องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 35 : เป็นมนุษย์ผู้ยากลำบาก

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 35 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในห้องที่มีแสงสลัว  มีสองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

 

กุยหม่ามองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความสบายๆ  เล่นกับถ้วยชาในมือของเขา

 

ในอีก้านหนึ่ง  ใบหน้าของเซี่ยโฮวโม่เย็นชาราวกับน้ำแข็งพร้อมกับความเยือกเย็นที่รายล้อมรอบตัวเขาซึ่งป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ๆ

 

“อะชิ่ว!”  กุยหม่าลูบจมูกของเขา  เขาใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมมากและกลิ่นนั้นก็ค่อนข้ารุนแรง

 

“ใต้เท้าที่เคารพ  ท่านต้องการอะไรจากข้าที่พาข้ามาที่นี่?”

 

“ข้าถูกวางยาพิษ”

 

“อะไรนะ?”  กุยหม่ากระโดดขึ้นยืน  ความเกียจคร้านของเขาหายไปภายในหนึ่งวินาที  เขาเดินมาข้างหลังเซี่ยโฮวโม่และจับชีพจรของเขา

 

ตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ในความจริงจัง

 

“ท่านถูกวางยาพิษโดยเปลวเพลิงเลือด!”

 

ไม่มีการแสดงออกมากมายบนใบหน้าของเขา  เซี่ยโฮวโม่เอามือของเขาออก

 

“ใช่”

 

“เมื่อไหร่?”

 

“ประมาณครึ่งเดือนที่แล้ว”

 

หลังจากที่เขาได้ยินคำตอบ  กุยหม่าขมวดคิ้วและสงสัยว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่เนื่องจากผู้หญิงที่หลบหนีคนนั้นถูกวางยาพืษในเวลาเดียวกัน

 

เปลวเพลิงเลือดเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่หายากมาก  ซึ่งหมายความว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่จะได้รับพิษจากมัน

 

“ใครทำสิ่งนี้กับท่าน?”

 

“พวกขบถทางใต้”

 

การแสดงออกบนใบหน้าของกุยหม่าบ่งบอกว่าเขาคาดไว้แล้ว  “ไม่น่าแปลกใจ    มียากระตุ้นอย่างหนึ่งที่เราไม่มีในฉู่  และพบได้ในดินแดนอันน่าสยดสยองของอนารยชนทางตอนใต้เท่านั้น”

 

“เจ้าไม่มียาถอนพิษนี้หรือ?”

 

กุยหม่าหยุดชะงักและยืดคอของเขาให้ตรงขึ้นเล็กน้อย  “ทำไมล่ะ? ข้าสามารถปรุงยาแก้พิษได้  และข้าแค่ขาดสมุนไพรไม่กี่ชนิด!”

 

เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้ว

 

“อธิบายมันให้ชัดเจน”

 

กุยหม่าเหลือบมองเขา  “แม้ว่าตอนนี้ข้ายังไม่มียาถอนพิษ  ข้ามียาบางชนิดสำหรับควบคุมพิษ  ด้วยยากหนึ่งเม็ดทุกเดือน  ท่านจะไม่ต้องกังวลกับการตายอย่างน้อยในครึ่งปีนี้”

 

กุยหม่าหยิบขวดกระเบื้องออกมาและมอบมันให้เซี่ยโฮวโม่

 

เซี่ยโฮวโม่หยิบขวดขึ้นมาและสังเกตว่าดวงตาของกุยหม่ายังคงจับจ้องเขาอยู่

 

“พิษออกฤทธิ์กับท่านหรือไม่?”

 

“ใช่”  เซี่ยโฮวโม่ตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

 

มีเสียงคล้ายการสูดหายใจดังฮึดๆ

 

กุยหม่าอ้าปากค้างกลางอากาศ

 

“แล้วท่านทนมันไหว?”

 

เซี่ยโฮวโม่หลับตาที่มืดมนของเขาและไม่ได้พูดอะไร

 

มีอาการสั่นไปทั่วร่างของกุยหม่าอย่างไม่รู้ตัว

 

คนตรงหน้านี้ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!  แม้ว่าความจริงที่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์จากการถูกพิษเปลวเพลิงเลือดทำลาย  เขารู้ดีว่ามันเจ็บปวดเหลือแสนและน่ากลัวกว่าการถูกเอาเลือดออกและถลกหนังในขณะที่ยังมีชีวิต  แล้วผู้ชายคนนี้  เขาทนไหว!

 

ตงหลินอยู่ที่ประตูในตอนที่พวกเขาคุยกัน

 

“ใต้เท้า  ขบถทางใต้เริ่มปฏิบัติการแล้วขอรับ”

 

ดวงตาที่ลึกล้ำและมืดมิดของเซี่ยโฮวโม่เปิดขึ้นในทันทีด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัว

 

“เดินทางสู่หยานเซี่ย  ข้าไม่ได้กลิ่นเลือดมานานแล้ว  เตรียมม้าให้พร้อม  เรากำลังจะกลับไปที่หยานเซี่ยเดี๋ยวนี้”

 

“ขอรับใต้เท้า”

 

กุยหม่ามองไปที่เซี่ยโฮวโม่ที่ยืนขึ้น  “ท่านกำลังจะไปต่อสู้ด้วยตัวท่านเองหรือ?”

 

“มันถึงเวลาสำหรับพวกมันแล้วที่จะต้องรู้ว่าใครคือนายที่แท้จริง!”

…………………

 

“อะไร  เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิง?”  มาม่าจ้องนิ่งที่ซูมู่เกอดวงตาของนางเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

 

ซูมู่เกอกำลังจะก้าวเข้าไปและจับชีพจรของนายหญิงเมิ่ง  แต่มาม่าหยุดนางไว้

 

“คุณหนูซู  ท่านจะทำอะไรอีก!?”

 

สิ่งนี้กระตุ้นความไม่อดทนอย่างฉับพลันของซูมู่เกอ  นางไม่เคยอารมณ์ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับญาติหรือคนที่มาพร้อมกับผู้ป่วย

 

“ท่านกำลังทำให้เสียเวลาในการรักษาของนายหญิงเมิ่ง  หากมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น  ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร?”  น้ำเสียงที่แข็งกร้าวและนิ่ง  เกือบจะทำให้อีกฝ่ายหนาวสั่น

 

มาม่าตัวสั่นและมองไปที่นายหญิงเมิ่งที่หมดสติ  นางขยับร่างกายของนางอย่างไม่เต็มใจ  แต่สายตาของนางก็ยังจ้องไปที่ซูมู่เกอด้วยสายตาเชือดเฉือน

 

ซูมู่เกอรู้สึกถึงชีพจรของหญิงชราเมิ่ง และหยิบเข็มเงินออกจากร่างของนาง

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“นายหญิงเป็นลมเพราะนางกังวลเกินไป  อีกไม่นาน  และนางจะฟื้นในไม่ช้า”

 

มาม่าเม้มริมฝีปากแน่นและมองไปที่รู่เหม่ยในห้อง  รู่เหม่ยกลัวความตายเช่นกันเมื่อนางเห็นกระบวนการทั้งหมด  ดังนั้น  นางจึงไม่ได้รับความหมายจากสายตาของมาม่า

 

ซูมู่เกอถอดกระบอกไม้ไผ่ทั้งหมดออกจากร่างของหญิงชราเมิ่ง ก่อนที่รู่เหมยจะเข้าใจรูปลักษณ์นั้น

 

“นายหญิงไม่สามารถสัมผัสน้ำหรือกินอาหารเย็น ๆ ได้จนถึงเช้าวันพรุ่งนี้”

 

ซูมู่เกอเริ่มบรรจุกล่องยาของนางหลังจากที่นางทิ้งคำพูดนั้น  หญิงชราเมิ่งไม่ได้ตื่นขึ้นมาตามเวลาที่นางออกจากโถงอายุมั่นขวัญยืน

 

“เร็วเข้า! ไปรับหมอหู!”

 

มาม่าพูดเช่นนั้นกับสาวใช้หลังจากที่ซูมู่เกอจากไป

 

รู่เหม่ยไม่เชื่อมาม่า  เนื่องจากซูมู่เกอปฏิบัติต่อนายหญิงเมิ่งตลอดหลายวันมานี้  และพวกเขาไม่เคยขอให้หมอหูมารักษาเลย

 

“แต่มาม่า….”

 

“แต่อะไร?  เร็วเข้า!  เจ้าไม่เห็นหรือว่านายหญิงยังอยู่ในอาการโคม่า!”

 

ในที่สุดรู่เหม่ยก็ไปตามหมอมาดูนายหญิง

………………..

 

ซูมู่เกอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติในคฤหาสน์ตระกูลซูเมื่อนางกลับมาถึง

 

เมื่อนางเข้ามาที่ลานดอกท้อบาน  เยว่รู่ก็ออกมาทักทายนางด้วยความตึงเครียดบนใบหน้าจองนาง

 

“คุณหนใหญ่  ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

 

ซูมู่เกอก้าวเข้าไปในหร้องพร้อมกับคิ้วขมวด  “เกิดอะไรขึ้น?”

 

เยว่รู่มองไปที่ซินเอ๋อสาวใช้ที่รออยู่นอกประตูและพูดว่า  “ซินเอ๋อขอชาขิงอุ่นๆของคุณหนูใหญ่หนึ่งถ้วย”

 

ซินเอ๋อจากไปราวกับลูกธนู

 

หลังจากปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้ว  เยว่รู่เดินกลับไปข้างๆ ซูมู่เกอ

 

“คุณหนูใหญ่  ผู้คนต่างพูดกันว่าเขตปกครองของใต้เท้าถูกน้ำท่วม!  และไม่มีที่ใดจะพบผู้พิพากษาเขตได้เลย!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเยว่รู่  ซูมู่เกอขมวดคิ้ว  “เขตปกครองของใต้เท้า?”

 

“เจ้าค่ะ  มีทั้งหมดสิบมณฑลอยู่ภายใต้การบริหารของใต้เท้า  ตอนนี้พวกเขากำลังบอกว่าใต้เท้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้  ถ้าจักรพรรดิทรงรู้เรื่องนี้และกล่าวหาเขาในเรื่องนี้  ทั้งครอบครัวอาจถูกประหาร!”

 

ใบหน้าของซูมู่เกอแข็งกร้าวด้วยความขึงขัง

 

แม้ว่าคำพูดของเยว่รู่จะน่าตกใจ  แต่ก็มีความเป็นไปได้

 

ทำนบเขื่อนควรจะต้องแข็งแรงมาก  แล้วมันพังง่ายๆขนาดนี้ได้ยังไง?  แม้ว่านางจะไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับปัญหาเขื่อนแตก  อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้ถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบเปอร์เซ็นต์  ถ้าเป็นเช่นนั้นในฐานะเจ้าหน้าที่สูงสุดในเขต  ไม่มีทางที่ซูหลุนจะรอดไปจากมันได้

 

เมื่อถึงเวลานั้น  มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปกป้องทั้งตระกูลซูจากการลงโทษใด ๆ พร้อมกับการสูญเสียชีวิตของเขาเอง  นับประสาอะไรกับการเลื่อนตำแหน่ง

 

หากวันนั้นมาถึง  เมื่อตัวนางเอง  น้องชายและแม่ของนางก็หนีไม่พ้น  นางคงไม่มีความคิดที่จะเชื่อว่านางสามารถต่อสู้กับพระราชาแห่งแคว้นนี้ได้

 

“อย่าตระหนกมากนักและอย่าปล่อยให้ข่าวลือและจินตนาการเหล่านั้นทำให้เจ้ากลัวมากเกินไป”

 

“เจ้าค่ะ  ข้าเข้าใจแล้ว”

 

หลังจากรายงานข่าวในเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับคฤหาสน์ให้กับซูมู่เกอฟังแล้ว  เยว่รู่ก็จากไป

 

ซูมู่เกอจึงนำสิ่งของทั้งหมดของนางไปทำยาแก้พิษ

 

สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการล้างพิษในตัวของนางเอง  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น  มันไม่ใช่ตรวนของนาง

 

แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่จำกัดให้นางใช้  ซูมู่เกอพบว่าตัวเงื่อนไขปัญหาในตัวเอง

 

นางจำได้ว่าเมื่อวันก่อนบนถนน  ชายคนนั้นกำลังมองหาโสมที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยปี และเห็ดหลินจือมันวาวอายุมากกว่าหนึ่งพันปี  นางตระหนักว่าในยาที่นางทำขึ้นเพื่อควบคุมพิษนี้  นางไม่ได้ใช้สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้จะยังได้ผลหรือไม่

 

สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประเด็นสำคัญในการสร้างยาแก้พิษสำหรับพิษเปลวเพลิงเลือด

 

เมื่อพบทิศทางนี้  การวินิจฉัยของนางเกี่ยวกับการทำยาแก้พิษมีความก้าวหน้าอย่างมาก

 

นางเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการหาวิธีทำยาแก้พิษได้!

………………….

 

ภายในหย่าเหมิน

 

ซูหลุนเหงื่อแตกเพราะเหตุฉุกเฉินนั้น  เดินกลับไปมาและศึกษาสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเป็นกังวล

 

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขตโจว  แม้แต่รับใช้ของคฤหาสน์ซูก็รู้ผลที่ตามมาและเขาจะไม่คิด!

 

มีคนวิ่งเข้าในหย่าเหมินจากข้างนอก

 

“ใต้เท้า  บางอย่าง  บางสิ่งผิดปกติ!”

 

“อะไร  เกิดอะไรขึ้นตอนนี้?!”

 

“มีการต่อสู้  การต่อสู้ที่หยานเซี่ย!”

 

ซูหลุนผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่ามีสงครามซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจการปกครองของเขา  แต่เขาสะดุดใจบางอย่าง และจับเสื้อของผู้ส่งข่าวหย่าเหมิน  ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นสีแดงด้วยความโกรธเขาถามอีกครั้งว่า  “ที่ไหนนะ?  เจ้าพูดว่าการต่อสู้อยู่ที่ไหน?”

 

ผู้ส่งข่าวแทบจะร้องไห้เมื่อตกใจกับการมองของซูหลุน

 

“มันคือ….มันคือหยานเซี่ย  พวกกบฏทางใต้เริ่มการโจมตีที่หยานเซี่ย”

 

“กษัตริย์แห่งจินได้นำกองกำลังทหารเข้าสู้รับด้วยตัวเอง”

 

ชุนหยางเป็นเมืองเดียวที่อยู่ใกล้หยานเซี่ย  จะเป็นเมืองแรกที่มีส่วนร่วมในการสู้รบหาก   ค่ายหยานเซี่ยแตก  ไม่น่าแปลกในที่ซูหลุนตื่นตระหนกมาก

 

“เจ้าบอกว่ากษัตริย์แห่งจินนำกองกำลังทหารมาด้วยตนเองรึ?”

 

“ใช่ ขอรับใต้เท้า”

 

สีหน้าของซูหลุนกลับมาพร้อมกับคำตอบที่เป็นการยืนยันนั้น

 

ทุกคนในฉู่รู้ว่าพระราชาแห่งจินเป็นผู้ปกป้องรัฐโดยธรรมชาติ  เขารับผิดชอบกองทหารและการรบ  ฉู่ไม่เคยผิดพลาด  ตอนนี้ซูหลุนรู้แล้วว่าเข่อยู่ที่ด่านหยานเซี่ย  เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวการบุกรุกของกบฎทางใต้เหล่านั้น

 

ซูหลุนหายจากความกลัวอันเลวร้ายนี้ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้หลังจากเขื่อนแตกในเขตโจว

 

อย่างไม่คาดคิด  มีคนจากคฤหาสน์เมิ่งมาหาซูมู่เกอและบอกนางว่าอาการของนายหญิง เมิ่งดีขึ้นมากหลังจากการบำบัดด้วยบ้องดูดเลือด  และไม่จำเป็นที่นางจะต้องไปดูแลนายหญิงเมิ่งทุกวัน

 

ซูมู่เกอส่งเสียงทางจมูกและไม่พูดอะไร

 

ไม่ว่าตระกูลเมิ่งจะมีเจตนาอะไร  นางก็จะไม่ปฏิบัติต่อหญิงชราเมิ่งอีก!

 

ตระกูลเมิ่งเป็นหนี้นาง  อย่างไรก็ตามนางควรได้รับมันกลับคืนมา

 

“คุณหนู  ท่านกำลังจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าค่ะ?”

 

เยว่รู่ถามซูมู่เกอด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นนางเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกข้างนอก

 

ซูมู่เกอพยักหน้า  “ใช่”

 

นางอันคงเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องแคว้นโจวอยู่ในขณะน้าและไม่น่าจะมีเวลามาตุกติกกับพวกเขาได้  ดังนั้นซูมู่เกอจึงแน่ใจว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนางที่จะออกไปนอกคฤหาสน์

 

ยังไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดตก  ซูมู่เกอตรงไปที่โรงน้ำชาทันทีหลังจากที่นางออกจากรถม้าของคฤหาสน์ซู

 

นางเดินไปที่ห้องปีก และเห็นร่างรางๆคลุมเครือ  ซึ่งนั่งอยู่ข้างในห้องแล้ว

 

นางผลักประตูให้เปิดออก และคนที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองนาง

 

ซูมู่เกอเดินไปข้างหน้าและนั่งลงตรงข้าม

 

“นายท่านเมิ่ง  ขอโทษที่ทำให้ท่านรอ”

 

เมิ่งซิ่วเหวินอยู่ในชุดคลุมไม้ไผ่สีเขียว  คาดเอว  ซึ่งทำให้เขาดูผอมและสง่างาม

 

มีหมวกคลุมศีรษะของซูมู่เกอ  เมิ่งซิ่วเหวินไม่สามารถบอกการแสดงออกของนางได้

 

“ข้าเพิ่งมาถึงเช่นกัน”

 

ซูมู่เกอรินชาให้ตัวเอง  มองนิ้วบอบบางของนางที่วางไว้รอบถ้วยชา  เมิ่งซิ่วเหวินหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากด้านหลังของเขา

 

“คุณหนูซู  ข้าได้นำสิ่งที่เจ้าของมาให้เจ้าแล้ว”

 

ดวงตาของซูมู่เกอตกลงบนกล่องผ่านห่อผ้าแพร  นางเอื้อมมือไปรับมัน  เปิดกล่องและพยักหน้า

 

“นายท่านเมิ่ง  ขอบคุณท่านมาก”  จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน

 

เมื่อเห็นเช่นนี้เมิ่งซิ่วเหวินก็ยืนขึ้นและหยุดนางไว้  “คุณหนูซู  โปรดรอสักครู่

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด