กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ – ตอนที่ 36 ปัญหาใหญ่หลวง

อ่านนิยายจีนเรื่อง กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ ตอนที่ 36 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 36 ปัญหาใหญ่หลวง

 

 

หลังจากออกจากภูเขาที่ถล่มไปแล้ว จี้เทียนซิงก็รีบวิ่งไปในหุบเขาลึกพร้อมกับจิ้งจอกตัวน้อยที่ซุกอยู่ในย่าม

 

ระหว่างทางเขาขบคิดในใจอย่างเงียบงัน

วันนี้เป็นเวลาที่ดอกไม้ดาราแดงจะเบ่งบานเต็มที่ ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต้องมารวมตัวกันในเทือกเขาเย่เป็นแน่ ข้าต้องตามหาดอกไม้ดาราแดงโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นหากต้องปะทะกับจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งคนอื่นๆซึ่งหน้าย่อมเป็นปัญหาใหญ่แน่แล้ว !

 

อย่างไรก็ตาม เทือกเขาเย่นั้นกว้างมากและมีระยะทางร่วมหนึ่งพันไมล์ ตลอดทั้งเทือกเขาไม่ทราบว่ามีทั้งหมดภูเขากี่ลูกด้วยซ้ำ

 

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะมีเข็มทิศสื่อวิญญาณดาราอยู่ในมือ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงจุดที่ดอกไม้เบ่งบานในเวลาอันสั้น

 

ด้วยหัวใจที่กระวนกระวาย ชายหนุ่มหันหน้าไปถามเสี่ยวปิงหูว่า “เสี่ยวปิงหู ดอกไม้ดาราแดงอยู่บนเขาลูกไหนเจ้าพอรู้ไหม ?”

 

เสี่ยวปิงหูกำลังขดตัวและนอนอยู่ในย่าม เมื่อมันได้ยินเสียงไตร่ถามของจี้เทียนซิง มันก็ตอบกลับโดยไม่แยแสว่า “วิ่งไปเหอะ เดี๋ยวใกล้พื้นที่แถวนั้นแล้วข้าจะบอกเอง  พวกเรายังอยู่ไกลออกไปมาก”

 

แน่นอนว่าคำตอบส่งเดชของมันทำให้จี้เทียนซิงไม่พอใจอย่างแน่นอน

 

เขาทุบหัวมันและจ้องมองอย่างจริงจังพลางกล่าวว่า “เสี่ยวปิงหู ข้าจริงจัง ดอกไม้ดาราแดงมีความสำคัญต่อข้ามาก  ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องได้มันมา หากเจ้ากล้ามีลูกเล่นกับข้า ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ !”

 

เสี่ยวปิงหูมิได้เก็บคำพูดข่มขู่ของจี้เทียนซิงมาใส่ใจ มันยังอ้าปากหาวบิดขี้เกียจอีกต่างหาก มันเอียงคอและมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “เฮ้ เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าหน่อยได้ไหม? ข้าเป็นดั่งเหนือหัวของเทือกเขาเย่ ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปีแล้ว !”

 

“ดอกไม้ดาราแดงอยู่ในเขตนี้แหละ ข้ามั่นใจว่าจะพาเจ้าไปถึงที่นั่นได้ก่อนมืดแน่นอน”

 

จี้เทียนซิงเห็นว่ามันไม่ได้มีท่าทางเหมือนโกหก เขาจึงเชื่อคำพูดของมันและมุ่งหน้าต่อไป

 

เสี่ยวปิงหูไม่ได้งีบหลับแล้ว มันเพียงโผล่หัวออกมาจากย่ามอย่างเกียจคร้านและพูดคุยกับชายหนุ่มว่า “เฮ้ เจ้าชื่ออะไร ?”

 

จี้เทียนซิงตอบกลับคำถามของมันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แซ่จี้ นามว่าเทียนซิง”

 

เสี่ยวปิงหูกล่าวพร้อมมีรอยยิ้มว่า “งั้นให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดี  เสี่ยวจี้ ?  จี้เอ๋อร์ ? หรือเทียนซิงน้อย ?  เลือกมาสักชื่อซิ”

 

 

“………..…”

 

จี้เทียนซิงหน้ามืดครึ้มและกล่าวว่า “เจ้าช่วยเอาคำต่อท้ายพวกนั้นออกไปได้ไหมเล่า !?”  (ทั้งหมดมันมีความหมายประมาณว่า หนูน้อยจี้)

 

“จะว่าไป เจ้ามันโคตรอ่อนแอเลย ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตมาตามหาดอกไม้ดาราแดงในเทือกเขาเย่ด้วย ?”

 

 

“…………”

 

ใบหน้าของจี้เทียนซิงยิ่งมืดมนเข้าไปอีก

 

“เฮ้ ! ข้าถามเจ้านะ ทำไมไม่พูดเล่า ?”

จี้เทียนซิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและขมวดคิ้วพร้อมทั้งกล่าวว่า “เจ้ามันเป็นปีศาจเฒ่าที่มีอายุร่วมร้อยปีแต่มาตะโกนใส่ข้าถามเอาๆแบบนี้มียางอายบ้างไหม”

 

“ไอ้หยา อย่าพูดแบบนี้ซี่….. ”

เสี่ยวปิงหูยิ้มเยาะและแสร้งทำเสียงเหมือนเด็กน้อยอยากโดนเอาใจ  “ข้ายังไม่แก่นะ  ความจริงแล้วอายุของข้าก็นับว่าเทียบเท่ากับมนุษย์อายุสิบขวบนั่นแหละ”

 

น้ำเสียงและลมหายใจของตระกูลจิ้งจอกมีเสน่ห์แต่โดยกำเนิด

 

น้ำเสียงที่ละเอียดอ่อนนุ่มนวลของเสี่ยวปิงหูนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกตัวสั่นเทาและอดไม่ได้ที่อยากจะปกป้องดูแล

 

อย่างไรก็ตาม จี้เทียนซิงไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เขามีแต่ความรู้สึกขนลุกซู่ อาจเป็นเพราะเขาเคยเห็นธาตุแท้ที่ดุร้ายเจ้าเล่ห์ของมันมาก่อนแล้ว

 

“สมองกลับเหรอ ? ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อย ถูกขังในถ้ำมืดๆมานานจนสมองฟั่นเฟือนหรือไง ?”

 

เสี่ยวปิงหูไม่โกรธต่อคำเสียดสีของจี้เทียนซิง มันเพียงยิ้มอย่างภาคภูมิ “เจ้าโกรธเหรอ ?  เฮ้…. ไม่เอาน่า แก้เบื่อไง”

 

“เจ้ามนุษย์เฒ่าที่จับข้ามาขังไว้มันเล่าเรื่องราวมากมายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในข้าฟัง  เช่นนิทานอะไรนะ ที่มีคนช่วยสุนัขจิ้งจอกที่บาดเจ็บ…..”

 

“…”

 

จี้เทียนซิงหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง เขาเพียงทำทีไม่สนใจมันและส่ายหัว ปล่อยให้มันพล่ามไปคนเดียว

 

เขาส่งเสียงพึมพำในใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตามตำนานกล่าวไว้ว่าจิ้งจอกล้วนเฉลียวฉลาดแสนรู้และเจ้าเล่ห์มาก  เจ้าตัวนี้อยู่มาแค่ 100 ปีก็เขี้ยวลากดินขนาดนี้แล้ว หากปล่อยให้มันเติบโตไปอีกสัก 300 หรือ 500 ปี มันไม่ครอบครองอาณาจักรทั้งทวีปและทำร้ายล้างโลกหรือ ?

 

 

ผ่านไปสามชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว

 

จี้เทียนซิงวิ่งไปตามทางเรื่อยๆจนข้ามภูเขาเจ็ดลูกติดต่อกัน และในที่สุดเขาก็เข้าสู่ส่วนลึกสุดของเทือกเขาเย่

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มที่มีพละกำลังสูงและมีความอดทน อย่างไรก็ตาม เขาเร่งรีบมาเป็นเวลานานแล้วและเต็มไปด้วยเหงื่อไหลท่วมตัวจากการเดินทางติดต่อกันไม่หยุด

 

พอตกเย็นเขาจึงหยุดที่เชิงเขาและนั่งที่เชิงเขาเพื่อพักผ่อน

เขาหยิบกาต้มน้ำและอาหารแห้งออกจากย่ามเพื่อนั่งกินอาหารฟื้นฟูพลังและร่างกาย เขารู้สึกกระชุ่มกระชายขึ้นมาก

 

เสี่ยวปิงหูก็หยิบเนื้อตากแห้งสองชิ้นจากในย่าม มันเรียนรู้ลักษณะการกินจากจี้เทียนซิง และใช้กรงเล็บเล็กๆจิกกินทีละชิ้นเพื่อค่อยๆลิ้มรสชาติอาหาร

 

จี้เทียนซิงเอนหลังผิงต้นไม้และถามว่า “เสี่ยวปิงหู เจ้าแน่ใจนะว่าดอกไม้ดาราแดงอยู่ในภูเขานี้”

 

เสี่ยวปิงหูเหลือบมองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจและพยักหน้า “แน่นอน ! ถามเซ้าซี้จัง เจ้าไม่เชื่อข้าหรือไง ข้าได้กลิ่นอายของมันแล้ว”

 

“กลิ่นของดอกไม้ดาราแดง !?” จี้เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามด้วยความประหลาดใจ

“เราเข้าใกล้มันแล้วหรือ ?”

 

หลังจากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้ง

 

เสี่ยวปิงหูขดริมฝีปากและกล่าวว่า “ไม่ต้องมองหาหรอก อย่างน้อยๆพวกเราก็ห่างจากมันร่วมสิบไมล์”

 

“นี่เจ้าได้กลิ่นไกลถึงสิบไมล์เลยหรือ ?!”

จี้เทียนซิงแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

 

เสี่ยวปิงหูเชิดศีรษะขึ้นและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าผู้นี้สุดยอดแค่ไหน  ประสาทสัมผัสทั้งห้าของข้าแหลมคมเหลือเชื่อจนเจ้าไม่อาจจินตนาการออกด้วยซ้ำ !”

“นอกจากนี้ดอกไม้ดาราแดงต้องได้รับแก่นแท้จากดวงทิตย์และดวงจันทร์เพื่อเจริญเติบโต แน่นอนว่ามันไม่ได้ทางอยู่ตามเชิงเขาโล่งๆแบบนี้หรอก มันน่าจะอยู่ในภูเขาด้านใน เจ้าต้องข้ามเขาลูกนี้ไปก่อนแล้วลองหาดูตามหน้าผา……”

 

เสี่ยวปิงหูพูดไม่ทันจบดีก็หยุดชะงักและตะลึงงัน  ดวงตาเป็นประกายแปลกๆ

 

จี้เทียนซิงเก็บข้าวของและกล่าวว่า “เวลาไม่คอยท่าแล้ว เรารีบไปกันเถอะ ขึ้นมา”

 

แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังก้าวเท้า เขาก็สังเกตเห็นว่าเสี่ยวปิงหูมีท่าทางแปลกไป จึงกระซิบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น หรือว่ามีการเคลื่อนไหวอื่นใดของดอกไม้ดาราแดง ?”

 

เสี่ยวปิงหูกระโดดเข้าไปในย่ามและขดตัวกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ดอกไม้ดาราแดงจะย้ายที่หลังจากเที่ยงวันและเที่ยงคืนหลังจากที่มันได้รับแก่นพลังจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  เจ้าต้องหามันให้เจอก่อนจะถึงเที่ยงคืน”

 

“แต่ตอนนี้เราอาจมีปัญหาเล็กน้อย….  เจ้าต้องเร่งฝีเท้าแล้ว ให้ไวด้วย !”

 

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและรีบวิ่งไปที่ภูเขาทัน

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากวิ่งไปได้เพียงครึ่งชั่วโมงและมาถึงกลางเขาก็มีเสียงดังกระหึ่มจากทางด้านหลังของเขา

 

เขาหันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณและเห็นบางสิ่งที่มีสีแดงเข้มอยู่ทางด้านหลัง  มันคือสัตว์อสูรที่มีรูปร่างเหมือนวานรกำลังวิ่งออกจากป่าและพุ่งเข้าหาเขา

 

สัตว์อสูรตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก แขนขาใหญ่หนาเหมือนถังขนาดใหญ่ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล

 

“นี่คือ… วานรเพลิงสีชาด ?!” จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันทีและใบหน้าของเขาก็มืดครึ้ม

 

“วานรเพลิงสีชาดมีพลังเทียบเท่ากับยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 6 อีกทั้งยังฉลาดและทรงพลังมากในบรรดาสัตว์อสูร!  เสี่ยวปิงหู นี่เหรอปัญหาเล็กน้อยที่เจ้าว่า ? นี่มันปัญหาใหญ่หลวงชัดๆ !”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด