Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 102 จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 102 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 102 จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

 

“ศิษย์พี่ใหญ่! ท่านอยู่ที่ไหน?!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่…”

 

เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นในความมืด จ้าวต้าจื่อ จูซือเจีย หนานเทียนโตวและศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆ กระจายตัวออกตามหาเยี่ยฉวน บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความตึงเครียดเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วแต่กลับไม่พบศิษย์พี่ใหญ่ของเขาแม้เงา ทุกคนต่างสังหรณ์ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเป็นแน่!

 

“ข้าอยู่นี่!”

 

เยี่ยฉวนโบกมือเรียกจากระยะไกล เขาจัดการเก็บราชันจักจั่นทองคําและหมูป่าขนขาวเข้าไปในโคมบงกชสีครามตามเดิม ก่อนผลักร่างไร้ลมหายใจของจินจื่อคุนให้กลิ้งตกลงไปในหุบเหวเบื้องล่าง

 

จ้าวต้าจื่อและคนอื่นๆ เร่งรุดเข้าไปหาเยี่ยฉวนทันที ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลายครั้นเห็นว่าเขาไม่ได้รับอันตรายใด

 

แม้จินจื่อคุนจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าทว่าบรรดาศิษย์ต่างจดจําลักษณะท่าทางของเขาได้ เจ้าแห่งหอแปรธาตุมีวรยุทธ์สูงส่งทั้งยังโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ หนานเทียนโตวผู้เป็นยอดฝีมือในรอบพันปียังไม่สามารถเอาชนะเขาได้เมื่อเผชิญหน้าตัวต่อตัว แล้วเยี่ยฉวนที่เพิ่งบรรลุสู่ขั้นซิวฉือสามารถรับมือได้อย่างไร?!

 

จิตใจของทุกคนเต็มไปด้วยความพิศวง จูซือเจียกวาดสายตามองโดยรอบก่อนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ! แล้วไอ้ปีศาจแซ่จินหายไปไหนเสียแล้ว?!”

 

“หากข้าบอกว่าข้าทุบตีมันจนตายแล้วโยนศพทิ้งลงหุบเขาไปแล้ว เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบพร้อมเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

 

“เชื่อ! ข้าเชื่อว่าเจ้าเสียสติไปแล้วเป็นแน่จึงพูดจาเพ้อเจ้อเช่นนี้”

 

จูซือเจียสํารวจเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความกังวลและห่วงใย ทว่าการไม่เห็นร่องรอยของจินจื่อคุนอยู่บริเวณนี้ ทําให้นางแปลกใจไม่น้อย “น่าแปลก…ทําไมจู่ๆ ตาเฒ่านั้น จึงรามือไปง่ายๆ เช่นนี้?!”

 

“ท่านอาจารย์และคนอื่นๆ มาถึงที่นี่แล้ว ไม่แปลกหากมันจะหนีไป”

 

หนานเทียนโตวกล่าวอย่างใจเย็น

 

ทันใดนั้นเองเสียงลมหวีดหวิวพลันดังขึ้น! ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่เหาะตรงมาโดยใช้กระบี่บิน ผู้นําขบวนคืออาวุโสลําดับสองหนานกงเหริน ทว่าชายชราอีกคนที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่คืออาวุโสสูงสุดซู่โกวหง!

 

หลังจากขบวนเดินทางของพวกเขาถูกซุ่มโจมตีในหุบเขาด่านหน้าสวรรค์ มีศิษย์เร่งกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาที่อยู่ห่างออกไปเพียงสิบลี้เพื่อแจ้งข่าวร้าย อาวุโสทั้งสองจึงนํากลุ่มคนเดินทางมายังที่เกิดเหตุโดยเร็วเกินความคาดหมาย

 

“ท่านปู่!”

 

จูซือเจียรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนซู่โกวหงทันที! จ้าวต้าจื่อ และศิษย์คนอื่นๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นอาวุโสสูงสุดนํายอดฝีมือหลายรายมาคุ้มกันด้วยตนเอง ต่อ ให้จินจื่อคนโหดเหี้ยมเพียงใด เขาก็ไม่กล้ากระทําการอุกอาจเป็นแน่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้

 

“เจียเจีย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ไอ้จินจื่อคุนอยู่ที่ไหน?” อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงเผยสีหน้าเครียดซึ่งขณะเอ่ยถาม

 

“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ส่วนจินจื่อคนหลบหนีไปแล้ว!”

 

จูซือเจียขบกรามแน่นอย่างชิงชังรังเกียจผู้ที่ตนกล่าวถึง “ฮึ่ม! คนทรยศนั่นก่ออาชญากรรมขั้นร้ายแรงที่สํานักของเราไม่มีทางผ่อนปรนโทษ มันคงกลัวอี้สั่วสารภาพหมดเปลือกจนสืบสาวความผิดไปถึงตน จึงลอบโจมตีขบวนเดินทางของเราหมายชิงตัวอี้สั่ว ครั้นแผนการล้มเหลวจึงคิดฆ่าศิษย์พี่ใหญ่อีกด้วย! โชคดีที่ท่านปู่มาถึงที่นี่ได้ทันการ ไอ้สารเลวนั่นจึงหลบหนีไป!”

 

หญิงสาวสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างครบถ้วน แต่คําบอกกล่าวที่ว่าจินจื่อคุนหลบหนีไปเป็นเพียงการสันนิษฐานของนางฝ่ายเดียวเท่านั้น ซูโกวหงเองก็เชื่อในสิ่งที่หลานสาวบอกโดยไม่คลางแคลงใจ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้ว เจ้าแห่งหอแปรธาตุผู้มีวรยุทธ์สูงส่งได้ตายตกไปแล้ว…ตายด้วยน้ำมือของเยี่ยฉวนผู้บรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับที่หนึ่งเท่านั้น!

 

“ท่านอาวุโสสูงสุด…เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ด้วยตนเอง?!” เยี่ยฉวนเอ่ยถามทันทีที่รู้สึกเคลือบแคลงใจ

 

บรรดาศิษย์ทุกคนต่างปลอดโปร่งโล่งใจเมื่อเห็นเขานําทัพยอดฝีมือมาจัดการเรื่องราวด้วยตนเองเช่นนี้ ทว่าเขากลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล..

 

หากผู้ที่นําทัพยอดฝีมือคืออาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินยังเป็นที่เข้าใจได้ แต่เมื่อเห็นอาวุโสสูงสุดซู่โกวหงผู้คอย เฝ้าดูแลสํานักหมอกเมฆาอยู่เป็นนิจและไม่เคยออกจากสํานักโดยพร่ำเพรื่อพาเหล่าผู้ติดตามมาที่นี่ด้วยตนเอง เขาจึงสังเกตว่าต้องมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นเป็นแน่!

 

“ทหารอารักขาผู้หนึ่งเดินทางมารายงานข้าว่าจินจื่อคุนทรยศต่อสํานักหมอกเมฆา และทําการเข่นฆ่าศิษย์ร่วมสํานัก ทั้งยังบอกว่าจูซือเจียถูกมันทําร้ายจนเจ็บสาหัส ฮึ่ม! มันบังอาจนักที่กล้าทําร้ายเจียเจียของข้า! ไอ้สารเลวนั่น…”

 

สิ้นคําสาปแช่ง ซู่โกวหงเผยสีหน้าคล้ำหม่นด้วยโกรธแค้นยิ่ง!

 

เขาคงลืมนึกไปว่าตอนนี้จูซือเจียยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ร่างกายของนางไร้รอยขีดข่วน ไหนเล่าอาการบาดเจ็บสาหัสที่ว่า?!

 

“กลับไปที่สํานัก! เร็วเข้า!”

