ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 115 เรื่องอะไรข้าต้องช่วยนาง?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 115 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

แต่ฉินหรูเหลียงจะไว้ใจให้ชายชุดดำนั้นพาหลิ่วเหมยอู่ไปด้วยได้อย่างไร เขาเองก็ขี่ม้าตามหลังไปไม่ไกลมาก ทิ้งระยะห่างไว้พอควร

ด้านหลังของเขาก็มีเสียงฝีเท้าของม้าและทหารตามหลังมาราวกับรัวกลองก็ไม่ปาน

หลิ่วเฉียนเฮ้อชายชุดดำควบม้าอยู่บนถนน เหลียวหลังกลับไปดู ฉินหรูเหลียงยังคงตามหลังมาไม่ห่างมาก

เขาเองไม่ได้จะนำตัวหลิ่วเหมยอู่ไปด้วยจริงๆ เพียงแค่ต้องการให้ฉินหรูเหลียงรับประกันความปลอดภัยของเขาเท่านั้น

ทั้งสองข้างทางข้างหน้ามีผืนทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม หลิ่วเฉียนเฮ้อตั้งใจจะปล่อยหลิ่วเหมยอู่ลงตรงนี้

คืนนี้เขาออกนอกเมืองอย่างราบรื่น และได้คิดเผื่อความสัมพันธ์ของฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่ เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ฉินหรูเหลียงจะดีกับหลิ่วเหมยอู่มากขึ้น

หลิ่วเฉียนเฮ้อพูดขึ้นกับหลิ่วเหมยอู่ว่า : “แล้วเจอกัน เชียนเสวี่ย ”

หลิ่วเหมยอู่ยังทำใจจากลาไม่ได้ และในขณะที่ยังอยู่บนหลังม้าเร็วที่กำลังวิ่งผ่านทุ่งหญ้านั้น ก็ถูกหลิ่วเฉียนเฮ้อจับโยนลงจากม้าไป

เมื่อฉินหรูเหลียงเห็นเหตุการณ์แล้ว คิดว่าหลิ่วเหมยอู่ตกลงไปในพุ่มหญ้าคงไม่เป็นอะไรมาก เขาจึงดึงบังเหียนม้าทันทีเพื่อไล่ตามหลิ่วเฉียนเฮ้อต่อ

ทันใดนั้น ตอนที่เขากำลังผ่านพุ่มหญ้า หลิ่วเหมยอู่ก็ยื่นมือหาเขาด้วยร่างกายที่อ่อนล้า เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง : “ท่านแม่ทัพ……”

ฉินหรูเหลียงดึงม้าเลี้ยวกลับมา เห็นใบหน้าของนางขาวซีดดุจเกล็ดหิมะ ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

“เหมยอู่!”

เขาหยุดไล่ตามนักฆ่า ลงจากหลังม้าวิ่งตรงไปหาหลิ่วเหมยอู่ทันที

หลิ่วเฉียนเฮ้อหันกลับมาดูอยู่ครู่หนึ่ง เห็นฉินหรูเหลียงที่กำลังกอดหลิ่วเหมยอู่ข้างทุ่งหญ้าภายใต้แสงคบไฟนั่น เขาจึงลงแส้บนหลังม้า แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้าต่อทันที

“เหมยอู่……เหมยอู่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ขณะที่ฉินหรูเหลียงกำลังอุ้มหลิ่วเหมยอู่ขึ้นมานั้น ก็เห็นเลือดสีดำสนิทไหลออกจากปากของนาง เขาจึงมองไปยังบาดแผลที่คอของหลิ่วเหมยอู่ จึงได้รู้ว่าดาบของชายชุดดำถูกอาบยาพิษไว้

ทหารที่หยุดม้าลง ฉินหรูเหลียงที่โกรธจนร่างกายสั่นเทาอย่างน่ากลัว ออกคำสั่งว่า : “ตามมันไป จะต้องจับมันมาถอนเอ็นถลกหนัง สับมันให้เป็นหมื่นท่อนจงได้!”

ทหารที่เหลือจึงรีบไล่ล่าต่อไปทันที

ขาดฉินหรูเหลียงไป ในสายตาของหลิ่วเฉียนเฮ้อ ทหารเหล่านั้นไม่นับว่าอันตรายอะไร การจะสลัดตัวออกจากพวกเขาไม่ถือเป็นเรื่องยาก

หลิ่วเหมยอู่เริ่มหมดสติ ฉินหรูเหลียงไม่สามารถปล่อยนางทิ้งไว้โดยไม่เหลียวแลได้ จึงรีบพานางขึ้นหลังม้ากลับเมืองทันที

เมื่อถึงจวนแม่ทัพแล้ว ฉินหรูเหลียงก็อุ้มนางไปที่สวนดอกพุดตานพลางตะโกนสั่งพ่อบ้านว่า : “ไปเชิญหมอมา! เร็วเข้า!”

พ่อบ้านไม่กล้าถามอะไร รีบไปเชิญหมอมาทันที

ในสวนดอกพุดตานไฟส่องสว่างชัดเจน ฉินหรูเหลียงนั่งเฝ้าหลิ่วเหมยอู่อยู่ข้างเตียง คอยกุมมือที่เย็นเฉียบของนางไว้ จ้องใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างไม่ลดละสายตา กลัวว่าถ้าเขาหลับตาลง นางจะหายไปในทันที

หลังจากหมอที่จวนแม่ทัพจ้างเป็นประจำได้ตรวจนางแล้ว ถูกพิษแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉินหรูเหลียงสบถขึ้นว่า : “นางถูกพิษยังต้องรอให้เจ้ามาบอกอีกหรือ?! สิ่งที่ข้าต้องการคือยาถอนพิษ!”

หมอที่กลัวจนตัวสั่นจึงพูดขึ้นว่า : “พิษที่นายหญิงโดนมายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นตัวไหน ดังนั้นยาถอนพิษ……ท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดยาถอนพิษอย่างไรขอรับ”

ฉินหรูเหลียงโมโหจนสติแทบแตก ตบหมอหงายไปกองกับพื้น : “ในเมื่อเจ้าจัดยาถอนพิษไม่ได้ แล้วจะยังพูดมากอยู่ทำไม?!”

ฉินหรูเหลียงเดินออกจากจวน เขาต้องรีบหาหมอคนอื่นมารักษา เขาต้องออกจากเมืองทันที จะต้องไปจับนักฆ่าคนนั้นมาให้ได้!

ไม่แน่ที่เขาอาจจะมียาถอนพิษก็ได้

แต่หลังจากหลิ่วเหมยอู่ตกลงจากม้า ฉินหรูเหลียงก็ได้ทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดในการจับหลิ่วเฉียนเฮ้อไปแล้ว ถ้าเขาออกนอกเมืองไปตามล่าละก็ จะตามทันได้อย่างไร

ฉินหรูเหลียงและทหารต่างพากันตามล่าทั่วนอกเมืองทั้งคืน

ทหารที่ตามหลิ่วเฉียนเฮ้อทัน ต่างก็ฝีมือวรยุทธ์ไม่ถึง ถูกหลิ่วเฉียนเฮ้อฆ่าตายบนหลังม้าจนหมด

ฟ้าเริ่มสว่าง ฉินหรูเหลียงไม่ได้อะไรกลับมาเลย

เขาจึงทำได้แค่พาร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมาที่สวนดอกพุดตาน อาการของหลิ่วเหมยอู่ไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว และพิษก็เริ่มแพร่กระจายมากขึ้น ริมฝีปากที่ซีดของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ เหลือเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา

ที่จวนท่านแม่ทัพเปลี่ยนหมอไปหลายคนแล้ว แต่ไม่มีหมอคนไหนที่จะสามารถรักษาได้เลย

ตอนที่เฉินเสียนได้ยินอวี้เยี่ยนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจมาก

หลิ่วเหมยอู่ถูกชายชุดดำทำร้าย และบนดาบยังอาบยาพิษไว้?

มันชั่งไม่สมเหตุสมผลเลย

หากชายชุดดำตั้งใจจะจับหลิ่วเหมยอู่เป็นตัวประกันเพื่อใช้แสดงละคร ก็ไม่ควรจะอาบยาพิษบนดาบนั่น แต่ถ้าหากไม่ใช่เป็นการแสดงละก็ แล้วหลิ่วเหมยอู่จะลงทุนลงแรงช่วยเหลือชายชุดดำทำไมกันล่ะ?

นี่เป็นจุดที่เฉินเสียนคิดไม่ตก

เฉินเสียนที่กำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็มาที่สวนสระวสันตฤดูด้วยใบหน้าและร่างกายที่อ่อนล้า

นี่เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว

เวลานี้ เฉินเสียนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู มองฉินหรูเหลียงที่เหี่ยวเฉาไร้ซึ่งความหวัง จึงพูดขึ้นว่า : “เหมยอู่โดนพิษ ท่านไม่รีบไปคิดหาวิธีช่วยนาง เวลาแบบนี้ท่านมาที่นี่หาข้าทำไม?”

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง : “ข้าอยากจะช่วยชีวิตนาง เพราะฉะนั้นข้าถึงมาหาท่าน”

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “แม้แต่หมอยังไม่รู้ว่านางโดนพิษอะไร ท่านมาหาข้าจะมีประโยชน์อันใด ข้าไม่มียาถอนพิษอะไรทั้งนั้น”

“ท่านมีความรู้เรื่องแพทย์ไม่ใช่หรือ?”

เฉินเสียนถามกลับไปว่า : “ท่านคงไม่ได้จะให้ข้าไปช่วยนางหรอกใช่ไหม?”

ฉินหรูเหลียงจ้องมองเธอ แววตาของเขาแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เหมยอู่จะเป็นจะตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า เรื่องอะไรจะให้ข้าไปช่วยนาง? ท่านคงลืมไปแล้วว่าไม่นานมานี้ นางพยายามจะหาเรื่องให้ข้าต่อหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิ”

ฉินหรูเหลียงเม้มปากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กำมือขึ้นแน่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เหมยอู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ข้ากับท่านอยู่ที่ตลาด นางอาจจะเพียงแค่เห็นท่านกำลังเล่นลูกดอกนั่น จึงพลั้งปากพูดไปแบบนั้น”

เฉินเสียนจ้องมองเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพฉิน ข้ออ้างแบบนี้ ท่านยังจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”

ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นว่า : “ข้ออ้างแบบนี้อาจจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่ว่านางจะเคยทำอะไรไว้ แต่ตอนนี้ชีวิตนางกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย”

เฉินเสียนฉีกยิ้มที่มุมปาก พูดขึ้นด้วยความตลกขบขัน : “ข้าจะถามอีกครั้ง เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้าหรือไม่?”

“ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ท่านจะเมินต่อความเป็นความตายไม่ได้” ฉินหรูเหลียงกำมือแน่น กัดฟันพูดลอดไรฟัน

เฉินเสียนแววตาเย็นชา : “นั่นเป็นหน้าที่ของหมอ ท่านสามารถไปเชิญหมอที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงได้ หากยังรักษาไม่ได้ก็ไปเชิญหมอหลวงในวังมา หนึ่งคือข้าไม่ใช่หมอ สองข้าไม่ใช่ญาตินาง และสามข้าไม่ใช่แม่ของท่าน ท่านสั่งให้ข้าช่วยชีวิตนางแล้วข้าก็ต้องช่วยอย่างนั้นหรือ?”

“เฉินเสียน เวลาอื่นท่านจะหยิ่งผยองไม่สนใจใครก็ได้ แต่โปรดแยกแยะสถานการณ์และเวลาด้วย!”

เฉินเสียนหัวเราะแล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ก็เพราะสีหน้าท่าทางและพฤติกรรมของท่านในตอนนี้ ข้าจึงอยากจะเมินต่อความเป็นความตาย ตั้งแต่ข้าแต่งงานเข้ามาที่จวนท่านแม่ทัพจนถึงตอนนี้ หลิ่วเหมยอู่ทำอะไรไว้กับข้าบ้าง ท่านเคยนับมันบ้างหรือเปล่า?

ท่านคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงที่เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เป็นหรือ? ข้าควรจะใจกว้างขนาดนั้นหรือ? ให้ข้าไปช่วยชีวิตนางกลับมา แล้วให้นางกลับมาทำร้ายข้าหรือ?

ฉินหรูเหลียง ท่านมันใสซื่อเกินไป

ท่านคงลืมไปแล้ว ตอนที่ข้าถูกทำร้ายจนใบหน้าเสียโฉมเกือบหนาวตายอยู่ข้างนอกนั่น ท่านกับหลิ่วเหมยอู่กลับกำลังยินดีปรีดาพากันเตรียมตัวแต่งงาน

ตอนที่เหมยอู่ฟ้องท่านด้วยน้ำตานองหน้า ว่าข้าทำร้ายนาง ท่านกลับไม่ถามข้าสักคำก็ลงมือทำร้ายข้าทันที

แมวน้อยที่ข้าเก็บมาเลี้ยง เพียงแค่นางเอ่ยปากว่าชอบ ท่านก็รีบนำมันไปให้นาง แต่ตอนเอากลับมาให้ข้ากลับเป็นแมวที่ตายแล้ว!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด