Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 80 เท้าเหยียบหน้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 80 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ปัง!”

พริบตาก่อนหน้านี้เซียวฉงยังคงลอยอยู่บนอากาศ ในพริบตาต่อมาเขาพุ่งลงจอดด้านหลังชายชุดดำ เมื่อชายชุดดำได้ยินเสียงเขารีบหันฟันกลับมาด้วยดาบของเขา

พร้อมกับเสียง “ฮั้ว” เซียวฉงเคลื่อนตัวไปด้านหลังของชายชุดดำและปล่อยฝ่ามือใส่หลังของเขาทันที

“กร๊วบ!” เป็นเสียงของกระดูกแตกหักดังสนั่นออกมา

ชายชุดดำสูดหายใจเข้าอย่างยากลำบากและหันกลับมาอีกครั้งทุกสิ่งที่เขาเห็นคือเงาวูบผ่าน เซียวฉงเคลื่อนตัวกลับไปที่หลังของชายชุดดำและปล่อยฝ่ามืออกไปอีกครั้ง

“ฟูู่ว!”

ชายชุดำดำพ่นเลือดออกมาคำใหญ่

“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!”

เซียวฉังเคลื่อนตัวไปตลอดเวลาที่ปล่อยฝ่ามือใส่ชายชุดดำอย่างต่อเนื่อง สำหรับชายชุดดำเขาไม่แม้แต่จะได้สัมผัสชายเสื้อของเซียวฉง สายเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาและไม่อาจตอบโต้ได้แต่อย่างใด

“ฮุ่!ฮุ่!”

ทันใดนั้นระดับขอบเขตเซียนผู้ที่ขวางเซียวเฉียงเอาไว้ก็บินเข้ามาและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่เซียวฉง

เซียวฉงปล่อยชายชุดดำไปและเปลี่ยนเป้าหมายมาที่คนคนนี้ “บูม!”มีเสียงอู้เกิดขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกปรากฎขึ้นในอากาศ

พวกเขาทั้งสองถอยกลับเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มแลกฝ่ามือกันอีกครั้งในพริบตาต่อมา มือเท้าของพวกเขาเคลื่อนไหวไปทุกทิศทางสายลมจากฝ่ามือของพวกเขาราวกับฟ้าร้อง พวกเขารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

เซียวเฉินผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่แม้แต่จะเห็นเงาของพวกเขา เขาได้ยินเพียงเสียงระเบิดและคลื่นกระเพื่อมของอากาศ เซียวเฉินตกตะลึงในใจแม้แต่ระดับขอบเขตปรมจารย์หากเข้าไปสอดพวกเขาคงกลายเป็นฝุ่นไปในพริบตา

เซียวเฉินหันไปมองชายชุดดำที่ในตอนนี้อ่อนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าของเขาปรากฎรอยยิ้มดำมืดพร้อมกับเดินเข้าไปเข้าช้าๆ

“เจ้าคิดจะทำอะไร…?” ชายชุดดำพูดขึ้เสียงกังวลเมื่อเห็นเซียวเฉินที่เดินเข้ามาสายตามืดมน

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเซียวฉงก่อนหน้านี้ พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้เพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายดาย

เซียวเฉินไม่อยากพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไป เขาเตะชายชุดดำลอยขึ้นไปกระแทกพื้น ชายชุดดำส่งเสียงเจ็บปวด ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรเซียวเฉินก็กระทืบลงไปบนตัวเขาอย่างไร้ความปราณี ชายชุดดำร้องออกมาอย่างเจ็บปวดกลืนทุกคำที่เขาจะพูดกลับลงคอไป

ระดับขอบเขตเซียนที่ถูกกระทืบโดยระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นต่ำ ชายชุดดำรู้สึกหดหู่อย่างไม่น่าเชื่อ

“เซียวเฉิน! ไสหัวไปเดียวนี้! หรือไม่ข้าจะมาตามฆ่าเจ้าในอนาคต!” ชายชุดดำตะโกนออกมาเสียงดัง

เซียวเฉินยังคงกระทืบต่อไปด้วยเท้าของเขาอย่างไร้ความปราณีพร้อมกับปรากฎรอยยิ้มเย็นชา “เจ้ายังคิดว่าจะได้รอดกลับไป? ข้าบอกเจ้าไปแล้วเจ้าอย่ามาขวางทางข้า หูเจ้าหนวกเมื่อครู่?”

หลังจากพูดจบเซียวเฉินก็กระทืบลงไปที่หน้าของเขาอย่างไร้ความปราณีสองสามครั้ง ผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าของเขาหล่นลงมาเผยให้เห็นใบหน้าของชายชรา

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยเท้าของเซียวเฉิน เซียวเฉินก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขา นั้นมันง่ายเกินไป

เมื่อเซียวเฉินนึกถึงเหล่าศิษย์ตระกูลเซียวที่ล้มตายไปและเซียวอวี่หลันที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เป็นตายร้ายดี หัวใจของเซียวเฉินเต็มไปด้วยโทสะ แสงเยือกเย็นเติมเต็มดวงตาของเขาพร้อมกับยกตัวชายชุดดำขึ้น

“ปัก!ปัก!ปัก!”

ลูกตบครั้งแล้วครั้งเล่าถูกประเคนไปที่ใบหน้าของเขา ใบหน้าแต่เดิมที่ซีดขาวถูกตบจนแดงบวม

หลังจากที่เซียวเฉินตบเขาจนพอใจเซียวเฉินก็ยกเท้าขึ้นเตะเขาลอยไปอีกครั้ง ถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือเซียวเฉินพุ่งขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว ประกายแสงจากกระบี่เงาจันทร์พุ่งแทงเล็งไปที่หัวใจของชายชุดดำอย่างแม่นยำ

“ฮ่ะ!”

ชายสองคนที่กำลังต่อสูงติดพันกับเซียวฉงปลีกตัวออกมา ทันใดนั้นฝ่ามือก็ถูกส่งไปที่เซียวเฉิน เมื่อเซียวเฉินได้ยินเสียงลมผุดขึ้นมาเขาก็หลบหลีกอย่างรวดเร็ว คนคนนั้นไม่ได้ไล่ตามเซียวเฉินต่อแต่กลับรวบตัวชายชุดดำขึ้นและรีบวิ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

อีกเพียงหนึ่งกระบี่ข้าก็จะฆ่าเขาได้อยู่แล้ว! เซียวเฉินรู้สึกไม่พอใจพร้อมกับมองดูชายสองคนวิ่งจากไป

เซียวฉงไม่ได้ไล่ตามชายสองคนนั้นไป ขณะที่มองดูเซียวเฉินเขาพูดขึ้น “มากับข้า!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินเห็นพ่อของเขาด้วยตาของตัวเอง เขารู้สึกไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่กล้าขัดคำของเขาและตามเขาไปอย่างว่าง่าย

“นายน้อยสองท่านเป็นเช่นไร?” เป่าเอ๋อถามขึ้นอย่างเป็นกังวลเมื่อนางออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านและเห็นบาดแผลที่ไหล่ขวาของเซียวเฉิน

เซียวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “มันไม่เป็นไร ตามข้ามาเดียวนี้ ที่นี่ไม่ปลอดภัย”

พวกเขาทั้งสองเดินตามเซียวฉงไปและหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นเซียวเฉียงนำผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มใหญ่ตรงเข้ามา เมื่อเซียวเฉียงเห็นเซียวฉงเขาก็รีบคุกเข่าลงและพูดขึ้น “ชายชราผู้นี้ไร้ความสามารถทำให้เหล่าศิษย์ตระกูลเซียวต้องล้มตายไปมากมาย ผู้นำตระกูลโปรดลงโทษข้า!”

“ผู้นำตระกูลโปรดสำเร็จโทษพวกเรา!” คนกลุ่มใหญ่ด้านหลังเขาทั้งหมดคุกเขาลงและพูดขึ้น

เซียวฉงขมวดคิ้ว เขากระทืบพื้นอย่างรุนแรงด้วยเท้าขวาของเขา ฝูงชนรู้สึกได้ถึงสายลมอ่อนโยนที่ดึงร่างของพวกเขาขึ้นมา

“ผู้อาวุโสหนึ่งไปนับจำนวนคนที่ล้มตายและคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะต้องใช้สมุนไพรระดับไหนถ้ามันมีอยู่ในห้องยาเจ้าเอาไปใช้ได้หมด”

เซียวฉงเผชิญหน้ากับเซีวเฉียงและพูดต่อ “เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้ทั้งหมด เป็นความผิดของข้าเช่นกัน ข้าจะไปรอเจ้าที่ห้องโถงใหญ่”

…..

โถงใหญ่ของตระกูลเซียว

เซียวฉงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางของห้องโถงและมองไปที่เซียวเฉิน “ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับมรดกของจักรพรรดิอัสนี?”

เซียวเฉินพยักหน้ารับทราบและยื่นกระบี่เงาจันทร์ไปทางเซียวฉง

เซียวฉงรับกระบี่เงาจันทร์มาพิจารณาอย่างละเอียด หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอบอุ่น “พอคิดว่าพรสวรรค์ของเจ้าช่างแสนธรรมดาในตอนที่เจ้ายังเด็ก ในตอนนี้เจ้าได้รับมรดกจักรพรรดิอัสนีและกลายเป็นประสบความสำเร็จสูงที่สุดในตระกูลเซียว”

เซียวเฉินรับกระบี่เงาจันทร์คืนมาและจากนั้นก็พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านพ่อในเมื่อท่านเป็นถึงระดับขอบเขตราชาทำไมท่านถึงไม่ไล่ตามสองคนนั้นไป?”

เซียวฉงถอนหายใจ “เจ้าอาจจะคิดว่าที่ข้าเหาะเหินไปบนอากาศได้จึงคิดว่าข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตราชาเรียบร้อยแล้ว ความจริงระดับพลังของข้าในตอนนี้อยู่เพียงระดับขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น”

“ผู้นำตระกูลเหลิงที่ประมือกับข้าในตอนสุดท้ายก็ทราบถึงเรื่องนี้ ที่ข้าจะสามารถเหาะเหินได้ก็เพราะพลังของจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าแม้ว่าระดับขอบเขตของข้าจะอยู่ระดับขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามความเร็วของข้าก็ช้ากว่าระดับขอบเขตราชาที่แท้จริงไปมาก”

เซียวเฉินเข้าใจในทันทีที่กล่าวมาทั้งหมดมันก็สมเหตุสมผล

ในขณะนั้นเองเซียวเฉียงก็นำคนสองสามคนเข้ามาทักมายเซียวฉงด้วยความเคารพ “ข้าได้นับจำนวนผู้ที่บาดเจ็บล้มตายมามี 150 คนได้รับบาดเจ็บ 90 คนเสียชีวิต จากใน 90 คนนั้นมีระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธสามคน”

ทุกคนในที่นี้สูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินเซียวเฉียงกล่าวออกมา มีผู้เสียชีวิตมากมาย คนส่วนใหญ่ยังเป็นสานุศิษย์ชั้นยอดที่สืบสายเลือดของตระกูลเซียวโดยตรง

นอกจากนั้นยังมีระดับขอบเขตปรมจารย์รวมอยู่ด้วย ด้วยระดับขอบเขตปรมจารย์ถือได้ว่าเป็นกำลังรบที่ดีที่สุดในเมืองม่อเหอ แม้แต่ในตระกูลเซียวก็มีระดับขอบเขตปรมจารย์ไม่มากนัก

“ผู้นำตระกูลเราควรรายงานกับท่านเจ้าเมืองตู้กู่? ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว! นี้คือสงคราม!” หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเซียวพูดออกมาด้วยความโกรธ

เซียวเฉียงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พวกที่ลงมือคือพวกตระกูลเหลิง ด้วยนิกายดาบเงาหมอกที่หนุนหลังพวกเขาอยู่เจ้าเมืองตู้กู่ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนั้นมันยังปิดบังตัวตนและไม่เหลือหลักฐานทิ้งเอาไว้”

เซียวฉงพูดขึ้น “แล้วเซียวอวี่หลันกับเซียวเจี้ยน? พวกเขาปลอดภัยหรือไม่?”

เซียวฉงสีหน้ามืดมน “จิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาได่รับความเสียหาย พวกเราไม่อาจต่อสู้ได้อย่างน้อยครึ่งเดือน”

ได้ยินข่าวนี้ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่สีหน้าเปลี่ยน ศึกสัญญาสิบปีจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ แต่สองคนที่ลงเข้าร่วมกลายเป็นต่อสู้ไม่ได้แล้ว

การลงมือในครั้งนี้ของตระกูลเหลิงเลวทรามเกินไปแล้ว… เล่นงานผู้เข้าร่วมของตระกูลเซียวโดยตรง นอกจากนั้นตามกฎแล้วหากยืนยันชื่อไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนผู้เข้าร่วมทีหลังได้ หมายความว่าตระกูลเซียวเหลือเพียงเซียวเฉินที่สามรถต่อสู้ได้

เมื่อเซียวเฉินได้ยินข่าวนี้เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต “ท่านพ่อข้าอยากจะขอปลีกตัวออกไปดูอาการพี่อวี่หลัน”

เซียวฉงพยักหน้าจากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “รอก่อน”

เซียวเฉินหยุดฝีเท้าลงและถามขึ้นอย่างสงสัย “มีอะไรอีก?” เขาไม่แน่ใจว่าทำไมแต่เขารู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้ที่เป็นพ่อของเขาเพียงแค่ในนามเท่านั้น

เซียวฉงเดินตรงมาที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “อย่าขยับขอข้าตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเจ้าก่อน”

จิตวิญญาณต่อสู้อีกแล้ววว เซียวเฉินประหลาดใจ ผู้อาวุโสหนึ่งก็ตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เซียวฉงก็อยากจะตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาอีกคน? เกิดบ้าอะไรขึ้น?

หลังจากนั้นไม่นานเซียวเฉินก็รู้สึกได้ถึงสายพลังปราณอ่อนโยนพร้อมกับจิตสำนึกที่เข้ามาในร่างของเขา เซียวเฉินจมจิตสำนึกของเขาลงไปและใช้มันซ่อนมังกรฟ้าเอาไว้จากนั้นเขาก็เลียนแบบเปลวเพลิงสีม่วงขึ้นมาแทนที่

หลังจากที่เซียวฉงเห็นดังนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็บอบอุ่น “จิตวิญญาณต่อสู้ที่สร้างขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีม่วง ข้าจะมอบตำราทักษะธาตุไฟให้เจ้าในวันหลัง”

เหงื่อเย็นแตกเม็ดออกมาเต็มหลังของเซียวเฉินพร้อมกับพยักหน้าขอบคุณ ความสงสัยในใจของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้น เขาต้องรู้อะไรบางอย่าง หรือว่าเขาจะเกรงกลัวจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าในร่างของข้า?

บ้านตระกูลเซียวภายในห้องยา

หลังจากที่เขาถามถึงตำแหน่งของห้องของเซียวอวี่หลันเขาก็รีบตรงเข้ามาในทันที

“พี่สาวอวี่หลันเจ้าหลับอยู่รึเปล่า? ข้าเซียวเฉิน” เซียวเฉินกล่าวขึ้นด้านนอกประตู

“น้องเฉินเข้ามาสิ ข้ายังไม่หลับ” เสียงอ่อนโอยดังออกมาจากด้านในห้องแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข

เซียวเฉินผลักประตูเข้าไป เขาเห็นเวียวอวี่หลันสวมชุดนอนสีขาวพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง มีรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่บนใบหน้าซีดขาวของนางแต่คิ้วของนางม้วนเข้าหากันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด

เซียวเฉินรีบตรงเข้ามาหยิบเม็ดยาหวนคืนโลหิตยื่นให้กับนาง “พี่สาวอวี่หลันอย่าเพิ่งขยับตัว ใช้เม็ดยาหวนคืนโลหิตนี่ก่อน แม้ว่ามันจะไม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของจิตวิญญาณต่อสู้แต่มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างรวดเร็ว”

นางเขินอายเล็กน้อยพร้อมกับรับเม็ดยาหวนคืนโลหิตมาและกลืนมันลงไปอย่าไม่รีรอ นางรู้สึกถึงความเย็นและความเจ็บปวดภายในของนางก็บรรเทาลงในทันที

“ขอบคุณน้องเฉินมาก”

เซียวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน ”ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ย้อนกลับไปตอนนั้นเจ้าก็ช่วยข้าไว้ เม็ดยาหวนคืนโลหิตนี้ไม่ใช่อะไรมากมายเมื่อเทียบกับตอนที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ มันเทียบกันไม่ได้เลย”

“หากไม่มีอะไรแล้วข้าก็ขอตัวก่อน พี่สาวอวี่หลันพักผ่อนให้สบาย”

ได้ยินเซียวเฉินพูดเช่นนั้นเซียวอวี่หลันก็เจ็บขึ้นในใจ นี่เป็นเพียงแค่การตอบแทนบุญคุณเท่านั้นใช่ไหม?

มองดูเซียวเฉินที่กำลังจะจากไปเซียวอวี่หลันก็พูดขึ้น “น้องเฉินรอก่อน”

เซียวเฉินหยุดฝีเท้าลงเขารู้สึกผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น?”

เซียวอวี่หลันอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่หลังจากที่คิดอยู่นานสองนานนางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร ใบหน้าอันงดงามของนางขวยเขินก่อนที่ในทีสุดก็พูดออกมา “น้องเฉินข้านอนไม่หลับ เจ้าอยู่พูดคุยกับข้าก่อนจะได้ไหม?”

เซียวเฉินประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มรับและพูดขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด