ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 400 ได้รับความรักจากผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 400 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในที่สุดเฉินเสียนก็กินอาหารได้พอสมควร ซูเจ๋อวางถ้วยและลุกขึ้นเดินไปที่หิ้งเพื่อล้างมือในอ่าง จากนั้นจึงค่อยเดินกลับมานั่งลงที่ข้างเตียงของเฉินเสียน เขาลูบแขนเสื้อไม่ให้เกะกะและกระซิบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า “ตอนนี้ยื่นมือมาให้ข้าตรวจชีพจรได้แล้ว”

ทันทีที่ยื่นมือออกไป เฉินเสียนก็ถูกเขากุมมือไว้ทันที

มือของเธอเย็นเฉียบ ซูเจ๋อไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่จับมือของเธอไว้แน่นและใช้นิ้วมืออีกข้างหนึ่งวางลงบนข้อมือของเธอ

ความอบอุ่นจากฝ่ามือของซูเจ๋อค่อยๆ เปลี่ยนถ่ายไปยังมือของเฉินเสียนและไหลเวียนเข้าไปในเส้นเลือด ที่ไม่ว่าจะไหลไปที่ไหนก็รู้สึกเหมือนกับความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิที่เข้ามาละลายน้ำแข็ง

ผ่านไปครู่หนึ่งเฉินเสียนจึงพูดว่า “ความจริงอาการของข้าไม่ได้หนักนัก ท่านอย่ากังวลไปเลย”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “หมอไร้ฝีมือเหล่านั้นไม่มีทางทำให้ข้าสบายใจได้หรอก ถึงอย่างไรข้าก็ต้องมาดูด้วยตนเอง”

เขาพูดพลางคลี่ม้วนหนังกวางที่พกมาด้วย จากนั้นจึงสะบัดเข็มเงินที่อยู่ในนั้นด้วยนิ้วที่ขาวสะอาดของเขา

เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อย ใช้นิ้วเปิดคอเสื้อของเฉินเสียนออกและปักเข็มไว้ที่เหนือหน้าอกของเธอ จากนั้นจึงวางแขนลงและไล่ฝังเข็มไปตามจุดฝังเข็มบนท่อนแขน จนท้ายที่สุดก็ไล่มาถึงนิ้วกลาง เขาแทงเข็มลงไปที่นิ้วกลางของเธอ ผ่านไปครู่หนึ่งเลือดก็หยดออกมา

เฉินเสียนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ในทางกลับกันเธอกลับรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เธอยิ้มและกล่าวว่า “ทักษะของท่านยังดีกว่าเด็กผู้หญิงที่มาวันนั้น”

ซูเจ๋อให้เธอกินยาเม็ดอีกเม็ดหนึ่ง เขามองเธออย่างเคร่งขรึมและเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าเคยบอกไปแล้วหรือว่าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้ม ไม่จำเป็นต้องฝืน”

รอยยิ้มที่ติดอยู่ระหว่างคิ้วของเฉินเสียนเหมือนกับน้ำค้างแข็งในยามสารทฤดู ในไม่ช้าเธอก็เฉยเมยลงและกล่าวว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าฝืนยิ้ม”

หลังจากเจาะเลือด เส้นเลือดก็ดูเหมือนจะเปิดออก จากนั้นร่างกายก็ค่อยผ่อนคลายลง

เธอได้ยินซูเจ๋อบอกว่า “บอกได้เลยว่าท่านมีเรื่องกลัดกลุ้มอยู่ในใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องโกหก”

ภายในห้องเงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนที่ซูเจ๋อจะถามว่า “มีเรื่องอะไรในใจหรือ”

“ไม่มี” เฉินเสียนพูดไปโดยไม่คิด

“ถ้ามีเรื่องอะไรในใจ ขอเพียงท่านถามข้า ข้าจะบอกท่านทุกอย่าง”

เฉินเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงเงยหน้ามองเขาและถามว่า “ไม่ใช่ว่ารู้แล้วแต่จงใจถามหรอกหรือ”

ซูเจ๋อตวัดปลายเสียงขึ้นเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้แม้ว่าท่านจะรู้คำตอบอยู่ในใจ แต่ท่านก็ยังต้องการการยืนยันจากข้า ตอนนี้แค่ถามคำถามเดียว ท่านก็คิดว่ามันเกินความจำเป็นแล้วหรือ”

“นั่นเป็นเพราะข้ารู้ว่าไม่ว่าท่านจะทำอะไร ทั้งหมดเป็นการระดมสมองเพื่อข้า แล้วเหตุใดข้าจึงต้องเปิดเผยอุบายที่ท่านเองก็ใช้มาหมดแล้วด้วยล่ะ”

ซูเจ๋อหยุดไปครู่หนึ่ง เขามองเธอด้วยแววตาที่เป็นประกายลึกซึ้ง

เฉินเสียนกระตุกมุมปากและเอ่ยว่า “อุบายอะไร ข้าเลิกสนใจมานานแล้ว”

“แล้วเหตุใดท่านจึงไม่มีความสุข”

“ท่านมองอย่างไรถึงเห็นว่าข้าไม่มีความสุข” เฉินเสียนถาม

ซูเจ๋อชี้ไปที่หัวใจของเฉินเสียน “มันบอกข้า เป็นเพราะท่านป่วยและข้าไม่เคยมาหาท่านหรือ? ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ข้าจำได้ว่าท่านบอกว่าท่านจะคิดถึงข้า แต่คราวนี้แม้แต่ยิ้มก็ยังฝืน”

เขาถามว่า “หรือว่าข้ามาผิดเวลา ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! เฉินเสียนปากไม่ตรงกับใจ “อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานก็เลยไม่ค่อยคุ้น”

ซูเจ๋อนิ่งไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ใช่… นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน รู้สึกราวกับว่าไม่ได้เจอหน้ากันมาครึ่งชีวิต”

เฉินเสียนรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ เธอเอ่ยเบาๆ ว่า “ท่านไม่กลัวหรือว่าหากปล่อยนานกว่านี้อีกนิด ข้าจะไม่คุ้นเคยจนลืมท่านในที่สุด”

“ไม่เป็นไร หากเริ่มไม่คุ้นเคยขึ้นมาจริงๆ เมื่อมีเวลา ข้าจะค่อยๆ ทำให้ท่านกลับมาคุ้นเคยอีกครั้ง”

“ซูเจ๋อ” เฉินเสียนก้มหน้ามองรอยแดงเล็กๆ บนนิ้วของเธอและกระซิบเรียกเขา

ซูเจ๋อตั้งใจฟังเงียบๆ

“ท่านช่วยชีวิตข้าอีกครั้ง หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ในยามที่ข้าทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ท่านช่วยชีวิตข้ามาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง” เฉินเสียนกล่าว

“เมื่อไม่นานมานี้ข้ามาตระหนักได้ว่าเป็นท่านที่ทุ่มเทเพื่อข้าเสมอมา ท่านทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อข้า แต่สิ่งที่ข้าทำเพื่อท่านได้ช่างมีน้อยนิดเหลือเกิน”

“ข้ายังคิดว่า ข้าทุ่มเทให้ได้และมันก็คุ้มค่าที่ข้าจะรักผู้ชายคนนี้ แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้แล้วว่าข้ายังจะทำได้อยู่ไหม”

ขณะที่พูดอยู่นั้นเธอไม่ได้เงยหน้ามองเขา ทว่าเธอยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนจากก้นบึ้งของหัวใจ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าเฉินเสียนโชคดีแต่ไม่เคยรับรู้ถึงความโชคดี แต่ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าข้าโชคดีมากจริงๆ ที่ได้รับความรักจากผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก”

“ท่านดีเหลือเกิน ดีจนไม่มีใครคู่ควรกับท่าน” เฉินเสียนกล่าว “บางทีข้าก็อาจจะไม่คู่ควรเช่นกัน”

“ข้าเคยคิดว่าตัวข้าเองก็ไม่ได้แย่ ยกเว้นบางครั้งข้าก็รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแต่ต้องแสร้งทำตัวปกติ นอกจากนั้นก็ไม่ได้ขี้ขลาดหรือชอบท้อถอย แต่ทั้งหมดนี้จะพอทำให้ข้าจับมือเดินไปพร้อมกับท่านได้หรือ?”

“ความจริงแล้วข้าเป็นคนบุ่มบ่ามและไม่มีเหตุผล ข้าหุนหันพลันแล่นและหัวแข็ง ใจร้อน ไม่สามารถสงบสติอารมณ์และพิจารณาทุกอย่างอย่างรอบคอบได้เหมือนกับท่าน และสุดท้ายก็มักจะลากท่านลงโคลนไปด้วยกัน”

“ซูเจ๋อ ข้ามักจะสร้างปัญหาให้ท่านและทำให้เกิดอันตรายขึ้นเสมอ”

ซูเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากของเฉินเสียนและพูดเลี่ยงไปว่า “ไม่มีไข้”

เฉินเสียนกระตุกยิ้มมุมปากและกล่าวว่า “ข้ากำลังพูดอย่างจริงจังอยู่นะ”

“ท่านมองอย่างไรถึงเห็นว่าข้าไม่จริงจัง”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ช่องว่างระหว่างเราใหญ่กว่าที่ข้าคิด ข้าไล่ตามท่านไม่ทัน”

“ถ้าตามไม่ทันข้าจะหยุดรอท่าน หลายปีมานี้ข้าไม่ได้หยุดรอท่านเลย”

“บางทีถ้าข้าไม่มีวันเป็นอย่างที่ท่านหวังอยากจะให้ข้าเป็นล่ะ ข้าไม่ได้มีปณิธานและสติปัญญาเช่นท่าน ข้าทำได้แค่ก่อปัญหาให้ท่าน ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย แต่ยังพาให้ท่านตกอยู่ในอันตรายไปด้วย

นอกจากนี้ข้างยังไม่มีความสามารถในการเรียนรู้หรือการวางกลยุทธ์เช่นท่าน ข้าจึงได้แต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากท่าน เมื่อคิดเช่นนี้ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าข้าเป็นเพียงภาระ ถ้าไม่มีข้า ท่านก็คงจะไปได้ไกลและเป็นอิสระไปนานแล้ว หรือไม่ก็อาจจะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในราชสำนัก”

เมื่อได้ยินเธอพรั่งพรูออกมา ซูเจ๋อจึงถอนหายใจเบาๆ “ท่านหัดดูหมิ่นว่าตนเองไร้ประโยชน์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

“นั่นเพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ข้าจะรู้จักตัวเองได้ชัดเจนขนาดนี้นะสิ” เฉินเสียนเอ่ยอย่างมั่นคง “ตอนที่รู้ว่าเจ้าน่องน้อยถูกพาเข้าไปในวัง ข้าอยากกลับมาโดยไม่คิดสนใจอะไรทั้งนั้น”

เธอยิ้มเจื่อนๆ “แต่พอกลับมาแล้ว นอกจากจะถูกจำกัดไปทุกๆ อย่างแล้วข้ายังทำอะไรได้อีก? ข้าไม่รับฟังสิ่งที่ท่านพูด ข้าไม่มีแผนอะไรเลย ข้าบุ่มบ่ามไม่ระมัดระวัง และต้องพึ่งพาท่านให้ช่วยจัดการปัญหาต่างๆ มาตลอด”

ซูเจ๋อคิดนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “บางที การที่ท่านเลือกกลับมาอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

เฉินเสียนหันไปมองเขาด้วยดวงตาที่เปียกชื้น

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเจ้าน่องน้อยมีความสำคัญต่อท่านและข้าอย่างไร ถ้าในท้ายที่สุดท่านเลือกที่จะไม่กลับมา ข้าคงตัดสินใจละทิ้งเขาไปเลย”

เฉินเสียนชะงัก

เธอรู้… ตอนนั้นเธอก็รู้สึกเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงสับสนมากจนต้องหาทางกลับเมืองหลวงไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม

เฉินเสียนกล่าวว่า “แต่ท่านก็ตามกลับมา ทั้งยังถูกจับติดคุก ถ้าไม่ระวังแล้วพลาดขึ้นมา ท่านคิดว่ามันคุ้มแล้วหรือ”

ซูเจ๋อยิ้มให้เธอ “ข้าได้ยินท่านบอกว่าเขาเรียกท่านว่าแม่ได้แล้ว หลังจากนั้นข้ามีโอกาสเห็นเขาในวัง เขาไม่ร้องงอแงหรือสร้างปัญหาจริงๆ ด้วย ยิ่งโตยิ่งเหมือนท่าน ที่สุดแล้วในใจข้า ข้าคิดว่ามันคุ้มค่ามากที่จะล้มเหลว”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด