ารวมร่างกับยูนิคอร์นและได้รับสืบทอดพลังความเร็วของมัน แต่แขนซ้ายของเจ้าถูกทําลายจึงต้องใช้แขนเพียงข้างเดียวต่อสู้” เยี่ยฉวนเอ่ย

 

นากู๋ซื่อหยุดชะงักอีกครั้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป

 

การที่เยี่ยฉวนล่วงรู้ความลับของเขาเพียงหนึ่งอาจเป็น เพียงการคาดเดาลอยๆ แต่การรู้ความลับถึงสองนั้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว!

 

“เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าฝืนรวมร่างกับมังกรเขาแหลมอายุหมื่นปี และเปลี่ยนโลหิตทั้งกายให้กลายเป็นโลหิตมังกรทําให้ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ทว่าหัวเข่าของเจ้าเสียหายจนไม่อาจงอได้จึงต้องเคลื่อนไหวอย่างยากลําบาก”

 

เยี่ยฉวนหยุดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่ออย่างเฉยเมย “ผู้ฝึกมารสามารถรวมร่างกับอสุรกายได้หลายวิธีแต่เจ้ากลับ เลือกวิธีที่อันตรายที่สุดและง่ายดายที่สุด การงอขาไม่ได้นั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่อีกไม่ช้าอวัยวะภายในของเจ้าจะไม่ อาจต้านทานพลังของมังกรเขาแหลมอายุหมื่นปีได้อีกต่อไป วาระสุดท้ายของเจ้าใกล้เข้ามาแล้วแต่ยังร่อนเร่ไปทั่วเช่นนี้ ช่างน่าสมเพชและน่าขันสิ้นดี!”

 

“ข้าจะได้ครอบครองยันต์ปีศาจมากมายหากได้ตัวเจ้า นั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาหรืออย่างไร?” แววตาของปีศาจเขา โค้งทอประกายวูบไหวพลางย่างสามขุมเข้าหาอีกครั้ง

 

“ยันต์ปีศาจเพียงแค่บรรเทาอาการและชะลอจุดจบของเจ้าเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้เจ้าหายจากโรคนี้” เยี่ยฉวนตอบ

 

ปีศาจเขาโค้งชะงักไปอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวเข้มจ้าจ้อง เยี่ยฉวนเขม็ง “แล้วจะรักษาอาการของข้าได้อย่างไร?”

 

“หายาเม็ดอมตะให้พบแล้วกินเข้าไปเสีย” เยี่ยฉวน เอ่ยตอบ

 

“เป็นไปไม่ได้ ยาเม็ดอมตะสูญสิ้นไปจากดินแดนรกร้าง แล้วต่อให้มันยังมีอยู่เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องพูด!” ปีศาจเขาโก้งสั้นศีรษะ

 

“ตามหาผู้เป็นอมตะแล้วขอให้เขาช่วยชําระกล้ามเนื้อ และขัดเกลาไขกระดูกให้เจ้า” เยี่ยฉวนพูดต่อ

 

ปีศาจเขาโค้งสั่นศีรษะอีกครั้งพร้อมประกายมุ่งร้ายในแววตา “เป็นไปไม่ได้เสียยิ่งกว่า! ผู้เป็นอมตะทั้งหลายสาบสูญไปหมดแล้ว! ไอ้หนู นี่เจ้ากําลังเล่นตลกกับข้างั้นหรือ?!”

 

“ข้ามีเคล็ดวิชา หากสําเร็จวิชานี้แล้วเจ้าจะแก้ปัญหานี้ ได้ด้วยตนเองโดยไม่จําเป็นต้องขอความช่วยเหลืออีก” เยี่ยฉวนเพิกเฉยต่อแววตามุ่งร้ายนั้น

 

“เคล็ดวิชาอะไร?”

 

“เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลง!”