 

ซู่โกวหงและเยี่ยฉวนตะโกนขึ้นพร้อมกัน! ขบวนทัพทั้งหมดมุ่งกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาโดยทันที! อาวุโสลําดับสูงสุดสูดลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนกระโดดขึ้นเหยียบบนกระบี่บิน จากนั้นร่างของเขาจึงเร้นกายหายวับไป

 

ไม่มีเรื่องใดสามารถชักนําให้ชายชราออกจากสํานักได้ นอกเสียจากจูซือเจียผู้เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวถูกทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บ คนร้ายคงรู้จุดอ่อนข้อนี้จึงเอาความเท็จมาแจ้งเพื่อหลอกล่อให้เขาละทิ้งสํานัก เมื่อสบโอกาสเช่นนี้ จึงทําการบุกรุกสถานจองจําเพื่อชิงตัวพยานปากเอกเช่นอี้สั่วได้โดยง่าย!

 

“เร็วเข้า! ไปที่สถานจองจํา!”

 

“ปิดประตูทางเข้าให้แน่นหนา ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกโดยเด็ดขาด!”

 

หนานกงเหรินก็ตระหนักถึงสถานการณ์เลวร้ายดังกล่าวเช่นกันจึงตะโกนออกคําสั่ง เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วบริเวณและถือเป็นประกาศิตราวสายฟ้าฟาด! จากนั้นเขาจึงเหยียบกระบี่บินเหาะกลับไปยังสํานัก

 

ชายชราได้รับแจ้งข่าวร้ายเช่นเดียวกับอาวุโสสูงสุดว่า เยี่ยฉวนถูกซุ่มโจมตีระหว่างทาง เขาจึงเร่งรุดมาที่นี่โดยไม่ลังเล ไม่คาดคิดว่าตนจะตกลงไปในหลุมพรางที่ศัตรูเตรียมไว้ล่อพยัคฆ์ร้ายลงจากยอดเขา!

 

เยี่ยฉวนไม่มีกระบี่บินดังนั้นเขาจึงวิ่งกลับไปยังสํานักทําให้ไปถึงปลายทางช้ากว่าอาวุโสทั้งสอง ถึงกระนั้นความเร็วของเขาก็ยังมากกว่าศิษย์คนอื่นๆ พริบตาเดียวเท่านั้นเขาสามารถออกจากป่ารกร้างทุรกันดารนี้ได้สําเร็จ จูซือเจียและคนอื่นๆ มองเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกลลิบเท่านั้น!

 

แม้ความเร็วของเยี่ยฉวนจะเทียบเท่าเสือชีตาห์ ทว่าเมื่อกลับไปถึงสํานักหมอกเมฆา เขาก็พบว่าตนมาถึงช้าเกินไป…

 

ทั้งสํานักตกอยู่ในความโกลาหล ไม่ว่าจะหันมองทางใดก็พบเพียงเปลวเพลิงและควันไฟลอยคลุ้งอยู่บนอากาศ บรรดาศิษย์วิ่งหนีตายกันชุลมุน สถานที่จองจําซึ่งปกติได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาถูกเผาวอดจนกลายเป็นทะเลเพลิง! นักโทษและทหารอารักขาหลายนายถูกไฟคลอกจนตายด้วยไร้ทางหลบหนี! ครั้นช่วยกันดับไฟจนมอด ลง…ศพที่ถูกนําออกมาก็ผิดรูปเสียจนไม่สามารถระบุตัวตนได้ อาวุโสสูงสุดและอาวุโสลําดับสองก้าวเข้ามาพร้อมกัน พวกเขาเผยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะเมื่อกลับมาถึง ทุกอย่างก็บานปลายจนสายเกินแก้

 

“อี้สั่ว อี้สั่วศิษย์เอกของข้า โฮ… เหตุใดเจ้าจึงจากข้าไปไวถึงเพียงนี้?!”

 

อาวุโสลําดับสามไป๋เยี่ยนหูทิ้งตัวลงโดยแรงก่อนทรุดกายลงกอดศพที่ถูกไฟคลอก เขาร้องไห้คร่ำครวญด้วยความโศกเศร้าจนน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสังเวช

 

เยี่ยฉวนเดินเข้าไปสํารวจร่างนั้นใกล้ๆ ศพนี้เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่และผอมเพรียวเป็นอี้สั่วจริง! ต่อให้คนผู้นั้นจะถูกไฟครอกจนกลายเป็นขี้เถ้าเขาก็จดจําได้อย่างแม่นยํา ไม่คาดคิดเลยว่าลมหายใจอี้สั่วจะถูกพรากไปด้วยน้ำมือของอาจารย์ตนเอง!

 

จินจื่อคุนตายตกไปแล้ว ดังนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางเพลิงครั้งนี้จะเป็นผู้ใดได้นอกจากไป๋เยี่ยนหู?!

 

เยี่ยฉวนเผยสีหน้าเย็นชาเมื่อคําตอบปรากฏชัดเจน ครั้นเห็นชายชราเสแสร้งบีบน้ำตาราวเสียใจยิ่งที่สูญเสียศิษย์คนโปรด เขาจึงตระหนักทันทีว่าที่ผ่านมาตนประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป!

 

อาวุโสลําดับสามผู้ตกที่นั่งลําบากและรู้ว่าแผนการทุกอย่างล้มเหลวจนความจริงใกล้ถูกเปิดเผย เขาจึงทําได้แม้กระทั่งสังหารศิษย์เอกของตนเพื่อปิดปาก ชายชราผู้นี้ไม่ได้สงบเสงี่ยมและพูดน้อยเช่นบุคลิกที่แสดงออก จิตใจของเขาโหดเหี้ยมผิดมนุษย์! จินจือ่คุนอาจร้ายอย่างเปิดเผย แต่ไป๋เยี่ยนหูเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่แสดงละครปลิ้นปล้อนอย่างไร้ยางอาย!

 

“ทหาร! จับกุมหลีเสวี่ยหาน!” อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงเผยสีหน้าดุดัน พร้อมออกคําสั่งให้ทหารจับกุมผู้พิทักษ์ที่แจ้งข่าวเท็จหลอกล่อให้ตนออกจากสํานักโดยทันที!

 

ศิษย์คนหนึ่งก้าวไปด้านหน้าด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนก่อนกล่าวออกอย่างระมัดระวัง “รายงานท่านอาวุโส หลีเสวี่ยหานเสียชีวิตแล้ว เขาตายพร้อมกับสายลับของสํานักเครื่องนิลที่เป็นผู้จุดไฟเผาสถานจองจํา…”

 

“หึ สํานักเครื่องนิลอย่างนั้นรึ?!”

 

ซู่โกวหงหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาเหลือบมองอาวุโสลําดับสามแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหมุนกายเดินจากไป

 

ชายชราไม่ใช่คนโง่การที่เขาเพิกเฉยในบางเรื่องไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้อะไรเลย ทว่าคราวนี้อาวุโสลําดับสามกระทําการอุกอาจเกินไป! การวางเพลิงสถานจองจําและ โยนความผิดให้สํานักเครื่องนิลสามารถตบตาศิษย์คนอื่นๆ ในสํานักได้แต่ไม่อาจตบตาผู้มากประสบการณ์เช่นเขา ตอนนี้เจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่ไม่อยู่ ดังนั้นหากเขาจะกระทําการใดเพื่อลิดรอนอํานาจของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จะต้องใช้เวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แม้เขาโกรธาอีกฝ่ายเพียงใดก็ทําได้เพียงข่มอารมณ์ไว้เท่านั้น!

 

“ฮึม! เยี่ยฉวน…ไปกันเถิด!”

 

อาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินพ่นลมหายใจแรงๆ หนึ่งครั้งขณะหันไปเรียกเยี่ยฉวนก่อนหมุนตัวจากไป

 

คล้อยหลังพวกเขาอาวุโสลําดับสามที่กําลังร้องไห้คร่ำครวญเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือกบนใบหน้า ท่าทางโศกาอาดูรแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมไร้ความปรานี!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด