กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 61 – 62: เร็วเกินไปที่จะดีใจ,เธอจะปฏิเสธมันงั้นเหรอ?

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 61-62 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 61: เร็วเกินไปที่จะดีใจ

 

“คุณหนูกู้” โจวเจิ้งหงเดินมาด้านหลังข้างๆกู้หนิง

 

“ลุงโจว” กู้หนิงเรียกเขา โจวเจิ้งหงไม่วิ่งหนีไป กู้หนิงพอใจและยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ

 

รอบสอง ลี่เจินเจินเลือกหินที่มีหยกอยู่ข้างใน กู้หนิงก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ของกู้หนิงจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ประเภทของหยกมีราคาสูงกว่าของลี่เจินเจิน

 

“เจียก้อนนี้ค่ะ” หินของกู้หนิงใหญ่กว่าลูกแอปเปิ้ลเล็กน้อย และมีชั้นผิวไม่หนามาก

 

หินของเธอใช้เวลานานกว่าเพราะต้องค่อยๆเจียออกทีละชั้น ส่วนของลี่เจินเจินเลือกตัดออก ผ่านไปไม่นานสิ่งที่อยู่ข้างในก้อนหินของลี่เจินเจินก็ปรากฏออกมา

 

“มีหยกสีเขียวอยู่ข้างใน!”

 

ผู้คนเริ่มจับกลุ่มคุย พวกเขาต่างเป็นพยานเห็นหยกถูกตัดออก ตอนนี้มีหยกเพิ่มขึ้นมาอีกก้อนแล้ว

 

ลี่เจินเจินตื่นเต้น เธอหันมามองกู้หนิงส่งสายตายั่วยุมาให้ ส่วนฉินอี้ฟานกังวลแทนกู้หนิง

 

กู้หนิงยังคงใจเย็น

 

“หยกข้าวเหนียว!”

 

ไม่มีใครจะมีความสุขมากไปกว่าลี่เจินเจิน เธอส่งสายตาเยาะเย้ยกู้หนิง ถึงแม้จะเป็นหยกระดับกลาง แต่มันมีขนาดใหญ่และมีราคาสูง

 

ในระหว่างที้ลี่เจินเจินกระหยิ่มยิ้มย่องกับความสำเร็จของเธอ ก้อนหินของกู้หนิงก็เผยให้เห็นชั้วผิวสีเขียว ลี่เจินเจินหัวเสียขึ้นมาทันที

 

ได้ไง? เป็นไปได้ยังไง? หินของกู้หนิงมีชั้นสีเขียว?

 

ลี่เจินเจินไม่อยากยอมรับความจริง เธอวิ่งเข้าไปดูทันที มีชั้นหินสีเขียวจริงด้วย แต่ยังไม่รู้ชนิดของมัน

 

ฉินอี้ฟานและลี่้เจินหยูต่างแปลกใจ พวกเขาไม่คิดว่าจะมีหยกอยู่ในก้อนหินที่เลือกมาอย่างสุ่มๆของกู้หนิง ฉินอี้ฟานโล่งอกแต่ลี่เจินหยูไม่พอใจ เขาไม่ต้องการเห็นกู้หนิงชนะ

 

โจวเจิ้งหงประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่ากู้หนิงมีตาทิพย์ และกู้หนิงก็ช่วยให้เค้ามีเงินมากมาย โจวเจิ้งหงเชื่อว่ากู้หนิงต้องเชี่ยวชาญเรื่องหิน และเขามองกู้หนิงในแง่บวก

 

ตอนนี้หินของกู้หนิงก็มีชั้นสีเขียว โจวเจิ้งหงชื่นชมเธออย่างมาก

 

ลี่เจินเจินกำกำปั้นแน่น เธอสวดอ้อนวอนขอให้หยกของกู้หนิงมีระดับต่ำกว่าของเธอ ตราบใดที่มันระดับต่ำกว่าเธอถึงจะพอใจ

 

แต่ช่างน่าเสียดายที่ความจริงกลับตรงกันข้าม

 

หยกของลี่เจินเจินมีขนาดเท่ากับหยกของโจวเจิ้งหง

เมื่อหยกที่ตัดเอาออกมา คนในร้านก็เริ่มประมูลทันที แต่ลี่เจินเจินไม่อาจขายได้ในเมื่อครอบครัวของเธอก็ทำธุรกิจค้าขายอัญมณี ดังนั้นเมื่อมีคนเริ่มเสนอราคา ลี่เจินเจินก็หยุดพวกเขาไว้ก่อน

“ขอโทษค่ะทุกคน พวกเราไม่ขายหยกก้อนนี้”

 

ทุกคนผิดหวังแต่ก็ไม่อาจบังคับเจ้าของให้ขายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหันมาหวังกับหยกของกู้หนิงแทน ในเมื่อหินของเธอมีชั้นสีเขียวเผยออกมา มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีหยกอยู่ข้างใน

 

หลังจากนั้นไม่นาน หยกของกู้หนิงก็ถูกเอาออกมา หลังจากใช้น้ำล้าง มันก็เผยให้เห็นรูปร่างแท้จริง

 

ผิวของมันช่างเรียบลื่นและอุ่น มีความโปร่งใสที่เยี่ยมยอดและมีแสงสะท้อนออกมา มันดูเหมือนแก้ว

 

“หยกแก้ว! มันคือหยกแก้ว!” มือของคนงานสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็กลั้นลมหายใจจากอาการตื่นตะลึง หยกแก้วเป็นหยกระดับสูงสุดของหยกทั้งมวล ทันใดนั้นหยกของลี่เจินเจินก็ดูไร้ค่าขึ้นมาทันที

 

ลี่เจินเจินยิ่งกว่าอารมณ์เสีย มันยากสำหรับเธอที่จะเชื่อผลที่ออกมา

 

ทันใดนั้นกู้หนิงก็ดูดซับพลัง

 

ยังมีก้อนหินที่ยังไม่ได้ตัดอีกก้อน แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ลี่เจินเจินรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ ถ้าหินของเธอไม่มีหยกระดับหยกแก้ว เธอต้องแพ้อย่างแน่นอน

 

“คุณกู้ เธอจะขายหยกชิ้นนี้รึเปล่า? ฉันจ่ายสิบล้านหยวน”

 

“สิบสี่ล้านหยวน”

 

“ยี่สิบล้านหยวน”

 

“สี่สิบล้านหยวน”

 

ราคาประมูลสุดท้ายอยู่ที่ลี่เจินหยู

 

“พี่คะ ทำไมถึงซื้อหยกของเธอ?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว ลี่เจินหยูก็ขมวดคิ้วมุ่น “เจินเจิน อย่าลืมสิว่าพี่ก็เป็นนักธุรกิจ” ลี่เจินหยูเอ่ยเตือน เขาปกป้องลี่เจินเจินแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเพิกเฉยต่อธุรกิจของครอบครัว

 

อุตสาหกรรมค้าอัญมณีไม่ค่อยมีหยกระดับสูง การจะได้มาหนึ่งอันนั้นหายากมาก และลี่เจินหยูจะไม่ยอมแพ้เพียงเพราะความอิจฉาริษยาของน้องสาว

 

ลี่เจินเจินหัวเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

 

“หกสิบล้านหยวน”

 

ราคาประมูลหยุดที่หกสิบล้านหยวนซึ่งเป็นราคาสมเหตุสมผล ผู้ประมูลคือฉินอี้ฟาน เขามาเมือง G เพื่อตามหาหยก เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองพลาดหยกระดับสูงไปได้แน่นอน

 

ถึงแม้เขากับลี่เจินหยูจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ธุรกิจก็คือธุรกิจ มีเพียงคนที่ยอมทุ่มเท่านั้นถึงจะได้หยกไป

 

ในตอนท้ายฉินอี้ฟานก็เป็นคนได้หยกไปจากู้หนิงในราคาหกสิบล้านหยวน แต่พวกเขาต้องรอเซ็นเอกสารสัญญาซื้อขายก่อนและถึวจะโอนเงินจึงถือว่าการประมูลเสร็จสิ้นสมบูรณ์

 

“คุณลี่ ถ้าหินก้อนสุดท้ายของคุณไม่มีหยกมูลค่ามากกว่าหกสิบล้านหยวน ก็ถือว่าคุณแพ้แล้ว” กู้หนิงจงใจพูดยั่วยุอารมณ์

 

“เธอ…” ลี่เจินเจินโมโหหนักมาก ถ้าก่อนหน้านี้เธออาจจะแค่อิจฉา แต่ตอนนี้เธอเกลียดกู้หนิงจนอยากให้ตายๆไปซะ

 

โจวเจิ้งหงเพิ่งรู้ว่ากู้หนิงกับลี่เจินเจินพนันกัน เขาชื่นชมความสามารถของกู้หนิงมากขึ้นกว่าเดิม

 

รอบสุดท้าย กู้หนิงเลือกหินที่มีหยกสีม่วงอยู่ข้างใน มันมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีขนาดเป็นสองเท่าของลูกแอปเปิ้ล เธอตัดสินใจที่จะเจียมันออก

 

ในระหว่างนั้น หินของลี่เจินเจินก็กำลังถูกตัด หลังจากตัดไปชั้นแรก ก็มีชั้นสีเขียวบริสุทธิ์เผยออกมา

 

“มีสีเขียวข้างใน!”

 

“ใช่หยกน้ำแข็งรึเปล่า?”

 

มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาอีกครั้ง ลี่เจินเจินกลับมาตื่นเต้น

 

หยกน้ำแข็งเป็นหยกระดับสูงเหนือหยกประเภทอื่น แต่เป็นรองเพียงหยกแก้ว ถ้าหยกก้อนนี้มีขนาดใหญ่มากพอ ก็มีความเป็นไปได้ว่าลี่เจินเจินอาจจะเอาชนะกู้หนิง

 

ฉินอี้ฟานอดไม่ได้ที่จะมองกู้หนิง แม้แต่โจวเจิ้งหงก็รู้สึกกังวล แต่กู้หนิงยังคงนิ่งสงบเหมือนทุกที ไม่มีใครรู้ว่าเธอมั่นใจหรือไม่สนใจในผลลัพธ์กันแน่

 

ในเมื่อกู้หนิงทำเงินได้มามายมหาศาล สิบล้านหยวนดูเป็นเรื่องกระจอกสำหรับเธอ

 

แต่ยังเร็วไปที่จะดีใจตอนนี้ ผลรอบสุดท้ายยังไม่ออกมา

 

Chapter 62: เธอจะปฏิเสธมันงั้นเหรอ?

 

ในขณะนี้คนงานก็ตัดออกอีกชั้น ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจรอลุ้น

 

อย่างไรก็ตามก็ไม่มีหินสีเขียวอยู่ข้างใน ทุกคนต่างผิดหวังไปตามๆกัน มันมีเพียงชั้นหินสีเขียวบางๆเท่านั้นเอง

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้” ลี่เจินเจินไม่อาจรับความตริงนี้ได้ มันต้องเป็นหยกน้ำแข็งสิ จะไม่มีหยกอยู่ข้างในได้ยังไงกัน!

 

“ตัดมันอีก ตัดมันอีกครั้งสิ ฉันบอกให้ตัดมันอีก ได้ยินไหม ห้ะ!!” ลี่เจินเจินตะโกนสุดเสียง

 

คนงานเริ่มตัดอีกครั้งตามที่เธอบอก แต่ข้างในก็เป็นเพียงหินธรรมดา

 

ลี่เจินเจินยื่นนิ่งแข็งทื่อ

 

เธอแพ้ เธอแพ้แล้ว

 

“คุณลี่ คุณแพ้แล้ว” กู้หนิงเตือนความจำเธอ

 

เมื่อได้ยินเสียงของกู้หนิง ลี่เจินเจินมองกู้หนิงโดยไม่พูดอะไร แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย

 

กู้หนิงยิ้มน้อยๆ เธอไม่สนใจและไม่อยากทะเลาะกับลี่เจินเจิน เธอเลื่อนสายตามายังก้อนหินของเธอที่กำลังเจียระไนอยู่

 

“มีสีเขียวข้างใน!”

 

เสียงอันตื่นเต้นดังขึ้น มีแสงสีม่วงบางๆสะท้อนขึ้นมา แต่หน้าต่างนั้นเล็กมาก ดังนั้นสีของมันยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่

 

หลังจากเจียไปหลายรอบ สีของมันก็เปล่งแสงออกมาในที่สุด มันเป็นแสงสีม่วง

 

“นะ นั่นใช่สีม่วงรึเปล่า?”

 

“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้!”

 

เมื่อได้ยินว่าเป็นสีม่วง ทุกคนก็เบิกตากว้าง

 

“ไม่ ไม่ นี่มันไม่จริง…” ลี่เจินเจินสูญเสียการควบคุมตัว

 

“เป็นแค่ชั้นผิวบางๆรึเปล่า?”

 

“ถ้าเป็นสีม่วง เด็กสาวคนนี้ช่างโชคดีเสียจริง เธอมีหยกระดับสูงสองก้อนจากทั้งหมดสามก้อน”

 

ทุกคนหันมามองกู้หนิงอย่างชื่นชม บางคนก็มองมาอย่างริษยา

 

เมื่อคนงานเจียระไนมันเสร็จและล้างทำความสะอาดหยกในน้ำ หยกแก้วสีม่วงก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน

 

“สีม่วง! มันคือหยกแก้วสีม่วง!” มือของคนงานสั่นอย่างแรง มันมากเกินที่หัวใจของเขาจะรับได้

 

เขาตัดหินมาครึ่งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดหยกที่มีระดับสูงสองก้อน โดยเฉพาะหยกสีม่วงก้อนนี้

 

สีม่วงเป็นสีที่หายากที่สุด และหยกแก้วก็เป็นประเภทที่หายากที่สุดเช่นกัน หยกก้อนนี้มีสีม่วงบริสุทธิ์

 

คนที่ตื่นเต้นมากที่สุดคงจะเป็นเจ้าของร้านที่กำลังจะเป็นลม แต่เขาไม่ได้จะเป็นลมเพราะดีใจแต่เพราะเสียใจต่างหาก

 

เขารู้ว่าหินชุดใหม่นี้เป็นหินสีเขียวระดับสูง แต่ไม่คิดว่าจะสูงมากขนาดนั้นจำนวนหินที่ถูกตัดวันนี้มีราวๆสิบก้อน แต่มีสี่ก้อนที่มีหยกอยู่ข้างใน และสองก้อนที่มีหยกระดับสูง!

 

ถ้าเขาเก็บมันไว้ตัดเอง เขาคงกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน!

 

แต่สายเกินไปแล้วที่จะทำแบบนั้น เขาไม่อยากประสาทเสียโดยตัดหินทุกก้อนที่มีในร้าน ถ้าไม่มีหยกอยู่ข้างใน เขาคงสูญเสียเงินทั้งหมดที่เขามี

 

ถึงแม้หยกสีม่วงจัดเป็นหยกประเภทเดียวกับหยกแก้ว แต่มันมีราคาสูงกว่าเนื่องจากสีของมันหายากที่สุด

 

ดังนั้นราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่สามสิบล้านหยวน

 

“สี่สิบล้านหยวน”

 

“ห้าสิบล้านหยวน”

 

“เจ็ดสิบล้านหยวน”

 

ท้ายที่สุดหยกสีม่วงก็ถูกประมูลไปในราคาเจ็ดสิบล้านหยวน คนประมูลได้ยังคงเป็นฉินอี้ฟาน

 

ลี่เจินหยูอยากจะร่วมแข่งประมูลด้วย แต่เขามีเงินไม่มากพอ ยิ่งไปกว่านั้นราคาประมูลครั้งสุดท้ายยังเกือบสูงสุดของราคาหยกสีม่วง

 

ฉินอี้ฟานมาจากครอบครัวมหาเศรษฐี เขาจ่ายเงินถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้านหยวนสำหรับหยกสองก้อนภายในวันเดียว

 

ร้อยสามสิบล้านหยวนเป็นราคาที่สูงมาก แต่ฉินอี้ฟานก็สามารถจ่ายได้สำหรับหยกที่เขาต้องการ

 

ตระกูลฉินมีทรัพย์สินหลายร้อยล้านหยวน และถูกจัดอันดับเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับสี่ของเมือง F เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าตระกูลฉินเป็นตระกูลเศรษฐีระดับสอง

แต่ตระกูลฉินทำธุรกิจมากมายนอกเหนือจากร้านขายหยกอี้ซุย ร้านขายหยกอี้ซุยเป็นธุรกิจที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ รุ่นสู่รุ่น ตระกูลฉินจึงไม่คิดจะปิดกิจการและดำเนินธุรกิจต่อมาเรื่อยๆ

 

ร้อยสามสิบล้านหยวนจึงเป็นราคาที่ดีที่สุดที่ฉินอี้ฟานสามารถจ่ายได้ เขาไม่อยากพลาดโอกาสทองปล่อยให้หยกน้ำงามหลุดมือไปได้

 

สำหรับกู้หนิง ฉินอี้ฟานยิ่งประทับใจในตัวเธอมากขึ้นกว่าเดิม

 

ไม่สำคัญว่ากู้หนิงจะโชคดีหรือมีความสามารถจริงๆ เธอก็ตัดหินได้หยกน้ำงามที่สุดที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมอัญมณี

 

พวกเขาต้องการเซ็นสัญญาซื้อขายและโอนเงิน

“โอ้ คุณลี่แพ้พนันแล้ว รบกวนโอนเงินสิบล้านหยวนให้ฉันด้วยค่ะ” กู้หนิงเตือนความจำ ถึงแม้กู้หนิงจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ลี่เจินเจินก็ยังรู้สึกไม่พอใจ

 

“กู้หนิง เมื่อไหร่เธอจะหยุด!” ลี่เจินเจินต่อว่า ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงราวกับว่าเธอถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม

 

“อะไรนะ? ทำไมฉันต้องหยุดด้วยล่ะ? คุณก็เห็นด้วยกับการวางเดิมพันแล้วนี่ จะปฏิเสธงั้นเหรอ?” กู้หนิงเอ่ย

 

“เธอ….” เธออยากจะปฏิเสธจริงๆ แต่เธอห่วงชื่อเสียงของตัวเธอเอง ถ้าเธอปฏิเสธ ชื่อเสียงของเธอต้องถูกทำลายย่อยยับ

 

“เดี๋ยวฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีเธอเอง” ถึงแม้ลี่เจินหยูจะรู้สึกไม่พอใจ เขาก็ต้องทำตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าหากมีคำครหาเกิดขึ้นอาจส่งผลต่อธุรกิจครอบครัวของเขา

 

“พี่คะ….” ลี่เจินเจินเรียกชื่อพี่ชายตัวเอง เธอไม่ได้ต้องการจะห้ามเขาจริงๆหรอก เธอรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก

 

แต่ไม่สำคัญว่าลี่เจินเจินจะคิดอะไร ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะพูดอะไรออกมา ดังนั้นเมื่อเธอกำลังจะอ้าปากพูด ลี่เจินหยูก็ส่งสายตาเป็นเชิงห้ามว่าไม่ให้พูดอะไร เธอจึงหุบปากสนิท

 

ฉินอี้ฟานที่เป็นคนนอก เขาไม่มีความคิดที่จะช่วยลี่เจินหยูกับลี่เจินเจิน เพราะเขารู้ว่าหากเป็นกู้หนิงที่เป็นฝ่ายแพ้ เธอคงทำแบบเดียวกัน ดังนั้นฉินอี้ฟานทำตัวเป็นคนนอกจะดีกว่า

 

ไม่นานสัญญาซื้อขายก็ถูกเซ็นและเงินก็ถูกโอนเข้าบัญชี

 

“กู้หนิง เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ! เธอทำได้ยังไง ผ่าก้อนหินเจอหยกสองก้อนจากหินสามก้อน! เธออาศัยโชคช่วย?หรือมีตาทิพย์กันแน่เนี่ย?” ฉินอี้ฟานยังคงรู้สึกตื่นเต้น

 

ถึงแม้จะรู้ว่าฉินอี้ฟานล้อเล่น กู้หนิงก็ยังรู้สึกหนาวๆร้อนๆ เธอพูดยิ้มๆ “ฉันเป็นคนโชคดีน่ะ ก็แค่นั้น”

 

ฉินอี้ฟานมองดูก้อนหินที่ยังอยู่ในรถเข็นกู้หนิง “หินพวกนี้มีหยกอยู่ข้างในหรือเปล่า?”

 

“ไม่รู้สิ” กู้หนิงตอบ

 

“โอ้ะ เกือบเที่ยงแล้ว ไปหาข้าวเที่ยงกินกันเถอะ!” ฉินอี้ฟานเชื้อเชิญ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด