เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [仙墓] – บทที่ 46 เจ้าของเดิม

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ ตอนที่ 46 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

GS บทที่ 46 เจ้าของเดิม

 

“พิธีบูชายัญแม่น้ําสนธยา!” ลู่หยุนและฉิงฮั่นร้องขึ้นพร้อมกัน พิธีจะเริ่มในอีกเจ็ดวันที่จะถึงนี้อย่างที่เมียวบอกแก่นพลังแห่งชีวิตทั้งหลายจากการสังเวยจะถ่ายเทให้กับโลงศพเคลือบทองแดงนั้น

 

“ทุกคนต่างพากันสรรหาคนต่างถิ่นเพื่อเป็นเครื่องสังเวยโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าอสูรในโลงศพนั้นเป็นตัวอะไร” ฉิงฮันพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “ต้องมีคนเล่นไม่ซื่อแน่!

 

“แต่พิธีนี่” ลู่หยุนคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด “พิธีกรรมสังเวยถูกจัดขึ้นเพราะมีคนบุกรุกเข้าไปในสุสานโบราณ ถ้าอย่างนั้นโลงศพอาจจะเกี่ยวข้องกับสุสานเมืองสนธยาด้วยเช่นนั้นหรือ”

 

“เรื่องนั้น…” คําพูดดังกล่าวเหมือนจุดประกายบางอย่างให้กับฉิงฮั่น

 

ระหว่างการปะทุของสุสานโบราณแห่งเมืองสนธยาทั้งภูต วิญญาณและผีดิบต่างก็หลุดออกมาสู่แม่น้ําสนธยาและทลายป้อมปราการแบ่งเขตแถวชายแดนทางเหนือลง ส่งผลให้เวลานี้ในทะเลเหนือมีบรรดาเหล่าอสูรบุกรุกเข้าไปทางเมือง สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัส

 

เทพแห่งสายน้ําจึงส่งคนผู้หนึ่งมาใช้อํานาจแห่งค่ายกลจัดการผนึกปิดสุสานโบราณนั้นเสีย หากทว่าก่อนจะจากลาเทพตนนั้นได้สั่งให้ชาวเมืองจัดพิธีกรรมบูชายัญแม่น้ําขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการบูชายัญจึงถูกรวมเข้าเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมที่สําคัญของเมืองนี้ ผู้คนพลเมืองจึงถือปฏิบัติให้มีพิธีกรรมการบูชายัญขึ้นทุกรอบหนึ่งร้อยปี

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นหาใช่สิ่งที่เป็น ในพิธีทุกครั้งแก่นชีวิตจะถูกเก็บรวมกันไว้เพื่อนําไปเป็นเครื่องสังเวยให้กับอะไรก็ตามที่อยู่ภายในโลงเคลือบทองแดงหลังนั้น

 

“อะไรกันนี่” ฉิงฮั่นรําพึง ขณะที่รู้สึกเหมือนโดนทุบหัวจนปวดระบม หากพิธีกรรมบูชายัญเป็นศาสตร์อธรรมเช่นนั้นจะกระทําไปเพื่อแสดงความเทิดทูนต่อสุสานหรือเทพแห่งสายน้ํากันแน่ แล้วพวกเขาทั้งหมดนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนลับของเจ้าซากผีดิบเฝ้าสุสานด้วยหรือไม่ไป

 

ถ้าใช่ เหตุใดเหล่าอสูรจากสุสานเมืองสนธยาจึงเข้ามาอยู่ในหลุมฝังศพแห่งนี้

 

“มีปริศนามากมายซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมดในโลกแห่งเซียน” ลู่หยุนถอนใจ “อย่างไรเสียต้องยับยั้งพิธีบูชายัญ ส่วนเจ้าโลงศพเคลือบทองแดง….ตอนนี้มันเป็นสิทธิของข้า!” รอยยิ้มขึ้นมุมปาก “ต่อให้เจ้าจะเป็นมังกร หรือตัวอะไร หากหาชีวิตไม่แล้วฉะนั้นเจ้าเป็นของข้า!”

 

“เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน” เจ้าเมืองหนุ่มพูดพร้อมกับค่อย ๆ ลงนั่งยอง ๆ เพื่อวางอิงฮั่นลงกับพื้น

 

เมียวขยับมาจะช่วยเหลือหนุ่มน้อย

 

“อย่ามาแตะต้องตัวข้า!” เสียงร้องดังขึ้นทันควันที่เห็นเขาเอื้อมมือเข้ามาใกล้

 

เมียวชะงักลึก หดมือกลับพลางบ่นพึม “สีหน้าของเจ้าน่า สะอิดสะเอียนแสดงความจงชังได้ถึงเพียงนี้เที่ยวหรือหน้าตาข้ามันน่าชังนักหรืออย่างไร” ”

 

“มานี่สิ เข้ามาช่วยข้าที่” ฉิงฮั่นหันไปทางยู่อิง ลอบถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเมียวล่าถอยออกไป

 

“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว อย่าได้คิดมายุ่งกับยู่ยิ่งของข้า!” ลู่หยุนคําราม

 

“ขะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้านั่นมาจับตัวข้านี่นา!” ร่างที่อ่อนปวกเปียกพยายามอธิบาย

 

“ก็ดี” เขายักไหล่ บางที่ลู่หยุนอาจไม่ได้ทําไปเพราะสัญชาตญาณก็เป็นได้

 

ยู่อิงพยักหน้าเห็นด้วย เดินตรงเข้าช่วยยกลิ้งฮั่นอย่างเบา

มือ

 

“ถ้าเจ้าอยากแต่งงานกับนางจริงออมมม เจ้าต้องเตรียม ของขวัญใหญ่ ๆ ให้เจ้าสาวหน่อยนะ” ในคําพูดมีบางอย่างสะกิดใจลู่หยุน

 

ราวหับหนามทิ่มแทงไปทั้งผิวหนังเมื่อเห็นสายตามาดร้ายสี่ ดวงจ้องกลับมา

 

“ข้าหมายถึง เจ้าต้องทําเป็นลืมเสียบ้างถ้าอยากขึ้นมา” พูดจบพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วจนหางกวัดไกว

 

ฉิงฮั่นถอนใจอย่างโล่งอก

 

“ข้าไม่มีวันแต่งกับเจ้า!” ยู่อิงสวนตอบทันควันท่าทางจริงจัง

 

“” ฉิงฮันพูดไม่ออกได้แต่กลอกตา ควรจะบอกนางว่าอย่างไรเล่า

ลู่หยุนหยุดยืนตรงเชิงลิ้นทางเดินนั้น เขาพินิจพิเคราะห์อย่างถ้วนถี่ จุดสูงที่สุดของมันเป็นโครงร่างฟื้นชีพซึ่งมีอํานาจมหาศาล โครงสร้างนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในสุสานอย่างสิ้นเชิงดูราวกับถูกนําเข้ามาในภายหลัง

 

แต่เดิมเคยมีโครงร่างฟื้นชีพอีกแห่งภายในสุสานนี้ซึ่งสร้างไว้สําหรับการกลับมาของเยี่ยเงิน แต่มันก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนจากการแปรเปลี่ยนของพลังภายในของผีเซียนไปแล้ว 

 

หรือไม่เขาอาจจะผิด เมียวอาจเป็นคนฉกฉวยโอกาสในการกลับมาเกิดใหม่ของนางเสียเอง ภูเขาลอยได้ลูกนี้อาจถูกนํามาเพื่อดวงวิญญาณของสุนัขจิ้งจอก และโครงร่างฟื้นชีพเพื่อนําสุนัขจิ้งจอกฟื้นจากความตายก็เป็นได้

 

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะฉวยโอกาสตื่นจากความตายเป็นครั้งที่สอง การที่เขาได้หลับลึกและตระเวนไปทั่วหลุมฝังศพในโลกแห่งความฝันเช่นนี้ช่วยเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เพราะในความฝันกายเนื้อของเขาจะปลอดภัยทั้งยังป้องกันผู้บุกรุกที่มุ่งหวังพิชิตเขาลูกนี้ รอเวลาที่ร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้น

 

ทว่าวันหนึ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ห้าพันปีที่แล้วโลงศพเคลือบทองแดงถูกนํามา ทั้งยังผลักดันจนเขาหลุดออกจากโครงร่างฟื้นชีพ จนทําให้สภาวะการนอนหลับต้องเนิ่นนานออกไปอีกห้าพันปี

 

อะไรก็ตามที่ถูกฝังเก็บไว้ในโลงนั้นเป็นต้นเหตุแห่งการทําลายนครเฉินชุย มันได้ใช้โลหิตมนุษย์เป็นบรรณา การเพื่อบวงสรวงดวงวิญญาณ ลู่หยุนคาดเดาไปต่าง ๆ นานาอาจเป็นเพราะเหตุนั้นจึงทําให้เจ้าเมืองเฉินชุยจําต้องนําภาพวาดแห่งความว่างเปล่าไปไว้บนแท่นบูชาเพื่อสกัดกั้นมิให้กลับมีฤทธิ์ขึ้นมาอีก

 

ทว่าแท่นบูชากลับมีฤทธิ์ขึ้นมาอีกตอนที่ชายหนุ่มนําภาพวาดออกมาเพื่อขจัดแม่มดผีดิบในซากปรักหักพังแต่แม่มดเป็น เพียงครึ่งอสูรครึ่งผีดิบไม่มีแก่นชีวิตอะไรพวกนั้นไม่จําเป็นต้อ งส่งเครื่องสังเวยบูชายัญแต่อย่างใด

 

หากเป็นเช่นนั้น เจ้าเมืองนี้สิ้นชีพด้วยสาเหตุใดกันแน่การ ที่นางใช้ภาพวาดแห่งความว่างสกัดกั้นฤทธิ์ของแท่นบูชานั่นยอมหมายความว่านางยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น แต่ตอนนี้นางหามีชีวิตไม่แล้ว ทั้งยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งที่ถูกฝังไว้ในหลุมฝังศพด้วย…หรือว่าที่นี่จะยังมีอันตรายอื่นใดอีกเช่นนั้นหรือ

 

ความทรงจําบางอย่างผุดขึ้นมาจนลู่หยุนชะงัก ขณะที่อยู่ในโครงร่างมรณะอนิจจัง มันได้มีบางสิ่งบางอย่างมากระทําจนทั้งเขาและเยี่ยเงินรู้สึกโง่เขลาไปถนัดใจ

 

เพียงเสี้ยววินาที เขาเคยมั่นใจในการตีแผ่ข้อเท็จจริงของสุสานที่ตนค้นพบ แต่ในตอนนี้ที่กําลังเผชิญหน้ากับสิ่ง ที่เป็นปริศนาสิ่งที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตา

 

ช่างปะไร สิ่งที่สําคัญที่สุดในเวลานี้ จะต้องป้องกันโลงศพเคลือบทองแดงและโครงร่างฟื้นชีพ!

 

คิดเพียงเท่านั้น เสียงครางดังก้องเหมือนเป็นสัญญาณเตือนขณะเดียวกับที่ประตูสู่อเวจีเหวี่ยงเปิดออกเบื้องหลังของชายหนุ่ม อสูรขนาดมหึมาซึ่งอัดอยู่ภายในระเบิดออก พุ่งเข้าเขมือบยอดเขาลอยได้อย่างหิวกระหาย

 

อิม

 

ก่อนที่จะสูญเสียแรงผลักดัน ลําแสงมีรัศมีสีฟ้ารุ่งโรจน์พุ่งปลาบจากบริเวณฝาโลงศพแผ่ออกต้านทานแรงเขมือบของอสูรราวกับจะรับรู้ถึงอันตรายที่กําลังเกิดขึ้น

 

“ข้าทําอะไรเจ้าไม่ได้ตอนที่เจ้ายังมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงต้านนั้นอาจทําให้ข้าใจเย็นไว้ก่อน” ไฟปีศาจสองดวงลุกโชนในม่านตาของลู่หยุน “แต่เสียใจด้วย เจ้าตายไปแล้ว คนตายต้องอยู่ใต้บัญชาของข้า!”

 

ยิ้มม

 

เสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั้งสุสาน ก่อให้เกิดแรงสั่นไหวกระทั่งฐานราก ขณะนั้นเองยอดเขาลอยได้ และโลงศพที่วางอยู่บนยอดสูงสุด-หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ลู่หยุนหุบปากอุดเสียงครางและมีเลือดไหลซึมออกจากมุมปาก โลงศพหาได้แสดงพลังอํานาจรุนแรงไม่ ทว่าตําแหน่งโครงร่างฟื้นชีพนั้นต่างหากเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงอันตราย ปฏิกิริยาสะท้อนกลับอย่างรุนแรงไม่ทําให้เขาได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

 

“ช่างเป็นหีบที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!” ฉิงฮั่นที่ยังไม่สามารถขยับร่างกาย นั่งเอนพิงอยู่กับหินก้อนใหญ่ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าลู่หหยุนปลุกบางอย่างที่มีพลังเซียนกล้าแข็งใน หีบนั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้

 

“บรู้วววว!” เสียงหอนของสุนัขดังเสียดแทงแว่วมาจากเบื้องล่าง มีบางอย่างค่อยคืบคลานอย่างช้า ๆ พร้อมด้วยกรงเล็บที่ขึ้นมาจากนรกอเวจี

 

“นั่นมันคืออะไร!” ลู่หยุนผงะหันมองลงไปเบื้องล่างตามสัญชาตญาณ มืออันใหญ่โต ซีดราวกับมือผี ซวดเซออกมาจากเงามืด “แม่มดผีดิบยักษ์!” สู่หยุนหน้าซีดจนปราศจากสีเลือด “รีบออกไปจากที่นี่เร็ว!”

 

เขาวิ่งไปคว้าตัวฉิงฮั่น ก่อนเหวี่ยงร่างหนุ่มน้อยขึ้นบนบ่าแล้วหันกลับวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

 

แม่มดผีดิบ! แม่มดผีดิบร่างอสูรยักษ์ไต่ขึ้นมาจากขุมนรก!

 

ภาพอันน่าพรั่นพรึง ลูกตาสีซีดฉายแววขมขึ้น ร่างใหญ่โตน่าเกลียดน่ากลัวของมันเต็มไปด้วยกระแสแห่งความโกรธเคืองและเกลียดชัง ปลาซากศพหล่นร่วงออกมาจากร่างนั้น ในไม่ช้ามันขึ้นจนถึงพื้นผิว มันเดินเข้าไปทางปากโลงซากศพซึ่งปรับขนาดให้พอดีกับร่างมัน ก่อนจะออกวิ่งไล่ตามพวกของลู่หยุนไป

 

มีผีดิบไม่มากนักที่มีขนาดเล็กกว่าโลงซากศพ แต่ความแข็งแกร่งนั้นมีมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามมันจะติดตามไปได้ทุกที่!

 

ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ภายในโลงซากศพ รังสีอมหิตของพวกมันเริ่มสําแดงด้วยการฉีกร่างอสูรและโครงร่างมีชี วิตด้วยเช่นกันรอยปริแตกจากกรงเล็บที่สัญลักษณ์การต่อสู้ระหว่างมังกรและเสือหมุนวนรอบโลงซากศพ

 

“มันกลายร่างเป็นแม่มดผีดิบร่างยักษ์เช่นนั้นได้อย่างไร!”ฉิงฮั่นครางอย่างเหน็ดเหนื่อยมาจากบ่าของลู่หยุน พยายามผืนเงยมองเหล่าอสูรร้าย ยังสังเกตเห็นพวกปลาซากศพยักษ์แต่มันดูแคระแกร็นเมื่อเทียบกับความสูงของแม่มดผีดิบ

 

“กระแสอมหิตชั่วร้ายปกคลุมหัวตลอดเท้า พวกมันเกิดขึ้นมารวมเอาสิ่งสกปรกโสมมไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความริษยาและโกรธเคือง…ถ้าข้าเดาไม่ผิด มันนี่ละที่ถูกฝังไว้ภายในเยี่ยเงินเจ้าของเดิมหลุมฝังศพแห่งนี้” ลู่หยุนพูดไปด้วยวิ่งหนีไปด้วย

 

สติแตกกระเจิงอยู่ไม่นาน ความเข้มแข็งเริ่มกลับสู่สภาวะไหลลื่นตลอดร่าง เขาวิ่งทะลุทะลวงไปข้างหน้าเหมือนมีลมหมุนวนอยู่ใต้ฝ่าเท้า ถ้าขืนมัวชักช้าพวกผีดิบจะได้จับกินปะไร

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครฝังร่างเจ้าของหลุมฝังศพเดิมลงสู่ก้นบึงนรกอเวจี จนมันกลายเป็นแม่มดผีดิบร่างยักษ์!

 

ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามีอะไรอยู่ในก้นหลุม ทําไมหนองน้ําปีศาจจึงไหลลงไปในนั้น” เขาพึมพํากับตนเอง หนองน้ําปีศาจไม่ได้เกิดจากผีดิบแต่มันมาจากต้นน้ําภายนอก

 

มันคือที่ไหน ตรรกะชี้นําไปในทางเดียวว่าหนองน้ําเกิดจากขุมนรกอเวจี

 

“เวลาวิ่งเจ้ามองทางด้วยก่อนที่จะไปผิดทาง!” เมียวลอยตัวมาด้านข้าง ส่วนหางม้วนยึดแขนเขาเอาไว้ ปล่อยให้เจ้าเมืองฉุดตัวเขาตามไปด้วย ขณะเดียวกันมียอิงตามมาช่วยดูหลัง

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่หลงดอก” แสงสว่างจากดวงตาปีศาจลุกโพลงอยู่ภายในดวงตา ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าและมุ่งกลับไปทางที่นายหญิงแห่งเมืองเฉินชุยรออยู่ การที่ได้ยอิงกลับมาเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เขาว่าจะสามารถจัดการกับผีร้ายซึ่งยุดขึ้นจากใต้บาดาลที่รายรอบอยู่ตอนนี้

 

“แสดงว่าพวกเราเข้ามาอยู่ในโลงซากศพของปีศาจร้ายแน่นอนแล้ว แต่ร่างไอ้ผีดิบยักษ์ตนนั้นเข้ากับภายในนี้ได้อย่างไร” ฉิงฮั่นข้องใจนัก หนทางภายในอุโมงค์คับแคบกลับปรับได้เข้ากันได้พอดีกับร่างอสูร พวกมันเคลื่อนไหวได้ง่ายดาย ดังกับว่าที่นี่เป็นบ้านของมันอย่างนั้นละ

 

“เมื่อแรกพวกเราเข้ามาในโลงศพของมัน ดังนั้นพวกมันจึงเคลื่อนที่อยู่ภายในนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว ดูด้วย ก้มหัวลงต่ํา” ลู่หยุนตีป้าบเข้าที่ต้นขา ครู่ต่อมาเขาก้มตัวลงและเริ่มคสําไปตามทางที่แคบลง

 

“บังอาจนักเจ้าคนนอกรีต กล้าดีอย่างไรจึงบุกรุกเข้ามาถึงที่ประทับขององค์ชายมังกร!” เสียงตวาดคํารามดังก้อง! 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด