ศพ – ตอนที่ 59 วิชาลับ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 59 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 59 วิชาลับ

 

ตอนนี้ ผีชุดขาวกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเรา

แต่ตาแก่อย่างผู้อาวุโสหวาง กลับแสดงท่าทางสงบ ไม่เผยท่าทีตื่นกลัวออกมาเลยสักนิด

ไม่เพียงเท่านั้น ด้านหลังยังมีเสียงของ นักพรตโปดังขึ้นมา “เก้าอักขระปราบมารร้าย”

ภายในสายงานของพวกเรา การเสกคาถา จะแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆคือ “ยันต์ วงเวท และศาสตร์เฉพาะ”

และในสามส่วนนี้ ยังแบ่งออกเป็นต่าวจุน 5 อักขระและต่าวเหมิน 9 อักขระ

ก็เหมือนกับคำว่า “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง” และ “หลิน ปิง โต้ว เจอะ เจีย เจิ้น เลี่ย เฉียน ฉิง”

 

“ยันต์” จะใช้กับต่าวจุน 5 อักขระ

“วงเวท” จะใช้กับต่าวเหมิน 9 อักขระ

ส่วน “ศาสตร์เฉพาะ” มีเทคนิคมากมาย เป็นการผสมกัน ขึ้นอยู่กับการใช้ของแต่ละคน และแน่นอนว่ามันเป็นการนำสองอย่างแรกมาผสมกัน

ตอนนี้ที่นักพรตโปใช้ ไม่มีทั้งยันต์และวงเวท แต่เป็นการใช้คาถาต่าวเหมิน 9 อักขระ

เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่ท่านนักพรตโปกำลังใช้คือ “ศาสตร์เฉพาะ”

ส่วนเป็นวิชาอะไรนั้น ทุกคนเองก็ไม่รู้เช่นกัน

 

เพียงแค่ได้ยินนักพรตโปพูดว่า “จงเปิดออก” จากนั้นพลังที่อยู่ในตัวของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

ดูเหมือนจู่ๆพลังในร่างกาย ก็ระเบิดออกมา ไร้ซึ่งรูปแบบ จนทำให้คนถึงกลับรู้สึกกดดัน

ตอนนี้เขามีเส้นเลือดสีน้ำเงินปรากฎขึ้นมาบนผิวกาย ใบหน้าก็ดูดุร้ายขึ้นเยอะมาก

โดยเฉพาะดวงตาของเขาคู่นั้น ในเวลานี้มันกลับเต็มไปด้วยเลือด เมื่อจ้องมองก็จะเห็นเลือดสีแดงสดที่ไหลเวียนอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน

แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากนักพรตโปเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

เขาก็ดึงดาบไม้ออกมา จ้องมองไปยังผีร้ายที่พุ่งเข้ามาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไอ้พวกชั่ว ดูเอาไว้ว่าฉันจะกำจัดพวกแกยังไง!”

 

หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตโปก็ยกดาบไม้ขึ้นและพุ่งตัวออกไปฆ่าผีร้ายทันที

ร่างกายที่มีน้ำหนัก 200 กว่ากิโลกรัม จู่ๆก็วิ่งไปข้างหน้า จากนั้นก็ใช้ความเร็วราวสายลม ตรงไปยังกลุ่มผีร้ายที่อยู่ด้านหน้าทันที

แม้นักพรตโปจะมีรูปร่างค่อนข้างอ้วน แต่วินาทีนี้ความเร็วของเขากลับค่อนข้างเร็ว

ภาพดังกล่าว ทำให้พวกเราทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึง

ชายคนหนึ่งที่อ้วนขนาดนี้ เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นเขายังเดินไปหอบไปเลยแท้ๆ

แต่ตอนนี้ กลับเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเราตกใจได้ยังไงละครับ

“ท่าน ท่านนักพรตโปเร็วมาก”

 

แต่เสียงพึ่งจางหาย จู่ๆนักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า “ท่านนักพรตโปเป็นคนที่มีพลังระดับสูง ตอนนี้เขาขับเคลื่อนพลังที่จุดตานเทียน จะต้องใช้เสริมกำลังให้กับร่างกายแน่! พวกเราก็อย่าช้าอยู่เลย รีบเข้าไปช่วยนักพรตโปปราบผีชั่วพวกนี้กันเถอะ!”

เมื่อได้ยินนักพรตตู๋พูดแบบนั้น ผมก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง

เขาน่าจะใช้วิชาเต๋า ไม่อย่างนั้นร่างกายที่อวบอ้วนของเขา ก็คงวิ่งไม่ได้เร็วขนาดนั้นแน่

จากนั้น พวกเราก็วิ่งเข้าไปสมทบทันที เพื่อเข้าไปช่วยท่านนักพรตโปปราบเจ้าพวกนี้อีกแรง

แต่ในเวลานี้ นักพรตโปก็ได้เผชิญหน้ากับพวกผีชั่วเรียบร้อยแล้ว

ตอนแรกผมคิดว่าจะเป็นฉากการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ใครจะไปรู้ว่าพลังของท่านนักพรตโปสูงมาก เวลาลงมือก็โหดเหี้ยมอีกด้วย

 

เพียงได้สัมผัสกับศัตรู “บึกบึก” เสียงคมดาบก็ดังขึ้นสองครั้ง เขาไม่ลังเลใดๆ ใช้ดาบฟันไปที่ร่างของผีชุดขาวสองตน

แต่ผีร้ายสองตนนั้นยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมา วิญญาณของพวกมันก็แตกสลายไปซะแล้ว

แต่นี่มันยังไม่จบ ท่านนักพรตโปยังลงมืออย่างต่อเนื่อง

ร่างกายเร็วปานสายฟ้า แต่ดูยังไงก็คือคนอ้วนที่กำลังขยับตัว

ดาบไม้ในมือของเขาราวกับดาบแห่งความตาย เมื่อดาบจอคอ วินาทีชีวิตของผีตนนั้นก็จบลงทันที

หลังจากพวกเรามาถึงบริเวณใกล้ๆ ก็แทบไม่เหลืออะไรให้พวกเราช่วยอีกแล้ว

 

เพียงแค่นักพรตโปคนเดียว ก็ฆ่าผีร้ายไป 10 ตัวแล้ว

ส่วนผีที่เหลือก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าสู้ เมื่อกี้พวกมันยังร้อง “โฮกโฮก” ออกมาไม่ยอมหยุด แถมแสดงสีหน้าดุร้ายราวจะกินเลือดกินเนื้อ

แต่ตอนนี้กลับถูกนักพรตโปทำให้ตกใจ จนแทบวิ่งหนีไปทางวัดร้างไม่ทัน

ไม่ใช่เพียงเท่านี้ แม้แต่ผีชั่วที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็ยังทำหน้าเหวอ

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า นักพรตโปคนที่มีรูปร่างอวบอ้วนคนหนึ่ง

ในเวลาต่อสู้ จะกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ดุร้ายจนผีร้ายรับมือไม่ไหว

เมื่อนักพรตโปเห็นผีร้ายเหล่านั้นวิ่งหนี ก็ไม่ไล่ตามแต่อย่างใด เขากลับยืนหยุดอยู่นอกวัดร้าง

 

พูดกับผีชั่วที่อยู่หน้าประตูว่า “จะให้ฉันเข้าไปฆ่า หรือว่าแกจะออกมาหาที่ตาย!”

ก่อนที่จะพูด นักพรตโปผู้ทรงพลัง ยังมองหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทางดูถูกมากๆ

แต่เจ้าผีชั่วกลับเงียบไปพักหนึ่ง เพราะนักพรตโปคนเดียวก็สามารถสู้กับผี 30 ตนได้ แถมตอนนี้เขายังฆ่าผีไปแล้ว 10 ตน แล้วจะไม่เป็นอันตรายกับตัวเองได้ยังไงละ

ถ้าผีชั่วกล้าออกมา มันต้องถูกสับเป็นชิ้นๆแน่

ถ้าเมื่อก่อนพวกเราอาจจะยังสงสัยในตัวนักพรตโป แต่ตอนนี้ พวกเราไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น

มีนักพรตโปอยู่ในกลุ่มนี้ พวกเราจะกลัวใครอีกละ ผีชั่วงั้นเหรอ สำหรับเขาแล้ว ก็เหมือนได้เล่นเกมด่านง่ายๆเท่านั้นแหละ

 

เนื่องจากผมกำลังได้ใจ จึงตะโกนด่าผีชั่วว่า “แม่…ซิไม่ใช่ว่าอยากได้ชีวิตพวกเรางั้นเหรอ ทำไมฮะ แม้แต่เดินออกจากประตูก็ไม่กล้าแล้วเหรอ”

“ไอ้เด็กนี่……” เจ้าผีชั่วนั้นโมโหจนต้องกัดฟัน แต่ก็ยังไม่กล้าลงมือ

ทำได้เพียงมองพวกเราด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อเห็นผีชั่วถูกรังแก ในใจของผมก็รู้สึกฟินขึ้นมาทันที

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสียงแหบห้าวก็ดังออกมาจากวัดร้าง “ฮ่าฮ่าฮ่า! ที่แท้ก็เป็นทายาทที่ใช้วิชาลับ เคล็ดวิชาสามประสานซินะ น้อยคนนักที่จะทำได้!”

 

หลังจากเสียงแปลกๆนี้ปรากฎขึ้น ผีชั่วที่อยู่หน้าประตูวัด ก็รีบถอยหลบไปอยู่ข้างๆ

จากนั้น ก็มีตาแก่ใส่ชุดคนตาย เดินออกมาจากข้างในวัดร้าง

เขาประสานมือไว้ด้านหลัง สวมใส่ชุดคนตายเนื้อผ้าสีดำ ท่าทางของเขาดูแปลกมากๆ

แต่หลังจากผีชั่วที่อยู่ข้างๆเห็นตาแก่คนนั้น กลับตะโกนด้วยความเคารพ “อาจารย์!”

ส่วนพวกผีที่ตกเป็นทาสเมื่อเห็นตาแก่ ก็ดูสั่นเทา ราวกับกลัวตาแก่คนนี้มาก

ตัวผมเอง ก็อดไม่ได้ที่จะยกคิ้วขึ้น

อาจารย์ของไอ้ผีชั่วงั้นเหรอ หรือว่าเขาก็คือหมอผีชั่ว “ปรมาจารย์กุ่ย”

เมื่อผมคิดได้ แต่ไม่รอให้ผมได้พูดออกมา นักพรตโปที่อยู่ข้างๆกลับพูดว่า “แกก็คือปรมาจารย์กุ่ยคนนั้นซินะ”

 

ใบหน้าของนักพรตโปดูซีดเซียว แสดงท่าทีไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า

แต่ตาแก่นั้นกลับหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า” และพูดว่า “ไม่กล้ารับไม่กล้ารับ ข้านักพรตกุ่ยซานหยวน ส่วนปรมาจารย์สองคำนี้เป็นเพียงคำเรียกทั่วไปเท่านั้น! แต่วิชาสามประสานของเจ้า น่าสนใจมากเลยนะ แต่น่าเสียดายหลังจากหลงฉวนตัวจริงกลับบ้านเกิด ก็ไม่มีใครใช้วิชานี้อีก หรือว่าหลงฉวนตัวจริงเป็นอาจารย์ของเจ้างั้นเหรอ”

ผมยืนฟังอยู่ข้างๆ ไม่แสดงท่าทางอะไรออกมา เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิดน่ะ

แต่อาจารย์ นักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำว่า “หลงฉวนตัวจริง” สี่คำนี้ “พรึบ” สีหน้าของพวกเราก็เปลี่ยนไปทันที แสดงใบหน้าที่ตกตะลึง

 

“หลงฉวน หลงฉวนตัวจริงงั้นเหรอ” นักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆทำหน้าตกตะลึง หันไปมองท่านผู้อาวุโสหวางที่อยู่ข้างหลังทันที

หลังจากนักพรตตู๋และคนอื่นๆต่างก็หันไปมอง ทุกคนมองท่านผู้อาวุโสหวางด้วยสีหน้าตกตะลึง

ดูเหมือนชื่อ “หลงฉวนตัวจริง” ในสายงานของพวกเรา เขาจะมีฐานะพิเศษ

แต่นักพรตโปกลับแสดงสีหน้าเย็นชา ราวกับคำสองสามคำนี้เป็นสิ่งต้องห้าม

เขาจ้องเจ้าปีศาจด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ใช่หรือไม่ ไปถามยมบาลในนรกก็แล้วกัน!”

เสียงพึ่งจางหาย นักพรตโปก็ยกดาบเข้าไปแทง อย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเจ้าปีศาจเห็นนักพรตโปลงมืออย่างฉับพรัน เขาก็เผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา “เจ้าเด็กน้อย กล้ามากนะ!”

หลังจากพูดจบ เจ้าปีศาจก็เผยสีหน้าเมินเฉย เพียงชั่วพริบตา ร่างของเขาก็หายไป

ทันใดนั้นสายลมที่เย็นยะเยือกก็ปรากฎขึ้น ในเวลาเดียวกันผมยังเห็นการเคลื่อนไหวของเจ้าปีศาจที่อยู่ไกลออกไป

ทิ้งไว้เพียงภาพเบลอๆ จากนั้นเขาก็เข้ามาข้างตัวของท่านนักพรตโป

ไม่รอให้นักพรตโปรู้ตัว เขาก็อ้าปากขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมเขี้ยวสีดำสนิท

ทันใดนั้นเสียง “โฮก” ก็ดังขึ้น จากนั้นเขาก็เข้ามากัดที่คอของนักพรตโปทันที……

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด