บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 102 มอบหมาย

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 102 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 102

มอบหมาย

 

“เจ้าว่าอะไรนะ”หวงหลงที่ได้รับรายงานว่าไป๋จูเหวินกลับมาจากเขตอสูรถ้ำกระจกเงาเรียบร้อยแล้วก็บอกให้ไป๋จูเหวินเข้ามารายงานด้วยตัวเองต่อหน้าอาวุโส 7 ผู้มีข้อมูลของเขตอสูรมากที่สุด

“ชอรับ เชตอสูรถ้ำกระตกเงาได้หายไปแล้ว”ไป๋จูเหวินรายงานตามที่มันได้พบมา หลังจากอสูรแมงมุมน้ำแข็งตายจากไป เขตอสูรถ้ำกระจกเงาก็ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว

“เจ้าจะบอกว่า ตอนที่เจ้าเข้าไปอสูรที่ครองเขตอสูรก็ตายพอดีงั้นเหรอ”หวงหลงยังคงมีท่าทีไม่เชื่อเสียเท่าไหร่ เพราะหากฟังที่ไป๋จูเหวินเล่า มันสามารถผ่านเขาวงกตกระจกเงาที่คร่าชีวิตเหล่าหน่วยสำรวจทั้งเป็นมานักต่อนัก มันถึงขนาดไม่กล้าส่งอาวุโส 7 ไปเพราะกลัวว่าอาวุโส 7 เองจะหายไปในเขาวงกตกระจกเงาไปด้วย แต่ไป๋จูเหวินกลับสามารถเข้าไปถึงรังของแมงมุมน้ำแข็งได้ แถมยังเข้าไปตอนที่อสูรแมงมุมน้ำแข็งสิ้นใจตายอีกต่างหาก

“ขอรับ”ไป่จูเหวินตอบด้วยท่าทีนิ่งเรียบ มันบอกหวงหลงไปทุกอย่างยกเว้นแต่เพียงเรืองไข่ของอสูรแมงมุมน้ำแข็งและแก่นอสูรของมันเท่านั้น

“แล้วแก่นอสูรของมัน เจ้าได้เอามาหรือไม่”หวงหลงถามพลางจ้องมองไป๋จูเหวินนิ่ง แม้มันไม่ทราบว่าอสูรแมงมุมจะทิ้งไข่เอาไว้ด้วย แต่อย่างน้อยมันก็รอบคอบพอจะถามถึงแก่นอสูรที่ควรจะปรากฏหลังจากอสูรแมงมุมน้ำแข็งตายไป แน่นอนว่าแก่นอสูรของผู้ครองเขตอสูรย่อมไม่ใช่ธรรมดา

“ทันทีที่อสูรแมงมุมน้ำแข็งตาย ภูเขาหิมะก็เริ่มถล่มลงมา ตัวข้าและอสูรเลี้ยงรีบหนีเอาชีวิตรอดเลยไม่ได้นำแก่นอสูรออกมาด้วย”ไป๋จูเหวินโกหก มันไม่ไว้ใจหวงหลงนักทำให้มันไม่อยากมอบแก่นอสูรของอสูรแมงมุมน้ำแข็งให้กับหวงหลง อาจจะเพราะอสูรแมงมุมน้ำแข็งมีความสัมพันธ์กับมารดาของมันกระมัง

“เช่นนั้นเจ้ามีหลักฐานอะไรให้ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้าไปในเขตอสูรถ้ำกระจกเงามาแล้วจริงๆ”หวงหลงถามพลางมองไป๋จูเหวินนิ่ง แม้มันจะบอกว่าถายนอกมีแต่อสูรระดับต่ำทำให้มันไม่ได้ต่อสู้กับอสูรเลยก็ตาม แต่หวงหลงก็ยังไม่อาจเชื่อได้อยู่ดีว่าเพียงมนุษย์ระดับหลอมรวมนภาคนเดียวจะสามารถเข้าไปในถ้ำกระจกเงาได้สำเร็จ

“เรื่องนั้น”ไป๋จูเหวินเลือกสร้อยคอของหน่วยสำรวจออกมาจากมิติของมันและนำแหวนมิติจำนวนหนึ่งออกมาพร้อมกัน ของเหล่านี้คือสร้อยคอและแหวนมิคิของหน่วยสำรวจที่ไป๋จูเหวินได้เจอในเขาวงกตกระจกเงานั่นเอง

“นั่นมัน…”อาวุโส 7 ลุกขึ้นยืนพร้อมเดินเข้ามาดูสร้อยคอและแหวนที่ไป๋จูเหวินนำออกมา

“เป็นอย่างไรอาวุโส 7”หวงหลงถามพลางมองอาวุโส 7 ที่ก้มมองสร้อยคอและแหวนอย่างพิจารณา นางสวมแหวนบางวงครู่หนึ่งเพื่อตรวจสอบของภายใน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ไม่ผิดเจ้าค่ะ นี่คือแหวนและสร้อยคอของหน่วยสำรวจที่เราส่งไปยังเขตถ้ำกระจกเงาเจ้าค่ะ”อาวุโส 7 ว่าพลางวางแหวนและสร้อยคอเอาไว้ที่เดิม พวกมันล้วนเป็นของศิษย์ในหน่วยของนางทั้งนั้น พอได้เห็นพวกมันนางก็ทั้งเสร้าใจและซาบซึ่งไปด้วยกัน

“เช่นนั้นเจ้าก็เข้าไปในเขคอสูรถ้ำกระจกเงาแล้วจริงๆ”หวงหลงพูดด้วยท่าทีไม่พอใจนัก แต่เดิมมันกะจะขู่ไป๋จูเหวินให้กลัวจนไม่กล้ากลับมาอีก แต่ใครจะนึกว่าเจ้าหนุ่มนี่กลับดวงดีเข้าไปในช่วงเวลาที่เขตอสูรกกลังจะพังทลายพอดีเสียอีก เท่ากับว่ามันมอบงานสบายให้ไป๋จูเหวินเลยก็ว่าได้

“ดูเหมือนทักษะการสำรวจของเจ้าจะยอดเยี่ยมไม่น้อย”หวงหลงว่าพลางยิ้มออกมา

“หลังจากนี้ให้เจ้าเดินทางไปยังนครอัคนีทางตะวันออก ที่นั่นมีเขตอสูรที่ขื่อว่าหับเขามังกรอยู่ จงไปเก้บข้อมูลมาซะ”หวงหลงสั่งพลางมองไป๋จูเหวินนิ่ง มันคงดวงดีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คราวนี้มันส่งไป๋จูเหวินไปยังเขตอสูรหุบเขามังกรถือว่าส่งมันไปตายจริงๆแล้ว

“หัวหน้า ท่านพูดจริงอย่างนั้นเหรอ”ผู้ที่ถามออกมาคืออาวุโส 7 นั่นเอง แม้แต่นางยังไม่กล้าเข้าไปในเขตอสูรหุบเขามังกร เพราะนอกจากจะมีอสูรเผ่ามังกรมากมายแล้ว ที่นั่นยังเป็นพื้นที่ภูเขาไฟที่มีอุณหภูมิสูงอย่างมาก คนธรรมดาเพียงเอาตัวรอดจากความร้อนก็ยากเต็มทีแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าอสูรภายในหุบเขา เพราะมันล้วนเต็มไปด้วยมังกรตามชื่อ ต่อให้เป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุด คนระดับหลอมรวมนภาอย่างไป๋จูเหวินก็คงยังรับมือไม่ได้

“เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือไง ว่างานของหน่วยสำรวจคือการนำข้อมูลออกมาจากที่ที่เป็นไปไม่ได้”หวงหลงว่าพลางยิ้มออกมา

“แต่…”อาวุโส 7 มีท่าทีไม่พอใจนักที่หวงหลงส่งไป๋จูเหวินไปยังเขตอสูรหุบเขามังกร

“จริงสิ ไหนๆเจ้าก็จะเข้าไปในเขตอสูรหุบเขามังกรแล้ว ข้าอยากให้เจ้าหาสิ่งของบางอย่างมาให้ข้าด้วย”หวงหลงพูดพลางมองไปทางอาวุโส 7

“เจ้าจงนำ ดอกไม้สีเพลิง กลับมาด้วย”ได้ยินเช่นนั้นอาวุโส 7 ก็เบิกตากว้างทันที ความจริงดอกไม้สีเพลิงไม่ใช่ของหายาก เพียงแต่การจะนำมันมากลับเป็นเรื่องยากมากเพราะมันเป็นดอกไม้ที่มังกรลาวาชอบอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มันจะขึ้นอยู่ตามเขตภูเขาไฟและจะโดนมังกรลาวากินทันทีที่มันผลิบาน นั่นเท่ากับว่าหากอยากได้ดอกไม้สีเพลิงจำเป็นต้องเข้าไปแย่งกับมังกรลาวานั่นเอง

“หัวหน้า ท่านสั่งเกินไปแล้ว เรื่องเช่นนี้มันจะทำได้อย่างไร”อาวุโส 7 ท้วงพลางมองไป๋จูเหวินด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่ได้ฝืนบังคับมันเสียหน่อย ข้าเพียงมอบงานให้คนของข้าตามปกติเท่านั้น”หวงหลงยิ้มพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาเย็นชา ข้อหาที่มาแตะต้องสมบัติของมันคือโทษตายเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะอาวุโสเทียนหมิงคุ้มหัวให้มันละก็หวงหลงคงไม่ต้องใช้วิธีอ้อมค้อมเช่นนี้หรอก

“หากเช่นนั้นข้าจะรีบออกเดินทางในตอนเช้า”ไป๋จูเหวินตอบพลางประสานมือรับ

“ใครบอกให้เจ้าเดินทางพรุ่งนี้ เจ้าต้องออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้เลย”หวงหลงว่าพลางจ้องมองไป๋จูเหวินนิ่ง

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบรับพลางมองไปทางหลินหลินและหงเยว่ที่พาตนเดินทาง พวกนางมีกัน 2 คนคอยสลับกันเดินทางทำให้ความเหนื่อยล้าไม่ค่อยเป็นปัญหากับไป๋จูเหวินนัก เพียงแต่มันยังไม่ได้บอกข่าวให้พี่ต้าชิงต้าเฉินทราบเลย

“ท่านหัวหน้าเจ้าคะ ตัวข้าและคุณชายไม่เคยไปนครอัคนีมาก่อน อย่างน้อยก็อยากให้มึนนำทางสักคน”หงเยว่ว่าพลางเสนอเรื่องกับหัวหน้าหลุ่มนักล่าอสูรอย่างหวงหลง ในเมื่อมันเอาเรื่องงานมาบังหน้านางก็ใช้เรื่องงานเพื่อเรียกร้องเช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเป็นคนนำทางให้พวกเจ้าเอง”อาวุโส 7 เสนอตัวออกมาในทันที

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยู่ในช่วงพักผ่อนหรือไง”หวงหลงว่าพลางมองอาวุโส 7 นิ่ง ปกตินางมีนิสัยขี้เกียจ หลังจากทำการสำรวจที่ใดที่หนึ่งจนเก้บข้อมูลมาครบถ้วนแล้ว ต่อให้มันสั่งเองนางก็ไม่ยอมไปสำรวจที่อื่นให้เป็นเดือนๆเลยโดยนางจะอ้างว่าเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากไปตลอด ทำให้วันที่นางส่งไป๋จูเหวินมารับเสด็จองค์ชาย 4 จึงไม่มีใครต่อว่าหรือแปลกใจกับนางเลย

“อึก..ไม่เป็นไร ข้าอยากจะสอนงานศิษย์คนใหม่ของข้าพอดี”อาวุโส 7 กัดฟันพูดพลางเบือนหน้าหลบสายตาหวงหลงไป อย่างน้อยหากนางเป็นคนพาไป๋จูเหวินไปอาจจะพอแอบเข้าไปในหุบเขามังกรได้บ้าง และด้วยความสามารถพิเศษของนางอาจจะทำให้หาดอกไม้สีเพลิงกลับมาได้ด้วย

“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป”หวงหลงค้านพลางลุกขึ้นยืน มันกะจะส่งไป๋จูเหวินไปตาย มีหรือจะยอมให้ไป๋จูเหวินพาอาวุโส 7 ซึ่งเป็นหน่วยสำรวจแสนมีค่าของกลุ่มนักล่าอสูรไปด้วย

“ท่านก้น่าจะทราบนิสัยข้าดี”อาวุโส 7 ว่าพลางเดินออกไปที่ประตูช้าๆ เพราะนางเป็นคนสำคัญของกลุ่มนักล่าอสูร นางเลยสามารถขัดคำสั่งหัวหน้ากลุ่มได้ไม่น้อย และนางก็เป็นคนดื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ข้าจะไปเก็บของ เจ้าไปรอข้าที่หน้าประตูออก”อาวุโส 7 ว่าพลางปิดประตูห้องประชุมอย่างแรง ทำให้หวงหลงได้แต่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา มันหันไปมองไป๋จูเหวินครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ข้ายกเลิกเรื่องดอกไม้สีเพลิง เจ้าเก็บข้อมูลหุบเขามังกรมาเท่าที่ทำได้ก็พอ”หวงหลงลุกขึ้นยืนก่อนจะออกไปจากห้องประชุมอีกคน แม้มันจะไม่ชอบใจที่ไป๋จูเหวินมายุ่มย่ามกับบุตรสาวมัน แต่อาวุโส 7 เป็นหน่วยสำรวจที่มีคุณค่ากับกลุ่มนักล่าอสูรมาก แม้แต่ตัวมันยังต้องพึ่งพานางในการสำรวจเขตอสูรที่มันยังไม่เคยเข้าไป หากเสียนางไปความเสียหายของกลุ่มนักล่าอสูรไม่ใช่น้อยๆแน่ หวงหลงถึงกับยอมลงให้ไป๋จูเหวินเพื่อนางเลยทีเดียว

“สมแล้วที่เป็นอาวุโส 7”หงเยว่ยิ้มพลางมองแผ่นหลังของหวงหลงที่เดินจากไป นางเพียงเสนอเพื่อให้มีคนมาช่วยเพิ่มเท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้อาวุโส 7 มาช่วยแถมยังทำให้งานง่ายขึ้นมากอีกต่างหาก

“หงเยว่ ช่วยเรียกแมงมุมออกมาหน่อยได้ไหม”ไป๋จูเหวินว่าพลางหันหลังเดินออกไปจากห้องประชุมเช่นกัน

“เจ้าค่ะ”หงเยว่เลิกคิ้วพลางเปิดมิติของนางเพื่อปล่อยให้แมงมุมตัวเล็กๆเดินออกมา

“ข้าจะเขียนจดหมายให้พวกพี่ต้าชิงต้าเฉิน ให้พวกมันไปส่งหน่อยแล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินทางไปที่หน้าประตูตะวันออก

“เจ้าค่ะ”หงเยว่ตอบรับพลางเลือกแมงมุมที่สามารถแบกจดหมายได้ออกมา

.

.

“อู๋หมิง ส่งกระบี่ทัณฑ์สวรรค์มาให้ข้า”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางยื่นมือไปทางอู๋หมิง

“ขอรับ”อู๋หมิงตอบรับพลางยื่นกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ให้กับอาวุโสเทียนหมิงผู้เป็นอาจารย์อย่างว่าง่าย

“อืม เป็นหินวิญญาณธาตุสายฟ้าที่งดงามจริงๆ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากมิติส่วนตัว แน่นอนมันคือหินวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ที่ไป๋จูเหวินเป็นผู้ขายให้กับหน่วย 10 ของกลุ่มนักล่าอสูรนั่นเอง และนี่คือเหตุผลที่มันไปโผล่ที่เมืองร้อยแปดอสุรนั่นเอง

“เอาล่ะ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางโยนกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ลงไปในเตาหลอมที่มันสร้างขึ้นมาเตรียมเอาไว้แล้ว พร้อมนำหินวิญญาณธาตุสายฟ้าลงไปหลอมเช่นกัน

แต่เดิมตอนได้รับกระบี่ทัณฑ์สวรรค์มาจากอาจารย์ อาวุโสเทียนหมิงได้บอกกับอู๋หมิงว่ากระบี่ทัณฑ์สวรรค์นั้นยังไม่สมบูรณ์ แต่อู๋หมิงกลับคิดไม่ออกว่าจะมีอาวุธใดเหนือกว่ากระบี่ทัณฑ์สวรรค์เล่มนี้อีกจนกระทั่งได้พบไป๋จูเหวินและหยงเวย

กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ที่มันภูมิใจกลับไม่สามารถทำร้ายใยแมงมุมของไป๋จูเหวินได้ และดาบของหยงเวยก็สามารถตัดใยแมงมุมของไป๋จูเหวินได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นครั้งแรกที่อู๋หมิงไม่มั่นใจในกระบี่ในมือตนเอง

“หมิงเอ๋อ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางมองมาทางอู๋หมิง

“ขอรับ”อู๋หมิงตอบรับพลางประสานมือรับอย่างนอบน้อม

“เจ้าเดินทางกับข้ามากี่ปีแล้วนะ”อาวุโสเทียนหมิงถามพลางมองกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ในกองไฟ

“ 14 ปีขอรับ”อู๋หมิงตอบเพราะมันแทบจะออกเดินทางกับอาวุโสเทียนหมิงตั้งแต่เด็กเลย

“อืม นานแล้วสินะ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางเลื่อนฝ่ามือไปข้างหน้า

พรึบ.!! เพลิงสีแดงสดก่อตัวเป็นทรงกลมอย่างรวดเร็วพร้อมกระบี่ทัณฑ์สวรรค์และหินวิญญาณลอยขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะหายเข้าไปในกองไฟช้าๆ การใช้ไฟเช่นนี้ถือเป็นเทคนิคขั้นสูงที่น้อยคนจะทำได้เช่นเดียวกับการหลอมยาของไป๋จูเหวิน เพียงแต่อาวุโสเทียนหมิงใช้มันเพื่อหลอมอาวุธเท่านั้น

เปรี้ยงๆๆๆๆ ราวกับต้อนรับการถือกำเนิดของกระบี่เล่มใหม่ สายฟ้า 9 สายฟาดลงมาจากทรวงสวรรค์เข้าใส่กองไฟอย่างรุนแรงจนเกิดแรงระเบิดดังไปทั่วหุบเขา

ฉึก! กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ที่ส่องประกายสีม่วงปักลงบนพื้นอย่างแรงจนกระบี่จมลงไปกว่าครึ่ง

เปรี้ยง! สายฟ้าแล่นผ่านผืนดินจนได้กลิ่นไหม้ออกมา ทำให้อู๋หมิงเข้าใจในทันทีว่ากระบี่ทัณฑ์สวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว

“หมิงเอ๋อ..”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางดึงกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมาจากผืนดิน มันยื่นกระบี่เล่มใหม่ให้อู๋หมิงพลางมองมันด้วยสายตาจริงจัง

“นับแต่นี้ไป เจ้าต้องเดินทางเพียงลำพัง ถึงเวลาที่เจ้าจะออกจากเงาของข้าแล้ว”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางวางกระบี่ลงบนมือของอู๋หมิง

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด