Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 44 ป่าอสูรปีศาจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 44 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 44 ป่าอสูรปีศาจ

 

เมื่อเซียวเฉียงเห็นถึงสถานการณ์ไม่สู้ดีระหว่างสองคนนี้เขาก็รีบพูดขึ้น “เซียวเฉินระวังคำของเจ้า ในเมื่อเจ้าใช้มันผนึกจิ้งจอกวิญญาณไปแล้ว ก็ขอโทษผู้อาวุโสหลิวซะ”

 

ผิวเผินอาจจะดูเหมืนว่าเขาดุว่าเซียวเฉิน แต่นั้นหมายความว่าเขาบอกเป็นนัยว่าหยกวิญญาณชิ้นนี้เป็นของเซียวเฉินแล้วและกำลังมอบทางลงให้หลิวเฟิงหยินออกมาจากสถานกาณ์ขายขี้หน้า

 

เซียวเฉินไม่ใช่คนโง่ไม่มีทางที่เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้อาวุโสหนึ่งจะสื่อ เขาวางจิ้งจอกวิญญาณลงบนโต๊ะคำนับมือไปข้างหน้าพร้อมกับยิ้มขึ้น “ผู้อาวุโสหลิวข้ามันมารยาททรามได้แสดงออกไม่เหมาะสม ข้าของอภัยที่ล่วงเกินท่าน”

 

หลิวเฟิงหยินสีหน้าเย็นช้า เขาถอนกระแสพลังกลับมาและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก เขาไม่ได้แสดงออกมาแต่เห็นได้ชัดว่าขัดใจเป็นอย่างมาก

 

“ผู้อาวุโสหลิวนี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นกลาง ข้าเห็นว่าท่านยังไม่มีอาวุธวิญญาณที่เหมาะสม ข้าขอชดเชยท่านด้วยสิ่งนี้” เซียวเฉียงหยิบดาบใหญ่ที่เขายึดมาจากตระกูลถังออกมาจากแหวนห้วงมิติของเขา

 

หลิวเฟิงหยินมองไปยังอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นกลางอย่างเย็นชาไม่มีทีท่าว่าจะหยิบมันขึ้นมาแต่อย่างใด หลังจากที่จิ้งจอกวิญญาณหกหางหลุดมือไปเขาไม่อาจจะยอมรับของเล็กน้อยชิ้นนี้ที่ต่ำกว่าความคาดหวังเดิมของเขามาก

 

“ท่านลุง อาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นกลางนี้ดูเหมือนจะไม่เข้าตาผู้อาวุโสหลิว ช่างบังเอิญอาวุธวิญญาณของหลานชายคนนี้ได้แตกหักไปเมื่อเร็วๆนี้ หากผู้อาวุโสหลิวไม่อยากรับข้าก็อยากจะขอรับไว้เอง” เซียวเฉินเห็นหลิวเฟิงหยินไม่เต็มใจที่จะรับมันไว้ ดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงดู

 

แม้ว่าหลิวเฟิงหยินจะโกรธหนักแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาในครั้งนี้ เขาลุกขึ้นพร้อมจากไป ดาบใหญ่ในมือของเซียวเฉียงบินตามเขาไปโดยอัตโนมัติ

 

เซียวเฉินรู้สึกเสียดายในใจ ยังไงมันก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นกลาง พูดได้ว่าเป็นอาวุธิวญญาณระดับสูงสุดในเมืองม่อเหอนี้เลยก็ว่าได้

 

เมื่อเซียวเฉียงเห็นหลิวเฟิงหยินยอมรับดาบไปเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็หันกลับมาเปิดคาบเรียนบรรยายให้เซียวเฉินฟัง “เซียวเฉินอย่าไปเสียมารยาทกับผู้อาวุโสหลิวอีก เขาอยู่รุ่นเดียวกับปู่เจ้า เจ้าต้องรักษามารยาท”

 

เซียวเฉินไม่พอใจ เจ้าหลิวเฟิงหยินผู้นี้ใช้พลังมาไถของรังแกเด็ก เขาไม่มีความเคารพต่อคนผู้นี้แม้แต่น้อย

 

เห็นเซียวเฉินยังคงนิ่งเงียบเซียวเฉียงก็เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาพูดอธิบาย “แม้ว่าผู้อาวุโสหลิวจะล้ำเส้นไปบ้าง ข้าขอรับรองว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่จะขัดกับตระกูลเซียว”

 

เซียวเฉินไม่สนใจที่จะฟังบรรยายไปนานกว่านี้และเพียงแค่พูดสองสามคำเพื่อเอาใจผู้อาวุโสหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หันหัวมองหาเซียวอวี่หลันที่กำลังอุ้มจิ้งจอกวิญญาณหยอกล้อเล่นกับมัน

 

ภาพนี้ช่างดูสบายตา ไม่ว่าในโลกใด จะโลกเดิมของเขาหรือโลกที่เขาอยู่ตอนนี้ผู้หญิงก็ยังคงแพ้ของน่ารักเช่นเดียวกัน

 

ผู้อาวุโสหนึ่งก็สนใจในตัวจิ้งจอกวิญญาณน้อยนี้เช่นกัน ถึงยังไงมันก็เป็นถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 เมื่อมันโตขึ้นมันจะกลายเป็นกำลังสำคัญของตระกูลเซียว

 

หัวข้อสนทนากลายเป็นเรื่องของจิ้งจอกน้อยตนนี้และวิธีที่เขาได้มันมา เซียวเฉินไม่ได้ปิดบังอะไรบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่สังหารถังหยวน

 

เมื่อเซียวอวี่หลันได้ฟังเรื่องนี้สีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ในสายตาของนางคนเช่นนั้นตายไปก็ไม่น่าเสียดาย หากมันสมควรตายก็ปล่อยมันตายไป อย่างไรก็ตามเมื่อเซียวเฉียงได้ยินเกี่ยวกับถังหยวนสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

เมื่อเซียวเฉินสังเกตเห็นท่าทีของเซียวเฉียงเขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยก่อนที่จะได้ออกปากถามอะไรบางอย่างก็มีศิษย์ตระกูลเซียวรีบวิ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ในมือถือจดหมายส่งผ่านไปให้เซียวเฉียงอย่างรีบร้อน

 

“ผู้อาวุโสหนึ่ง จดหมายมาจากผู้อาวุโสสอง”

 

จดหมายจากผู้อาวุโสสอง?

 

ความสับสนเกิดขึ้นในดวงตาของเซียวเฉียง ทำไมผู้อาวุโสสองถึงส่งจดหมายมาในเวลาเช่นนี้? ผู้อาวุโสสองนั้นอาศัยอยู่ที่ที่ทำการเจ้ามณฑลฉี่จื๊อทำงานให้กับเจ้ามณฑล และเขายังเป็นหนึ่งในคนโปรดของท่านเจ้ามณฑล

 

เมื่อพูดถึงศักดิ์ของเขาในตระกูลเซียว ผู้อาวุโสสองนั้นได้รับเกียรติมากกว่าผู้อาวุโสหนึ่งเซียวเฉียงเสียอีก นั้นเป็นเพราะว่าผู้หนุนหลังตระกูลเซียวที่ใหญ่ที่สุดคือเจ้ามณฑลฉี่จื๊อและเพียงคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อเขาคือผู้อาวุโสสอง

 

เซียวเฉียงเปิดจดหมายและอ่านอย่างรวดเร็ว หลัวจากเห็นเนื้อหาในจดหมายสีหน้าเขาก็ซีดเป็นศพความคิดและความหวาดกลัวปะปนกัน

 

“เกิดอะไรขึ้น? จดหมายว่าอย่างไร?” เซียวอวี่หลันถามอย่างเป็นกังวลเมื่อเห็นเซียวเฉียงหน้าซีดพร้อมกับวางจิ้งจอกวิญญาณลง

 

เซียวเฉินมองไปทางเซียวเฉียงอย่างพิศวง เขานึกไม่ออกเลยว่าอะไรในจดหมายถึงกับทำให้ผู้อาวุโสหนึ่งหน้าซีดเป็นศพได้ขนาดนี้ แม้แต่ในตอนที่พวกเขาปิดภูเขา เขาก็ยังไม่แสดงอาการถึงเพียงนี้

 

เซียวเฉียงว่างจดหมายลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นหมอง “การเริ่มต้นของคลื่นป่าทมิฬจะเข้ามาเร็วกว่ากำหนด นี้เป็นข่าวโดยตรงจากเจ้ามณฑล อีกสองสามวันข่าวน่าจะกระจายไปทั่วเมืองม่อเหอ”

 

เมื่อเซียวเฉินได้ยินดังนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา คลื่นป่าทมิฬ ตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเขารู้ว่ามันคืออะไร

 

คลื่นป่าทมิฬคือสัตว์อสูรร้ายในมณฑลฉี่จื๊อ มันมีช่องว่างรอยแยกที่เชื่อมโลกปีศาจมาที่ทวีปเที่ยนวู่ พลังฉีปีศาจที่ไหลออกมาจากรอยแยกได้ครอบงำสัตว์อสูรวิญญาณและเหล่าต้นไม้ในป่า

 

ภายใต้การครอบงำของพลังฉีปีศาจเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณนั้นจะกลายเป็นอสูรปีศาจร้ายน่ากลัว หลังจากกลายเป็นอสูรปีศาจพวกมันจะเหลือไว้เพียงความดุร้ายและกระหายเลือด

 

พลังของมันจะมากขึ้นเช่นกัน สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 ก็จะกลายเป็นระดับ 3 นอกจากนั้นยังมีสถานะคลั่งนิสัยกลายเป็นดุร้ายรุนแรง

 

ยังมีต้นไม้ที่กลายพันธ์ุหลังจากที่ถูกครอบงำ พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณต้นไม้น่ากลัว ต้นไม้กินคนหรืออื่นๆ

 

หลังจากภัยพิบัติเริ่มขึ้น จะมีรอยแยกจำนวนมากปรากฎขึ้นบนทวีปเทียนวู่ รอยแยกที่ใหญ่ที่สุดนั้นถูกปิดผนึกโดยผู้อาวุโสจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ป้องกันไม่ให้มีอะไรผ่านเข้าออกไปได้

 

อย่างไรก็ตามมีรอยแยกมากมายบนทวีปเทียนวู่ เป็นไปไม่ได้ที่คนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไล่ผนึกมันได้ทั้งหมด ดังนั้นมันจึงมีรอยแยกเล็กๆหลงเหลืออยู่

 

ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องสาหัสจากรอยแยกเล็กน้อยนี้ สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ส่งคนมาผนึกมัน

 

รอยแยกในคลื่นป่าทมิฬเป็นรอยแยกเล็กๆ พลังฉีปีศาจคงจะกระจายไปในป่าเท่านั้นไม่ล้นออกมาภายนอก

 

ตราบเท่าที่คนธรรมดาไม่เข้าไปในป่ามันก็ไม่มีอะไรเป็นอันตราย อย่างไรก็ตามหากทิ้งมันไว้เช่นนี้จำนวนอสูรปีศาจเพิ่มขึ้นมันก็จะเริ่มล้นออกมาจากป่า

 

ดังนั้นทุกมณฑลในทวีปเทียนวู่จะส่งคนออกไปสำรวจ เมื่อเขาพบความผิดปกติใดๆพวกเขาก็จะส่งคนไปล้างบางพวกอสูรปีศาจ

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อส่งคนไปล้างบางอสูรปีศาจกองกำลังโดยรอบเมืองก็จะส่งคนรุ่นเยาว์ของตระกูลตนเองไปรอบนอกของป่าทมิฬเพื่อฝึกฝน

 

สภาพภายในป่าทมิฬนั้นเลวร้ายเต็มไปด้วยอสูรปีศาจ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ค่อยมีอสูรปีศาจที่แข็งแกร่งปรากฎตัวรอบนอกของป่าดังนั้นมันก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ส่งคนรุ่นเยาว์ออกไปเพิ่มประสบการณ์

 

ระหว่างนั้น เหล่าตระกูลต่างๆก็จะแข่งขันกันเป็นการทอดสอบของหล่าตระกูลใหญ่ หากตระกูลเซียวนั้นทำผลงานดูไม่ได้มันก็จะถูกลือไปทั่วเมืองม่อเหออย่างรวดเร็ว

 

นี้มันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของตระกูลเซียว ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือเจ้ามณฑลฉี่จื้อและมณฑลอื่นๆก็จะมาปรากฎตัวเช่นกัน

 

ตระกูลพวกเขาที่แกร่งที่สุดในเมืองม่อเหอผลงานจะออกมาเละเทะไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถครองอันดับหนึ่งไว้ได้มันจะสร้างภาพลักษณ์แย่ๆต่อสายตาเจ้ามณฑล

 

นี้เป็นเหตุผลที่เซียวเฉียงทั้งสุขทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน หากพวกเขาทำผลงานออกมาดีมันก็จะสร้างขวัญกำลังใจก่อนที่สัญญาสิบปีจะมาถึง  กลับกันหากพวกเขาพลาดมันจะเกิดเป็นแผลในใจ

 

เซียวเฉินหยุดความคิดนี้ลง เขาไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยพร้อมกับถามขึ้นอย่างคาดหวัง “มันจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร?”

 

“จากข่าวที่ได้รับมาจากท่านเจ้ามณฑลคือเจ็ดวันนับจากนี้ ข่าวนี้น่าจะมาถึงเมืองม่อเหอในอีกสองสามวัน เจ้าทั้งสองเก็บของซะแล้วรีบลงจากภูเขาไปให้เร็ว”

 

“เจ้าทั้งสองจะต้องเข้าร่วมในการทดสอบนี้ ในป่านั้นมันเลวร้ายมาก ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมการบางอย่าง” เซียวเฉียงพูดพร้อมกับมองไปที่ทั้งสองคน

 

แม้ว่าเซียวเฉินจะเป็นเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลาง แต่ในตอนที่เขาเป็นระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำเขาก็สามารคว่ำเซียวเจี้ยนที่อยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงมาแล้ว ในตอนนี้ที่เขาทะลวงขึ้นระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางความแข็งแกร่งก็ต้องเพิ่มขึ้นไปอีก

 

และเซียวอวี่หลันที่หลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ได้ตั้งแต่ 5 ขวบนางได้ขึ้นสูงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางมาได้นานแล้ว ภายในรุ่นเดียวกันของเมืองม่อเหอนางนับว่าก้าวหน้าที่สุด

 

ตระกูลเซียวจะได้ผลลัพธ์ออกมาดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองคนนี้แล้ว เซียวเฉียงเห็นดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

 

“แล้วเรื่องที่ตระกูลถังมาป่วนที่ภูเขาชีเจี่ยวล่ะ? พวกเราจะชำระหนี้มันเช่นไร?” เซียวอวี่หลันขุ่นเคืองที่พวกนั้นทำร้ายเซียวเฉินและพังกระท่อมไม้ของนาง

 

จากคำของเซียวเฉียงเห็นได้ชัดว่าเขาจะมองผ่านเรื่องนี้ไปและมุ่งเน้นไปที่การทอดสอบป่าทมิฬ เซียวอวี่หลันไม่พอใจเล็กน้อย

 

เซียวเฉียงพูดขึ้น “ผู้อาวุโสสามส่งคนไปที่ตระกูลถังแล้ว ในตอนนี้มีเรื่องอื่นที่เร่งด่วนกว่า จะเป็นการดีกว่าที่ยังไม่ไปเปิดประเด็นกับตระกูลถัง อวี่หลันเจ้าอย่าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอีก”

 

เซียวอวี่หลันเบะปากและก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันอีก ถึงอย่างนั้นนางก็ยังอารมณ์เสียจากคำพูดของเซียวเฉียง

 

เซียวเฉินเห็นด้วยกับคำของผู้อาวุโสหนึ่งในใจ จากตอนที่ชายชุดน้ำเงินนั้นปรากฎตัวที่ภูเขาชีเจี่ยวทำงานร่วมกับตระกูลจางตอนนี้ยังมาทำข้อตกลงกับตระกูลถังพยายามจะจับตัวจิ้งจอกวิญญาณหกหาง สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหรกับตระกูลเซียว

 

นอกจากนั้นยังมีแม่สาวลึกลับเฟิงเฟยซู่ เมื่อมองทุกอย่างรวมกันดูเหมือนเมืองเล็กๆอย่างม่อเหอจะไม่ได้สงบสุขอย่าที่เห็นแล้ว

 

ดังนั้นเขาไม่เคยคิดที่จะบุกไปหาตระกูลถังเพื่อล้างแค้น ประการแรกความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ หากไม่มีตระกูลเซียวคอยสนับสนุนมันก็ได้แต่หวังที่จะไปทะเลาะกับตระกูลถัง

 

อย่างที่สองแม้ว่าตระกูลถังจะบีบเขาจนมุมสองสามครั้งแต่เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย ยิ่งกว่านั้นเขายังทำแผนของตระกูลถังพังไม่เป็นท่า

 

กลับกันตระกูลถังนั้นเสียหายใหญ่หลวงนักในครั้งนี้ ผู้อาวุโสสองคนและนายน้อยของตระกูลถังกลายเป็นศพ หยกวิญญาณสีเลือดอันล้ำค่าก็หล่นใส่ปากเซียวเฉิน แผนของพวกเขาปังพินาศอย่างแท้จริง

 

ในอดีตพวกเขาทั้งสองตระกูลนั้นไม่ได้ขุ่นแค้นต่อกัน ตอนนี้พวกมันได้ล้ำเส้นเข้ามา อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักพวกเขาทั้งสองคงไม่มีใครกล้าลงมือผลีผลาม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด