Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 8 สังกัดที่สาม
ตอนที่ 8 สังกัดที่สาม
ทางเข้าบ้านเลขที่แปดสิบแปด…
ฉินอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม “หลินเหนียนเล่ย…คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันมาดูบ้านเช่า” หลินเหนียนเล่ยตอบขณะเก็บผมไปด้านหลังก่อนจะกล่าวต่อ “แล้วคุณล่ะ?”
“บังเอิญจัง…” ฉินอวี่ตอบ “ผมก็มาดูบ้านเช่าเหมือนกันครับ”
“หืม?” หลินเหนียนเล่ยมองฉินอวี่ด้วยแววตาสงสัย “ที่สำนักงานตำรวจไม่มีบ้านพักให้เหรอ?”
“มันเป็นห้องรวม หนึ่งห้องต้องอยู่ด้วยกันหลายคน…ผมไม่ค่อยชิน เลยมาเช่าบ้านอยู่คนเดียวดีกว่าครับ”
“อ๋อ”
หลินเหนียนเล่ยพยักหน้าตอบ “เราเจอกันครั้งที่สองแล้ว แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“ผมชื่อฉินอวี่ครับ”
“คุณฉินอวี่…ขอบคุณนะคะที่เคยช่วยฉันไว้!” ที่จริงแล้ว…หลินเหนียนเล่ยทักฉินอวี่ก็เพื่อจะกล่าวขอบคุณ
ฉินอวี่รับรู้ถึงเจตนาของหลินเหนียนเล่ย เขากระแอมพร้อมกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่เป็นไรครับ…เพราะมันคือหน้าที่ของผม”
หลินเหนียนเล่ยหัวเราะเบาๆ พร้อมประสานมือ “ฮ่าๆ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆ นะคะ”
“เราเข้าไปดูในตัวบ้านกันดีไหมครับ?” ฉินอวี่รู้สึกประทับใจในความงามของหลินเหนียนเล่ย แต่ชีวิตเขามันต่ำต้อยและลำบากมามาก เขาอยากจีบเธอแต่ก็ไม่กล้า…
แต่ตอนนี้ฉินอวี่เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น…จึงทำให้เขามีความคิดอยากจีบหลินเหนียนเล่ย เพราะคงจะดีไม่น้อยถ้าชีวิตมีสีสันมากกว่านี้!
“ไม่ล่ะ ฉันดูบ้านหลังนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วและตัดสินใจจะเช่าค่ะ ตอนนี้แค่กำลังรอเพื่อนกลับมาเพราะพวกเขาไปซื้อของใช้มาให้ ถ้าพวกนั้นมาแล้วก็คงกลับบ้านเลย” หลินเหนียนเล่ยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ถ้าคุณเช่าบ้านหลังนี้ล่ะก็เราสองคนคงเจอกันบ่อยน่าดู…เอาไว้เงินเดือนฉันออกเมื่อไร ขอให้ฉันได้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะคะ”
“เอ่อ…ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเช่าครับ คงต้องดูก่อนว่าบ้านหลังนี้ถูกใจไหม”
“ฉันทำงานที่สถานีวิทยุออนไลน์ ไม่ไกลจากสถานีตำรวจมากเท่าไร…ฉันขอแวะไปเยี่ยมคุณบ้างได้ไหม?”
“ครับ ยินดีมากๆ ครับ”
หลังจากจบบทสนทนา…ฉินอวี่ได้เดินเข้าไปในบ้านเลขที่แปดสิบแปด ก่อนจะคิดได้ว่าต้องขอเบอร์ติดต่อหลินเหนียนเล่ยเอาไว้แต่ไม่ทัน…เธอและเพื่อนกลับกันไปซะแล้ว
…
ด้านในบ้านเลขที่แปดสิบแปด
แมวเฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้หินและกล่าวทักทาย “ฉินอวี่ ทางนี้!”
“เออ” ฉินอวี่ตอบกลับ
“เมื่อกี้คุยกับใครตรงทางเข้า?” แมวเฒ่าถาม “ฉีหลินมาด้วยเหรอ?”
“ไม่ใช่ฉีหลิน แต่ฉันเจอผู้หญิงที่โดนลักพาตัวเมื่อวันก่อน ก็เลยทักทายกันนิดหน่อย”
แมวเฒ่าผงะ “ไหน…เธอไปไหนแล้ว?”
“เลิกทำตัวเหมือนโรคจิตได้ไหม? เธอกลับไปแล้ว…”
“เธอมาทำอะไร?” แมวเฒ่ารู้สึกตื่นเต้น “เธอมากับใคร? แล้วนายคุยอะไรไปบ้าง?”
“เธอบอกว่าทำงานที่สถานีวิทยุใกล้ๆ กับสำนักงานตำรวจ ซึ่งกำลังหาบ้านเช่าอยู่ เลยเจอกันโดยบังเอิญน่ะ” ฉินอวี่ตอบด้วยความหงุดหงิด “นายจะถามทำไมนักหนา?”
“เธอเช่าบ้านแถวนี้เหรอ?”
“คงงั้น”
แมวเฒ่าครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถาม “เฮ้…นายยังไม่มีรูมเมทใช่ไหม? ฉันทำอาหารเป็นนะ!”
“หื่นกามจริงๆ” ฉินอวี่พูดด้วยความเอือมระอา
“ฉันชอบเธอว่ะเพื่อน…” แมวเฒ่าอธิบาย “เรามาช่วยกันหารค่าเช่าบ้านเถอะ ฉันจะบอกให้นะว่า…”
“ไปดูบ้านก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ฉินอวี่โบกมือปัดความรำคาญ “เร็ว…ฉันมีงานต้องทำ”
“เออๆ ไปดูบ้านก่อนก็ได้”
ชายทั้งสองเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน…
บ้านหลังนี้กว้างประมาณสามสิบตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันและสะอาดสะอ้าน แต่ราคาค่อนข้างแพง…เจ้าของบ้านปล่อยเช่าเดือนละสามร้อยดอลลาร์ ซึ่งจะต้องจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าถึงครึ่งปี
ราคาสูงแต่สมเหตุสมผล…บ้านเลขที่แปดสิบแปดตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ราชการหลายแห่งของเมืองซ่งเจียง เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุออนไลน์ สถานีตำรวจ กรมการขนส่งและอื่นๆ
เนื่องจากสถานที่ทำงานของฉินอวี่และหลินเหนียนเล่ยอยู่ใกล้กัน จึงทำให้สามารถเจอกันได้บ่อย แม้จะไม่ได้พบกันที่นี่แต่ยังมีโอกาสอีกมากมายที่ทำให้ได้เจอกัน…
สกุลเงินที่ใช้ในเขตปกครองพิเศษที่เก้าคือดอลลาร์เอเชียที่เพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนเขตพิเศษอื่นๆ มักจะมีสกุลเงินเป็นของตนเอง เช่น เขตปกครองพิเศษฝั่งยุโรปจะใช้สกุลเงินยูโรดอลลาร์
แต่สกุลเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลคือดอลลาร์สหพันธ์ ที่จัดจำหน่ายโดยองค์กรย่อยของรัฐบาลสหพันธรัฐ
อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่หนึ่งดอลลาร์สหพันธ์ต่อหกดอลลาร์เอเชีย
ดอลลาร์เอเชียเพิ่งเริ่มจัดจำหน่ายได้ไม่นานแต่มีอัตรากำลังซื้อสูงมาก จากการประมาณค่าคร่าวๆ หนึ่งดอลลาร์เอเชียมีมูลค่าเท่ากับสิบหยวนในอดีต ดังนั้นสามร้อยเอเชียดอลลาร์จึงเท่ากับสามพันหยวน เงินเดือนในปัจจุบันของฉินอวี่อยู่ที่เดือนละห้าร้อยดอลลาร์เอเชีย หากเขาจ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้ รวมถึงค่าอาหารและจิปาถะอื่นๆ แล้ว คงไม่เหลือใช้จนถึงสิ้นเดือนแน่นอน
นี่เป็นภาพสะท้อนชีวิตของผู้คนระดับล่างในสังคมของเขตปกครองพิเศษที่เก้า…ค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ทรัพยากรกลับลดน้อยลงทุกวันเช่นกัน ผู้คนมากมายโดนกดขี่มีรายได้น้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนอยากเลื่อนตำแหน่งเพื่อค่าตอบแทนที่สูงขึ้น
แมวเฒ่าเห็นว่าฉินอวี่ชอบบ้านหลังนี้ แต่กลับลังเลเมื่อได้ยินจำนวนค่าเช่า เขาพูดขึ้นว่า “เอาน่า…ในสำนักงานตำรวจก็มีเพียงฉีหลินเท่านั้นแหละที่ซื่อสัตย์และเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและทำตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่คิดถึงรายได้…นายคงไม่เป็นแบบนั้นหรอกใช่ไหม? ยังมีเส้นทางสีเทามากมายที่นายจะกอบโกยเงินจากส่วนนั้นได้…”
“นายหาเงินแบบนั้นเหรอ?”
“อืม…เงินเดือนแค่หยิบมือจะพอประทังชีวิตได้ยังไง…”
“นายทำอะไรบ้าง?”
“ฉันเป็นพ่อเล้าที่คอยจัดหาหญิงบำเรอให้พวกแมงดา และถ้าพวกมันไม่จ่ายเงิน ฉันก็เก็บพวกมันทันที!” แมวเฒ่าตอบกลับอย่างไร้ยางอาย
ฉินอวี่ยืนนิ่งพูดไม่ออก
“ไม่ต้องคิดอะไรมาก…เช่าเลย ฉันจะมาอยู่ด้วยเป็นครั้งคราวและจะช่วยหารค่าเช่า”
ฉินอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาคิดว่าอยากลองหาบ้านที่ดีและถูกกว่านี้เช่าแต่ก็ลังเล…เพราะบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับสำนักงานตำรวจมาก ถ้าอยู่ที่นี่ชีวิตคงสะดวกไม่น้อย…หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าพลันกล่าว “ฉันจะเช่าสักครึ่งปีก่อนแล้วกัน…”
…
ณ ที่ทำงาน เวลาบ่ายโมง
ห้องทำงานของสังกัดที่สามกว้างราวห้าสิบตารางเมตร ชายเก้าคนสวมชุดตำรวจปรากฏตัวขึ้น พวกเขาหันมองฉินอวี่ด้วยความสนใจ
หยวนเค่อมองไปยังชายเก้าคนนั้นก่อนจะกล่าว “ฟังให้ดี…แม้ฉินอวี่จะเป็นเด็กใหม่ แต่เขาเป็นคนจัดการกับมัตสึชิตะและช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวได้ ทางสำนักงานตำรวจพิจารณาแล้วว่าจะให้เขาเป็นหัวหน้าหน่วยงานของสังกัดที่สาม”
ชายทั้งเก้าคนเงียบไปสักพักก่อนจะปรบมือต้อนรับฉินอวี่
“ทางเราได้ส่งคำร้องเลื่อนตำแหน่งเป็นนายตำรวจระดับสามให้กับฉินอวี่แล้ว ซึ่งยศของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกนายทุกคนไม่ต้องคิดมากหรือน้อยใจไป อย่างที่ฉันเคยบอก…ตราบใดที่พวกนายพิสูจน์ความสามารถของตนได้ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันพวกนาย”
หลังพูดจบ หยวนเค่อได้กระซิบฉินอวี่ว่า “นายเองควรทำความรู้จักพวกเขาไว้”
ฉินอวี่ที่สวมชุดตำรวจติดเครื่องหมายสองแถบบนบ่า ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายชายทั้งเก้า “ผมชื่อฉินอวี่…ฝากตัวด้วยครับ”
ฉีหลินมองฉินอวี่ด้วยความแปลกใจ เขารู้สึกถึงความขมขื่น
“ฉันจะย้ำอีกครั้ง เราทุกคนสวมเครื่องแบบตำรวจเขตพื้นทมิฬ ดังนั้นต้องปฏิบัติตามกฎ ฉินอวี่อาจยังใหม่แต่ถ้าใครกดขี่หรือทำร้ายเขา ฉันจะจัดการทันที!” หยวนเค่อสั่งชายเก้าอย่างเข้มงวดก่อนจะมองไปยังฉินอวี่ “เอาล่ะ นับจากนี้พวกเขาเป็นลูกน้องนาย”
“ครับ” ฉินอวี่พยักหน้า “ขอบคุณครับผู้หมวดหยวน”
“อย่างที่เคยบอก นายไม่จำเป็นต้องพูดจาสุภาพกับฉันขนาดนั้น” หยวนเค่อกล่าวก่อนจะเดินออกไป
ฉินอวี่มองไปยังชายทั้งเก้าคนก่อนจะหยิบบุหรี่ชุนฮวาออกมาพลางยิ้มให้พวกเขา “คงเป็นโชคดีที่ฉันบังเอิญได้ทำคดีใหญ่และกลายมาเป็นหัวหน้าสังกัดสามชั่วคราว…ประสบการณ์ของฉันน้อยมากถ้าเทียบกับพวกนาย ดังนั้นช่วยสอนในเรื่องที่ฉันไม่รู้ด้วย…ไปสูบบุหรี่ข้างนอกกันเถอะ”
ฉินอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาทำเช่นนี้เพื่อหวังจะสนิทสนมกับทุกคนในทีมให้มากขึ้น
ชายคนหนึ่งยืนที่อยู่ด้านซ้ายสุดของห้อง เดินมาคว้าบุหรี่จากมือฉินอวี่และฉีกซองอย่างชำนาญ “โอ้? นายดูดบุหรี่เหมือนกันเหรอ? ของดีซะด้วย”
ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความเป็นกันเองของชายหนุ่ม เขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เพื่อนให้มา”
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่า ‘จู้เหว่ย’ เมื่อราวห้าปีที่แล้วเคยเป็นทหารผ่านศึกก่อนจะเข้าร่วมสังกัดที่สาม แต่กลับไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่ง ถ้าฉินอวี่ไม่มาประจำการยังหน่วยสาม…จู้เหว่ยคงมีโอกาสสูงที่สุดที่จะได้เลือกเป็นหัวหน้าหน่วยจากการโหวตของสมาชิกในสังกัด
จู้เหว่ยเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดและยังเข้ากับผู้หมวดหยวนได้เป็นอย่างดี
จู้เหว่ยดูดบุหรี่หนึ่งครั้งก่อนจะส่งต่อให้กับคนอื่นๆ
“มานั่งนี่สิ” ฉินอวี่กล่าว
“ปึก!”
จู้เหว่ยตบไหล่ของฉินอวี่ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ฮ่าๆ ดูจากการพ่นควัญ…นายคงสูบบุหรี่เก่งเอาเรื่อง!”
ฉินอวี่ลูบแผลที่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนยิงในคดีมัตสึชิตะเมื่อสองวันก่อน ซึ่งยังไม่หายดี
“โอ๊ย!”
จู้เหว่ยเดินถอยหลังทันทีที่เห็นท่าทางเจ็บปวดของฉินอวี่
“พี่เหว่ย…หัวหน้าบาดเจ็บอยู่นะครับ” ฉีหลินกล่าวและเรียกฉินอวี่ว่าหัวหน้า
“จริงเหรอ?” จู้เหว่ยอุทานด้วยความตกใจก่อนหันไปหาฉินอวี่ “นายบาดเจ็บตรงไหน?”
ฉินอวี่มองจู้เหว่ยและตอบ “ถูกยิงเข้าที่ไหล่ตอนต่อสู้กับมัตสึชิตะน่ะ”
“ถูกยิง? ทายาเดี๋ยวก็หาย!” จู้เหว่ยตอบอย่างจริงใจ “ไม่ต้องไปฉีดยาฆ่าเชื้ออะไรพวกนั้นนะ เปลืองเงินเปล่าๆ”
เมื่อได้ยินฉินอวี่ก็พยักหน้ารับ เขากวักมือเรียกคนอื่นๆ มานั่งด้วยกัน
ชายทั้งสิบคนนั่งพูดคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงาน
เรื่องราวในการสนทนาทำให้ฉินอวี่เข้าใจสถานการณ์ในสังกัดที่สามดีขึ้น…
สมาชิกของสังกัดที่สามมีชาวไทยสามคน ชาวแอฟริกันหนึ่งคนและชาวจีนหกคน เนื่องจากเขตพิเศษที่เก้าตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ดังนั้นภาษาจีนกลางจึงกลายมาเป็นภาษาราชการ ผู้คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วจึงทำให้พูดภาษาจีนได้คล่อง แต่บางคนก็ยังคงติดสำเนียงจีนยูนนานอยู่
ระหว่างทำความรู้จักซึ่งกัน พวกเขาก็ได้เปิดดูเอกสารเกี่ยวกับคดีการลักลอบขายยารักษาโรค
…
ตกกลางคืน…หลังฉินอวี่เสร็จจากการตรวจตรารถตำรวจหน่วยสามจึงกลับไปยังห้องทำงาน คนในทีมส่วนใหญ่ทยอยกลับกันแล้ว เหลือเพียงฉีหลินและสมาชิกชาวแอฟริกัน
“ไปไหนกันหมด?” ฉินอวี่ถาม
“ออกไปข้างนอก พี่เหว่ยบอกจะสะสางเรื่องบางอย่าง” ฉีหลินตอบ
ฉินอวี่ขมวดคิ้ว “ฉันนัดแล้วไม่ใช่เหรอว่าเย็นนี้มีประชุมสรุปแผนคดีลักลอบขายยา? ทำไมเขาถึงยังไปกันอีก มีเรื่องด่วนอะไร?”
“คงไม่ใช่…น่าจะเรื่องส่วนตัวน่ะ”
“หา! ยังไม่เลิกงาน แต่พากันออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเนี่ยนะ?” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง
ฉีหลินไม่ได้ตอบกลับ
ฉินอวี่นั่งบนเก้าอี้พลันมองไปยังโทรศัพท์ของสำนักงานพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะ
จู้เหว่ยทำแบบนี้…มันหมายความว่ายังไง?
ต่อต้านฉันเหรอ?
นี่เพิ่งร่วมงานด้วยกันวันแรก…ท้าทายกันแล้วเหรอ?
………………………………………………………
คอมเม้นต์