ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 467 เครื่องบรรณาการที่ถูกส่งมา

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 467 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำว่า : “ยังมีฝ่าบาทที่คอยรับมือกับนาง นางกลัวก็แต่จะแยกร่างไม่พอเสียมากกว่า” วันนี้ถือว่าได้เปรียบที่สุด คงเป็นเพราะองค์จักรพรรดินีและองค์ชายใหญ่ นางกำนัลที่น่าสงสัยคนนั้น ก็คงจะเป็นคนข้างกายขององค์จักรพรรดินี

กว่าองค์จักรพรรดินีจะทรงคว้าโอกาสนี้ได้ จะยอมปล่อยพระสนมฉีไปง่ายๆ อย่างนี้ถ้ายังไงกัน ข้อนี้เฉินเสียนไม่ต้องเป็นห่วงเลยแม้แต่นิดเดียว

แทนที่จะมัวเสียเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ หลังจากที่ราชทูตเดินทางออกจากอาณาจักรต้าฉู่ไปแล้ว สู้เอาเวลาไปนั่งคิดเรื่องที่จะพาเจ้าน่องน้อยหนีออกจากที่นี่ให้หลุดพ้นได้อย่างไรเสียยังดีกว่า

เฉินเสียนนึกถึงจระเข้ในทะเลสาบ เมื่อถึงเวลาหน้าสิวหน้าขวัญ ไม่แน่บางทีก็อาจจะมีประโยชน์ขึ้นมาก็ได้ เพียงแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องใช้เวลาวางแผนระยะยาว

ค่ำคืนนี้ทางฝั่งอุทยานอวี้ฮัวตั้งหน้าตั้งตาจัดแจงสถานที่จนดึกดื่น เฮ่อโยวเริ่มยุ่งตั้งแต่คืนนี้จนถึงการต้อนรับราชทูตในวันพรุ่งนี้ เขากำลังยุ่งกับการวิ่งเข้าวิ่งออกในพระราชวังไม่หยุดหย่อน

กลุ่มของเหล่าขันทีในวังได้ร่วมมือกับฝ่ายพิธีการ ต่างล้วนให้ความร่วมมือกับเฮ่อโยวในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกันนั้น ทหารรักษาพระองค์และทหารเวรยามก็ได้เข้ามาสมทบด้วย

นี่เป็นครั้งแรกของการทำงานภายใต้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายพิธีการของเฮ่อโยว รับหน้าที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับทางการทูตต่างราชอาณาจักร จะเกียจคร้านและหละหลวมไม่ได้เป็นอันขาด เขาจึงไม่ได้นอนพักเลยทั้งคืน

วันถัดมา เฮ่อโยวได้ไปรับราชทูตของทั้งสองอาณาจักรที่ประตูเมืองและส่งไปพักผ่อนที่พระตำหนักรับรองด้วยตัวเอง

ทุกอย่างเรียบร้อยเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน

กงกงข้างพระวรกายขององค์จักรพรรดิพูดขึ้นว่า : “ใต้เท้าเฮ่อผู้นี้ ถึงแม้จะอายุน้อยไปหน่อย แต่ทำการตั้งอกตั้งใจ ความสามารถก็ไม่ด้อยเลย เมื่อคืนทั้งคืน ได้จัดเตรียมทุกอย่างตามคำสั่งของฝ่าบาทจนสมบูรณ์เสร็จสิ้น วันนี้ยังไม่ทันจะได้พักผ่อนแต่กลับไปรับเหล่าราชทูตที่ประตูเมืองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรและรับรู้อยู่เสมอ

เฮ่อโยวและเฮ่อฟั่งนั้นไม่เหมือนกัน เขาอายุยังน้อยและมีความกระตือรือร้น หากเรื่องนี้มอบหมายให้เฮ่อฟั่งไปจัดการแล้วล่ะก็ เขาคงจะไม่ลงมือทำเองอย่างแน่นอนเขารู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองนั้นสบาย และรู้วิธีที่จะสามารถทำให้ฝ่าบาทไม่เสียหน้าด้วย

องค์จักรพรรดิทรงตรัสขึ้นว่า : “นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าต้องการจะใช้สมองของเฮ่อฟั่ง ใช้แรงปฏิบัติของเฮ่อโยว”

เมื่อเหล่าราชทูตได้พักผ่อนที่พระตำหนักรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จึงได้เข้าวังเพื่อถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ภายใต้ใบหน้าการแลกเปลี่ยนมิตรภาพนี้ ก็ต้องนำของขวัญติดไม้ติดมือมาด้วยเป็นธรรมดา

อาณาจักรเป่ยเซี่ยได้นำมาอยู่หลายหีบ ข้างในหีบนั้นบรรจุผ้าขนแกะอย่างดี ที่ทั้งหนาและอุ่นมาก

อาณาจักรเป่ยเซี่ยตั้งอยู่ที่เขตชายแดนตะวันตก เป็นตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรต้าฉู่ เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าที่เขียวขจี บนทุ่งหญ้าเต็มไปด้วยแกะและวัวเป็นฝูงๆ ผ้าขนแกะสีสวยเหล่านี้ล้วนถูกเก็บเกี่ยวและถักทอจากที่นั่น

นอกจากผ้าขนแกะแล้ว ยังมีอีกหีบหนึ่ง ข้างในบรรจุไหมพรมสีดำสนิทที่ถูกปั่นเป็นเส้นไหม อาณาจักรเป่ยเซี่ยเรียกมันว่าไหมพรมขนสัตว์

ชาวพื้นเมืองที่เลี้ยงวัวและแกะ มักจะชอบนำขนของสัตว์เหล่านั้นมาปั่นให้เป็นเส้นไหมพรม เมื่อเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดูแล้ว ก็มักจะนำมาถักทอเป็นผ้าขนสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงเสื้อผ้ากันหนาว เมื่อนำมาสวมใส่แล้วสามารถกันหนาวและอุ่นกว่าผ้าธรรมดาหลายเท่า

ที่อาณาจักรเป่ยเซี่ย กลวิธีการปั่นรวมถึงการมอบให้อย่างนี้ แสดงถึงความสนิทสนมและเป็นมิตร วิธีการการถักทอจนเป็นผ้าขนสัตว์ต่างๆ ได้กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของอาณาจักรเป่ยเซี่ยไปแล้ว

แต่ที่อาณาจักรต้าฉู่ยังไม่เคยเห็นไหมที่หยาบขนาดนี้มาก่อน องค์จักรพรรดิรวมไปถึงเหล่านางในที่ได้เห็นมันแล้ว ต่างก็ไม่รู้ว่าจะสามารถนำไปทำอะไรได้

ไหมพรมขนสัตว์สีดำที่ถูกขดเป็นม้วนๆ ดำมืดสนิท ไม่มีความสดใสงดงามเหมือนดังไหมทอผ้าทั่วไป สตรีที่ชอบในสีสันที่สดใสเมื่อเห็นมันแล้วย่อมรู้สึกน่าเกลียดและไม่สวยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ฟังจากที่ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยได้พูดมา เส้นไหมพรหมขนสัตว์นี้สามารถนำมาถักทอเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ได้ เมื่อเหล่าบรรดานางในได้ยินแล้ว ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!

ไหมเส้นหยาบขนาดนี้ จะถักทอเป็นเสื้อผ้าได้อย่างไรกัน? และถึงแม้จะสามารถถักทอออกมาเป็นเสื้อผ้าได้ แต่สีดำล้วนที่น่าเบื่อและจำเจนั่น ผู้ใดอยากจะสวมใส่กันล่ะ?

สีที่ดำสนิท ยากต่อการย้อมเป็นสีอื่นอย่างมาก

ดังนั้น หีบหลายใบนี้เมื่อถูกยกมายังวังหลังแล้ว เหล่านางในต่างก็พากันรังเกียจไหมพรมขนสัตว์เหล่านั้นเป็นอย่างมาก และพากันอยากได้แต่ผ้าทอขนแกะที่ทั้งหนาและนุ่ม

เพราะในอาณาจักรต้าฉู่นั้นผ้าเช่นนี้ถือว่าน้อยมาก

องค์จักรพรรดินีได้ทรงให้องค์จักรพรรดิเลือกอยู่หลายอย่าง และได้ทรงเลือกให้กับพระองค์เองหลายผืนด้วยเช่นกัน และยังทรงส่งไปให้สมเด็จพระราชชนนีอีกสองผืนด้วย แน่นอนว่าพระสนมฉีเองก็ขาดไม่ได้เช่นกัน

หลังจากที่ถูกพระสนมในระดับที่ค่อนข้างสูงหลายพระนางของวังหลังได้เลือกเสร็จก็เหลือไม่มากแล้ว

เวลานี้เององค์จักรพรรดินีจึงทรงเพิ่งนึกถึงเฉินเสียนที่พระตำหนักไท่เหอขึ้นมา

อาณาจักรเป่ยเซี่ยส่งของขวัญมาเป็นเครื่องบรรณาการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามอบให้กับองค์หญิงจิ้งเสียน แต่อย่างไรก็ตามเครื่องบรรณาการเหล่านี้ก็ถูกส่งมาเพราะฐานะของเฉินเสียนทั้งนั้น

เกรงว่าเหล่าราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยจะคอยสอดส่องมองอยู่ด้วย รอดูอยู่ว่าราชวงศ์จะทรงแบ่งเครื่องบรรณาการเหล่านี้ให้กับเฉินเสียนบ้างหรือเปล่า หากไม่เหลือให้กับเฉินเสียนบ้าง พวกเขาก็คงจะรู้ได้ในทันทีว่าเฉินเสียนถูกอาณาจักรต้าฉู่ปฏิบัติอย่างไร ราชทูตของอาณาจักรเป่ยเซี่ยกลับไปคงมีเรื่องพูดกัน

องค์จักรพรรดินีทรงคำนึงถึงจุดนี้ จึงได้ทรงรับสั่งให้คนนำผ้าขนแกะผืนสุดท้ายที่เล็กที่สุดและไม่มีคนเอา และหีบไหมพรมขนสัตว์สีดำส่งมายังพระตำหนักไท่เหอ

ตอนที่ส่งมา ได้ใช้หีบใบใหญ่ที่ใช้บรรจุผ้าขนแกะในการยกมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าองค์จักรพรรดิทรงให้ความสำคัญต่อเฉินเสียน เพราะถึงยังไงฝาหีบก็ถูกปิดอยู่ มองไม่เห็นสิ่งของภายในอยู่แล้ว

และเครื่องบรรณาการครั้งนี้จากอาณาจักรเย่เหลียงก็คือเหล้าสับปะรดพื้นเมืองอย่างแน่นอน เหล้าสับปะรดนี้เฉินเสียนไม่ได้เชยชิมตามระเบียบ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้แบ่งมาที่พระตำหนักไท่เหอเลยแม้แต่หยดเดียว

หีบใบใหญ่ส่งมาถึงพระตำหนักไท่เหอ และถูกวางไว้ในหอนอนของเฉินเสียน

เฉินเสียนเปิดมันออกมาดู หยิบผ้าขนแกะออกมากางบนพื้น ให้เจ้าน่องน้อยที่สวมถุงเท้าอยู่ลองเหยียบเล่น

ถึงแม้ว่าผ้าขนแกะนั้นจะผืนเล็ก แต่ขนาดเหมาะกับเจ้าน่องน้อยพอดี

ที่เหลือก็เป็นไหมพรมขนสัตว์ที่ขดเป็นม้วนๆ เฉินเสียนหยิบไหมพรมขนสัตว์ขึ้นมาหนึ่งม้วน แล้วสัมผัสด้วยฝ่ามือเบาๆ

อวี้เยี่ยนพูดขึ้นด้วยความฉุนเฉียวว่า : “อาณาจักรเป่ยเซี่ยส่งเครื่องบรรณาการมาเพราะเห็นแก่ฐานะขององค์หญิงแท้ๆ ถึงได้ใจกว้างขนาดนี้ คนพวกนั้นก็เหลือเกินจริงๆ ไม่รู้จักเกรงใจบ้าง อันดีๆ ถูกเลือกไปจนหมด ที่เหลือไว้ก็เป็นของที่ทุกคนไม่เอาแล้วทั้งนั้น”

เฉินเสียนยิ้มขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “นั่นมันก็แค่ผ้าขนแกะ ของดีที่แท้จริงก็คือของเหล่านี้ต่างหาก ถ้าใช้ไหมพรมขนสัตว์เหล่านี้นำมาถักทอเป็นเสื้อผ้าแล้วล่ะก็ ทั้งนุ่มและสัมผัสดีกว่าผ้าขนแกะเหล่านั้นเป็นไหนๆ”

อวี้เยี่ยนเบิกตากว้างอิงตัวอยู่บนหีบใหญ่ จ้องมองไหมพรมสีดำสนิทเหล่านั้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “แต่หม่อมฉันไม่เคยเห็นใครใช้ไหมที่หยาบขนาดนี้มาถักทอเสื้อผ้าเลยเพคะ ตามแบบพื้นบ้านก็ไม่มีเช่นกัน เกรงว่าแม้แต่กองพระภูษาก็ทำออกมาไม่ได้น่ะสิเพคะ”

เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “อุปกรณ์และวัตถุครบครันขนาดนี้ เราก็แค่ต้องค่อยๆ ศึกษาค้นคว้าเอา”

เฉินเสียนยังจำได้ตอนที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ไหมพรมขนสัตว์ชนิดนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่คณะนักศึกษาที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน เวลานั้นทุกคนนิยมใช้ไหมพรมถักเป็นผ้าพันคอเอง วิธีถักที่แตกต่างก็ได้มาซึ่งลายที่แตกต่างกันออกไปเยอะแยะมากมาย

เฉินเสียนเองก็บังเอิญฝึกถักไหมพรมด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่ายังจำวิธีการถักไหมพรมได้อยู่หรือเปล่า

อวี้เยี่ยนขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “แต่นี่มันเป็นสีดำหมดเลย หากถักทอเป็นเสื้อผ้าแล้ว องค์หญิงจะสวมใส่ยังไงกันเพคะ”

เจ้าสีดำเอ๋ย เฉินเสียนจ้องมองขดม้วนเส้นไหมพรมสีดำที่อ่อนนุ่มด้วยแววตาที่อ่อนโยน

ใต้หล้านี้ มักมีคนผู้หนึ่งที่เหมาะกับสีดำสนิทเป็นที่สุด

เฉินเสียนให้อวี้เยี่ยนนำหีบไปเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นก็เปลี่ยนชุดและแต่งหน้าเตรียมตัวเพื่อไปงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้

เข้าสู่เวลาพลบค่ำ โคมไฟทรงหกเหลี่ยมที่แขวนเต็มอุทยานอวี้ฮัวค่อยๆ สว่างขึ้นมาทีละดวง ส่องสว่างกระทบลงบนกระเบื้องเคลือบทั้งใกล้และไกลที่ตกแต่งตามผนังของวังหลวง ทำให้หิมะที่ตกค้างบนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้พลอยเปลี่ยนสีไปด้วย

งานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ นอกจากราชทูตจากทั้งสองอาณาจักรแล้ว ยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่านของราชสำนักมาร่วมด้วย องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินีสมเด็จพระราชชนนีและองค์จักรพรรดิสูงสุด รวมไปถึงเหล่าพระสนมระดับสูงก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองนี้ด้วย

กว่านางในของวังหลังจะได้ออกหน้าออกตาสักครั้ง ก็ต้องแต่งให้ตัวเองดูงดงามต้องตาตรึงใจเป็นธรรมดา เหล่าบรรดาพระสนมเองต่างก็แอบแข่งขันข่มรัศมีกันไม่มีใครยอมใคร

ค่ำคืนนี้พระสนมฉียังถูกกักบริเวณอยู่ จึงไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วย องค์จักรพรรดินีสูงส่งสง่างาม พระทัยสงบลง ที่ไม่ต้องทรงรู้สึกเป็นกังวลว่าจะถูกแย่งหน้า

เฉินเสียนสวมชุดวังหลวงสีน้ำเงินที่กองพระภูษาส่งมาให้ เกล้าผมขึ้นสูง ตกแต่งด้วยปิ่นทองและเครื่องประดับหยก แต้มสีชาดแดงสดลงกลางหว่างคิ้ว ริมฝีปากที่งดงามดุจหยก เวลาที่ไม่เผยยิ้มหว่างคิ้วกลับดูเย็นชาเรียบเฉย

เวลานี้ ความสง่าราศีที่ควรเป็นขององค์หญิงเปล่งประกายฉายรัศมี เธอจึงค่อยๆ ปลดปล่อยมันออกมาอย่างโดดเด่นและชัดเจน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด