POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) – ตอนที่ 102

อ่านนิยายจีนเรื่อง POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) ตอนที่ 102 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 102 พบตัวคนร้าย!

ผู้แปล loop

ดงซูบินเข้ามาในสำนักงานโดยไม่พูดอะไรสักคำแล้วโยนเอกสารที่เขาถืออยู่ลงบนโต๊ะ เขานั่งลงและบ่นพึมพำในขณะที่นวดขมับไปด้วย ดงซูบินรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง สำหรับคนอื่นๆแล้วนี่อาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากนักและพวกเขาอาจมองว่าดงซูบินนั้นยังอ่อนประสบการณ์ในการทำงานอยู่มาก แต่ในทางกลับกันดงซูบินกับคิดว่าในฐานะหัวหน้างานเขามีหน้าที่ตรวจสอบงานของผู้ใต้บังคับบัญชา นี่เป็นงานของเขาและเห็นได้ชัดว่าโจวเกาต้องการจะตำหนิเขาอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะบอกกับโจวเกาว่าความผิดทั้งหมดนั้นเป็นของฉางจ้วงกับต้าหลินเหม่ยที่เป็นคนเตรียมเอกสาร แต่มันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดีเพราะอย่างไรก็ตามโจวเกาก็จะดึงประเด็นทั้งหมดมาลงโทษเขาอยู่ดี อะไรคือจุดที่ทำให้สองคนทำงานพลาดเช่นนี้กันแน่?

“ตึกๆ” มีคนอยู่หน้าประตูสำนักงานของดงซูบิน

“เข้ามา.”

คนๆนั้นคือ ฉางจ้วงและต้าหลินเหม่ย หลังจากปิดประตูสำนักงานน้ำตาของต้าหลินเหม่ยก็เริ่มไหลออกมา เธอยืนอยู่ด้านหน้าดงซูบินและร้องไห้ออกมา ดวงตาของฉางจ้วงเองกก็มีสีแดงกลำเช่นกันและเธอก็พูดว่า:“ หัวหน้าซูบิน, น้องต้าเหม่ยและดิฉันทำผิดพลาดครั้งใหญ่แต่หัวหน้ากลับย้อนรับผิดทั้งหมดแทนพวกเรา  เรา……”

ดงซูบินพยายามยิ้มแล้วกล่าวว่า“พี่จ้วง ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิดพลาด และทุกคนก็สามารถทำผิดพลาดได้ หลินเหม่ยเธอหยุดร้องไห้ได้แล้ว”

ฉางจ้วง เช็ดน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของเธอ:“ แต่ฉัน…… แต่……”

ต้าหลินเหม่ย ยังคงสะอื้นอยู่:“ อึก, อึก … .. ฉันขอโทษนะคะหัวหน้า……”

ตอนนี้ดงซูบินได้ทำหน้าที่หัวหน้าที่ดีและแสดงความเป็นผู้นำที่สง่างามออกมา “ อย่าไปใส่ใจเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ กลับไปทำงานของทั้งคู่ได้แล้ว ไป.”

ต้าหลินเหม่ยยืนร้องไห้อยู่พักหนึ่งแล้วเดินออกไปกับฉางจ้วง

ณ นอกสำนักงานใหญ่พี่หยาง กล่าวว่า:“ เธอทั้งคู่ได้เจอกับหัวหน้าที่ดีแล้วล่ะ นั้นคือหัวหน้าซูบินของเรา ถ้าเป็นหัวหน้าคนอื่นล่ะก่อ……” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อไป

จ้วงจือเองก็รีบเดินไปหาต้าหลินเหม่ยอย่างรวดเร็ว

จางจ้วงเธอถอนหายใจ “ ฉันรู้สึกไม่ดี ไม่ใช่ความผิดของหัวหน้าซูบินสักหน่อย แต่เป็นเพราะพวกเราตั้งหาก……”

พี่หยางพูดขัดจังหวะเธอ:“ ฉายาของหัวหน้าซูบินของเราคือนักผจญเพลิง หากเขาสามารถช่วยหัวหน้าของเขาให้พ่นจากไฟที่อยู่หน้าบ้านได้ เขาก็จะไม่มีปัญหาในการดับไฟในสวนหลังบ้านของเขาเองเช่นกัน เชื่อฉัน”

ฉางจ้วงพยักหน้า เธอหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีสำหรับดงซูบิน

ในส่วนของฉางจี้เองเขายังคงพิมพ์งานของเขาต่อไปราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขากังวล เขาเงยหน้าขึ้นและมองทุกคนในสำนักงานและแอบยิ้มแบบแบบมีลับลมคมใน

……

3 วันต่อมา

ในวันพฤหัสบดี

ดงซูบินกำลังรอการลงโทษจากผู้ว่าการทางการเมืองโจว แต่หลังจากผ่านไปหลายวันเขาก็ยังไม่ได้รับคำสั่งใดๆที่มาถึงเขาเลยดงซูบิน คิดว่าผู้ว่าการทางการเมืองโจวคงลืมเหตุการณ์นี้ไปแล้ว หรือไม่เขาก็ตระหนักว่านี่เป็นความผิดพลาดที่จริงๆและเขาอาจคิดได้ว่าการกระทำครั้งนี้ไม่ใช่การยั่วโมโหเขา ‘ฮะ? แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงานดงซูบินก็เริ่มเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้าน เขาเก็บข้าวของของเขาและก่อนที่เขาจะก้าวออกมาจากห้องทำงานเล็ก ๆ ของเขา เขาก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจ!

โจวเกาจะได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของสำนักงานสาขาและข่าวนี้ได้รับการยืนยันแล้ว

ผู้ว่าการทางเมืองคนใหม่ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ชื่นชมเหมือนอย่างเช่น เสียวหยาน หรือ ปางปิน แต่กลับเป็นเฉิงไห่เหม่ยซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโจวเกา ไม่แน่ใจว่าเธอใช้เส้นสายใดเพื่อรับตำแหน่งนี้!

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสาขาเริ่มมีเปลี่ยนแปลงและดงซูบินรู้สึกว่าตำแหน่งของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย!

ข่าวนี้เป็นข่าวที่น่าตกตะลึงมากขึ้นก็คนที่ได้เสนอชื่อให้เขาอบรมการทางพรรคคอมมิวนิสต์ของเขตตะวันตกนั้นที่ได้รับคัดเลือกจากหัวหน้าส่วนทั้งหมดก็คือฉางจี้!

เมื่อดงซูบินได้ยินสิ่งนี้เขาแทบจะอยากไม่เชื่อ ทำไมฉางจี้ถึงได้การเสนอชื่อให้เข้าอบรมกัน?

ดงซูบินนั่งลงที่ห้องทำงานของเขาและคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ากระดูกสันหลังของเขาเริ่มเย็บหวาย แค่นั้นแหละ. โจวเกาต้องการติดตามเหตุการณ์นั้น จากนั้นก็ให้ฉางจี้เป็นผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรสำคัญในครั้งนี้ ด้วยวิธีนี้เขาสามารถเลื่อนตำแหน่งให้กับฉางจี้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งโจวเกาจะเป็นหัวหน้าสาขาและผู้ว่าการทางการเมืองฝ่ายสำนักงานสาขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาด้วยอีกเช่นกัน ด้วยวิธีนี้เขาสามารถโอนผู้อำนวยการหลี่ชิงไปยังตำแหน่งอื่นได้อย่างง่ายดายและให้ฉางจี้เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไปแทน หากเป็นเช่นนั้นฉางจี้จะกลายเป็นผู้ควบคุมสำนักงานกิจการโดยตรงและดงซูบินจะตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของเขา!

‘เวรเอ๋ย!’

‘นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!’

ดงซูบินเริ่มคิดอย่างจริงจัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขา

ฉางจี้จะเป็นหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไปและจะเป็นหัวหน้างานโดยตรงของเขา

เมื่อคนๆหนึ่งเริ่มเข้าตาจน ความคิดของพวกเขาจะเริ่มคิดอย่างรวดเร็วซึ่งตอนนี้ดงซูบินก็เป็นเช่นนั้น เขาเริ่มคิดหนักในสิ่งที่เขาควรทำและตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างในทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีและโทรไปที่สำนักงานภายนอก “ ต้าหลินเหม่ย! เรียกฉางจ้วงมาด้วย ฉันอยากพบทั้งทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานของฉัน!”

10 วินาทีต่อมาฉางจ้วงและต้าหลินเหม่ยเข้ามาในห้องทำงานของเขา “ หัวหน้าซูบิน” ทั้งคู่เคยได้ยินว่าฉางจี้จะไปเข้ารับการอบรมที่โรงเรียนสอนผู้บริหารของพรรคคอมมิวนิสต์ พวกเขากังวลและรู้ว่าอำนาจของหัวหน้าดงซูบินอาจจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า เมื่อโจวเกาดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานสาขาเขาจะผลักดันฉางจี้ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไป ซึ่งดงซูบินเองเป็นคนที่ทำให้หัวหน้าสำนักงานสาขาและหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไปนั้นไม่พอใจเขาน่าจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีอีกต่อไปอย่างแน่นอน!

“ หลินเหม่ย พี่จ้วง ผมอยากให้ทุกคนบอกความจริงกับผม” ดงซูบินทำท่าทางจริงจัง

ฉางจ้วงตอบทันที:“ หัวหน้าคือคนที่ช่วยเรา เราจะมีอะไรปิดบังหัวหน้าซูบินกัน”

ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามว่า:“ 3 วันที่แล้วใครเป็นคนที่ทำเอกสารผิดพลาดให้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจว?”

ฉางจ้วงและต้าหลินเหม่ย มองหน้ากันและมันก็เป็นต้าหลินเหม่ยที่พูดขึ้นมาว่า:“ มันดูเหมือนว่าอาจจะเป็นดิฉันนะคะเพราะมันเป็นความรับผิดชอบของดิฉัน แต่ดิฉันสาบานว่าเราทั้งคู่ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อนที่เราจะนำมาให้หัวหน้าแล้ว. เราได้ตรวจสอบทุกหน้ามันไม่มีภาพเหล่านั้นอยู่เลย!”

ฉางจ้วงเพิ่ม:“ ถูกต้อง นอกจากนี้เรายังไม่ทราบว่ารูปภาพเหล่านั้นรวมเข้ากับเอกสารได้อย่างไร”

ดงซูบินหยุดคิดไปชั่วขณะหนึ่ง “ เราเก็บเอกสารทั้งหมด 13 ชุดไว้ในห้องทำงานของฉันและเราไปทานมื้อกลางวันกัน ฉันกลับมาหลังทั้งคู่ แล้วใครกลับมาก่อนทั้งสองคน?”

ฉางจ้วงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบว่า“ ดิฉันกลับมาเร็วกว่าน้องหลินเหม่ย”

ดงซูบินมองไปที่เธอ:“ ตอนนั้นใครอยู่ในสำนักงานตอนที่ที่พี่จ้วงกลับมา?”

“อา?หัวหน้ากำลังสงสัยหรอค่ะ ว่าใครกำลังกลั่นแกล้งพวกเรา!!” ฉางจ้วงตกใจมาก “ ตอนนั้นที่ดิฉันจำได้ก็จะมี…… ฉางจี้, เกาแพนเหว่ย และ พี่หยางที่อยู่ในสำนักงาน”

“โอเค. อย่างงั้นเรียกพี่หยางเข้า”

ฉางจ้วงออกไปเรียกเขา

หลังจากพี่หยางเข้ามาในห้องทำงานของดงซูบิน ดงซูบินก็ถามขึ้นมาทันทีว่า“ พี่หยาง พี่จำเหตุการณ์ที่เกิดข้อผิดพลาดในการประชุมเกี่ยวเอกสารได้หรือป่าว มีคนเข้ามาสำนักงานของผมตอนผมไม่อยู่ใช่ไหม”

พี่หยางขมวดคิ้ว “วันจันทร์หรอ? ไม่นะ ตอนฉันกลับมาจากมื้อกลางวัน ฉางจี้ก็กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง”

ดงซูบินถามว่า:“ เขาอยู่คนเดียวเหรอ?”

“ใช่.”

“โอเค. ฉันเข้าใจแล้ว. พวกคุณทุกคนกลับไปได้แล้ว”

ต้าหลินเหม่ยถามอย่างดุเดือด:“ หัวหน้าสงสัย…… ฉางจี้เป็นคนที่เปลี่ยนเอกสารใช่ไหม!”

ฉางจ้วงและพี่หยางก็ตกตะลึง ถ้านี่เป็นเรื่องจริงฉางจี้นั้นชั้งกล้าดีจริงๆ !

ดงซูบินสงสัยว่าฉางจี้ไม่ใช่แค่ผู้ต้องสงสัย แต่เขาแน่ใจว่าฉางจี้นี้แหละเป็นคนกลั่นแกล้งเขา!

เนื่องจากฉางจี้เป็นคนเดียวที่ได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์นี้!

‘หมอนี้! แกทำเกินไปแล้ว!’

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด