ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 254 ข้าดีแค่กับท่านก็พอ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 254 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

แม่ทัพโฮ้วพูดด้วยความโกรธเคือง:“เย่เหลียงคิดว่าจะเปิดสงครามจริงหรือ?!เช่นนั้นข้าจะรับใช้ต้าฉู่อย่างสุดกำลังแน่นอน!”

หลังจากที่แม่ทัพโฮ้วยกแขนขึ้นตะโกนออกมา กองกำลังทหารต้าฉู่ด้านหลังก็ยกธงรบขึ้นมาโบก พร้อมส่งเสียงคำรามเสียงดัง

สถานการณ์ของฝั่งเย่เหลียงก็พร้อมจะบุกเช่นกัน

แม่ทัพใหญ่เย่เหลียงกลับโบกมือออกคำสั่ง:“ส่งต่อคำสั่งไป ไม่ว่าผู้ใดห้ามลงมือบุ่มบ่าม!ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งต้องประหารชีวิต!”

ในเวลานั้นเขาส่งคนกลับไปรายงานให้จักรพรรดิเย่เหลียงทราบ องค์หญิงจิ้งเสียนอยู่ที่นี่ องค์จักรพรรดิโปรดตัดสินพระทัย

แม่ทัพโฮ้วเห็นสถานการณ์แล้วถาม:“นี่สรุปว่าจะรบหรือว่าไม่รบ?”

ซูเจ๋อ:“ไม่รีบ สถานการณ์ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลง”

ไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหนแล้ว ฝั่งเย่เหลียงมีคำสั่งมา:“จักรพรรดิมีคำสั่ง เชิญท่านทูตและองค์หญิงจิ้งเสียนเข้าเมืองเพื่อเจรจาสงบศึก”

แม่ทัพโฮ้วรีบจัดหากลุ่มทหารคุ้มกันเพื่อพาไปส่ง

สุดท้ายฝั่งเย่เหลียงกลับบอก:“แค่ให้ท่านทูตและองค์หญิงจิ้งเสียนเข้าเมือง จะพากลุ่มทหารคุ้มกันไปทำไมเล่า หลังจากเข้าไปในเมืองแล้วไม่ว่าจะมีทหารคุ้มกันมากแค่ไหนก็มิอาจช่วยอะไรได้ ว่าอย่างไร หรือพวกท่านมิกล้า? เช่นนั้นแล้วจะมาเจรจาสงบศึกอย่างจริงใจอะไรกัน?”

ซูเจ๋อพูดเบาๆ:“ข้าจะเข้าเมืองในทันที”

ในการเข้าไปในค่ายทหารของศัตรูโดยไม่มีผู้คุ้มกันนั้น เรื่องนี้มีความเสี่ยงสูง ถ้าหากไม่ระวังเพียงนิด ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกเลย

แม่ทัพโฮ้วจะไม่เป็นกังวลได้อย่างไร

ซูเจ๋อ:“ท่านแม่ทัพโฮ้วที่ท่านต้องทำมีเพียงแค่ดูแลเรื่องในทัพให้ดี และรอฟังข่าวดี” เขาเหลือบขึ้นมองทางกองกำลังทหารเย่เหลียง “เวลานี้ยังกล้ารับการเจรจา ก็เหมือนสำเร็จไปครึ่ง ท่านแม่ทัพมิต้องเป็นกังวล”

แม่ทัพโฮ้ว:“ข้าเข้าใจแล้ว ใต้เท้าซูต้องปกป้ององค์หญิงให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะขอรับ

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ซูเจ๋อถึงหมุนตัวมองเฉินเสียน นัยน์ตาที่สีนิลเหมือนหมึกของเขายิ้ม “อาเสียนยังตื่นเต้นอยู่หรือไม่?”

เฉินเสียนได้สติกลับมา:“ท่านเอาข้าไปต่อรองอีกแล้ว?”

ซูเจ๋อพูดเสียงต่ำ:“ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้จะไม่มีทางได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว ถ้าต้องได้รับแค่จับดาบจับปืนก็ต้องมีคนเจ็บแล้วล่ะ แต่ข้าจะบังหน้าท่านไว้ก่อนเอง”

เฉินเสียนชำเลืองมองเขา:“ไม่ใช่ว่าท่านลืมเรื่องนั้นแล้วหรือ ในเมื่อพูดแล้วว่าจะทำเรื่องเลวนี้ด้วยกัน เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าท่านจะใช้สามเมืองไปแลกกับความสันติของสองอาณาจักรนี้อย่างไร”

ซูเจ๋อ:“ใช้แค่สามเมืองจริงๆ ที่จริงข้าไม่ได้มีความมั่นใจอะไร”

เฉินเสียนกระตุกริมฝีปาก:“มาถึงขนาดนี้แล้วพึ่งจะมาพูด ท่านว่าสายไปหรือไม่? ดูแล้วครั้งนี้จะไปไม่กลับหรือไม่ ก็ต้องพึ่งท่านแล้วล่ะ”

ต่อให้ไปไม่กลับ เธอก็จะไปพร้อมกันกับซูเจ๋อ

เฉินเสียนไม่มีความกลัวเลยสักนิด เดินหน้าไปยังค่ายของศัตรู ซูเจ๋อเดินไปข้างๆเธอ ชายเสื้อของทั้งสองลอยพลิ้วขึ้นมาในอากาศ

เฉินเสียน:“ข้าเชื่อใจท่าน”

ด้านหลังยังมีเฮ่อโยวที่มุทะลุตามมาด้วย:“นี่ พวกเจ้าคิดจะทิ้งข้าหรือ รอข้าด้วย!”

“เฮ่อโยว เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนใจ”

“น่าขำเสียจริง ข้า ข้าไม่รู้สึกฝืนใจเลยสักนิด!ในฐานะรองท่านทูต ข้าจำเป็นต้องมาเยือนเย่เหลียง ไม่เช่นนั้นคงลือกันได้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่ข้ากลับวิ่งหนี มันเสียหน้า!”

ทั้งสองทัพที่มีทหารแน่นขนัดกำลังตั้งค่ายสู้กัน เหมือนกับว่าโลกกำลังตัดทอนให้กลายเป็นสี่ทิศ

ทั้งสามคนที่เดินเข้าไป รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ไม่ควรมองข้าม

พอถึงหน้าค่ายเย่เหลียง แม่ทัพใหญ่เห็นว่ามีสามคน ก็ชี้เฮ่อโยวที่เกินมาแล้วถาม:“เขาคือผู้ใด?”

ซูเจ๋อพูดสั้นๆ:“รองท่านทูต”

สุดท้ายแม่ทัพใหญ่เย่เหลียงพูดออกมา:“การเจรจาสงบศึกไม่จำเป็นต้องมีรองท่านทูต ส่งกลับไป”

เฮ่อโยวคิดไม่ถึงเลยสักนิด เขาพกความมั่นใจนอกเหนือความคาดหมายเช่นความเป็นความตาย เข้ามาในค่ายศัตรูพร้อมกับเฉินเสียนและซูเจ๋อ แต่ไม่ทันได้ไปถึงฐานของเย่เหลียง ก็จะถูกส่งกลับไปแล้ว?

เฮ่อโยวไม่พอใจมาก:“พวกเจ้าดูหมิ่นรองท่านทูตกันขนาดนี้เลยหรือ?!”

เขายังอยากไปด้วย กลับถูกทหารสองสามนายถือดาบบังคับให้ถอยกลับ

เฮ่อโยวเรียก:“เฉินเสียน ท่านพาข้าไปด้วยสิ!”

เฉินเสียนรู้สึกว่า ให้เฮ่อโยวอยู่ที่ค่ายฉู่อาจจะเป็นเรื่องดี ถ้าหากกลับมาไม่ได้จริงๆ จะได้ไม่ต้องพ่วงเขาเพิ่มอีกคน

เฉินเสียนตอบทั้งๆที่ไม่หันกลับ:“กลับไปถ้ามีเวลาก็เรียนรู้กับแม่ทัพโฮ้ว ครั้งหน้ารอเจ้าล้มทหารพวกนี้ได้ ข้าค่อยพาเจ้าไปด้วยกัน”

“นี่!ทำไมท่านถึงไม่ซื่อสัตย์แบบนี้!” เฮ่อโยวหมดปัญญา สุดท้ายก็ถูกทหารเย่เหลียงบังคับให้กลับไปที่ค่ายทหารฉู่อย่างเสียหน้า

กองกำลังทหารเย่เหลียงเปิดทางให้หนึ่งเส้นทาง เฉินเสียนและซูเจ๋อกำลังผ่านกองกำลังทหารไป

มีสายตาพุ่งมาจากทั้งแปดทิศ ทำให้เฉินเสียนรู้สึกเหมือนว่ากลับมาในชีวิตก่อนหน้าในตอนที่ขึ้นเวทีแล้วสปอตไลท์ส่องมาที่เธอไม่หยุด

เฉินเสียนพูดกับซูเจ๋อเสียงเบา:“ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับว่ากำลังเดินพรมแดงอยู่เลย”

“เดินพรมแดง?”

“ก็ที่เป็นจุดสนใจของผู้คนนับหมื่นน่ะ”

ซูเจ๋อหัวเราะ “ที่แท้ท่านก็ชอบความรู้สึกแบบนี้”

เฉินเสียน:“แบบว่าด้านหลังมักจะมีสายตาคู่หนึ่งทำให้ข้ารู้สึกระแวงหลัง”

ซูเจ๋อเข้าใจ “แน่นอน ที่ท่านพูด มักจะมีผู้คนจำนวนหนึ่งอยากฆ่าท่านไงล่ะ”

“แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องรอให้พวกเขามาฆ่านี่”

“พวกเขาสูญเสียโอกาสในการโจมตีไปแล้ว ตอนนี้มีแค่สายตาที่โหดเหี้ยมเท่านั้น”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนี่เป็นอาณาบริเวณของเย่เหลียง ไม่สามารถออกอาการมากเกินไปได้ เฉินเสียนทำได้แค่ไม่ต้องไปสนใจ

ค่ายทหารของเย่เหลียงอยู่นอกชายแดน ห่างจากชายแดนไม่กี่สิบลี้

ด้านหน้าค่ายทหาร มีกำแพงเมืองใช้สำหรับป้องกันการรุกราน

มองไป เห็นแค่สิ่งที่แขวนอยู่บนกำแพงเมืองนั้น นั่นมิใช่ศีรษะคนที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหรอกหรือ!

เฉินเสียนยืนอยู่ด้านล่างประตูเมือง เงยหน้าหรี่ตามองด้านบน

แม่ทัพเย่เหลียงพูดข่ม:“เห็นชัดแล้วก็ดี ด้านบนทั้งหมดนี้เป็นศีรษะของผู้นำทัพต้าฉู่ กล้าเข้ามาบุกรุกเย่เหลียงของพวกเรา ก็ย่อมมีจุดจบแบบนี้!”

เฉินเสียนยื่นมือออกไปชี้ด้านบน แล้วพูดแนะนำ:“เชือกเส้นนั้นปล่อยยาวไปใช่หรือไม่ ดูแล้วไม่เท่ากัน โรคย้ำคิดย้ำทำทำให้ไม่สบายใจจริงๆ”

แม่ทัพนิ่งอึ้งไป แล้วเงยหน้ามองขึ้น เหมือนว่าเชือกปล่อยยาวเกินไปนิดหน่อย

เฉินเสียนและซูเจ๋อเดินเข้าประตูเมืองอย่างไม่รีบร้อน

ได้ยินแค่เธอพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน:“หวังว่าทั้งสองอาณาจักรจะสันติ แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่งที่ชอบให้โลกเกิดเรื่องวุ่นวายเพื่อสนองความต้องการของตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะทำตัวเองเช่นนั้นจะเป็นเพราะเหตุใด”

เฉินเสียนหยุดยืนอยู่ด้านล่างประตูเมือง แล้วหันหน้ากลับไปมองแม่ทัพเย่เหลียงที่นิ่งอึ้งอยู่ ถาม:“ศีรษะของจ้าวเทียนฉีอยู่ด้านบน? แก้มัดศีรษะของเขาลงมาได้หรือไม่ ให้องค์หญิงอย่างข้าได้เอาไปเตะเป็นลูกบอล”

แม่ทัพพูดช้าๆอย่างระมัดระวัง:“แม่ทัพเจิ้นหนานต้าฉู่ไม่ได้อยู่ด้านบน จักรพรรดิไว้ชีวิตเขา ได้ยินว่าจะจัดการลงโทษในภายหลัง”

เฉินเสียนเลิกคิ้ว เหมือนไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น:“มิน่าล่ะเมื่อครู่ข้านับแล้วนับอีกก็ยังขาดไปหนึ่งหัว ข้านึกว่าข้านับผิดเสียอีก”

พูดจบ ก็หันหน้าไปแล้วเดินเข้าไปกับซูเจ๋อ

ซูเจ๋อ:“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามท่านก็เป็นองค์หญิงของต้าฉู่ ศีรษะของผู้นำทัพต้าฉู่มากมายขนาดนั้น ท่านควรเสียใจสักหน่อยนะ”

เฉินเสียน:“ข้าก็อยากทำแบบนั้น แต่ข้าขี้เกียจทำ”

พอเห็นศีรษะพวกนั้น เธอได้ชินไปแล้ว

จ้าวเทียนฉีคนนั้น เหลือไว้ก็เป็นความหายนะ ดังนั้นเธอคิดว่าไม่มีอะไรน่าเสียดาย

เธอก้มหน้ายิ้มบางๆ “ซูเจ๋อ จบแล้ว ข้าพบว่าตัวข้าอาจจะกลายเป็นคนเลวไปแล้ว”

“แม้ว่าจะเลว แต่ขอแค่ท่านดีกับตัวท่านเองก็พอ”

เฉินเสียนมองเขา “เช่นนั้นท่านล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นว่าท่านดีกับตัวท่านเอง?”

ซูเจ๋อเหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่:“ข้าดีแค่กับท่านก็พอ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด