องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 60 : อันตราย วิ่ง!

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 60 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ซูมู่เกอหยุด  ทำการจับชีพจรขององค์หญิงเก้า

 

แม้ว่าชีพจรของนางจะยังอ่อนอยู่ แต่อย่างน้อยการเต้นของหัวใจของนางก็ฟื้นตัวแล้ว!

 

ซูมู่เกอถอนหายใจด้วยความโล่งอก  พร้อมกับเหงื่อที่ไหลซึมบนหน้าผากของนาง

 

นางยกมือขึ้นเช็ดมัน  แล้วยืนขึ้น

 

“ประคององค์หญิงขึ้นมา  ให้องค์หญิงนั่งบนเก้าอี้”

 

การฟื้นคืนชีพขององค์หญิงเก้าทำให้นางกำนัลของนางไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการช็อกได้

 

มันจนกระทั่งซูมู่เกอหันหลังกลับจากนั้นนางกำนัลก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความงุนงงและช่วยประคององค์หญิงเก้าขึ้นนั่งบนเก้าอี้

 

องค์หญิงเก้าลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียวและลมหายใจอ่อนแรง  นางมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านางด้วยความว่างเปล่า

 

นางเอามือจับที่อก  เพราะรู้ว่าตัวเองมีอาการหัวใจวาย  ไม่อย่างนั้น  ตอนนี้หัวใจของนางคงไม่อึดอัด

 

“ยามาแล้วเพค่ะ  ยาสำหรับองค์หญิงเก้ามาแล้วเพค่ะ”

 

ในที่สุดนางกำนัลก็นำยามาให้กับองค์หญิงเก้า  หลังจากนั้นไม่นาน  นางก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

 

“น้องหญิงเก้า  เจ้ารู้สึกอย่างไร?”  เซี่ยโฮวคุณถาม

 

เซี่ยโฮวซีเป็นโรคหัวใจตั้งแต่นางถือกำเนิด  ดังนั้นทุกที่ที่นางไป  ผู้ติดตามของนางจะต้องพกยาสำหรับโรคหัวใจของนางไปด้วย  แต่คราวนี้  ยาไม่มีเหลืออยู่บนรถม้าอย่างไร้เหตุผล

 

“ท่านพี่สอง  ข้าสบายดี”  เซี่ยโฮวซีตอบอย่างอ่อนแรง

 

“ดีแล้ว  รีบส่งองค์หญิงเก้ากลับวัง”

 

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

 

สายตาของเซี่ยโฮวซีตกลงไปที่ซูมู่เกอ  ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง

 

“เจ้าเพิ่งนำยามาให้ข้า  แล้วใครช่วยข้าตอนที่ข้าหัวใจวาย?”

 

นางกำนัลก้าวไปข้างหน้า และกระซิบว่า  “มันคือ มันคือหญิงผู้นั้นเพค่ะ”  หลังจากพูดจบนางก็ชี้ไปที่ซูมู่เกอ

 

สายตาของเซี่ยโฮวซีที่มีต่อซูมู่เกอเปิดเผยความคิดของนางในทันที

 

ซูมู่เกอยืนยืดตัวขึ้นและกล่าวว่า  “องค์หญิงเพค่ะ  ท่านตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน  โปรดอภัยแก่ความผิดของหม่อมฉันด้วยที่ได้ล่วงเกินพระองค์”

 

ดวงตาของเซี่ยโฮวคุณหันไปที่นางกำนัล  “เมื่อครู่  องค์หญิงเก้าหยุดหายใจจริงๆรึ?”  เขาได้ยินมันเมื่อตอนที่เขามาถึง

 

แต่เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าคนตายจะฟื้นขึ้นมาได้

 

นางกำนัลยังคงตกใจเล็กน้อย  พยักหน้าด้วยความหวาดกลัว  “เพค่ะ ฝ่าบาท  หม่อมฉันรู้สึกถึงลามหายใจขององค์หญิง  ตอนนั้นองค์หญิงไม่มีลมหายใจแล้วจริงๆเพค่ะ”

 

เซี่ยโฮวคุณเปลี่ยนความคิดของเขาเล็กน้อย  และในที่สุดก็หันมาสบตากับซูมู่เกอ  สายตามองประเมินและจับผิดของเขาทำให้นางรู้สึกใจเสียอย่างมาก

 

ทันใดนั้น  เขาก็ยิ้มให้ซูมู่เกอ

 

เซี่ยโฮวคุณสวมมงกุฎหยกสีม่วงและทองประดับมรกต  ภายใต้คิ้วหลักแหลมของเขามีดวงตาที่แคบและเรียวยาวคู่หนึ่ง  จมูกคมสันและริมฝีปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย  รวมกับใบหน้าเหลี่ยมคมของเขา  เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา

 

เสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่าของเขาทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนรุนราวคราวเดียวกัน  ริบบิ้นสีเขียวหยกรอบเอวของเขาแสดงให้เห็นถึงเอวที่แน่นของเขา  ตอนนี้เซี่ยโฮวคุณดูเป็นชนชั้นสูงมากกว่าตอนที่เขาอยู่ที่เมืองชุนหยาง

 

แม้จะมีตัวตนของเซี่ยโฮวคุณ  เขายังคงมีเสน่ห์พอที่จะดึงดูดผู้หญิงได้

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลูกสาวของซูหลุน  ใต้เท้าซู และได้รักษาโรคระบาดในเขตเมืองโจวในเมืองชุนหยางได้ใช่หรือไม่?”

 

เมื่อดวงตาของเซี่ยโฮวคุณสบกับปานบนดวงตาของซูมู่เกอ  ความรู้สึกแปลกๆ วูบวาบในดวงตาที่อ่อนโยนของเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แม้ว่าเขาจะเคยไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู  เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่นั่นมากนัก  แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางมาเมืองหลวงพร้อมกัน  ทั้งสองก็ไม่เคยพบหน้ากัน

 

ซูมู่เกอก้มหน้าลงเล็กน้อย  “เพค่ะ ฝ่าบาท เป็นหม่อมฉัน”

 

“ด้วยคุณหนูซูได้ช่วยชีวิตองค์หญิงเก้า  ข้าจะไปเยือนคฤหาสน์ของเจ้าและขอบคุณเจ้าด้วยตัวข้าเอง  เมื่อได้เห็นทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของคุณหนูซู  ข้าสางสัยว่าครูของเจ้าคือใคร?”

 

เมื่อเห็นเซี่ยโฮวคุณพูดคุยกับซูมู่เกออย่างอ่อนโยน  ซูจิงเหวินรู้สึกโกรธแทบไหม้ภายในใจของนาง

 

“ฝ่าบาท  พี่สาวของหม่อมฉันแค่บังเอิญได้ทำการนั้นเพื่อช่วยองค์หญิง  นางสมควรที่จะให้พระองค์มาเยี่ยมคฤหาสน์ของเราเพื่อรับการขอบคุณนางได้อย่างไร?”  ซูจิงเหวินออกมายืนและพูดอย่างเบาๆและเขินอาย

 

น้ำเสียงช่างน่ารังเกียจซะจนทำให้ซูมู่เกอขนลุก

 

“มันเป็นเกียรติของนางที่ได้ช่วยองค์หญิง  ท่านพี่  ท่านจะลดตัวเองลงแบบนั้นได้อย่างไร?”  เซี่ยโฮวหยินก็ไม่พอใจอย่างมากที่เห็นเซี่ยโฮวคุณสุภาพกับซูมู่เกอ

 

เซี่ยโฮวคุณมองไปที่เซี่ยโฮวหยินอย่างเข้มงวดและกล่าวว่า  “อย่าพูดจาไร้สาระ!”

 

เซี่ยโฮวหยินต้องการที่จะลบล้าง  แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเซี่ยโฮวคุณ  ในที่สุกนางก็หุบปาก  ท้ายที่สุด  นางมีโอกาสมากมายที่จะสอนบทเรียนซูมู่เกอและไม่จำเป็นต้องทำตัวน่าอายแก่พี่ชายนางต่อหน้าผู้คนมากมาย

 

“ฝ่าบาท…..”  ทหารองค์รักษ์ของเซี่ยโฮวคุณก้าวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูของเขา

 

เซี่ยโฮวคุณลดสายตาลงและพยักหน้าช้าๆ  “ข้ารู้”

 

หลังจากนั้น  เขาก็มองไปที่สองพี่น้องตระกูลซู  เมื่อเขามองไปที่ซูมู่เกอดวงตาของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเป็นพิเศษ

 

“ข้าต้องไปจัดการเรื่องอื่นเดี่ยวนี้  ข้าจะไปเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลซูในวันอื่นและขอบคุณเจ้าด้วยตัวเอง”

 

มันจนกระทั่งร่างของเซี่ยโฮวคุณไม่สามารถมองเห็นได้ซูจิงเหวินจึงหยุดมองเขาอย่างไม่เต็มใจ  นางหันไปหาซูมู่เกอ  ดูเหมือนจะสนิทสนมกับนาง  แต่ใจจริงกัดฟันข่มกลั้น  แล้วพูดว่า  “ท่านพี่  ท่านเก่งมาก!”

 

ซูมู่เกอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างใจเย็นและยิ้ม  “อย่างที่เจ้าพูด  มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

 

ซูจิงเหวินแอบจ้องมองนางพลางคิด  “ซูมู่เกอ  ข้าจะดูว่าแกจะภูมิใจแบบนี้ได้นานแค่ไหน!”

 

“คุณหนูซู  ทักษะทางการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก”  ในที่สุดเซี่ยโฮวซีก็พบโอกาสที่จะพูด  นางรู้สภาพตัวเองดีกว่าใครๆ  ทุกครั้งที่นางมีอาการหัวใจวาย  ถ้านางไม่กินยาให้ทันเวลา  นางก็อาจตายได้ทุกเมื่อ  แม้แต่หมอหลวงก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  แต่ครั้งนี้ซูมู่เกอได้ช่วยชีวิตนางไว้!

 

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเพค่ะ องค์หญิง  ไม่ต้องกล่าวถึงเพค่ะ”

 

“คนใกล้ตายทำลายความสนใจของข้าไปเสียหมด!  เจ้ามาทำอะไรที่นี่? รีบเตรียมตัวให้พร้อม!  เจ้าไม่ต้องการให้ข้าได้ชื่นชมทิวทัศน์นี้งั้นรึ?”  เซี่ยโฮวหยินไม่พอใจอย่างมากที่ทุกคนให้ความสนใจกับซูมู่เกอและเซี่ยโฮวซี

 

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง  หญิงสาวในที่นั้นก็ฟื้นไหวพริบทันที  แม้ว่าทั้งสองจะเป็นองค์หญิงทั้งคู่  องค์หญิงแปดเป็นลูกสาวของนางสนมฉินที่เป็นที่โปรดปราณมากที่สุดโดยมีตำแหน่งเป็นนางสนมขั้นสามในองค์จักรพรรดิ  นางยังเป็นน้องสาวขององค์ชายสองที่มีอำนาจมากในราชสำนัก  ในขณะที่องค์หญิงเก้าถือกำเนิดจากนางสนมยู่โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นนางสนมขั้นหก คนที่อยู่ในความโปรดปราณเมื่อนานมาแล้ว  ตระกูลของนางไม่ได้มีอำนาจเช่นคนอื่น   ด้วยเหตุนี้  เป็นที่ชัดเจนสำหรับหญิงสาวทั้งหลายที่จะประจบข้าที่สูงกว่า

 

ทุกคนจึงกลับมาหัวเราะและยิ้ม ล้อมรอบองค์หญิงแปด

 

ในบัดดล  เรือกลับเต็มด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเซ็งแซ่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

 

“องค์หญิงเก้าเพค่ะ  ตอนนี้ท่านยังอ่อนแอ  ท่านควรเสด็จกลับไปตอนนี้จะดีกว่าและพักผ่อนเพค่ะ”  ซูมู่เกอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยที่เห็นความอยากรู้อยากเป็นขององค์หญิงเก้า

 

ในที่สุด  หลังจากได้พบกับซูมู่เกออีกครั้ง  เซี่ยโฮวซีจะไม่จากไปง่ายๆ

 

“ข้าสงสัยว่าคุณหนูซูช่วยข้าได้อย่างไร?”

 

“การช่วยให้หัวใจกลับมาเต้น”

 

“หัวใจ…การช่วยกู้คืนการเต้น?  นั่นคืออะไร?  เจ้าช่วยสอนข้าได้ไหมคุณหนูซู?”

 

ซูมู่เกอกดขมับของนาง  “องค์หญิง….”

 

ปัง  ปัง

 

“ดอกไม้ไฟ  มีคนจุดพลุอีกแล้ว!”

 

ดอกไม้ไฟทำให้เรื่อมีชีวิตชีวาอีกครั้ง  อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทุกคนไม่กล้าที่จะทำผลีผลามอีกต่อไป  ทุกคนทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ

 

“โอ้ ฝนตกหรือ?  ฝนกำลังหยดลงบนใบหน้าของหม่อมฉัน….”

 

“ใช่  ข้ารู้สึกเหมือนกัน  ฝนกำลังตก…”

 

ซูมู่เกอสัมผัสหยดน้ำที่ตกลงบนปลายจมูกของนางแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อนางเช็ดมันออกด้วยผ้าเช็ดหน้าของนาง

 

เม็ดฝน….มันจะลี่นได้อย่างไร?

 

ทันทีที่นางกำลังจะดมของเหลว  นางก็เห็นเงาอยู่เหนือศีรษะและมองขึ้นไปเพื่อดูใบหน้าเฉยเมยของเซี่ยโฮวซี

 

“มันดูเหมือนว่าฝนจะตก  คุณหนูซูเจ้าไม่ได้เอาร่มมา  ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาน์ของเจ้าได้”

 

ซูมู่เกอมองไปที่สตรีผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าและรู้สึกเบื่อหน่าย

 

“ขอบพระทัยเพค่ะที่ทรงให้หม่อมฉันสัมผัสพระหัส  องค์หญิงเก้า”

 

ซูมู่เกอแทบจะไม่หันกลับไปเพื่อจากไปเมื่อจู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องโดยสาร  “ไฟไห้ม!  ช่วยด้วย! ห้องโดยสารไฟไหม้!”

 

“ไฟไหม้เหรอ?”  เซี่ยโฮวหยินขมวดคิ้ว  ก่อนที่นางจะตอบสนองคนในห้องโดยสารก็รีบหนีออกมา

 

“ช่วยด้วย  ห้องโดยสารถูกไฟไหม้!”

 

“อ้า!”

 

ชายคนหนึ่งที่เสื้อผ้าถูกไฟไหม้วิ่งหนีออกจากห้องโดยสารและกลิ้งไปบนดาดฟ้าซึ่งทำให้ดาดฟ้าลุกพรึบขึ้นทันที

 

“อา…ช่วยด้วย!”

 

“เร็วเข้า  วิ่ง!”

 

“คุณหนู  ปกป้องคุณหนู”

 

“องค์หญิง  พาองค์หญิงออกไป…”

 

สถานการณ์บนดาดฟ้ากลายเป็นเรื่องโกลาหลในทันที  มองดาดฟ้าสว่างขึ้นในทันใด  ซูมู่เกอลดสายตาลง  “มันคือน้ำมัน!” ไม่น่าแปลกใจที่นางรู้สึกว่าของเหลวแตกต่างจากน้ำฝนทั่วไป!  ดาดฟ้าถูกหยดน้ำมันเพื่อให้ไฟลุกลามเร็วขึ้น!

 

ซูมู่เกอหันกลับมาและเห็นเซี่ยโฮวซียังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเปล่า  นางเม้มริมฝีปากและดูความวุ่นวายบนดาดฟ้า  “ใครว่ายน้ำได้บ้าง?”

 

“ข้า ข้าทำได้”  นางกำนัลที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยโฮวซีตกใจอย่างเห็นได้ชัด  ตอบด้วยเสียงสั่น

 

ซูมู่เกอคว้าชูชีพจากกาบเรือใส่ให้เซี่ยโฮวซี

 

“ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด  ทุกคนจึงกระตือรือร้นที่จะหลบหนีและไม่สนใจว่าท่านจะเป็นองค์หญิงหรือไม่  หากท่านต้องการที่จะอยู่รอด  ให้ไต่เชือกนี้และว่ายน้ำไปที่ตลิ่ง!”  ในขณะที่พูด  ซูมู่เกอผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเรือ

 

“แต่ แต่ข้าทำไม่ได้   ข้าว่ายน้ำไม่เป็น…”  นางไม่เหลือบุคลิกที่สงบ  เซี่ยโฮวซีไม่เคยประสบอุบัติเหตุเช่นนี้มาก่อนและรู้สึกหวาดกลัว

 

“ใจเย็น ๆ  เรือลำนี้อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง  ท่านสามารถทำมันได้!”  ในขณะที่พูด  ซูมู่เกอผลักนางไปที่กาบเรือ

 

“อา! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

 

“ไฟไหม้รุนแรงขึ้น!”

 

ในขณะที่เซี่ยโฮวซียังคงลังเล  ซูมู่เกอกัดฟันและผลักนางลงจากเรือ

 

ในขณะเดียวกัน  จู่ๆ นางก็ถูกใครบางคนตีและตกลงไปในน้ำอย่างควบคุมไม่ได้

 

มีคนกระโดดลงไปในน้ำจากเรือ  ทันทีที่ซูมู่เกอจมดิ่งลงไปในน้ำ  นางถูกทุบไหล่และจมลงไปในน้ำ

 

“อา…”

 

มันมืดไปหมดในน้ำนี่  ซูมู่เกอต้องการว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ  แต่นางรู้สึกว่าไหล่ของนางเจ็บปวดอย่างมากและเท้าของนางก็พัวพันกับบางสิ่งที่นางไม่สามารถกำจัดได้

 

“อา….”

 

ซูมู่เกอสงบลง  เอื้อมมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของนาง  ดึงกริชที่ผูกไว้ที่เอวของนางออกมา  แล้วแทงที่เท้าของนาง

 

ทันทีที่มีดสั้นแทงออกไป  จู่ๆก็มีคนจับมือนางและดึงนางลงไปด้านล่าง

 

ฉิบหาย!

 

นางพยายามกำจัดคนๆนั้น  แต่คนๆนั้นมีพลังมากจนนางไม่สามารถหลุดพ้นได้

 

ในไม่ช้า  นางก็รู้สึกว่าข้อมือของนางถูกมัดด้วยเชือก

 

ซูมู่เกอตกใจมากที่คน ๆ นั้นต้องการจับนางมัดไว้ที่ก้นน้ำและทำให้นางจมน้ำตาย!

 

นางดึงเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในสร้อยข้อมือออกมา  แล้วแทงไปที่มือของบุคคลนั้น  ทันใดนั้นคนๆนั้นก็ปล่อยมือของนาง  และซูมู่เกอก็คว้าโอกาสที่จะว่ายดำดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

 

มันมืดเกินไปในน้ำที่จะมองเห็นอะไรทั้งสิ้น  ถ้านางหนีรอด  คน ๆ นั้นต้องคิดว่านายลอยขึ้นเหนือน้ำ

 

นั่นล่ะ  หลังจากดำลงไปสักพัก  คนๆนั้นก็ตามไม่ทัน

 

จากนั้น  ซูมู่เกอพยายามว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ

 

(น้ำกระเซ็น)

 

นางรีบขึ้นจากน้ำและมองไปรอบ ๆ แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ !

 

นางว่ายน้ำห่างออกจากฝั่งโดยไม่รู้ตัว

 

ด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากการต่อสู้ในน้ำ  ซูมู่เกอว่ายเข้าฝั่งด้วยแรงเฮือกสุดท้าย  เมื่อนางปีนขึ้นไปบนฝั่ง  นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ในที่สุด

 

เมื่อตะกี้  นางคิดจริงๆว่านางกำลังจะตายในน้ำ อะไรคือสิ่งที่คว้าจับนางไว้?

 

มันมีความหมายเฉพาะนางหรือทุกคนบนเรือ?

 

นางปีนขึ้นไปและจู่ๆ ก็ตรวจพบการเคลื่อนไหวที่อยู่เบื้องหลังของนาง

 

ซูมู่เกอรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด