POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) – ตอนที่ 36

อ่านนิยายจีนเรื่อง POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) ตอนที่ 36 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ผู้แปล loop

ตอนนี้เวลา 10.30 น.

ณ สำนักงานกิจการทั่วไป

เกาแพนเหว่ยและฉางจี้ได้เดินออกไปพร้อมกับโจวฉางจูเพื่อไปทำธุระบางอย่าง ส่วนต้าหลินเหม่ยและฉางจ้วงก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อรวบรวมเอกสารสำคัญสองอย่างให้กับหลี่ชิง แต่ไม่มีใครอยู่ในแผนกความลับทางราชการเลย ทั้งสองจึงนำเอกสารสำคัญเหล่านี้มาให้ทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงมีการประชุมกันอยู่ มีพนักงานสองคนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ แต่เอกสารเหล่านี้ต้องการระดับหัวเพื่อรับทราบและลงนาม ต้าหลินเหม่ย และ ฉางจ้วงจึงจะสามารถนำเอกสารกลับไปที่ผู้อำนวยการหลี่ชิงเท่านั้น

ดงซูบินบินกำลังดูแผ่นบันทึกเวลางาน จนพวกเธอกลับมา เขาถามว่า:“ ส่งเอกสารเสร็จแล้วหรอ?”

ต้าหลินเหม่ยนั่งลงบนเก้าอี้ของเธอ “หัวหน้าของแผนกความลับราชการไม่อยู่นะ และเอกสารก็ไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วยผู้อำนวยการหลี่เลยบอกพวกเราให้นำไปให้เขาในตอนบ่ายแทน”

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ เขาเลยถามเบา ๆว่า :“ หลินเหม่ย, เป็นเพราะฉันยังอยู่ในช่วงทดลองงานใช่ไม? ทำไมหัวหน้าโจวไม่เคยเลือกจ้วงจื่อ และฉันให้ไปส่งเอกสารสำคัญเหล่านั้น เขากลัวว่าเราจะแอบดูเอกสารพวกนี้หรอ?”

ต้าหลินเหม่ยหัวเราะขึ้นมาทันที่ “ ฉันก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เกิดอะไรขึ้น นายอิจฉาฉันกับพี่จ้วงเหรอ?”

ดงซูบินรู้สึกเสียใจมากก่อนที่พูดต่อไปว่า “ ฉันต้องการทำอะไรสักอย่าง แต่ฉันแค่รู้สึกว่าหัวหน้าดูเหมือนจะไม่ไว้ใจฉันเลย”

“ ไม่ใช่เขาที่ไม่เชื่อใจนาย……” ต้าหลินเหม่ยหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองไปรอบ ๆ สำนักงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาและแกล้งทำเป็นคุยเรื่องเอกสารกับเขา “ ฉันต้องการเตือนนายเมื่อวานนี้ ฉันคิดว่าหัวหน้าโจวอาจจะโกรธนายอยู่เล็กน้อย”

ดงซูบิยตกตะลึง “ เป็นไปไม่ได้……ฉันไม่ได้ทำอะไรให้หัวหน้าโกรธเลยนะ”

ต้าหลินเหม่ยพูดต่อไปว่า “ นี่เป็นเพียงความเห็นของฉัน ในวันนั้นเมื่อตอนนายมีปัญหากับฉางจี้นะ นายตั้งใจไม่ได้บอกว่านายเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าโจว และหลอกให้ฉางจี้มาพูดแย่ๆออกมาก็ถูกที่ฉางจี้ถูกหัวหน้าดุโจวดุ แต่นายเคยคิดบ้างไหมว่าสิ่งที่นายทำคือการบังคับให้หัวหน้าโจวก้าวเข้ามาดุฉางจี้โดยตรง เพราะเขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากลูกน้องคนหนึ่งของเขากำลังตะโกนอยู่ข้างนอก หากเขายังไม่ก้าวเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ลูกน้องคนอื่นๆจะเสียความเคารพต่อเขา และ ไม่เกรงใจเขาอีกต่อไป”

“ เหี้ย!” ดงซูบินรู้สึกว่านี่อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้

“ นั่นเป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าหัวหน้าโจวไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ในใจเขานี้แทบลุกเป็นไฟเลยล่ะ……นายควรรู้เรื่องนี้ไว้บางนะ” ต้าหลินเหม่ย ทำงานราชการมานานกว่าหนึ่งปี เธอรู้เรื่องเหล่านี้มากกว่าดงซูบิน “ หัวหน้าโจวขอให้ฉางจี้ติดตามเขาไปเพราะธุระของเขา คือ การใช้เทคนิคจิ้งจอกกับสิงโต(ใช้ความเจ้าเล่ห์ผสมพร้อมไปกับการใช้บารมี)  เนื่องจากเขาพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นหัวหน้าสำนักงานและไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องนั้นมันแย่ลงไปว่า อีกทั้งในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้นายอยากออกนอกหน้าไปมากกว่านี้”

ดงซูบินรู้สึกขอบคุณต้าหลินเหม่ยเป็นอย่างมาก “ ขอบคุณมากที่บอกเรื่องนี้กับฉัน หากเธอไม่ได้บอกฉัน ฉันก็จะยังคงสงสัยว่าทำไมหัวหน้าโจวจึงปฏิบัติต่อฉันแตกต่างจากคนอื่น นี่คือเหตุผลสินะ”

‘เฮ้อ …… ฉันยังไร้เดียงสาเกินไปสินะ’

ดงซูบินคิดกับตัวเองว่านี่เป็นบทเรียนสำหรับเขา ทันใดนั้นเขารู้สึกใจเย็นลงเล็กน้อยและเดินไปรีโมทแอร์ เขาพยายามที่จะเพิ่มอุณหภูมิ แต่ปุ่มกดมันดันเสียอยู่ มันไม่มีการตอบสนองใดๆเลยหลังจากกดไปพักหนึ่ง

“ น้องซูต้องกดแรงขึ้น กดให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้” ฉางจ้วงบอกกับ “ ปุ่มกดมันใกล้จะผังแล้วนะ”

“ แล้วมีใครรายงานให้ช่างเขามาซ่อมรึยัง?” ดงซูบินใช้แรงของเขากดมันลงไปจนมันส่งเสียง “บี๊บ” ตัวเลขอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแต่มันมาพร้อมกับรอยแตก “ เวรล่ะ! ขนาดการปรับอุณหภูมิยังต้องออกแรงเลย”

พี่หยางที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็หัวเราะขึ้นมา “ จริงๆมันก็ถูกส่งซ่อมหลายครั้งแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ดีสักที และเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการใช้งบประมาณที่สูงขึ้นจึงไม่ให้พวกเราเปลี่ยนเครื่องใหม่สักที ไม่เพียงแค่เครื่องปรับอากาศเท่านั้น เครื่องทำน้ำเย็นก็มีความผิดปกติเช่นกัน กาต้มน้ำไฟฟ้าในสำนักงานของผู้อำนวยการหลี่ชิงเหมือนกัน มันจะไม่หยุดทำงานเมื่อน้ำเดือด เขาจึงต้องกดน้ำก่อนมันจะเดือด”

มีคนเปิดประตูสำนักงานเข้ามา นั้นคือหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไป ผู้อำนวยการหลี่ชิง “ หัวหน้าสำนักหยานต้องการให้ใครซักคนที่จะช่วยเขายกของ ผมขอคนขึ้นไปช่วยเขาหน่อย” ชื่อเต็มของหัวหน้าสำนักหยาน คือหยายเหลียง เขาเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาในเขตนี้และเป็ยหัวหน้าที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้ เขามีอำนาจมากกว่าผู้แทนทางการเมืองของอำเภอ

เมื่อได้ยินว่านี้เป็นการช่วยหัวหน้าสำนักหยาน มันทำให้ดงซูบินต้องยืนขึ้น “ ผู้อำนวยการหลี่ ผมจะไปเองครับ”

หลี่ชิงมองไปที่เขาแล้วหัวเราะ “ไม่เป็นไร. จ้วงจื่อไปกันเถอะ เขาดูแข็งแรงกว่า”

จ้วงจื่อหยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และติดตามหลี่ชิงออกจากสำนักงานทันที

ดงซูบินตบขาเขาด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาในสำนักงานเริ่มลดลงเรื่อย ๆ

ในอีกด้านหนึ่งรถยนต์กำลังเดินทางกลับมาที่สำนักงานสาขาเขตตะวันตก โจวฉางจูกำลังถามอย่างตั้งใจ “ นายคิดอย่างไรกับซูบิน”

เกาแพนเหว่ย ซึ่งกำลังขับรถอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจกับคำถามนี้ “ ซูบินยังเด็กเกินไป แม้ว่าผลงานของเขาจะดีก็ตาม แต่เขาก็หุนหันพลันแล่นมากเกินไปอยู่ดีนะครับ…….” เขากลัวว่าดงซูบินจะต้องมาแข่งขันกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดว่าร้ายซูบินอย่างเต็มที่

ฉางจี้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของโจวฉางจู เขาล้างคอของเขาและกล่าวว่า “ หัวหน้าโจว ผมจะขอไม่แสดงความคิดเห็นล่ะกันนะครับ เพราะผมมีความขัดแย้งกับซูบินก่อนหน้านั้น แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป เพียงเพราะเขาเขียนร่างคำปราศรัยให้รองหัวหน้าสำนักหยาง เขาจึงภูมิใจและไม่เคารพคุณ วันนั้นเขาหลอกผม ถ้าผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่เรียกเขาเข้าไปในห้องของคุณผมก็จะไม่ทำยังงั้น……”

โจวฉางจูเริ่มขมวดคิ้ว

ฉางจี้จึงก็หยุดพูดไป เขาหัวเราะอยู่ภายในใจ ดูเหมือนว่าหัวหน้าโจวจะไม่พอใจกับดงซูบินมาก

เกาแพนเหว่ยก็คิดอยู่ในใจของเขาเช่นกัน หัวหน้าโจวไม่ค่อยเชื่อใจซูบินมากนัก ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง เขาจะไม่เริ่มบทสนทนานี้กับทั้งคู่ด้วยเหตุใดกัน

ณ โรงอาหารของสำนักสาขา

ดงซูบิน,ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจือกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ เพื่อทานอาหารกลางวันดงซูบินกำลังคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนความประทับใจของโจวฉางจู และทำให้เขากลับมาไว้วางใจเขาจากหัวหน้าทั้งสองของสำนักงานกิจการในระหว่างรับประทานอาหาร เขาเริ่มคิดหนัก แต่ก็ไม่สามารถคิดหาทางออกที่ดีได้เลย ดงซูบินได้แต่ถอนหายใจ มันซับซ้อนเกินไปที่จะอยู่รอดในหน่วยงานี้ ถ้าสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปมันอาจะใช้เวลาเป็นปี ก่อนที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาต้องการโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และเห็นโจวฉางจูและหลี่ชิง เดินเข้ามาในโรงอาหาร

ดงซูบินร้องเรียกพวกเขา “ หัวหน้าโจวครับ” แต่พวกเขาไม่ได้ยินเขาและนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างไม่ไกล  ดงซูบินจึงนั่งลงและกินข้าวเที่ยงต่อไป

หลี่ชิงจำได้บางอย่างได้และขมวดคิ้ว “ พี่โจว ฉันถอดปลั๊กกาต้มน้ำไฟฟ้าในห้องรึยัง?”

โจวฉางจู ตอบ “ ผมไม่ได้สังเกตเห็นตอนที่เราออกจากสำนักงานของหัวหน้าเลยนะครับ” เขารู้ว่ากาต้มน้ำไฟฟ้าในห้องของหลี่ชิงนั้นไม่ค่อยดี ไม่ว่าน้ำจะเดือดนานแค่ไหนก็จะไม่หยุดให้ความร้อนจนกว่าคุณจะถอดปลั๊กออก “ เดียวผมขึ้นไปดูให้นะครับ?”

หลี่ชิงตอบว่า“ มาทานอาหารเที่ยงกันก่อนดีกว่า”

ดงซูบิน และ ต้าหลินเหว่ยได้ยินการสนทนาของพวกเขา  มันทำให้ดงซูบินต้องการเดินไปหาพวกเขาและเสนอตัวไปดูกาต้มน้ำให้พวกเขา แต่เขาจำได้ว่ามีเอกสารสำคัญหลายอย่างในสำนักงานของหลี่ชิง และมีแนวโน้มว่าเขาจะไม่อนุญาตให้เข้า ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเดินไปหาพวกเขาทั้งสอง

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกโรงอาหาร

ทุกคนมองออกไปตรงนั้นสิ “ มีอะไรผิดปกติ”

“ไฟ. อาคาร ควันเทาๆ ไฟไหม้!!!!!”

“อะไรนะ?”

“อา……”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด