จักรพรรดิเทพสายฟ้า – ตอนที่39 สอบเข้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิเทพสายฟ้า ตอนที่ 39 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่39 สอบเข้า

เพื่อให้สมรรถภาพร่างกายพร้อมถึงขีดสุด เย่เจวี๋ยและคนอื่นๆ จึงนอนพักผ่อนในโรงเตี๊ยมแห่งนั้นเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็ม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดการทดสอบเข้าอย่างสถานศึกษาเสินซี

ตามตำนานกล่าวไว้ว่า สถานศึกษาเสินซีแห่งนี้เปรียบเสมือนสมบัติที่เทพเซียนในยุคบรรพกาลได้ทิ้งไว้ให้ และยังเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมาย คล้อยหลังสำเร็จการศึกษาจากที่นี่ไป เหล่าลูกศิษย์ลูกหาล้วนมีอนาคตก้าวไกล กลายมาเป็นยอดฝีมือที่คนวงกว้างต้องเกรงขาม สร้างประวัติศาสตร์และชื่อเสียงไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ตาม ดังนั้นแล้วสถานศึกษาเสินซีจึงมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งผืนพิภพโดยไร้ซึ่งข้อกังขา

ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายเช้ามารวมตัวในที่แห่งนี้ไม่เว้นตั้งแต่เด็กยันหนุ่มสาว หรือแม้กระทั่งคุณลุงวัยกลางคน ด้วยเหตุนี้เองสถานศึกษาเสินซีจึงต้องคัดเลือกคนเข้า แน่นอนว่าหนึ่งในวิธีเหล่านั้นคิการจ่ายเงินใต้โต๊ะในจำนวนมหาศาล และอีกวิธีคือการสอบเข้า แต่แน่นอนว่าการสอบดังกล่าวค่อนข้างเข้มงวด กล่าวได้ว่าแค่ภูมิฐานของคนๆ นั้นแย่ก็มีโอกาสสอบเข้าไม่ได้สูงมาก แต่ละปีมีผู้สมัครเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ผู้ที่สามารถเข้าได้น้อยจนนับนิ้วยังแม่น

การทดสอบเข้าจัดขึ้นในสถานศึกษาส่วนนอก มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกต้นกล้าอนาคตไกลเข้ามาขัดเกลาฝีมือ หลายต่อหลายคนถึงกับต้องลงไม้ลงมือฆ่ากันเพื่อแย่งชิงป้ายตราสิทธิ์เข้าสอบกันเลยทีเดียว

และนับว่าเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลอย่างยิ่งหากพวกเขาสามารถสอบเข้าสถานศึกษาแห่งนี้ได้

เมื่อเดินตรงเข้าไปในสถานศึกษาเสินซี เสี้ยวแวบแรกที่เห็นคือแผ่นป้ายโลหะขนาดมหึมาขนาบข้างติดฝั่งซ้ายและขวาของประตู สี่อักษรตระหง่านใหญ่เขียนขึ้นว่า มังกรร่ายรำ วิหคเพลิงสยายปีก

ณ เวลานี้มีธารฝูงชนอัดแน่นอยู่หน้าประตู ทุกครั้งที่มีงานทดสอบเข้าสถานศึกษา ชาวเมืองทั่วทั้งทวีปตะวันออกและใกล้เคียงมักจะแห่กันเข้ามารับชมการทดสอบดังกล่าว พวกเขายืนเรียงรายต่อแถวยาวโดยมีศิษย์สถานศึกษาเสินซีคอยเฝ้าจัดระเบียบอยู่ประมาณสิบคน พวกเขาสวมเครื่องแบบสถานศึกษา ช่างดูทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก

ขณะที่อีกด้านหนึ่งกอปรทางเดินที่ถูกปูด้วยพรมแดง ไม่มีผู้คนสันจรค่อนข้างเรียบเหงาแตกต่างจากข้างๆ ลิบลับ มีเพียงศิษย์ของสถานศึกษาคนหนึ่งชูแผ่นป้ายโดยเขียนไว้ว่า สำหรับผู้ทดสอบที่ถือครองตราสิทธิ์เข้าทดสอบ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่องทางการเข้าไปของผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสอบคัดเลือกโดยเฉพาะ

พอเดินตรงเข้าไปปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งยิ้มแย้มทักทายทุกคนที่ผ่านเข้ามาทางนี้

ขอตรวจป้ายตราสิทธิ์เข้าทดสอบ”

เมื่อเห็นเย่เจวี๋ยเดินตรงเข้ามา ท่าทางการแสดงออกของเขาก็ดูกระตือรือร้นอย่างมาก

เชิญ”

เย่เจวี๋ยนำป้ายตราสิทธิ์เข้าทดสอบของนักพรตที่พบเจอก่อนหน้ายื่นไปให้ เพื่อให้ศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคนนั้นตรวจสอบดู

ชื่อหลินไคถูกต้องหรือไม่?”

ศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง พลางยื่นพู่กันให้เย่เจวี๋ยลงชื่อเข้ายืนยันตัวตน

ถูกต้อง”

เย่เจวี๋ยพยักหน้าและลงชื่อปลอมไป

อวิ๋นชิงเหยาเองก็หยิบป้ายตราสิทธิ์การทดสอบออกมาเช่นกัน

ชื่ออวิ๋นชิงเหยาถูกต้องหรือไม่?”

พอศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคนนั้นอ่านชื่อเสร็จพลันต้องตกใจ เงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นชิงเหยาเล็กน้อยด้วยความสงสัย ชื่ออวิ๋นชิงเหยาหาใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินมาก่อน หากจำไม่ผิดนางเป็นองค์หญิงของแคว้นอวิ๋นในตอนใต้สุดแห่งผืนพิภพซวนหยวน

ใครจะไปคิดว่านางจะเดินทางมาหลายแสนลี้เพื่อเข้าทดสอบแบบนี้กัน? แต่อย่างไรเสีย ต้องชมฝีมือการแต่งหน้าทำผมของอวิ๋นชิงเหยาจริงๆ นางแต่งหน้าทำผมได้แนบเนียนเหมือนผู้ชายมากจนศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคนนั้นมองไม่ออก

ดูยังไงก็ผู้ชาย สงสัยชื่อสกุลอวิ๋นคงโหลไม่น้อยบนผืนพิภพแห่งนี้ ข้าคงเข้าใจผิดไปเอง…’

พอศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคิดได้แบบนั้นก็พลันโล่งใจและยิ้มให้นางและคนอื่นๆ กล่าวว่า

เชิญเข้าไปได้ ขอให้ทุกคนสอบผ่าน”

อวิ๋นชิงเหยา? นี่เป็นชื่อจริงของนางหรอกรึ? เย่เจวี๋ยไม่แปลกใจเลยเรื่องที่นางใช้ชื่อปลอม หาใช่อวิ๋นชิงไป๋แต่เป็นอวิ๋นชิงเหยานี่เอง แต่สามพี่น้องแห่งหุบเขาหยินซานกลับปั้นหน้าประหลาดใจอยู่หลายส่วน ทั้งสามหันมาจับจ้องนางด้วยสายตาแปลกๆ

ไฉนข้าจะใช้นามแฝงไม่ได้ ขนาดนายน้อยของพวกเจ้ายังใช้เลยมิใช่รึ? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ จริงไหมเจ้าเงี๊ยว?”

อวิ๋นชิงเหยากล่าวจบก็เหลือบหางตามองเย่เจวี๋ยเล็กน้อย

เหมี๊ยว~”

เจ้าเงี๊ยวตัวน้อยบนไหล่ของอวิ๋นชิงเหยาร้องตอบราวกับเข้าใจสิ่งที่นางกล่าว

ประโยคนี้ถึงกับทำให้สามพี่น้องถึงกับสำลักทันที นายน้อยของพวกเขาใช้นามแฝงก็จริง แต่นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

หุหุข้าลืมไปสนิทเลย ข้าเคยสลักชื่อไว้บนชายเสื้อตนเอง นับว่าตาดีใช้ได้คุณชายอวิ๋น”

เย่เจวี๋ยพลันยกชายเสื้อขึ้นมาดูทันทีที่ได้ยิน และพบกับอักษรจีนถูกปีกเย็บสวยงามเรียงกันเก้าตัว ‘นายน้อยเย่เจวี๋ยสุดหล่อ’ ที่เฉี่ยวเอ๋อเคยปักไว้ให้ หากรู้จักสังเกตให้ดีจะพบได้ไม่ยากเท่าไหร่

สาวน้อยนางนี้ยังสร้างปัญหาทิ้งทวนก่อนลาจาก! เย่เจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยพอจินตนาการถึงตอนที่ เฉี่ยวเอ๋อนั่งเย็บชื่อให้เขาในตอนนั้น เขาสวมมาตั้งนานเพิ่งก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกัน

เข้าไปกันเถอะ”

ขณะเอ่ยกล่าวเขาพลันโบกแขนเสื้อและเดินเข้าไปข้างใน

เจ้าหนุ่ม”

เย่เจวี๋ยถูกศิษย์สถานศึกษาหนุ่มหยุดเอาไว้และกล่าวขึ้นว่า

ชื่อในป้ายตรานี้หาใช่ของเจ้ากระมัง? ตามกฎของสถานศึกษาเสินซี ชื่อในป้ายตราสิทธิ์เข้าสอบจะต้องตรงกับชื่อจริงของผู้ถือครอง มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์”

แล้วจะให้พวกเราทำอย่างไร?”

สีหน้าของสามพี่น้องถึงกับแปรเปลี่ยน พวกเขาเป็นกังวลอย่างมากหากนายน้อยไม่สามารถเข้าร่วมการทดสอบได้

อวิ๋นชิงเหยาปั้นสีหน้าเครียดทันที ต้นเหตุเป็นเพราะคำพูดของนางเมื่อครู่จึงทำให้เย่เจวี๋ยไม่สามารถเข้าร่วมการทดสอบได้ หากเกิดอะไรขึ้นจริง นางจะต้องรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่ทันใดนั้นศิษย์ร่วมสำนักหนุ่มคนนั้นก็กล่าวขึ้นว่า

เจ้าหนุ่ม หากข้าสันนิษฐานถูกต้องป้ายตราอันนี้คงมิใช่ของเจ้า คงไปชิงมาจากผู้ได้รับสิทธิ์คนอื่น จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าร่วมกับสถานศึกษาเสินซีของเรา แต่ไม่ต้องตกใจไป พวกเรายินดีต้อนรับศิษย์ใหม่มากฝีมืออยู่แล้ว”

ขณะเอ่ยกล่าวขึ้นมา สายตาที่จับจ้องของเขามองเย่เจวี๋ยด้วยความเป็นมิตร นี่คือความจริงใจปราศจากความใจคดอันใด

เช่นนั้นแล้ว…”

เย่เจวี๋ยเอ่ยถามติดตามคำกล่าวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา อย่างไรก็ตามเขาจะมาตกม้าตายในตอนนี้ไม่ได้

เจ้าส่งป้ายตรามาเถิด เดี๋ยวข้าจะแก้ไขชื่อภายในนี้ให้และลงทะเบียนให้ใหม่ เพียงเท่านี้เจ้าก็สามารถเข้าร่วมการทดสอบได้แล้ว ข้าเข้าใจพวกเจ้าดี กว่าจะเดินทางเข้ามาในทวีปตะวันออกได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงหรือไม่?”

เย่เจวี๋ยได้ฟังดังนั้นจึงส่งมอบป้ายตราให้อีกฝ่าย ไม่ทราบเช่นกันว่าศิษย์หนุ่มคนนี้ใช้กลเม็ดวิธีใด เพียงโบกฝ่ามือลูบไล้บริเวณด้านหน้าป้ายตราเล็กน้อย ข้อมูลภายในก็ถูกแก้ไขเสร็จสรรพเรียบร้อย จากคำว่า ‘หลินไค’ ถูกเปลี่ยนกลายเป็น ‘เย่เจวี๋ย’

เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ขอให้เจ้าสอบผ่านก็แล้วกัน”

ทุกอย่างทำเสร็จได้ภายในอึดใจเดียว ศิษย์หนุ่มคนนั้นส่งมอบป้ายตราคืนให้กับเย่เจวี๋ยพลางหัวเราะยิ้มแย้ม

พอเห็นเช่นนั้นอวิ๋งชิงเหยาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เย่เจวี๋ยเกือบโดนตัดสิทธิ์เข้าทดสอบแล้ว แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เย่เจวี๋ยปราศจากความกังวลอื่นใด หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว เขากับอวิ๋นชิงเหยาก็เดินเข้าไปในสถานศึกษาเสินซี แต่สามพี่น้องยังคงดูลังเล พวกเขาสามารถเข้าไปข้างในสถานศึกษาได้หรือไม่? เพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบ ทว่าพอเห็นศิษย์สถานศึกษาหนุ่มคนนั้นมิได้กล่าวห้ามอันใด ทั้งสามก็เดินติดตามเย่เจวี๋ยกับอวิ๋นชิงเหยาเข้าไป

เมื่อเข้ามาในสถภานศึกษาเสินซี ก็พบเห็นเหล่าศิษย์มากมายในชุดเครื่องแบบสถานศึกษาเดินผ่านไปมา อาคารสถานศึกษามีศิลปกรรมการออกแบบที่สวยงาม มองซ้ายแลขวาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินพลุกพล่าน เสียงดังอึกทึก ทั้งนี้ยังมีศิษย์บางคนสวมปลอกแขนสีแดง สื่อให้เห็นว่าพวกเขาได้รับหน้าที่ให้มาดูแลความสงบในบริเวณดังกล่าว

ท่ามกลางฝูงชนกว้างใหญ่ เบื้องหน้าปรากฏเป็นลานกว้างขวางมโหฬาร ผู้คนที่แต่งชุดไปรเวททั่วไปต่างแห่กันเข้ามารวมตัวในลานดังกล่าว ดูเหมือนว่าการสอบตัดเลือกกำลังจะเร้มต้นขึ้นแล้ว เย่เจวี๋ย, อวิ๋นชิงเหยาและสามพี่น้องไม่รีรอรีบเดินเข้าไปยังลานกว้างตรงหน้า เข้ากลมกลืนกับฝูงชนที่ส่งเสียงให้กำลังใจไม่ขาดสายดูไม่โดดเด่น

มนุษย์ห้ากับอีกหนึ่งสัตว์อสูรกำลังยืนรอใต้ลานประลองในลานกว้างอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งนี้ยังมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อนจากทั่วทุกทิศ

ไม่นานหลังจากนั้นพลันปรากฏร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนลานประลอง ยืนตระหง่านใจกลางสนามประลองที่ว่างเปล่า เสื้อภาพอาภรณ์ที่ชายหนุ่มคนนี้สวมดูวิจิตรตระการตา เพิ่มบารมีให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น เขาคนนี้อายุประมาณสิบแปดถึงสิบเก้าปีเห็นจะได้ ริมฝีปากแดง ซี่ฟันสีขาว คู่คิ้วทรงสวยเป็นคมดาบ ดวงตาสีใสบริสุทธิ์

การปรากฏตัวของเสี่ยวหยานผู้นี้ทำให้ทั่วลานประลองเกิดความโกลาหลขึ้นทันที บรรดาหญิงสาวในกลุ่มผู้ชมถึงกับเดือดพล่านกรีดร้องเสียงแหลมจนแสบสันแก้วหู

กรี๊ดดด! เสี่ยวหยาน! คุณชายเซียวหยาน! หล่อมาเลย!”

เสี่ยวหยาน ข้ารักท่าน!”

เสี่ยวหยาน! คุณชายเสี่ยวหยาน! ข้าขอรักท่านตลอดไป!”

………….

และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ บรรดาหญิงสาวเหล่านัน้ต่างโยนดอกไม้ให้ด้วยความเสน่หาจนกองเป็นภูเขา แม้แต่เหล่าศิษย์สถานศึกษาที่มีหน้าที่คุมความสงบยังมิอาจห้ามปราม

ชายหนุ่มหน้าหล่อที่ชื่อเสี่ยวหยานไม่ปฏิเสธน้ำใจเหล่าหญิงสาว เขารับตรงไปเก็บดอกไม้ทั้งหมดและโค้งศีรษะขอบคุณพวกนางอย่างสุภาพ จากนั้นค่อยส่งมอบไปให้ศิษย์ข้าลานประลองบอกให้ไปเก็บข้างสนามไว้ก่อน

ใครกัน? คนดังรึไง?”

สามพี่น้องที่เห็นถึงกับอาเจียน ถล่มน้ำลายลงพื้นไปทีหนึ่ง

เสี่ยวหยานผู้นี้เป็นยอดยุทธ์อันดับหนึ่งในศิษย์สายใน กล่าวกันว่าเขาสำเร็จอาณาจักรปราณเคียงฟ้ามาตั้งเนินนานแล้ว”

อวิ๋งชิงเหยากล่าวอธิบาย

โอ้…”

หลังจากนั้นไม่นาน ศิษย์สถานศึกษาคนหนึ่งก็ส่งแผ่นกระดาษและเครื่องรางขยายเสียงให้ใช้ป่าวประกาศ ในเวลานี้เองรอบตัวเสี่ยวหยานยังคงรายล้อมไปด้วยดอกไม้ที่บรรดาหญิงสาวโยนขึ้นมา พอเห็นแบบนั้นก็ชูมือขึ้นฟ้าระเบิดพลังแสงเจิดจ้าจรัส พุ่งเข้าใส่ดอกไม้เหล่านั้นที่ลอยลิ่วกลางอากาศ

ทันใดนั้นเองดอกไม้เหล่านั้นก็ถี่กระจาย ร่วงโรยลงมาเป็นกลีบดอกไม้นานาพันธุ์โปรยปรายดุจหิมะ ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งกลิ่นหอมสุคนทรสฟุ้งไปทั่วสนาม นี่ยิ่งเรียกเสียงกรีดร้องจากฝูงชนที่อยู่ด้านล่างยิ่งบ้าคลั่งโกลาหลกันเข้าไปใหญ่

ผ่านไปครู่ใหญ่ บนลานประลองกว้างก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลีบดอกไม้หอมชั้นบาง กอปรสายลมโฉยอ่อนพัดกลิ่นหอมโชย

เสี่ยวหยานรับเครื่องรางขยายเสียงดังกล่าวและหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างแช่มช้า

ยินดีต้อนรับพวกท่านทุกคนที่ให้เกียรติเดินทางกันเข้ามารับชม”

สุ้มเสียงส่งผ่านเครื่องรางขยายเสียง ดังออกมาชัดเจนฟังชัดทั่วเบื้องล่างลานประลอง น้ำเสียงสุภาพแต่มิได้เย็นชาดูห่างเหินจนเกินไป ดูหนักแน่นมั่นใจแต่หาใช่หยิ่งยโส ไม่ว่าใครได้ยินต่างรู้สึกสบายใจ

เสียงปรบมือดังกึกก้องจากล่างลานประลอง ส่วนสุ้มเสียงกรีดร้องให้กำลังใจยังคงดังระงมสม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวหยานคนนี้ดูเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง

ต่อจากนี้ข้าจะเริ่มอ่านรายชื่อเพื่อเชื้อเชิญขึ้นบนลานประลองแห่งนี้ ผู้มีสิทธิ์เข้าทดสอบท่านใดไม่ผ่านคือว่าสละสิทธิ์ไป และจะถูกติดสิทธิ์ไปโดยปริยาย”

เสี่ยวหยานกล่าวตามแผ่นกระดาษที่มีระบุเอาไว้เสียงดังฟังชัด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด