Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 95 นัดเจอยัยโง่หลิน
ตอนที่ 95 นัดเจอยัยโง่หลิน
บนถนน
แมวเฒ่าพยายามโทรหาหลินเหนียนเล่ยสามครั้ง จนในที่สุดก็โทรติด “สวัสดีครับ นางฟ้าตัวน้อยเมื่อกี้คุณคุยกับใครอยู่เหรอ?”
“หืม? จู่ๆโทรหาฉันทำไม?” หลินเหนียนเล่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ผมคิดถึงคุณ วันที่ไม่มีคุณ ก็เหมือนปีที่ไม่มีฝน”
“รู้จักความละอายบ้างสิ เลิกเล่นได้แล้ว” หลินเหนียนเล่ยกลอกตา
“เฮอะ” แมวเฒ่าหัวเราะกับตัวเองก่อนจะพูด “คือผมมีอะไรให้คุณช่วย”
“หือ? แปลก…อย่างคุณเนี่ยนะจะมาขอให้ฉันช่วยเหลือ” หลินเหนียนเล่ยประหลาดใจ “ขอพูดก่อนเลยนะ ถ้าจะให้ฉันเผยแพร่ข่าวปลอมให้คุณ ไม่มีทาง”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?”
“เราต้องการให้คุณช่วยเราค้นหาคนหนึ่งในเฟิงเป่ยเขาทำงานในดูคคาร์นิวัล” แมวเฒ่ากล่าวสั้นๆ “คุณรู้จักที่นั่นไหม?”
“อืม รู้จักสิ” หลินเหนียนเล่ยตอบพร้อมพยักหน้า “เป็นที่รู้จักกันดีในเฟิงเป่ย”
“เยี่ยมเลย!” แมวเฒ่าอุทานด้วยความตื่นเต้น “แล้วคุณรู้จักใครในนั้นบ้างไหม คนที่ช่วยผมตรวจสอบหาคนบางคน?”
หลินเหนียนเล่ยบ่นผ่านโทรศัพท์ “ดูฉันสิ! ฉันเนี่ยนะจะรู้จักใครที่นั่น คุณจะพาฉันไปเล่นพนันเหรอหรือฉันดูชอบอะไรแบบนั้น?”
“งั้น…แล้วคุณมีเพื่อนที่ไปที่นั่นบ่อยไหม?” แมวเฒ่าถามต่อ “เรามีเรื่องด่วนจะถามช่วยเราหน่อยได้ไหม? ”
หลินเหนียนเล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “คุณกำลังตามหาคนเพื่อไขคดีงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างงั้น มีคนที่ทำงานร่วมกับตระกูลหยวนมาหลอกเพื่อนของเรา และคนนี้ก็หนีไปที่เฟิงเป่ยกับเพื่อนของเขาที่กำลังทำงานอยู่ในดูคคาร์นิวัล…เราจึงต้องมาช่วยตามตัว” แมวเฒ่าอธิบายพร้อมกับขมวดคิ้ว “มันยากที่เราจะต้องอธิบายเรื่องยาปลอมให้ผู้ซื้อฟัง ดังนั้นเราจึงตามหาคนนี้เพื่อหาคำอธิบายและบอกว่ายานั่นคืออะไร”
หลินเหนียนเล่ยสับสนอย่างมากกับคำอธิบายของแมวเฒ่า “คุณกำลังพูดถึงอะไรกัน? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลย”
“มันซับซ้อนมาก ยากที่เราจะอธิบายให้คุณฟังทางโทรศัพท์”
“เรา?” หลินเหนียนเล่ยรู้สึกประหลาดใจกับการใช้คำนั้น “มีใครอยู่ด้วยอีกเหรอ?”
“มีผม ฉินอวี่และกวนฉีขณะนี้เราทุกคนอยู่ที่สถานีรถไฟของเฟิงเป่ย” แมวเฒ่าตอบ
หลินเหนียนเล่ยยิ้มเล็กน้อยขณะที่เธอถาม “ฉินอวี่ก็อยู่ด้วยเหรอ?”
“ใช่ เราได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นเราต้องแก้ไขมัน” แมวเฒ่าตอบพร้อมพยักหน้า
หลินเหนียนเล่ยกัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงเบาว่า “งั้นในหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ทำไมเราไม่มาเจอกันที่ร้านไออุ่นล่ะ? มาคุยกันก่อน ถึงฉันจะไม่เคยไปดูคคาร์นิวัลมาก่อน แต่พี่น้องของฉันก็ยังไปที่นั่นเป็นครั้งคราว ฉันช่วยถามพวกเขาได้”
“ดีเลย! แล้วเจอกันนะ”
“อืม แล้วเจอกัน”
ทั้งสองวางสายไป
ริมถนนฉินอวี่ล้วงกระเป๋าพลางถามว่า “ยัยโง่หลินว่าไงบ้าง?”
เจ้าแมวเฒ่าจงใจทำสีหน้าที่ขัดใจในขณะที่เขาส่ายหัวและคร่ำครวญว่า “ปราชญ์เฒ่าไม่ได้หลอกฉันสินะ ผู้ที่อยู่ใกล้ศาลาจะเป็นผู้ที่ไปถึงดวงจันทร์ก่อน…”
“นายกำลังพูดบ้าอะไร?” ฉินอวี่รู้สึกงุนงง
“ถ้ากลับไปฉันจะถามทันทีว่ายังมีห้องว่างในบ้านเลขที่แปดสิบแปดหรือไม่”แมวเฒ่าเหลือบไปที่ฉินอวี่ขณะที่เขาพูด “ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับมาผงาดแล้ว”
ฉินอวี่สับสนอย่างมากกับสิ่งที่แมวเฒ่าพล่ามอยู่ “กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูด!”
“นายเป็นหัวหน้าของหน่วยงานเราด้วยสมองแบบนี้ได้ยังไง” กวนฉีอดไม่ได้ที่พูดแทรก “ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? แมวเฒ่าโทรหาเพื่อนนายแต่พอพูดถึงนายเธอก็ตกลงที่จะพบเราเลย ตอนนี้เข้าใจได้รึยัง?”
“หืม…อย่างงั้นเหรอ?” ฉินอวี่พยักหน้าด้วยท่าทางสงบ
ในทางกลับกันแมวเฒ่าที่ได้ยินคำอธิบายที่ตรงไปตรงมาของกวนฉีเขาตบหัวกวนฉีและพูดว่า “พ่อคนฉลาดเหมือนนายเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
…
โดยรวมแล้วมณฑลเฟิงเป่ยมีขนาดใหญ่กว่ามณฑลซ่งเจียงมาก
อาคารสูงตระหง่านทะยานแยงแทงแย่งกันเสียดขึ้นฟ้าจึงเป็นธรรมดาที่คนจะเรียกว่าป่าคอนกรีต การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวกเพราะบนถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ แม้จะเป็นตอนกลางคืนแต่ก็สว่างไสวด้วยเสาตะเกียงหลายแถว
หน่วยงานของรัฐทุกประเภทพบเห็นได้ง่าย และมองเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนสถานที่โดยรอบ ทั้งยังมีเยาวชนรวมตัวกันตามถนน
แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีมณฑลไหนเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองชั้นหนึ่งที่พวกเขาเคยมีมาก่อนการล่มสลายแต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีการพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองมากกว่ามณฑลซ่งเจียง
หากจะเปรียบก็เหมือนกับเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
เพราะทุกคนมีงานทำ และนโยบายของรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาเมืองเสมอ
แต่ถ้าเทียบกับซ่งเจียง เมืองนี้ก็เหมือนชายชราที่ป่วยมากกว่า มันเจ็บป่วย และก็ยังคงดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวจากความทุกข์ยาก
ในยุคแห่งความขาดแคลนขนาดนี้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของรัฐบาลเขตพิเศษที่เก้าจะต้องชั่งน้ำหนักเลือกลงทุน ส่งผลให้มีการกระจายทรัพยากรที่โอนเอน ในแง่ของรากฐานเฟิงเป่ยเหนือกว่าซ่งเจียง ด้วยเหตุนี้การพัฒนาทางเศรษฐกิจจึงนำหน้าซ่งเจียงอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี
เป็นเรื่องยากที่จะเช่ารถในซ่งเจียงเพราะรถทั่วเมืองมีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการแค่สามสิบคันและพวกมันถูกซื้อโดยใช้งบประมาณพิเศษ ทั้งหมดนี้คือการปฏิบัติตามกฏของรัฐบาลเขตพิเศษในการพัฒนาระบบขนส่ง
หากเทียบกันแล้ว มณฑลเฟิงเป่ยดีกว่ามาก รัฐบาลเขตพิเศษทำสัญญากับบริษัทใหญ่ แม้จะไม่ได้รับเงินมากมายจากโครงการเหล่านี้แต่มันก็สร้างความสัมพันธ์และชื่อเสียงให้กับพวกเขา เช่นนี้ทุกคนจึงเต็มใจที่จะทำมัน
แม้จะเสียเม็ดเงินจำนวนมหาศาลแต่การพัฒนาก็ชัดเจน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่สร้างความรุ่งเรืองให้กับมณฑลเฟิงเป่ย
ทั้งสามเช่ารถเพื่อไปยังร้านไออุ่น
ฉินอวี่มองดูร้านค้าและอาคารสูงรอบตัวขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “ต้องอย่างนี้สิ ค่อยดูเป็นเมืองที่คู่ควรกับการอาศัยหน่อย”
“แน่นอน” แมวเฒ่าตอบฉินอวี่ด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่รัฐบาลสหพันธรัฐและรัฐบาลเขตพิเศษทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างมณฑลเฟิงเป่ยขนาดนี้ มันยังจะมีอะไรดูโทรมได้อีกเหรอ?”
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นมนุษย์ แล้วคนที่อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาล่ะ?”
ไม่มีคำตอบจากแมวเฒ่าและกวนฉี
…
ที่ชายแดนระหว่างซ่งเจียงและเฟิงเป่ย
ทหารสองคนพร้อมอาวุธปืนกำลังเดินไปที่รถจี๊ปเก่าจอดอยู่ข้างถนน
“ขอดูเอกสารของคุณครับ” ทหารตะโกนออกไป
คนขับรถลดกระจกรถลงและส่งใบอนุญาตพำนักของซ่งเจียงสองสามใบแก่ทหาร
ทหารตรวจสอบเอกสาร แต่เขาหยุดดูเอกสารแผ่นที่สามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามไป “คุณมีธุระอะไรที่เฟิงเป่ย?”
“ผมกำลังพาลุงไปที่นั่นเพื่อรับการรักษา” คนขับพูดด้วยรอยยิ้ม
“ลงมาก่อน ผมขอทำการตรวจสอบรถสักหน่อย” ทหารกล่าว
ลุงหม่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถ ใบหน้าของเขาถูกแต้มไปด้วยสิ่งต่างๆ เพื่อปกปิดตัวตน
ทหารตรวจสอบใช้เวลากว่าสิบนาทีไม่พบสิ่งของต้องห้ามใด จึงโบกมือให้ผ่าน “คุณไปได้แล้ว…ต่อไป!”
ประมาณห้านาทีต่อมาลุงหม่าโทรหาฉินอวี่และพูดว่า “ฉันเพิ่งผ่านชายแดน ตอนนี้ฉันกำลังมุ่งหน้าไปที่เฟิงเป่ย”
“ครับ มาเจอกันที่ร้านไออุ่น” ฉินอวี่ตอบกลับ
…
ในขบวนรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่
หยงตงยืนอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมทอดสายตามองทุ่งหิมะกว้างใหญ่ เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้น “แน่ใจแล้วเหรอ?”
……….……….……….……….
คอมเม้นต์