ศพ – ตอนที่ 87 สัญลักษณ์ผี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 87 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 87 สัญลักษณ์ผี

เมื่อเห็นท้องของหมาตัวนี้ มีสัญลักษณ์หน้าของผีตัวนั้น ผมก็นิ่งอึ้งในทันที

วินาทีแรกที่เห็นตาที่สามของหมาตัวนั้น ผมยังแค่ลองเดา

ว่าอาจเป็นศัตรูของมู่หลงเหยียนและคนอื่นๆ หรือมีความเกี่ยวข้องกันเท่านั้น

แต่เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็มั่นได้ใจทันที ว่าเจ้าหมาดำตัวนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันแน่ๆ

แถมที่นี่ยังออกมาปรากฎตัวแค่ตัวเดียว บางทีอาจมีตัวที่สองและสาม หรือมากกว่านั้นก็ได้

แต่ตรงคางของสัญลักษณ์ผีกลับมีอักษรคำว่า “สัตว์” อยู่ จึงทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจ

นี่มันหมายความว่ายังไง สัตว์ชนิดไหน รูปร่างยังไง หรือจะหมายถึงอย่างอื่น

 

แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่มองสำรวจหมาตัวนี้อีกสองสามครั้งเท่านั้น

เจ้าเดรัจฉานนี้พูดไม่ได้เหมือนคน จะถามก็ถามไม่ได้

ถ้าอยากจะเข้าใจมากกว่านี้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่จับตัวมันเอาไว้เท่านั้น

รอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ค่อยคิดหาวิธีดีๆ อาจค้นเจอเบาะแสที่เกี่ยวกับสัญลักษณ์ผีสามตาจากบนตัวเจ้าเดรัจฉานนี่ก็ได้

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอาจารย์คิดอะไรอยู่ ทำไมต้องพาเจ้าเดรัจฉานนี้กลับมาด้วย หรือเขาจะเห็นสัญลักษณ์ผีสามตาที่แปลกประหลาดนี่แล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็หันหน้าไปมองอาจารย์ทันที

 

ตอนนี้อาจารย์กำลังเป็นคนส่งต่อคำพูดของยายหนิวให้เถ้าแก่หนิว แม้สองคนจะกำลังมองหน้ากัน

แต่มีพลังหยินหยางที่ต่าง จึงไม่สามารถคุยกันได้อีก

เมื่อเห็นว่าอาจารย์กำลังยุ่ง ผมจึงนั่งเล่นโทรศัพท์ข้างๆหมา

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง อาจารย์ก็เดินเข้ามา

และภายในงานศพ ก็เหลือคนอีกแค่ไม่กี่คน

เถ้าแก่หนิวนั่งคุกเข่าเผาเงินกระดาษให้ยายหนิวที่หน้าป้ายวิญญาณ ปากของเขายังคงพูดออกมาเบาๆ แต่พูดเรื่องที่เขาเท่านั่นที่เข้าใจ

เมื่อผมเห็นอาจารย์เดินเข้ามา ก็พูดกับอาจารย์เบาๆ “อาจารย์ ทำไมเอาหมาตายซากนี่กลับมาด้วยละ”

 

อาจารย์ได้ยินที่ผมถาม จึงทำท่าทางลับๆล่อๆ

จากนั้นก็พูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว นี่ไม่ใช่ทางที่วิญญาณหมาจะเดินผ่าน เรื่องนี้จะต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่!”

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ในใจของผมก็มีเสียงดัง “กึก”

หรือว่า อาจารย์จะรู้เรื่องสัญลักษณ์ผีสามตา

ไม่รอให้ผมได้พูดอีกครั้ง อาจารย์พูดกับผมต่อทันที “เสี่ยวฝาน เมื่อกี้อาจารย์เห็นสัญลักษณ์รูปหน้าผี ที่ท้องของเจ้าเดรัจฉานนี้ มันเหมือนกับหน้าของผีชั่วที่ป่าช้าเก่าสุดๆ ฉันว่าบนตัวเจ้าเดรัจฉานนี้จะต้องมีความลับอยู่แน่ ดังนั้นเลยไว้ชีวิตมัน เผื่อจะได้รู้ความลับจากตัวมันมากกว่านี้บ้าง”

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ อาจารย์เห็นสัญลักษณ์หน้าผีแล้วจริงๆ

ในใจของผมกำลังมีปมที่ผูกติดกันอยู่นิดหน่อย อยากจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับสัญลักษณ์หน้าผีนั้นกับอาจารย์

แต่มู่หลงเหียนพูดกำชับผมเอาไว้ ว่าให้เก็บเป็นความลับ

ช่วงเวลานั้นผมจึงยัดเอาไว้ในท้อง ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์เท่านั้น

หรือไม่ก็รอกลับไปที่ตำบล แล้วค่อยไปถามมู่หลงเหยียนด้วยตัวเองดีกว่า

ดังนั้นผมจึงถามอาจารย์ว่า “อาจารย์ ไว้ชีวิตมันแล้ว ต่อไปจะทำยังไงต่อครับ”

อาจารย์เหลือบมองหมาตัวนั้น บอกว่าทำพิธีให้ยายหนิวเสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นการตายเพราะแก่ชรา พรุ่งนี้เป็นวันดี ฉันปรึกษากับเถ้าแก่หนิวเรียบร้อยแล้ว ว่าพรุ่งนี้จะทำพิธีฝังศพ……

 

ยังบอกว่าหลังจากส่งวิญญาณของยายหนิวเรียบร้อย ค่อยเอาเจ้านี้กลับไป

ให้นักพรตตู๋และเหล่าฉินดู พวกเขาสองคนมีประสบการณ์มากมาย อาจบอกได้ว่าเจ้าสัญลักษณ์นี่คืออะไร!

ผมละอยากบอกอาจารย์จริงๆ ว่าเจ้าสัญลักษณ์นี่ไม่ใช่ของธรรมดาๆ

เจ้าสัญลักษณ์นี่แสดงถึงพลัง แม้แต่มู่หลงเหยียนและโจวหยุนยังไม่มีทางไปผุดไปเกิดได้ มันอันตรายสุดๆ

แต่ผมก็สัญญากับมู่หลงเหยียนเอาไว้ ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ออกมาง่ายๆ ในช่วงเวลานี้จึงทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจมาก

 

อาจารย์เลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเห็นผมตาลอย จึงมองออกว่าผมมีเรื่องบางอย่างปิดปัง

จึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน แกรู้อะไรใช่ไหม”

เมื่อได้ยินอาจารย์พูด ผมก็กัดฟัน และพูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์ เจ้าสัญลักษณ์นี่มันอันตรายมาก ทางที่ดีที่สุดอย่าไปแตะมันมั่วๆจะดีกว่า!”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมาก เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็เงียบไป

แต่ผมยังพูดต่อ “อาจารย์ มันอันตรายมากๆ ผมรู้แค่นี้แหละ ที่สามารบอกได้ก็มีเท่านี้ เรื่องอื่นผมบอกไม่ได้!”

เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็อึ้งไปในทันที จากนั้นก็จ้องผม

 

ดูเหมือนเขาจะอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา

สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนจะรู้ว่าความลับของผมมาจากที่ไหน

“ชั่งเถอะ! อาจารย์จะไม่ถามมาก แต่สิ่งที่อาจารย์ต้องพูดคือ ในเมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้ว เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย ไม่ว่าจะอันตรายขนาดไหน ตราบใดที่มีการทำลายกฎ พวกเราก็ต้องจัดการมันให้ถึงที่สุด!”

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนี้ ใจของผมก็เริ่มสั่น

ในใจของผม สัญลักษณ์ผีสามตาที่ยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้มนั้น ก็ดูน่าสงสัยมากเช่นกัน

และผมเองก็อยากรู้ว่ามันมีพลังอะไรกันแน่ เบื้องหลังของมันมีคนชั่วขนาดไหนกันแน่ที่ทำขึ้นมา

 

อาจารย์ได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน นั่นคือไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว

นอกจากไม่สามารถเล่าเรื่องของมู่หลงเหยียนให้อาจารย์ฟังได้แล้ว แต่ผมก็ยังสามาถเข้าร่วมกับอาจารย์ได้

ผมเองก็อยากเริ่มสืบจากสัญลักษณ์นั้น หน้าผีนั่นมีความลับอะไรซ่อนอยู่ และอยากใช้มันเป็นตัวช่วยมู่หลงเหยียนทางอ้อมด้วย

จากนั้น อาจารย์ก็ไม่ถามผมอีก

เจ้าเดรัจฉานมันพูดไม่ได้เหมือนคน ตอนนี้จึงทำได้เพียงจับตัวมันเอาไว้เท่านั้น รอให้กลับไปค่อยปรึกษากับท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆ ว่าสามารถใช้มัน หาเบาะแสอะไรเจอได้ไหม

 

คืนนี้ เถ้าแก่หนิวและญาติอีกสองสามคนอยู่เฝ้าศพกับพวกเราด้วย

ระหว่างนั้นพวกเราเองก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร นอกจากผมและอาจารย์จะสังเกตเจ้าสัตว์ร้ายนั่นเป็นครั้งคราวแล้ว ก็ไม่ได้ทำเรื่องอื่นอีก

พวกเราเฝ้ากันอย่างสะลึมสะลือจนมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันฝังศพ ดังนั้นตอนหกโมงเช้า พวกเราจึงนำศพของยายหนิวขึ้นรถ ขับตรงไปยังเมรุที่อยู่ใกล้ๆ

ส่วนเจ้าหมาตัวนั้น ถูกอาจารย์ยัดใส่กระเป๋าสีเหลืองเรียบร้อยแล้ว

ตอนเผาศพ ผมได้หลับไปแป๊บหนึ่ง

 

เมื่อใกล้ถึงตอนเที่ยง เถ้ากระดูกของยายหนิวก็ถูกส่งไปที่สุสานจินชาน

ที่นี่แทบจะเป็นสถานที่ที่เป็นมาตราฐานของคนมีเงิน เถ้ากระดูกของคุณหนูเหวินเองก็ถูกฝังไว้ที่สุสานแห่งนี้

อาจารย์และผมทำพิธีปิดผนึกโลงของยายหนิวที่นี่ หลังจากฝังเถ้ากระดูกของยายหนิวเรียบร้อย งานของพวกเราก็ถือว่าเสร็จสิ้น

เมื่อฝังเถ้ากระดูกเรียบร้อย ยายหนิวก็สามารถจากไปได้อย่างสงบ และไม่ต้องกลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายมากัดกินวิญญาณของเธออีกแล้ว

ดังนั้นงานของพวกเราก็ถือว่ามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว และเถ้าแก่หนิวยังปฏิบัติต่อผมและอาจารย์สุภาพมากๆ เขาให้ซองแดงซองใหญ่กับพวกเรา

 

เมื่อรับซองแดงจากเถ้าแก่หนิวมาแล้ว ผมกับอาจารย์ก็ลุกขึ้นและบอกลาเขาทันที

แต่ว่าผมยังไม่ได้ตามอาจารย์กลับไปที่ตำบลชิงฉือ เพราะก่อนหน้านี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานได้นัดกันเอาไว้แล้ว ว่าจะไปมหาลัยของหยางเฉ่ว เพื่อเจอกับเธออีกสักครั้ง

ดังนั้นหลังจากออกมาจากสุสาน ผมก็บอกลาอาจารย์ บอกว่ายังมีธุระอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้ถึงจะกลับไป

อาจารย์ไม่ได้ถามอะไรมาก ยิ่งไปกว่าเขานั้นยังไม่สนใจผมอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังให้เงินผมอีก 500 หยวน แถมยันต์อีกสองสามแผ่น และบอกให้ผมระวังตัวให้ดีๆ

หลังแยกจากอาจารย์ ผมก็โทรศัพท์ไปหาเฟิงเฉ่วหานทันที

ผลลัพธ์ตอนสายเจ้าเด็กนั้น ก็ไปอยู่แถวๆมหาลัยของหยางเฉ่วเรียบร้อยแล้ว

หลังจากรู้ตำแหน่งของเฟิงเฉ่วหาน ผมก็รีบไปมหาวิทยาลัยศิลปะที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเมืองทันที……

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด