Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 28 เริ่มปฏิบัติการ
ตอนที่ 28 เริ่มปฏิบัติการ
เจ็ดโมงเช้า ณ สำนักงานหน่วยที่หนึ่ง หัวหน้าสังกัดทั้งห้ารวมถึงฉินอวี่กำลังพูดคุยกันอย่างเมามัน
เวลาผ่านไปไม่นานทุกคนก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหยวนเค่อเดินเข้ามา
“นั่งลงเถอะ” หยวนเค่อกล่าวขณะเทน้ำใส่แก้ว “คณะกรรมการประชาสัมพันธ์กำลังใช้ห้องประชุมอยู่ เราคงต้องคุยรายละเอียดปฏิบัติการกันที่นี่ ซูอัง…สรุปสถานการณ์ตอนนี้ให้ทุกคนฟังหน่อย”
ซูอัง…ชายร่างเล็กผิวเข้มมาจากพม่า เขาเป็นหัวหน้ฟาสังกัดที่สี่ ซึ่งผู้คนต่างกล่าวกันซูอังแข็งแรงมาก “คลาวด์ต้องเค้นคนกลางถึงสามครั้งกว่าขาจะยอมบอกว่าคนที่กำลังถูกส่งตัวไปคืออาหลง และตามข้อตกลง คลาวด์ต้องจ่ายหมื่นห้าดอลลาร์เพื่อรับประกันว่าอาหลงจะเดินทางถึงเขตพัฒนาอย่างปลอดภัย”
หยวนเค่อจิบน้ำก่อนกล่าว “ลุงหม่ายังไม่ยอมไปเจรจากับคลาวด์ด้วยตัวเองอีกเหรอ?”
“ลุงหม่าเจ้าเล่ห์มากครับ เขารู้ว่าหน่วยงานทางการบังคับใช้กฎหมายของซ่งเจียงทั้งหมดกำลังมุ่งเป้าไปที่การจับกุมอาหลง…เขาจึงไม่ยอมปรากฏตัวจนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย” ซูอังตอบ “ผมว่าเขาไม่ไว้ใจคลาวด์แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ขึ้นอยู่กับเวลาว่าอาหลงจะโดนจับได้ไหม เพื่อป้องกันเส้นทางขนส่ง มีทางเดียวคือลุงหม่าต้องยอมรับความเสี่ยง”
“คืนพรุ่งนี้ใช่ไหม?” หยวนเค่อถาม “นายมีแผนการจับกุมหรือยัง?”
“ผมแนะนำให้เคลื่อนไหวหลังอาหลงออกจากเขตปกครองพิเศษไป เพราะมันไม่มีคนคุ้มป้องกันแล้ว อีกอย่างบริเวณนั้นปลอดคนด้วย เราจะได้ปฏิบัติการอย่างเต็มที่” ซูอังกล่าวตอบ
ทั้งกลุ่มเงียบเพื่อครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของแผนการนี้
“ผู้หมวดหยวน ผมขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ?” ฉินอวี่กล่าวแทรก
หยวนเค่อตอบด้วยรอยยิ้ม “พูดมาเถอะ ที่นี่มีแค่พวกเรา”
“ขอโทษนะพี่ซูอัง ผมขอแนะนำเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการนะครับ” ฉินอวี่หันไปอธิบายกับซูอัง
“ไม่เป็นไร ยังไงนายก็เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ เราพร้อมช่วยอยู่แล้ว ตัดสินใจได้เลย” ซูอังพูดด้วยความสุภาพ เพราะรู้ว่าหยวนเค่อตั้งใจจะเลื่อนขั้นให้ฉินอวี่เป็นใหญ่
ฉินอวี่พยักหน้าตอบพร้อมอธิบายมุมมองของตัวเองให้ชัดเจน “มีสองเหตุผลที่ผมไม่แนะนำให้เคลื่อนไหวหลังอาหลงออกจากเขตปกครองพิเศษแล้วครับ อย่างแรก…ผมมาจากเขตพัฒนาจึงรู้จักแถบนั้นดี นอกจากเขตปกครองพิเศษ ยังมีพื้นที่แผ่รังสีสูง เช่น ทะเลทรายไร้ขอบเขต และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอีกมากซึ่งยากต่อการเดินทาง ตอนที่เราเจออาหลงกับพวกในย่านถนนสามห่วง เห็นได้ชัดว่าการจัดการกับพวกมันไม่ใช่เรื่องง่าย พอข้ามไปฝั่งนั้นแล้วมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เราไม่รู้ว่ามีใครมาคอยรับมันอยู่นอกเขตพร้อมอาวุธครบมือหรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น…ถ้าเราทำพลาดหรือคลาดสายตาจากมันไป คงเป็นเรื่องยากที่จะกู้สถานการณ์ ซึ่งเท่าที่ผมรู้ สำนักงานตำรวจของเราไม่ได้มีอิสระมากนักในเขตพัฒนา
“อย่างที่สอง…ผมได้ยินจากพี่ซูอังว่าคลาวด์ร่วมมือกับทหารเพื่อพาอาหลงออกจากเขตปกครอง ซึ่งความสัมพันธ์ของเรากับทหารนั้นไม่ดีเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องยากในการประสานเข้าจับกุม ทั้งยังมีโอกาสสูงที่แผนการจะรั่วไหล และสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น…ถ้าเราไม่ร่วมมือกับทหาร ก็อาจเกิดปัญหาระหว่างปฏิบัติการได้…”
หยวนเค่อครุ่นคิดหลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของฉินอวี่ “ถ้าสิ่งที่นายคิดมันถูก แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”
ฉินอวี่กล่าวตอบ “แผนของผมคือ…”
การวางแผนดำเนินไปจนกระทั่งยี่สิบนาที หยวนเค่อลุกขึ้นพร้อมกล่าว “เราจะทำตามแผนของฉินอวี่”
“รับทราบครับ!”
“รับทราบครับ!”
ทุกคนลุกขึ้นวันทยหัตถ์ หยวนเค่อออกคำสั่งอีกสองสามอย่างก่อนเดินไปตบไหล่ฉินอวี่ “นายต้องจับกุมเป้าหมายให้ได้ฉันรับรองว่านายจะได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน”
“ฮ่าๆ ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม
…
สามทุ่มครึ่งวันต่อมา
ฉินอวี่ถือเอกสารการยืมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติภารกิจตรงไปแผนกพลาธิการ แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อเจอกับฉีหลิน
“นายเข้ากะดึกเหรอ?” ฉินอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
ฉีหลินลุกจากเก้าอี้และตอบอย่างสบายๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่หลังแต่งงานฉันรู้สึกโชคดีขึ้นเยอะ อาทิตย์ที่ผ่านมาเบื้องบนเพิ่มกะให้ฉันเลยได้ค้างคืนที่นี่บ่อยๆ”
“อะไรวะ? ข้าวใหม่ปลามันควรอยู่บ้านมากกว่าเข้าเวรไม่ใช่เหรอ?” ฉินอวี่หยอกล้อ
“ฉันอยู่บ้านเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาสหาเงินไม่ได้มีมาบ่อยๆ” ฉีหลินตอบพลางยักไหล่ “ที่จริงฉันอยากได้กะเพิ่มกว่านี้ จะได้มีเงินไปใช้หนี้นายกับแมวเฒ่าให้เร็วที่สุด”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้รีบใช้เงินขนาดนั้น”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเป็นหนี้คนอื่น อีกอย่าง…พอมีคนในบ้านเพิ่ม ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มตาม” ฉีหลินตอบพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนถามต่อ “ว่าแต่…นายมาทำอะไรที่แผนกพลาธิการ?”
“ฉันมายืมอาวุธไปทำภารกิจ”
“ภารกิจอะไร?” ฉีหลินถาม
ขณะเดียวกันจู้เหว่ยก็วิ่งมาพร้อมตะโกน “หัวหน้าฉินไปเร็ว! เราจะเริ่มกันแล้ว!”
เมื่อเห็นฉินอวี่กำลังรีบ ฉีหลินจึงกล่าวว่า “เอาเอกสารมา ฉันจะดูให้”
“ฉันจะอ่านให้ฟังส่วนนายไปหยิบนะ” ฉินอวี่กล่าวก่อนจะเริ่มอ่านใบบันทึกรายการ “ระเบิดหนึ่งชุด กระบองตำรวจสามชุด ชุดพิเศษหนึ่งชุด…”
ฉีหลินรีบเดินไปหยิบอุปกรณ์บนชั้นวางทีละชิ้นตามฉินอวี่บอก ขณะที่จู้เหว่ยเรียกลูกน้องมาขนของ
ใช้เวลาขนของไม่นานก็เสร็จ ฉินอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่นี้แหละ ไว้ว่างไปกินมื้อเย็นกัน
“เยี่ยมเลย” ฉีหลินพยักหน้าตอบ
ในขณะที่ฉินอวี่รีบออกจากคลัง ฉีหลินก็เริ่มหน้าซีดหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
ปฏิบัติการอะไรถึงขั้นต้องใช้ระเบิด? ช่วงนี้ฉินอวี่ยังไม่ได้รับคดีใหม่ เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปฏิบัติการปราบปรามพวกลักลอบขนยา
ฉีหลินรู้สึกไม่สบายใจ เขาครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะหยิบโทรศัพท์พลางเดินออกจากเขตกล้องวงจรปิดและโทรหาคนรู้จักในหมวดหนึ่ง
“สวัสดีพี่จาง ว่างหรือเปล่าครับ? ถ้าไม่ยุ่งอะไร มาหาผมที่แผนกพลาธิการได้ไหมครับ?” ฉีหลินถามอย่างร่าเริง
“ฉันติดภารกิจ”
“ตอนนี้เหรอ? ภารกิจอะไรสำคัญ ถึงเรียกคนที่ไม่ได้เข้ากะไปทำงาน?” ฉีหลินถามตรงๆ
“เราจะร่วมมือกับทหารเพื่อจับอาชญากร”
“อ๋อ” ฉีหลินถอนหายใจอย่างโล่งอก “แล้วจะเสร็จเมื่อไรครับ? ผมรอฟังวิทยุกับพี่อยู่…”
“ไม่แน่ใจ ไว้กลับมาแล้วฉันจะไปหา”
“โอเคครับ!”
หลังวางสาย ฉีหลินยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานพลางพึมพำกับตัวเอง “นี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือน…เขาคงไปแล้วแหละมั้ง”
…
บริเวณจุดรวมพล
หยวนเค่อสั่งให้ฉินอวี่รวบรวมโทรศัพท์ทุกคนไว้ ก่อนจะสั่งการด้วยเสียงดังฟังชัด “ฉันจะย้ำภารกิจของเราอีกครั้ง เราจะเข้าจับกุมพวกลักลอบขนยาร่วมกับทหาร เพื่อให้แน่ใจว่าความลับจะไม่รั่วไหล ทุกคนต้องมอบอุปกรณ์สื่อสารให้กับเรา และใช้วิทยุที่ตั้งค่าความถี่ไว้เท่านั้น ถ้าพบว่ามีใครเปลี่ยนคลื่นระหว่างปฏิบัติการ ฉันจะจัดการทันทีในฐานะละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่!”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจราวสี่สิบคนทยอยรับอุปกรณ์ก่อนออกจากสำนักงานตามหัวหน้าทีมไปปฏิบัติภารกิจ
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา บริเวณสี่แยกถนนศักราชใหม่เขตซ่งหนาน
อาหลงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ยืนอยู่กับชายอีกสี่คน เขากวาดสายตาสำรวจโดยรอบก่อนจะขึ้นรถกระบะไฮบริดและนั่งข้างคนขับ ส่วนอีกสี่คนเบียดกันอยู่เบาะหลัง
“ไม่ใช่ว่าทหารพาเราออกเหรอ? ทำไมมีแค่นายคนเดียวที่มารับ?” อาหลงถาม
“นายคิดว่าตัวเองเป็นนายกเทศมนตรีเหรอ?” คนขับกลอกตา “จะให้ทหารมารับนายเองได้ไง?”
อาหลงแคะจมูกพลางกล่าวตอบ “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? อยากได้เงินเพิ่มเหรอ?”
“เมียฉันกำลังจะคลอดแต่ฉันต้องเสียเวลามาส่งนาย มีเวลาตั้งเยอะทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย?” คนขับพึมพำด้วยความไม่พอใจพร้อมขับรถออกไป
อาหลงมองคนขับก่อนจะหยิบขนมปังข้าวไรย์ที่กินเหลือในถุงพลาสติกออกมาเคี้ยวอย่างเงียบๆ
หลังรถกระบะ กุ้งแห้งซุกมือในกระเป๋ากางเกงพลางจับระเบิดมือไว้แน่น นิ้วหัวแม่มือแตะสลักพร้อมกดทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น
สิบห้านาทีต่อมา พวกเขาก็ขับรถผ่านแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งทอดยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรครึ่งจนถึงเขตซ่งหนาน
สองข้างถนนรกร้างไม่มีวี่แววผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงไม่กี่ร้านที่ยังคงเปิดไฟ
สองข้างถนนรกร้างไม่มีวี่แววว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ ซึ่งมีเพียงไม่กี่ร้านที่ยังคงเปิดไฟ
“อีกนานไหมกว่าจะออกจากเมือง?” อาหลงถาม
“ไม่นาน” คนขับกล่าวตอบพร้อมเหยียบคันเร่ง ทันใดนั้นรถก็พุ่งเข้าชนขอบแม่น้ำจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
“เกิดอะไรขึ้น?!” อาหลงถามพลางขมวดคิ้ว
คนขับรีบดึงเบรกพร้อมกล่าว “เหมือนยางล้อหน้าจะแตก”
“นี่กำลังล้อฉันเล่นเหรอ?” อาหลงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ได้ตรวจสภาพรถก่อนมาทำงานหรือไง?”
คนขับหันมาตะคอกใส่อาหลงด้วยความโมโห “ก็รู้อยู่ว่าอากาศติดลบขนาดนี้เครื่องยนต์ก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว! จะให้ฉันทำยังไง? ใช้เครื่องพ่นไฟเหรอ!?”
อาหลงรู้ว่าสภาพอากาศเลวร้ายอย่างที่บอก จึงข่มอารมณ์พร้อมกล่าว “ลงไปดูสิว่ายางแตกหรือเพราะอะไร”
คนขับรถลงไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาก้มดูยางก่อนกลับขึ้นรถ “เพราะอากาศเย็นทำให้ยางแข็ง บวกกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นกะทันหันตอนฉันขับเร็วมันเลยแตก”
“แล้วจะทำยังไง?” กุ้งแห้งถามด้วยความไม่พอใจ
“ไม่มีปัญหา ข้างหน้ามีร้านซ่อมรถ ฉันจะให้เขาช่วยอุ่นยางรถและปะ” คนขับตอบพลางเหลือบมองนาฬิกา “ยังพอมีเวลา ไปทันกำหนดการแน่นอน”
อาหลงรู้สึกถึงลางไม่ดีขณะหันมองรอบตัว เขาอาจไม่สามารถขนสัมภาระติดตัวไปได้หมด จึงบอกคนขับให้ทำสิ่งที่ควรทำ ก่อนจะหันไปหากุ้งแห้งพร้อมกล่าวอย่างกระวนกระวาย “เตรียมของในกระเป๋าให้ดี อย่าทำหายล่ะ”
“ฉันจะเก็บไว้อย่างดี” กุ้งแห้งตอบพร้อมพยักหน้า
รถแล่นไปตามถนนที่ผุพังประมาณสองกิโลเมตรก่อนถึงร้านซ่อมรถ
…
บริเวณข้างถนน
จู้เหว่ยกระแทกเสียงใส่วิทยุสื่อสาร “ทุกทีมรับทราบ…เป้าหมายใกล้เข้ามาแล้ว!”
บนถนนน้ำแข็งตรงข้ามร้านซ่อมรถยนต์ ฉินอวี่สวมชุดกันระเบิดหนักราวสามสิบกิโลกรัมพร้อมสั่งการด้วยเสียงทุ้ม “เริ่มปฏิบัติการทันทีที่พวกมันลงจากรถ…ฉันจะจัดการกับเป้าหมายหนึ่ง”
อาหลงเปิดประตูลงจากรถทันทีที่พูดจบ สิ่งแรกที่เขาทำคือสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ฉินอวี่ลุกขึ้นตะโกน “ปิดไฟ!”
“พรึ่บ!”
ฉับพลันทั่วบริเวณร้านซ่อมรถตกสู่ความมืด
อาหลงหันไปตะโกนทันที “ฉิบหาย! ไอ้คนขับเป็นหนอนบ่อน…”
ไม่ทันขาดคำ ฉินอวี่ที่สวมชุดกันระเบิดก็วิ่งเข้าใส่อาหลงอย่างรุนแรง!
“แกร๊ก!”
กุ้งแห้งตะโกนพร้อมปลดสลักระเบิดทันที “บัดซบ! เตรียมอาวุธและจัดการพวกมัน!”
……………………………………………….
คอมเม้นต์