 

เยี่ยฉวนกล่าวคําออกพร้อมโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ในร่างฉับพลันร่างกายของเขาสูงขึ้นสามเมตร ก้อนสองก้อนนูนขึ้นบนหน้าผากดูละม้ายคล้ายปีศาจเขา โค้งก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมในชั่วพริบตาด้วยใบหน้าซีดเซียวอ่อนแรง แม้จะเป็นเพียงการแปลงร่างสั้นๆ แต่ก็มากมายเกินพอแล้ว ปีศาจเขาโค้งผู้มากประสบการณ์และความรู้ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด

 

เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงเป็นเคล็ดวิชาที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อผู้ฝึกมารในตํานานโดยเฉพาะ โดยผู้ฝึกมารสามารถเยียวยาหัวใจปีศาจของตนได้ตามปรารถนาไม่ว่าจะหลอมรวมร่างกับอสุรกายตนใดหรือเจริญขึ้นเป็นร่างอสุรกายด้วยตนเองก็ตาม เคราะห์ร้ายที่เคล็ดวิชานี้ได้สาบสูญ ไปจากดินแดนรกร้างแสนนานแล้ว การที่ได้เห็นเคล็ดวิชานี้ ด้วยสายตาตนเองทําให้นากู๋ซื้อรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“อย่าตื่นเต้นเกินไป ไม่เช่นนั้นวาระสุดท้ายของเจ้าอาจมา ถึงเร็วขึ้น”

 

เยี่ยฉวนหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวออก “หากข้ากระ โดดลงไปจากเชิงหุบเขานี้คงต้องตายและเจ้าคงไม่อาจครอบ ครองเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงได้ เรามาทําข้อตกลงกันดีหรือไม่?”

 

“ข้อตกลงอะไร?” ปีศาจเขาโค้งกลืนน้ําลายเพื่อข่มแรงกระตุ้นในจิตใจ

 

“ข้าจะสอนเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงให้เจ้าในส่วนแรกก่อน และจะสอนส่วนอื่นให้หากเจ้าช่วยข้าทําบางสิ่ง” เยี่ยฉวนหว่านล้อมอย่างใจเย็น

 

เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงเป็นความฝันของนากู๋ซื้อหากแต่เป็นเชือกช่วยชีวิตสําหรับเยี่ยฉวน ด้วยสิ่งนี้แล้วนากู๋ซื้อจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เมื่ออีกฝ่ายรู้ถึงประโยชน์ของเคล็ดวิชาแล้วก็จะตกหลุมพราง ลึกขึ้นเรื่อยๆเพียงเท่านี้เขาก็จะสามารถจูงจมูกของปีศาจ เขาโค้งได้อย่างสมบูรณ์

 

หลังออกจากสุสานเทพเจ้า เยี่ยฉวนก็กบดานอยู่ในสํานักหมอกเมฆามาโดยตลอดและไม่เคยจากเทือกเขาหมอกเมฆาไปที่ใดเลย ทว่ามุมมองของเขากลับกว้างไกลกว่าทวีปอัคคีสวรรค์ เขาเริ่มหว่านพืชเพื่อวางแผนกลับไปสู่จุดสูงสุดในอดีต ของตนโดยเดิมพันกับทวีปไร้แสงจันทร์ เหล่าผู้ฝึกมารล้วนแต่ร้ายกาจราวกับจอมปีศาจที่เข่นฆ่าผู้คนเหมือนผักปลา แต่หากใช้ประโยชน์ให้ดีก็สามารถสร้างกองทัพที่ แข็งแกร่งได้เช่นกัน

 

การควบคุมปีศาจเขาโค้งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกุมอํานาจ!

 

“ก็ได้ ข้าตกลง!” ปีศาจเขาโค้งครุ่นคิดเพียงครู่และไม่อาจต้านทานความเย้ายวนของเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงได้

 

“ถ้าเช่นนั้นจงฟังให้ดี ข้าจะเผยกฎหลักข้อแรกแก่เจ้า!”

 

เยี่ยฉวนเข้าประเด็นก่อนจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาข้างเชิง หุบนั้นอย่างลับๆ ปีศาจเขาโค้งผู้ดุร้ายและหยิ่งผยองตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ ความเคลือบแคลงในใจค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงและเผยสีหน้าจริงจังออกมา 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด