ศพ – ตอนที่ 140 วันเกิดวันที่ 10

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 140 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 140 วันเกิดวันที่ 10

การได้มาเจอบ้านผี ยังทำให้ผมรู้สึกสนใจมาก ตอนแรกอยากจะเดินดูที่นี่อีกสักพัก

แต่ใครจะไปรู้ว่าบ้านผีจะลดอายุไขคนได้ นี่จึงทำให้ผมไม่กล้าอยู่ต่อ

ผมยังใช้ชีวิตไม่พอ! ถ้าการเดินดูอีกนิดหน่อย จะทำให้อายุไขของผมลดลงสามปีห้าปีละก็ งั้นนี่ก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว

ดังนั้นหลังจากผมพูดประโยคนี้จบ ก็บอกลาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินออกมาทันที

มู่หลงเหยียนเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงกลอกตาให้ผม และไม่สนใจผมอีก

แต่ทางยายโม่กลับหัวเราะฮ่าๆ เธอแสดงท่าทางอ่อนโยน “คุณผู้ชาย ข้าน้อยจะไปส่งท่านเอง!”

หลังจากพูดจบ ยายโม่ก็ผายมือให้

สำหรับคนอย่างยายโม่ ผมเคารพมาก

ไม่เพียงเคยช่วยผมไว้ เธอยังแสดงท่าทางเป็นมิตรและสุภาพกับผมมาก

ยึดตามกฎของอาชีพ ผมจึงจับมือของยายโม่ “ขอบคุณมากครับยายโม่!”

ยายโม่ยิ้มให้เล็กน้อย จากนั้นก็เดินนำทางให้ผม พาผมออกไปจากบ้านหลังนี้

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆจูชิงก็พูดกับผมว่า “ท่านนักพรตติง ขอบคุณมากนะคะ!”

เธอพูดด้วยท่าทางที่จริงจังมาก ดวงตาทั้งสองข้างแฝงไปด้วยการขอบคุณ

ผมโบกมือ “ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องที่ควรทำ ต่อไปเธอก็ติดตามน้องศพดีๆละ หวังว่าพลังร้ายในร่างกายของเธอจะถูกขับออกในเร็ววันนะ และรวบรวมดวงจิตวิญญาณได้เร็วๆ! ฉันไปละ ถ้ามีโอกาสค่อยเจอกันใหม่นะ!”

หลังจากพูดจบ ผมก็หันหลัง เดินตามยายโม่ออกไปทันที

ส่วนมู่หลงเหยียนก็เอาแต่มองผม ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

หรือตามที่ผมคิด ความสัมพันธ์ผัวเมียของผมกับมู่หลงเหยียน คงได้ประโยชน์ร่วมกันมั้ง!

ผมทำเพื่อรักษาชีวิต จึงหาผีมาเป็นผู้ช่วย

ส่วนมู่หลงเหยียนเองก็ทำเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ จึงได้แบ่งชีวิตอยู่ร่วมกับผมที่มีพลังหยาง

เพราะเหตุนี้ มู่หลงเหยียนถึงได้มีทัศนคติที่แย่มากกับผม แต่ผมเองก็ไม่เคยไปบ่นเธอ

ตอนที่ผมกำลังเดินออกมาจากสวน ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ

และแล้วผมก็พบว่าตอนนี้ มู่หลงเหยียนกำลังจ้องผมอย่างไม่ละสายตา

เมื่อเห็นผมหันกลับมา ดูเหมือนกับกวางน้อยที่ตกใจ ดวงตาสั่นไหว และรีบหันไปทันที

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนหันไป ผมก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ไปแล้วนะ!”

หลังจากพูดจบ ก็เดินตรงออกไปทางประตูทันที

หลังจากเดินตามยายโม่ผ่านโถงทางเดินมาได้สองสามเส้น สุดท้ายผมก็มาถึงประตูบ้าน

เพิ่งถึงหน้าประตู ประตูบานใหญ่นั้นก็ส่งเสียง “แอร๊ด” เปิดออกอย่างอัตโนมัติ

ใต้แสงของโคมไฟสีแดง ทำให้ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีแดง

“คุณผู้ชาย ข้าน้อยส่งคุณถึงหน้าประตูแล้ว คุณเดินไปตามถนนเล็กๆนั้น แล้วจะสามารถออกจากป่ากุ่ยหม่าได้เจ้าค่ะ แต่รอบๆมีเพื่อนบ้านอยู่จำนวนมาก ดังนั้นตอนที่คุณผู้ชายเดินออกไป อย่าไปรบกวนพวกเขาเด็ดขาด!” ยายโม่พูดด้วยเสียงอันแหบพร่า

เป็นธรรมดาที่ผมจะเข้าใจว่า “เพื่นบ้าน” ที่เธอพูดหมายถึงอะไร ผมจึงคำนับยายโม่และพูดว่า “ขอบคุณยายโม่มาก ผมเข้าใจดี!”

ยายโม่ยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือให้ผม

ผมเองก็ไม่อยู่ต่อ เดินออกมาจากบ้านทันที

หลังจากเดินออกมาไม่นาน ประตูบานใหญ่นั้นก็ปิดลง

และจวนมู่หลงนี้ กลับมีหมอกขาวเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก ดูเหมือนพวกมันจะเข้าปกคลุมตัวบ้านอีกชั้น พร้อมกับพลังหยินไหลที่ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

เย็นยะเยือก จนขนผมลุก

หลังจากมองได้แปปนึง ผมก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ หมุนตัวเดินตามถนนเพื่อออกจากป่าทันที

แต่ตามถนนเป็นเหมือนกับที่ยายโม่บอกจริงๆ รอบๆมีวิญญาณเร่ร่อนอยู่จำนวนมาก

ตอนมากับมู่หลงเหยียนยังไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ตอนนี้ผมเดินอยู่ข้างนอกคนเดียว จึงรีบเปิดตาทันที

 

เมื่อเวลาผ่านไปผมก็เห็นว่ารอบๆเต็มไปด้วยเงาสีขาว และยังได้ยินเสียงหัวเราะ “ฮึฮึฮึ” ที่น่าขนลุกโดยบังเอิญ แล้วก็มีเสียงแปลกๆอีกนิดหน่อย

แน่นอนว่าผมไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไปหาเรื่องอะไรกับพวกวิญญาณชั่วร้าย แล้วก็พาปัญหามาสู่ตัวเอง ดังนั้นผมจึงก้มหน้ามองพื้นและเดินออกมาเรื่อยๆ

เดินตามทางมาไม่นาน ผมก็ออกมาจากป่ากุ่ยหม่า

แม้ว่าที่นี่ยังมีหลุมฝังศพจำนวนมาก แต่ถ้าเทียบที่นี่กับด้านใน ความรู้สึกกดดันนั้น ไม่รู้ว่ามันลดลงมากี่เท่าตัว

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ไม่ได้หยุดเดิน แถมยังเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ

ทางที่ผมเดินมา แม้จะรู้สึกว่ารอบๆมีพลังหยินอยู่ แต่ก็ไม่ได้เจอปัญหาอะไร

เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ก็เป็นเวลาตีสองแล้ว

อาจารย์นอนหลับเรียบร้อย ผมจึงนั่งพักอยู่ที่โซฟาครู่หนึ่ง ดื่มชานิดหน่อย

จากนั้นก็หยิบธูปมาจุดที่หน้าป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียน ในเวลาเดียวกันก็ไหว้สามครั้ง

นี้คือกฎ เป็นสิ่งที่ผมทำทุกวัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ

แต่ตอนที่ผมกำลังจะปักธูป ที่ป้ายวิญญาณกลับมีเสียงของมู่หลงเหยียนดังขึ้น “เจ้าห่วย นายนี่กลับถึงบ้านช้าจริงๆ!”

เมื่อได้ยินเสียงมู่หลงเหยียน และยังพูดแบบนี้ ผมก็ทำท่าทางอึดอัดใจทันที

นี่ก็ยังเรียกช้าอีกเหรอ รู้ไหมว่าอีกนิดเดียวฉันก็จะตกคลองแล้ว

แต่ไม่รอให้ผมได้บ่น เสียงของมู่หลงเหยียนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อกี้ลืมบอกนาย วันที่สิบเดือนหน้าเป็นวันเกิดครบรอบอายุ 300 ปีของฉัน จะมีแขกมาที่บ้านหลายคน เขาจะเอาของขวัญมาอวยพรฉันที่บ้าน……”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็งงทันที

ชิบหายละ วันเกิดอายุ 300 ปี ถ้าพูดแบบนั้น งั้นยัยขี้โมโหมู่หลงเหยียนก็มีอายุ 300 ปีแล้วซิ

ตอนนั้นผมตกใจทันที ผลลัพธ์เมื่อมู่หลงเหยียนไม่ได้ยินเสียงผม เธอจึงตะโกนออกมาจากป้ายวิญญาณทันที “เจ้าห่วยได้ยินไหม!”

ผมพูดไม่ออก แต่ตอนที่มู่หลงเหยียนอารมณ์เสีย ผมยังไม่กล้าบ่นเธอ ไม่อย่างนั้นผมอาจได้ตายอย่างอนาจ

“ได้ยินแล้ว เธออยากได้ของขวัญอะไร ฉันจะซื้อให้เธอ!” ผมลากเสียงยาว แสดงท่าทางไม่มีความสุข

แต่มู่หลงเหยียนกลับพูดต่อ “ของขวัญไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตอนมาห้ามใส่ชุดบ้านๆมาเด็ดขาด!”

ผม……

ถ้าสามารถทำร้ายมู่หลงเหยียนได้ ตอนนี้ผมอยากยิงยัยเมียนี้ให้ตายจริงๆ

แน่นอน ว่าผมสนใจมาก แขกพวกนั้นของมู่หลงเหยียน คิดว่า 80% จะต้องเป็นผีแน่

แต่มู่หลงเหยียนร้ายกาจขนาดนั้น เมื่อคิดถึงเพื่อนผีของเธอ ผมจึงคิดว่าพวกเขาเองก็จะต้องเทพมากแน่ๆ

ดังนั้นผมจึงตอบกลับทันที “วางใจได้ ถึงตอนนั้นฉันจะไปร้านตัดผมทำผมร็อคๆ รับรองต้องหล่อมาก!”

“ฮึ! ไม่กลัวตายก็ลองไปดูซิ!”

หลังจากพูดจบ ผมก็รู้สึกถึงพลังหยินที่ระเบิดออกมาจากป้ายวิญญาณ

ทำให้ตัวสั่นทันที ผมกลืนน้ำลาย เพราะรู้ว่าผีเมียกำลังขู่ผม

และถ้าขี้เกียจพูด อาจจะทำให้มู่หลงเหยียนเกิดโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้วอีกเดี๋ยวก็จะออกมาฉีกผมเป็นชิ้นๆ

ผมจึงปัดธูปลงบนกระถาง แล้วพูดว่า “โอเค ฉันไปนอนก่อนนะ!”

หลังจากพูดจบ ผมก็เดินเข้าไปในห้องทันที

เพราะเหนื่อยมาก จึงล้างหน้าลวกๆ แล้วก็กลับมาล้มตัวลงนอน

วินาทีนั้นผมรู้สึกสบายไปทั้งตัว รู้สึกฟินสุดๆ

แต่ก็ยังคิดเรื่องวันเกิดอายุ 300 ปีของมู่หลงเหยียน มันทำให้ผมประหลาดใจมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่ามู่หลงเหยีบยจะตายได้นานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ถึงได้มีอายุ 300 ปี

ผมค้นหาในโทรศัพท์ครู่หนึ่ง ว่าเมื่อสามร้อยปีก่อนในรัชสมัยของจักพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงค์ชิงเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่ามู่หลงเหยียนไปเจอกับอะไรมา ถึงตายตั้งแต่อายุยังสาว

แต่เพราะง่วงมาก ผลลัพธ์ขณะที่กำลังคิดผมก็เผลอนอนหลับไปแล้ว

แต่สิ่งที่แปลกคือ ครั้งนี้ผมฝันเห็นเรื่องแปลกๆเหมือนวันนั้น

เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวนั่งอยู่บนสะพาน ด้านล้างสะพานมีผีร้ายนับพันนับหมื่น ก่อตัวกันเป็นชั้นๆ พันตัวกันไปมา

พวกเขาอ้าปาก อยากกินผู้หญิงบนสะพาน

ผมเองก็เข้าไปเตือนผู้หญิงคนนั้นไม่หยุด อยากลากเธอออกมาจากตรงนั้น

แต่เธอดูเหมือนธาตุอากาศ ผมจับตัวผู้หญิงไม่ได้ ไม่สามารถพูดออกเสียงได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น

แต่ผู้หญิงคนนั้น กลับดูไม่หวาดกลัว ยังพูดคำว่า “รอฉันก่อน” จากนั้นก็กระโดดลงไปทันที……

เมื่อผมตกใจตื่นจากฝัน ความกลัวที่เห็นภาพนั้นก็ยังคงอยู่ ผมพบว่าตอนนี้บนร่างกายของผมชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

ความฝันนั้นเหมือนจริงโครตๆ ราวกับว่ามันกำลังเกิดขึ้นตรงหน้าผมจริงๆ……

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด