The Boss Behind The Game – ตอนที่ 89 : อันม่านหมาน

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Boss Behind The Game ตอนที่ 89 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ระหว่างการต่อสู้กับกองทัพเรือของสตีลแฮมเมอร์ เหล่าผู้เล่นได้สูญเสียเรือรบของกิลด์และเรือรบภูตนับร้อยลำ

 

พวกเขาได้พบเจอกับความแข็งแกร่งของกองทัพเรือแห่งราชาทะเลผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขายังได้รู้ว่ายังต้องไปอีกไกลก่อนที่จะได้ปะทะกับกองทัพเรือแห่งราชาทะเล

 

แต่ถึงอย่างไร ราคาของวัตถุดิบในตลาดพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งเนื่องจากสงครามที่เกิดขึ้น ผู้เล่นหลายคนจึงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อวัตถุดิบวิญญาณที่พวกเขาต้องการได้

 

ทันใดนั้น มีโพสต์หนึ่งที่ดึงความสนใจของทุกคนไป

 

“พวกนายกำลังตามหาวัตถุดิบวิญญาณอยู่ใช่ไหม? มาเก็บเอาที่นอร์ทร็อคสิ ปิศาจต้นไม้ที่นี่ทั้งหมดมันมีวัตถุดิบวิญญาณอยู่”

 

วิดิโอสองคลิปแนบมากับโพสต์

 

ในคลิปแรก ผู้เล่นหลายคนกำลังต่อสู้อยู่กับปิศาจต้นไม้ และพวกเขาก็กำจัดมันลงไปได้ด้วยทีมเวิร์คที่สมบูรณ์แบบ ปิศาจต้นไม้ได้ทิ้งกิ่งไม้เอาไว้ มันส่องแสงสีเขียวมรกตออกมา

 

ด้านล่างของคลิปวิดิโอนั้นมีรูปภาพที่แสดงคุณสมบัติของไอเทมเอาไว้

 

[ท่อนไม้ต้นไม้ปิศาจ(วัตถุดิบวิญญาณระดับ 2)] : แก่นของต้นไม้ปิศาจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่นการรักและอาเชมี่(การเล่นแร่แปลธาตุ)

 

ในคลิปที่สอง ผู้เล่นจำนวนหนึ่งซัมมั่นเรือรบภูตส่วนตัวออกมาและจอดไว้ข้างๆท่อนไม้

 

เรือนบภูตค่อยๆดึงดูดท่อนไม้เข้าไปก่อนที่เสียงเคี้ยวจะดังขึ้นมาในตัวเรือ หลอดค่าประสบการณ์ที่อยู่ด้านบนของดาดฟ้าเรือรบภูตในคลิปเริ่มไหลเพิ่มขึ้น

 

ในตอนจบของวิดิโอ ผู้เล่นที่โพสต์วิดิโอได้ทิ้งคอมเม้นเอาไว้

 

“ไม่ใช่ว่าพวกนายกำลังหาวัตถุดิบวิญญาณอยู่หรือ? มีปิศาจต้นไม้และวัตถุดิบวิญญาณจำนวนมากอยู่ที่นอร์ทร็อค พวกนายจะรออะไรกันล่ะ? ชายหนุ่มที่อยากจะสร้างเรือ หยิบขวานขึ้นมาสับต้นไม้พวกนี้ซะ!”

 

โพสต์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ผู้เล่น ในโพสต์ตามมาด้วยคอมเม้นด้านบวกจากผู้เล่น ชื่นชมผู้ที่ทำคลิปพวกนี้ขึ้นมา

 

คราวนี้ผู้เล่นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่นอร์ทร็อคก่อนที่สงครามในทะเลจะเริ่มขึ้น ผู้เล่นหลายคนพยายามทุ่มเทเพื่อโค่นต้นไม้พวกนั้นและนำมันมาอัพเกรดเรือของพวกเขา

 

 

ในวันนั้น ลู่หวู่กำลังป้อนอาหารเป่ยลี่ในตอนที่เขาได้รับสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้คาดเอาไว้

 

นอกจากข้อความที่ร้องขอเข้ามาถึงเรื่องตัวเลือกในการเติมเงินแล้ว ลู่หวู่ก็ไม่ได้รับข้อความอะไรที่ส่งมาในโทรศัพท์เขาอีกเลย เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในวันนี้

 

หลังจากที่เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ รูปภาพของผู้หญิงปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ชื่อ ‘อันม่านหมาน’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

 

เมื่อได้เห็นชื่อ ภาพของเด็กสาวที่ร่าเริงได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของลู่หวู่

 

อันม่านหมานและลู่หวู่เป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ครอบครัวของพวกเขาสนิทกันมาก ทั้งสองคนจึงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

 

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของอันม่านหมานได้รับโอกาสที่จะต้องย้ายไปนอกเมืองอินดิโก้ตั้งแต่ลู่หวู่ยังเรียนอยู่ชั้นประถม

 

บังเอิญว่าอันม่านหมานกับลู่หวู่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะรื้อฟื้นความทรงจำถึงความสัมพันธ์ในระหว่างการพบปะกันนอกเกม

 

ลู่หวู่กับอันม่านหมานนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาก อันม่านหมานยังเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่ลู่หวู่มีอีกด้วย

 

“เฮ้ พ่อหมา! นอนหรือยัง? ถ้ายังไม่นอน พวกเรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า!” เสียงหวานใสดังออกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์

 

“เรื่องสนุกแบบไหนที่เราจะทำกัน? นี่มันเที่ยวคืนแล้วนะ” ลู่หวู่บ่น

 

“พี่ชาย ตอนนี้ฉันอยู่ในเมืองอินดิโก้แล้ว นี่หนูโทรไปทันทีที่ลงจากเครื่องเลยนะ พี่จะโดนหนูต่อยถ้าพี่พูดกับหนูแบบนี้!” อันม่านหมานพูดออกมาด้วยโทนเสียงต่ำเพื่อที่เธอจะขู่ลู่หวู่

 

“เธออยู่ไหน? พี่จะได้ไปรับ” ลู่หวู่เหลือบไปมองนาฬิกา แม้ว่าเขาจะยังอึนๆ แต่ก็รับปากว่าจะไปเจอเธอ

 

ลู่หวู่มีเพื่อนไม่มากนัก แต่เขาก็ใส่ใจทุกๆคน เมื่อเขารู้ว่าอันม่านหมานอยู่ที่เมืองอินดิโก้แล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะไปพบกับเธอ

 

“หนูอยู่ข้างหน้าโรงหนังใกล้ๆสนามบิน เร็วๆเลย หนูหิวแล้ว รอพี่มาเลี้ยงข้าวอยู่!” อันม่านหมานหัวเราะ

 

“น่าจะเกินสองชั่วโมงที่พี่จะไปถึงที่นั่น เธอหาอะไรกินก่อนน่าจะดีกว่านะ”

 

“โอเค! หนูจะรอพี่!”

 

หลังจากวางสาย ลู่หวู่มองไปที่เป่ยลี่ที่กำลังจ้องมาที่เขา เขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่ากลัว

 

“ฉันจะไปด้วย!” เป่ยลี่พูดพร้อมกับต้องมาที่ลู่หวู่

 

“ฉันจะไปรับเพื่อน ไม่ได้จะไปเที่ยวสวนสนุก…” ลู่หวู่อธิบาย

 

“ฉันจะคอยปกป้องนายจากอันตราย!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าของลู่หวู่ก็แสดงออกมาถึงความไร้อารมณ์

 

เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเป่ยลี่เป็นยังไง นอกจากการค้นคว้ากับกินแล้ว เป่ยลี่เป็นนักรบที่อ่อนแอ เขาบอกไม่ได้เลยว่าใครจะเป็นคนปกป้องใครกันแน่

 

“รอที่นี่แหละและรอฉันกลับมา!” ลู่หวู่ปลอบเป่ยลี่ก่อนที่จะออกจากบ้านไป

 

ลู่หวู่เรียกแท็กซี่เพราะเขาไม่มีรถ

 

เขารีบขึ้นแท็กซี่ไป คนขับรถยังเงียบไม่ได้พูดอะไร เพลงจากวิทยุกำลังเล่นไป ทำให้เขาหวนคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ

 

ความจริงแล้ว อันม่านหมานไม่ได้คิดชื่อ พ่อหมา ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

 

เขาเรียนชั้นอนุบาลมาด้วยกัน ตอนนั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้อันม่านหมานประทับใจ

 

และเหตุการณ์นั้นก็ตามหลอกหลอนลู่หวู่มาจนถึงทุกวันนี้

 

ในตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ชั้นอนุบาล ครูกำลังสอนพวกเขาเรื่องการหลีกเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวกันของเพศตรงข้าม ครูบอกพวกเขาว่าถ้าเด็กผู้ชายจูบกับเด็กผู้หญิงจะทำให้ท้อง

 

ในตอนนั้น ลู่หวู่เชื่อครูอย่างจริงจัง

 

วันหนึ่ง ลู่หวู่บังเอิญไปจูบกับสุนัขที่กำลังตั้งท้องอยู่โดยอุบัติเหตุในขณะที่เขากำลังเล่นกับมัน วันต่อมา สุนัขเพศเมียตัวนั้นได้ให้กำเนิดลูกสุนัขออกมา

 

อันม่านหมานเป็นพยาน ลู่หวู่สาบานกับสุนัขตัวนั้นว่า “ถ้าฉันมีอาหาร เธอจะไม่มีวันหิวอย่างแน่นอน! ฉันสาบานด้วยชีวิตของฉันเลย!”

 

คำสาบานของลู่หวู่กลายเป็นคำล้อเลียนที่อันม่านหมานใช้มาตลอด มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าขายหน้าที่สุดที่เขาพยายามจะลืมมัน แต่ก็ทำไม่ได้สักที

 

สองชั่วโมงต่อมา ลู่หวู่มาถึงโรงหนังก่อนที่จะโทรหาอันม่านหมาน

 

“ม่านหมาน พี่ถึงแล้ว เธออยู่ที่ไหน?”

 

“พ่อหมา หนูขออีกสิบนาที ตอนนี้หนังมันกำลังพีค!”

อันม่านหมานพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจ ระหว่างนั้นลู่หวู่ก็ได้ยินเสียงจากการต่อสู้ในหนังผ่านโทรศัพท์

 

ลู่หวู่บ่นเนื่องจากเขาใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเพื่อมาถึงที่นี่ แต่อันม่านหมานกลับกำลังดูหนังอยู่

 

แต่ถึงยังไง ในเมื่ออันม่านหมานก็มาไกลถึงเมืองอินดิโก้ เขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้คราวหลัง

 

ประมาณสิบหน้านาทีต่อมา ผู้คนเริ่มหลั่งไหลออกมาจากโรงหนังเนื่องจากหนังได้จบลง

 

หญิงสูงคนหนึ่ง เดินมาพร้อมรอยยิ้ม โบกมือให้กับลู่หวู่ ในมือถือกล่องป๊อปคอร์นในมือ

 

ใบหน้าที่คุ้นเคย ลู่หวู่ยิ้มและเดินเข้าไปหาเธอ

 

“นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน พ่อหมา ดูเหมือนพี่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเลย” อันม่านหมานยิ้มกว้างถึงหูในขณะที่มองมาที่ลู่หวู่

 

“เธอโตแล้วสวยขึ้นนะ แต่นิสัยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” ลู่หวู่ตอบเธอด้วยรอยยิ้มเหน็บแนม

 

คลื่นของความคุ้นเคยได้สาดเข้ามาใส่พวกเขาทำให้ความบาดหมางที่มีมายาวนานค่อยๆจางหายไป

 

การที่ได้รู้ว่าอันม่านหมานยังไม่ได้กินอะไรนั้น ลู่หวู่จึงค้นหาร้านอาหารใกล้ๆ

 

แต่เวลานี้มันเป็นเวลาตีสามแล้ว นอกจากโรงหนัง ร้านค้าอื่นๆก็ปิดไปหมดแล้ว พวกเขาไม่มีตัวเลือกนอกจากเดินหาร้านไปรอบเมือง

 

พวกเขาหัวเราะเต็มที่เนื่องจากพวกเขาได้พูดคุยถึงเรื่องตลกที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน พวกเขามีความสุขกับช่วงเวลานี้มาก

 

“อ้อ ใช่… เธอดูหนังเรื่องอะไรมา?”

 

อันม่านหมานหยิบป๊อปคอร์นใส่ปาก เธอตอบคำถามไปพร้อมกับเคี้ยวป๊อปคอร์นไปด้วย “ดิ อเวนเจอรส์ มันเพิ่งเข้าได้ไม่นาน ดังมากด้วย แต่หนูไม่ค่อยอินเลยเพราะดูไม่ค่อยเข้าใจ”

 

“อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยดูภาคอื่นมาก่อน เลยทำให้ดูไม่เข้าใจ” ลู่หวู่หัวเราะ

 

“อาจจะ แต่หนูมีคำถาม ถ้าตัวร้ายเก่งมาก ทำไมซุปเปอร์แมนกับแบทแมนถึงไม่มาร่วมต่อสู้กับอเวนเจอรส์ล่ะ?”

 

ลู่หวู่เหวอ

 

เขาอ่านท่าทีของอันม่านหมานและรู้ว่าเธอนั้นไม่ได้ล้อเล่น เขาจึงอธิบายให้เธอฟัง

 

“พวกเขาเป็นหนังจากคนละบริษัท บริษัทหนึ่งคือมาร์เวล และอีกบริษัทนึงก็คือ ดีซี”

 

“แต่หน้าที่ในการปกป้องโลกมันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาทำงานให้บริษัทไหนด้วยเหรอ? ทำไมถึงร่วมมือกันไม่ได้?” อันม่านหมานประหลาดใจ

 

ลู่หวู่เหนื่อยที่จะอธิบาย เขาจึงพูดเกี่ยวกับชีวิตจริง แต่อันม่านหมานคิดตามอย่างจริงจังเพราะเธอคิดว่าเขากำลังพูดถึงกองกำลังในหนัง

 

แต่ถึงอย่างไร ลู่หวู่ก็อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างมาร์เวลกับดีซีให้เธอฟังอย่างละเอียด ในที่สุดอันม่านหมานก็เข้าในสถานการณ์

 

พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ การเดินของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

 

ในตอนท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถหาร้านอาหารได้เลย พวกเขาจึงตัดสินใจจะไม่กิน

 

ตอนแรกลู่หวู่ตั้งใจจะให้เธอมาพักที่บ้านของเขาก่อน แต่ไม่มีห้องว่างเหลือเลย

 

อันม่านหมานบอกกับเขาว่าเธอมีนัดสำคัญพรุ่งนี้เช้า แต่น่าเสียดายที่ลู่หวู่ไม่ได้ยืนกราน

 

หลังจากที่ส่งอันม่านหมานกลับไปที่โรงแรมที่เธอจองห้องเอาไว้ รู้หวู่ที่เหนื่อยหน่ายก็กลับบ้าน

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด