เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [仙墓] – บทที่ 24 การผจญภัยในเขาวงกต

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ ตอนที่ 24 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 24 การผจญภัยในเขาวงกต

 

“เจ้าพวกนี้บ้าดีเดือดขนาดโจมตีกองทหารทมิฬเลยงั้นเหรอ!” หลี่ยูวไฉตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

 

แม้ว่าเจ้าเมืองเขตสนธยาจะสามารถควบคุมกองทหารทมิฬได้โดยตรง แต่อย่างไรเสียทั้งกองทหารก็ขึ้นตรงต่อราชสำนักหลางเซียเทียนอยู่ดี พวกเขาได้รับคำสั่งให้ปกป้องทะเลเขตเหนือ

 

การจู่โจมของฉิงหงเฉินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ละเลยได้เช่นกัน แต่ก่อนที่เจ้าอ้วนจะทันได้ทำอะไร ก็ได้มีแรงลึกลับดึงกระชากเขาขึ้นไปบนเรือลำที่ใหญ่กว่า

 

“ฮว้ากกกกก!” เขาตะโกนตามสัญชาตญาณอย่างดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีระเบิดออกจากร่างของเขาส่งให้ร่างของเขากระเด็นไปอยู่บนเรือของฉิงหงเฉิน

 

ตู้ม!

 

แสงสีทองที่แวววาวบนไขมันทำให้เขาดูเหมือนภูเขาแห่งขุมทรัพย์และผลกระทบจากร่างกายของเขาที่มีต่อเรือก็เพียงพอที่จะกระแทกมันได้

 

“เจ้าจงใจต่อต้านข้าเรอะ หลี่ยูวไฉ?” เสียงที่ยอดเยี่ยมของฉิงหงเฉินดังขึ้นจากดาดฟ้า

 

หลี่ยูวไฉตัวสั่น เขาแข็งตัวกลางอากาศและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ข้าน้อยไม่ได้ทำอะไรเลย! ไอ้เวรตัวไหนโยนข้าขึ้นมาบนนี้?! แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

โม่วยี่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่หยุนไม่ได้ถูกรบกวนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามลู่หยุนเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นลมจากการบินของหลี่ยูวไฉ

“กองทหารทมิฬมีความสำคัญมากในการปกป้องเขตเหนือ ท่านควรจะเรียกใช้งานพวกเขาให้น้อยลงนะ” เสียงเล็ก ๆ ของนางดังเข้ามาในหูของเขา ซึ่งเจ้าเมืองหนุ่มก็ทำเพียงแค่ยักไหล่ตอบเท่านั้น

 

“เจ้ากล้าโจมตีกองทหารทมิฬ คุณชายห้า! เจ้าต้องการก่อกบฎหรือ?” ชายชุดดำที่ลอยอยู่กลางอากาศไม่จำเป็นต้องสนใจหลี่ยูวไฉ และพูดกับพี่ของเขา “ข้าจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นไว้หมดแล้ว พวกเราจะจัดการเรื่องนี้กันหลังจากที่ข้ากลับไปยังเมืองหลวง” เขาสะบัดแขนเย้ยหยันแล้วกลับไปที่เรือของตัวเอง

 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ! เจ้าคิดเหรอว่าจะจัดการข้าได้ด้วยเรื่องเล็กน้อยพรรคนี้น่ะ ฉิงฮั่น? เจ้าดูถูกพี่ห้าของเจ้ามากเกินไป!” ฉิงหงเฉินบอกชื่อของน้องเขา

 

“ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ ถ้าหากเจ้าเป็นลูกสมรสถูกกฎหมายของพ่อข้าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เจ้ามันเป็นแค่ทาสที่ใช้แซ่ของเราเท่านั้นเอง! เจ้ามีวันนี้ได้เพราะพ่อของข้า”

 

“หุบปาก!” น้องชายของเขาพูดได้ตรงจุด ใบหน้าของฉิงหงเฉินเต็มไปด้วยความโกรธและอารมณ์มากมาย “เจ้ากำลังเรียกหาความตายอยู่นะฉิงฮั่น”

 

ฉิงหงเฉินจ้องเขม็งไปยังน้องชายของเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว

 

“เฮ้ย ไอ้อ้วนหลี่! คุณชายห้าของข้าจ้องจะเอาชีวิตคนอื่นอยู่ตลอด แล้วเจ้าที่เข้าไปขวางทางแบบนั้นย่อมหมายความว่าเจ้าต้องการที่จะถูกสับเป็นชิ้น ๆ ใช่ไหม ได้เลยวันพรุ่งนี้เจ้าโดนแน่ ได้ยินไหม?” ฉิงฮั่นยิ้มในขณะที่มองดูหลี่ยูวไฉที่กำลังตัวสั่น

 

ใบหน้าของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาได้ยินกิตติศัพท์ของฉิงหงเฉินมาก่อน ไอ้เด็กนี่มันโด่งดังมากในเมืองหลวงสถานที่ที่ซึ่งพวกเขาจากมา อย่างไรเสียเขตสนธยาเองก็ไม่มีเซียนมากมายอยู่แล้ว ชายคนนี้มีชื่อเสียงในด้านความโหดร้ายที่สุด

 

“โอ้… ข้าจะจัดการคนที่มาทำให้ข้าเป็นแบบนี้!” หลี่ยูวไฉกัดฟันด้วยความโกรธ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และปลดปล่อยรัศมีพลังระดับเซียนชั้นฟ้าสูงสุดออกมา

 

“แกกำลังขู่ข้าเหรอเจ้าอ้วน?” ฉิงหงเฉินกระซิบ

 

“ไม่ ไม่ ไม่ นี่เป็นการเข้าใจผิด!” หลี่ยูวไฉแก้ตัวอย่างรีบเร่งพร้อมกับยิ้มแย้มแจ่มใส “พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจะมาขุดสมบัติกัน ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กันเนอะ ให้พวกเราทุกคนรวยอย่างเท่าเทียมกันเถอะ เนอะ?”

 

“ในเมื่อแกขู่ข้า…” ฉิงหงเฉินพูดวนซ้ำๆ

 

เจ้าอ้วนเป็นถึงเซียนชั้นฟ้าที่สามารถจัดการเรือเหาะได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อช่วยกองทหารนับหมื่นด้านหลังเขา และด้วยตำแหน่งนั้น ฉิงหงเฉินยังไม่อยู่ในระดับเซียน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาสู้เจ้าอ้วนไม่ได้แน่ ๆ ถ้าหากสู้กันผลจะเป็นยังไงก็คงรู้กันอยู่

 

“พวกเราไปด้วยกัน! ร่ำรวยด้วยกันอย่างสันติ!” หลี่ยูวไฉยังคงยิ้มสู้เข้าไว้

 

ฉิงหงเฉินตอบด้วยรอยยิ้มยั่วโมโห เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ที่ปรึกษาเก่าของเขาเข้ามาแทรกแซง “นายน้อยห้า ท่านจะสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นโดยการสกัดกั้นนายน้อยเจ็ดที่นี่เท่านั้น เนื่องจากเขาต้องการเข้าไปในค่ายกลอนันต์อยู่แล้ว แล้วแบบนี้ท่านค่อยจัดการกับเขาได้ในนั้น” ชายชรายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าหากเขาต้องการจะเข้าไป ชีวิตของเขาก็จะดีเยี่ยมตามที่เราคิด”

 

แน่นอนว่า ‘นายน้อยเจ็ด’ คือฉิงฮั่นแน่นอน

 

ตาของฉิงหงเฉินสว่างขึ้น ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าชายชราคือใคร คนผู้นี้คือเจ้าแห่งค่ายกลลำดับที่ 13 แห่งมณฑลหลางเซียเทียน เรียกสั้น ๆ ว่า ท่านสิบสาม “ถ้างั้นข้าต้องขอพึ่งพลังจากท่านก็แล้วกัน ท่านสิบสาม”

 

“ไปกันเถอะ!” ฉิงหงเฉินโบกมือให้เรือของเขาถอยกลับ ก่อนจะหายลับไปในขอบฟ้าพร้อมกับทหารของหยินฉวนเทียนเช่นกัน

 

หลี่ยูวไฉยังมีสีหน้าหวาดกลัวอยู่ เขายังคงพยายามมองหาคนน่าสงสัยในเรือลำนี้ เจ้าอ้วนมั่นใจเลยว่าเขาถูกใครบางคนดีดแน่นอน แต่ในเมื่อเขาอยู่ในระดับเซียนชั้นฟ้าแล้ว แบบนั้นก็ไม่น่าจะมีใครทำอะไรแบบนี้ใส่เขาได้สิ

 

“มันเป็นผีเหรอไงเนี่ย?” ก้อนไขมันถามด้วยความสับสน

 

จริง ๆ แล้วเจ้าอ้วนแข็งแกร่งมาก ถึงจะเป็นแค่เซียนชั้นฟ้า แต่คนที่สามารถจัดการเขาได้ก็น่าจะต้องเป็นเซียนสูงส่งขึ้นไป และคนที่อัดเขาขึ้นมาอย่างน้อยก็น่าจะต้องเป็นเซียนทองคำ ทว่าหลี่ยูวไฉก็ไม่เคยได้ข่าวว่ามีเซียนระดับนั้นอยู่ในเขตสนธยาเลยนี่นา!

 

นอกเหนือจากผีแล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก?

 

“เรากำลังจะเข้าไป” รูปร่างของฉิงหงเฉินมันทำให้จิตของฉิงฮั่นสูงขึ้น

 

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ภูเขา อากาศก็เริ่มเหนียวเสียจนทำให้เรือแล่นช้าลง ค่ายกลได้แสดงผลของมันตั้งแต่ตอนนี้ด้วยการทำให้เรือของพวกเขาช้าลง

 

เรือของฉิงฮั่นแข็งแกร่งพอที่จะทำลายมันลงได้ ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก เพราะเรือป้อมปราการสามารถทนการชนกันเองได้โดยไร้รอยขีดข่วน แถมยังสามารถวิ่งทะลุค่ายกลนับไม่ถ้วนไปอีก พวกเขาเข้าไปลึกขึ้นในหุบเขาเรื่อยๆ

 

“หยุดก่อน!” ลู่หยุนตะโกนออกมา

 

“อะไร?” ฉิงฮั่นขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่มองดู

 

“เราจะไปไม่ถึงภูเขาทันเวลาแน่ถ้ายังเป็นแบบนี้” เจ้าเมืองหนุ่มวิเคราะห์รอบ ๆ ก่อนจะยืนยันสถานการณ์ “พวกเรากำลังแล่นเรือเป็นวงกลมรอบภูเขานี้ นี่พวกเราวนมา 35 รอบแล้วนะ”

 

“อะไรนะ?!” ทุกคนตกตะลึง

 

“อย่าพูดเป็นเล่นน่า เรือลำนี้กำลังมุ่งหน้าเป็นเส้นตรง! พวกเราไม่ได้แล่นเรือเป็นวงกลมเสียหน่อย!” ขุนนางเมืองวารีนภา

 

“หุบปากเจ้าโง่!” ลู่หยุนตอบกลับ เขาหลับตาประเมินสถานการณ์สิ่งเหล่านั้น

 

กำแพงผีผ่านงั้นเหรอ? ไม่ใช่ มีบางสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น

 

รูปแบบฮวงจุ้ยที่นี่บอกเป็นนัยถึงอันตรายที่น่าเหลือเชื่อ การหลอกลวงนั้นลึกซึ้งเกินกว่ากำแพงผีผ่านจะทำได้ มีความเป็นไปได้ที่คนที่หลงทางอยู่ในนั้นจะสูญเสียความรู้สึกโดยไม่มีการสัมผัสหรือมีเหตุผล

 

ถ้าเขาเดาไม่ผิด ค่ายกลที่เรือลำนี้ได้ทำลายไปได้ก่อตัวเองขึ้นใหม่ให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและกำลังรอพวกเขาอยู่

 

“ลงจอด! พวกเราต้องลงจอด แล้วค่อยเดินเท้าเข้าไป ถ้าพวกเราวนต่อไปอีกครั้งพวกเราจะตายกันหมด” เหงื่อเยือกเย็นซึมผ่านหน้าผากของลู่หยุน

 

“เอาเรือลง!” ฉิงฮั่นขมวดคิ้ว แต่ก็ยังออกคำสั่ง

 

ป้อมปราการเรือลอยลงสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ

 

ตู้ม!

 

ดั่งคำบัญชา ทันใดนั้นค่ายกลมหึมาก็ก่อตัวบนท้องฟ้า เปลวไฟและดาบแดงฉานเต็มไปด้วยการทำลายล้าง กลืนกินทุกอย่างที่อยู่ในระยะ

 

พวกเขาตัวสั่นทันทีที่เห็นภาพนี้หลังลงจอด

 

“ช่างเป็นพลังที่แกร่งกล้ายิ่ง” ฉิงฮั่นพึมพำเมื่อเขามองไปที่น้ำตา “เรือของข้าไม่รอดแน่” ต้องมีพลังที่เหนือกว่าระดับเซียนมองคำเท่านั้นถึงจะรอดไปได้

 

เมื่อทุกคนลงจากเรือแล้ว ฉิงฮั่นก็นำมันกลับออกไป

 

“ดูนั่น!” เก้อหลงร้องออกมาทันที “มีบางอย่างลอยอยู่กลางอากาศ! ทำไมเราไม่เห็นพวกเขาก่อนหน้านี้เมื่อเราอยู่บนท้องฟ้าล่ะ?”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด