POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) – ตอนที่ 183

อ่านนิยายจีนเรื่อง POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) ตอนที่ 183 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 183  แม่ลูกผู้อาภัพ

ผู้แปล loop

 

*** ขออภัยทุกท่านที่หายไปนานเนื่องจาก นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องค่อนข้างช้าจึงพักไปนาน และ ไปปรับปรุงการแปลมา แจ้งเรื่องชื่อของตัวละคร แม่ลูก ต่อจากนี้ผู้เป็นแม่ชื่อ หยูเหม่ย และ ลูก ชื่อ หยูเจียวเจียว ขอบคุณครับ****

 

ถนน ฉางปิง

 

ดงซูบินทำท่าทางไม่สนใจขณะที่คนขับรถก็ยังคงตะโกนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นและดงซูบินก็ได้เข้าไปช่วย หยูเหม่ย และ หยูเจียวเจียว เก็บของขึ้นมา ขณะที่พวกเธอกำลังจะเดินออกไป ก็มีชายคนหนึ่งลงจากรถออดี้คันนั้น จากที่ดูคร่าวๆเขาเป็นอชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 ปีมีจมูกแบนๆและคิ้วบาง ดูเหมือนเขาจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง

 

“ อะไรกันคิดว่าทำร้ายคนของฉันแล้วจะหนีไปง่ายๆอย่างงั้นหรอ” โจวหยางมองไปที่พวกเธออย่างเย็นชา “ วันนี้พวกเธอทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้หนีไปไหนทั้งนั้น!”

 

หยูเหม่ยถึงกับตื่นตระหนกและคว้าตัวลูกสาวให้ขยับเข้ามาใกล้เธอ

 

ดงซูบินเองก็มองไปที่เขาคนนั้น “ คุณเองสั่งให้คนขับรถมาลักพาตัวผู้หญิงตามท้องถนนและคุณยังไม่สำนึกอีกหรอ คุณเองก็คงไม่ได้ตาบอดและน่าจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเองไม่ใช่คนตีคนขับรถของคุณ เป็นคนขับรถของคุณที่พยายามตีผมก่อนและฉันแค่ทำการป้องกันตัวก็แค่เท่านั้น ฮ่า ๆ ผมเองยังไม่ได้เอาเรื่องกับคุณเลย และคุณยังมีหน้ามาสั่งพวกเราอีกหรอ? เฮ้อ!. ฉันอยากจะเห็นจังว่าคุณจะหยุดพวกเราได้อย่างไรกัน!”

 

ฝูงชนโห่ร้อง “ เขาแค่ป้องกันตัว คนขับรถคนนั้นสมควรโดนแล้ว!”

 

“ถูกตัอง. พวกเราทุกคนเห็นว่าเป็นคนขับที่พยายามจะหาเรื่องพ่อหนุ่มคนนี้ก่อน!”

 

ใบหน้าของโจวหยางเปลี่ยนไปและจ้องไปที่ดงซูบิน และ หยูเหม่ย “มันจะมากไปแล้ว! พวกแกไม่ใช่หรอที่ทำร้ายคนขับรถของฉัน!” เขาถือโทรศัพท์และเหมือนว่าเขากำลังจะโทรหาใครสักคนที่อยู่ในรถ

 

“ฮึ่ม!” ดงซูบินหันมาและบอกว่า “ พี่สาวไปกันเถอะ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านเอง”

 

หยูเหม่ยมองไปที่ดงซูบินด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น “ขอโทษด้วย ฉันสร้างปัญหาให้คุณมากมายจริงๆ”

 

ดงซูบินตอบกลับไปว่า “ มันไม่มีอะไรหรอก หยุดร้องไห้ได้แล้ว. ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย.”

 

ทันใดนั้นมีเสียงไซเรนของตำรวจและรถตำรวจที่กะพริบมาหยุดอยู่ใกล้ฝูงชน เจ้าหน้าที่ทั้งสองลงจากรถตำรวจและเริ่มสลายฝูงชน “ไปให้พ้น! ไปให้พ้น!” พวกเขาเดินไปที่โจวหยางอย่างรวดเร็วและจากการแสดงออกของพวกเขาพวกเขารู้จักกันและกัน “ ผู้จัดการโจวเกิดอะไรขึ้น?”

 

ฝูงชนรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและบางคนก็พยายามส่งสัญญาณขอให้ดงซูบินหนีไป

 

หยูเหม่ยเองเธอถึงกับหน้าซีดและรีบกอดลูกสาวของเธอก่อนที่จะบอกดงซูบิน “ คุณ…หนีไปเถอะเร็วเข้า”

 

ดงซูบิน ตอบ “ทำไมต้องหนี? ตำรวจอยู่ที่นี่แล้ว มาดูกันว่าพวกนั้นจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!”

 

หยูเหม่ยซีถึงกับตื่นตระหนก “ พวกนั้นเป็นพวกกัน พวกนั้น…พวกนั้น…คุณเองจะเสียเปรียบนะ”

 

โจวหยางชี้ไปที่คนขับรถของเขาซึ่งยังอยู่บนพื้น “ คนขับรถของฉันเห็นคนขอทานตามถนน เขาเข้าไปช่วยและถูกผู้ชายคนนั้นทำร้าย ตำรวจเมืองฉางไห่ทำอะไรอยู่ ห่ะ?”

 

ใบหน้าของตำรวจเปลี่ยนไป “ ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น”

 

โจวหยางชี้ไปที่ดงซูบิน “ไอ้หมอนั้น. จับมันทันที!”

 

“ ไม่ต้องกังวลผู้จัดการโจวเราจะจับกุมผู้ร้าย” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดและหยิบกุญแจมือออกมาขณะที่เขาเดินไปหาฝูงชน

 

ผู้สัญจรบางคนกล่าวว่า “ ทำไมไม่ถามเรื่องราวก่อนจับคนล่ะ ฉันอยู่ที่นั่นตลอดเวลาและเป็นคนขับรถที่ทำร้ายชายหนุ่มคนนั้นก่อน!”

 

บางคนพยายามพูดเพิ่มเติมขึ้นมา “ถูกแล้ว. คนขับรถคนนั้นพยายามลักพาตัวผู้หญิงไป! แม่และลูกสาวของเธอ ปฏิเสธที่จะไปกับพวกเขาและ คนขับรถพยายามฉุดกระฉากเธอขึ้นไป!”

 

“ ฉันก็เห็นมันด้วย! ถ้าคุณจะจับใครสักคนคุณควรจับกุมคนขับออดี้ คนนั้น!”

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองไม่สนใจฝูงชนและเดินเขามาพร้อมกุญแจมือ

 

หยูเจียวเจียว กำลังร้องไห้ขณะที่เธอมองไปที่ดงซูบิน “ พี่ชาย…”

 

ดงซูบินลูบหัวเธอ “ทุกอย่างจะปกติดี. ไม่ต้องกังวล” เขาหันไปทางตำรวจและยิ้มอย่างเย็นชา เขายื่นมือทั้งสองข้างและพูดว่า “ มาเร็วเข้ามาจับฉันสิ”

 

หยูเหม่ย, โจวหยางและฝูงชนต่างตกตะลึง ผู้ชายคนนี้บ้าหรือเปล่า เขากำลังขอให้เจ้าหน้าที่มาจับตัวเขาไว้?

 

เจ้าหน้าที่ทั้งสองหัวเราะ พวกเขาไม่เคยเจอใครที่กล้าทำแบบนี้มาก่อน  นายทำร้ายคนขับรถของมิสเตอร์โจว และคิดว่าเราไม่กล้าจับนายเหรอ? แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปใกล้และเห็นใบหน้าของชายคนนั้นภายใต้แสงไฟสลัวพวกเขาก็ถึงกับตะลึง

 

ดงซูบินยื่นมือของเขา “ เร็วเข้า! คุณไม่ได้บอกว่าคุณต้องการจับกุมฉันหรือ “

 

เจ้าหน้าที่ทั้งสองเหงื่อท่วมตัว เวรล่ะ! จับกุมบ้าอะไร?! ใครจะกล้าจับคุณท่านกันล่ะ!

 

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ที่นั่นด้วยความตกตะลึงดงซูบินก็ชี้ไปที่พวกเขาและเริ่มดุด่า “ พวกนายลืมกฎหมายทั้งหมดที่นายเรียนมากแล้วหรือยังไง? อา? ไม่ต้องหาว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากมาถึงที่เกิดเหตุก่อน?! นายทั้งสองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นและนายต้องการจับกุมฉัน? นายสองคนยังเป็นตำรวจอยู่ไหม และหน้าที่ของนายคือการรับใช้ประชาชนถูกไหม! แต่นายไม่ฟังประชาชน! นายสองคนยังอยากใส่เครื่องแบบนี้อยู่รึเปล่า!”

 

ทุกคนมองไปที่ดงซูบินด้วยความตกใจ คนนี้คือใคร?

 

โจวหยางตกตะลึงเมื่อเขาตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

 

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา “ หัวหน้าซูบิน คุณพูดถูก เราจะดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์นี้ทันที”

เจ้าหน้าที่อีกอุทานขึ้นมาในใจคนขับรถของมิสเตอร์โจวพยายามทำร้ายหัวหน้าดงซูบินอย่างงั้นหรอ? แต่โดนสวนกลับจนไปนอนกองกับพื้นเลยเนี่ยนะ!

 

หัวหน้าซูบิน ???

 

รองหัวหน้าสำนักที่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่!

 

โจวหยาง มองไปที่ ดงซูบิน

 

หยูเหม่ย ลูกสาวของเธอและคนอื่น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ หลายคนเคยได้ยินว่ามีรองหัวหน้าสำนักที่อายุน้อยมาก แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นหนุ่มคนนี้ !!

 

หยูเหม่ยก้าวถอยหลังและถาม “ คุณ…คุณเป็นหัวหน้าสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะใช่ไหม”

 

ดงซูบิน ตอบ “ ใช่ผมเป็นรองหัวหน้า. ตอนนี้ไม่ต้องกังวล. ตอนนี้ตำรวจมาถึงแล้วและบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้”

หลังจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองพบว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็มองหน้ากันมิสเตอร์โจวเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้ แต่หัวหน้าซูบินโหดเกินไปที่จะหักขาคนขับคนนั้น ใช่มั้ย? คนขับรถของมิสเตอร์โจวเป็นอดีตทหารแต่หัวหน้าซูบินเพิ่งจบการศึกษามาๆใหม่ๆจากมหาวิทยาลัยทั่วไป แล้วหัวหน้าซูบินจะเอาชนะคนขับได้อย่างไร?

 

โจวหยางมองพวกเขาจากระยะไกลและไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปที่โจวหยาง และกระซิบกับดงซูบิน “ หัวหน้าซูบินนั่นคือโจวหยางเรารู้จักเขาในฐานะ ผู้จัดการโจว”

 

ดงซูบินมองไปที่เจ้าหน้าที่และคิดกับตัวเอง ใครจะสนใจว่าเขาเป็นผู้จัดการหรือผู้บริหารระดับสูงของบาง บริษัท เขาไม่ใช่เจ้านายด้วยแล้วทำไมฉันต้องสนใจว่าเขาชื่ออะไร?

 

เจ้าหน้าที่รู้สึกว่าดงซูบินไม่เข้าใจความหมายและอธิบาย “ เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าโจวจากสำนักของเรา”

 

ดงซูบินหยุดคิดชั่ววินาที หัวหน้าโจว? รองหัวหน้าที่สนิทสนมกับหัวหน้าหู? คนที่น่ารำคาญคนนั้น? มิน่าเล่า! เขาดูเหมือนพ่อเหมือนลูกกันดีจริงๆ! ดงซูบินเองก็ไม่ถูกกับหัวหน้าโจวเช่นกัน!

 

“ คุณสองคน…” ดงซูบินไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครเห็นหน้า “ อยู่ข้างหลังและบรรยายเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในที่สาธารณะ!”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่กล้าปฏิเสธดงซูบินและพยักหน้า

 

จ่าวหยานกัดฟัน แต่ไม่พูดอะไรสักคำ เขารู้ดีว่าฝ่ายของพ่อของชายคนนั้นมีปัญหากับรองหัวหน้าซูบินที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่และเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้พ่อของเขาอีก

 

หลังจากจัดการปัญหาทั้งหมดแล้ว ดงซูบินกล่าวกับแม่และลูกสาวสองคนนั้นว่า “ สาวน้อยไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอเอง”

 

หลังจากขึ้นรถแล้วหยูเจียวเจียวมองไปรอบ ๆ ภายในรถอย่างสงสัยและเริ่มสัมผัสรถ

 

หยูเหม่ยตกใจและรีบหยุดลูกสาวของเธอ “ เจียวเจียวอย่าทำให้รถของหัวหน้าซูบินสกปรกสิ” หยูเจียวเจียว พยักหน้าและพิงแม่ของเธอหยูเหม่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง:“ ดง เอ่ย! …  หัวหน้าซูบิน …ขอบคุณที่ช่วยเราไว้”

 

ดงซูบินหัวเราะ “ไม่เป็นไร. พวกคุณพักที่ไหน?”

 

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของหยูเหม่ย “ เรา…ไม่มีบ้าน เราขายทุกอย่างแล้ว”

 

“ แล้วฉันจะส่งคุณไปที่ไหน”

 

“ มีโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ใกล้ชายขอบของเมือง เราอาศัยอยู่ที่นั่น”

 

ดงซูบินพยักหน้าและเริ่มขับรถ “ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณ”

 

หยูเหม่ย:“ ฉันชื่อ หยูเหม่ย และนี่คือลูกสาวของฉันหยูเจียวเจียว”

 

“ สามีของคุณ…คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม คุณเป็นหนี้เท่าไหร่” ชีวิตของหยูเหม่ยและลูกสาวของเธอนั้นคล้ายกับดงซูบินใน เมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้ ดงซูบินต้องการช่วยพวกเธอจริงๆ

 

หยูเจียวเจีวเริ่มร้องไห้อีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้

 

หยูเหม่ยตีลูกสาวของเธอเบาเบาและน้ำตาของเธอก็เริ่มไหล “ สามีของฉันยืมเงินไปเล่นการพนันและหมดตัว หลังจากนั้น……เขาก็หนีไปในเมือง เจ้าหนี้มาปรากฏตัวและบังคับให้เราขายที่ดินและบ้านของเรา”หยูเหม่ย ร้องไห้ดังมาก “ เราเป็นหนี้อยู่ 1 ล้านหยวน ฉันคิดว่าต่อให้ฉันใช้หนี้ทั้งชีวิตมันก็จะไม่หมดง่ายๆ”

 

หยูเจียวเจียวก็ร้องไห้ออกมา “แม่…”

 

มันมากขนาดนั้นเลยหรอ? ดงซูบินไม่มีเงินมากมายที่จะช่วยเหลือพวกเธอ เพราะบริษัทประมูลของเขายังไม่มีเงินสดสำรองเพื่อช่วยเหลือบริษัทเองเลย

 

หยูเหม่ย และ หยูเจียวเจียว ลงจากรถหลังจากที่พวกเขามาถึงโรงแรมนอกเมือง แต่ดงซูบินสังเกตเห็นแม่และลูกสาวไม่ได้เข้าไปในโรงแรม แต่พวกเขาเดินไปด้านหลังของโรงแรมดงซูบินประหลาดใจและติดตามพวกเขาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นหยูเหม่ย คลี่กระดาษแข็งออกและวางลงบนพื้น

 

ดงซูบินขมวดคิ้ว “ พวกคุณจะนอนข้างถนนเหรอ”

 

ดวงตาของหยูเหม่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงและพยักหน้า เธอถือเงินที่ได้จากการขอทานอยู่ในมือ “ เงินนี้เป็นค่าเล่าเรียนของเจียวเจียว ฉันอยากให้เธอเรียนให้จบ”

 

ดงซูบินถอนหายใจและหยิบเงินที่เหลือทั้งหมดออกจากกระเป๋าสตางค์ของเขา “ การนอนที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับคุณสองคน ใช้เงินนี้จองห้องในโรงแรม นอกจากนี้นี่คือเบอร์โทรของผม โทรหาผมถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ” ดงซูบินจากไปด้วยความหนักใจหลังจากที่เขาเห็นแม่และลูกสาวจองห้องพักในโรงแรม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด