จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up – ตอนที่ 86

อ่านนิยายจีนเรื่อง จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up ตอนที่ 86 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 86 อย่าได้ปฏิเสธความเมตตาจากข้า
“ขอแสดงความยินต่อผู้เล่นฉินเทียน สำหรับการสังหารบอสฉินซานเทียน ได้รับค่าประสบการณ์ 150,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 70,000 จุด ค่าการรอดชีวิต 1,200 จุด……”
“ขอแสดงความยินต่อผู้เล่นฉินเทียน สำหรับการได้รับแก่นสัตว์อสูรระดับ 5 จำนวน 2 ชิ้น……”
“ขอแสดงความยินต่อผู้เล่นฉินเทียน สำหรับการได้รับสมบัติขั้นวิญญาณระดับสูง กระดิ่งเบี่ยงวิญญาณ……”
“ขอแสดงความยินต่อผู้เล่นฉินเทียน สำหรับการได้รับโอสถหยางเสิ่น 18 เม็ด……”
…………………………….
เสียงรายงานจากระบบดังขึ้นถี่รัว ฉินเทียนฟังเสียงจากระบบพลางปลาบปลื้มประโลมใจ ‘ฉินซานเทียนนี่ยอดเยี่ยมกว่าฉินควงมากจริงๆ ค่อยสมกับที่เป็นประมุขตระกูลฉินหน่อย’
ตอนนี้ทั้งฉินควงและฉินซานเทียนต่างก็ตายแล้ว เขาล้างแค้นให้กับเมิ่งเล่ยได้สำเร็จ
หันไปมองหญิงสาวที่ร่ำไห้อยู่บนพื้น ในใจเขาก็รู้สึกเจ็บปวด
ภายในผงภูติฝู อวิ๋นม่านยังคงดิ้นรนอย่างไร้เรี่ยวแรง กระนั้นก็ยังไม่อาจทำลายมันออกมา ต่อหน้าสมบัติขั้นอมตะระดับกลางแล้ว ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่นับเป็นอย่างไร นางในตอนนี้กระทั่งฆ่าตัวตายยังไม่สามารถ สุดท้ายจึงได้แต่โทษตัวเองที่อ่อนแอ
การปรากฏตัวของฉินเทียนอาจทำให้นางมีความสุข ทว่าสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือทั้งเมืองขอบนภา ต้องเผชิญหน้ากับหยางฮงที่แข็งแกร่งสุดประมาณ และตระกูลหยางทั้งตระกูล ระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณคนหนึ่งย่อมไม่เพียงพอจะต่อกรสิ่งเหล่านี้ นางกลัวว่าฉินเทียนจะต่อสู้เพื่อนางจนถึงที่สุด นางกลัวว่าฉินเทียนจะเอาชีวิตมาทิ้งก็เพราะนาง นางกลัวว่า……
ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะนาง……
“ทำไมตระกูลหยางจึงเลือกข้า?” อวิ๋นม่านเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ประตูที่ผนึกบางสิ่งไว้ภายในเริ่มเกิดรอยปริร้าว……..
ภายใต้ความทุกข์ที่ถาโถมกระหน่ำ นางตำหนิตัวเอง ต่อว่าตนเองจนปวดร้าวใจ ความแข็งแกร่งของผนึกก็อ่อนโทรมลง ขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังประตูบานนั้นราวกับได้รับผลกระทบจากนาง เมื่อถูกกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เสียงระเบิดก็ดังขึ้น
อวิ๋นม่านพลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด
พลังงานวิญญาณหมุนวนรอบผงภูติฝูพร้อมกับแผ่กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนอยากจะหลบลี้หนีห่าง ทุกเท้าที่ก้าวขึ้นหน้าทำให้ฉินเทียนบาดเจ็บไปถึงภายใน สมบัติขั้นอมตะระดับกลางออกจะทรงอำนาจเกินไปแล้ว ต่อให้ใช้พลังปราณเข้าต้านทานก็ยังยากจะแบกรับกลิ่นอายที่มันแผ่ออกมา
“ยะ….อย่า….อย่าเข้ามา…..” หยาดน้ำตาอาบไล้เต็มใบหน้าขณะที่นางตะโกนออกไป เมื่อเห็นฉินเทียนต้องเจ็บตัว นางก็ปวดใจ ความปวดร้าวใจของนางกระทั่งทำให้ผงภูติฝูสั่นขึ้นเบาๆ
“ไม่ดีแล้ว!”
หยางหลินขมวดคิ้วพลางคิดขึ้นในใจ ‘พลังของ [ไป่สือชานซิ่น*] กำลังจะทำลายผนึก’
*ไป่สือชานซิ่น: บุคคลที่มีจิตใจดีงามล้ำเลิศมาหนึ่งร้อยชาติภพ
“ไม่ได้การ ปล่อยให้นางทำลายมันไม่ได้เด็ดขาด…..”
“หากนางทำลายมันได้ เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งนางได้อีก คิดไม่ถึงเลยว่าความเจ็บปวดอย่างสาหัสจะทำให้นางสามารถกระตุ้นความแข็งแกร่งที่ถูกซ่อนอยู่ ทั้งยังกระตุ้นความเวทนาของไป่สือชานซิ่นอีก ทรงพลัง นี่ออกจะทรงพลังไปแล้ว”
คิดถึงตรงนี้ หยางหลินก็หันไปมองหยางฮงผู้เป็นบิดา เจดีย์สยบวิญญาณหมุนเร็วขึ้น รัศมีพลังของมันเองก็เพิ่มขึ้นตามรอบการหมุน
ที่หน้าเก้าอี้มังกร หยางฮงที่มีรัศมีพลังสีเข้มห่อหุ้มร่างก็สืบเท้าออก เกิดสายลมโหมกระหน่ำพัดก่อกวนหมู่เมฆ ท้องฟ้าเหนือนครหลวงกลับกลายเป็นมืดครึ้ม เมฆดำก่อตัว ภายในมวลเมฆปรากฏฟ้าแลบฟ้าร้องอยู่ไม่ขาด….
ทุกเท้าที่ก้าวออก โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
นี่ก็คือพลังของหยางฮง
พริบตาถัดมา ร่างของหยางฮงก็ปรากฏขึ้นบนเวที มือข้างหนึ่งพลันคว้าไปที่ศีรษะของหนึ่งในมือสังหาร ขณะมองไปยังฉินเทียน รอยยิ้มดุร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ฝ่ามือที่คว้าจับมือสังหารไว้เกิดเพลิงสีแดงเข้มลุกโชน
รูม่านตาของมือสังหารขยายเบิกกว้าง เงาร่างขนาดใหญ่ที่ด้านหลังสลายหายไป ทั่วร่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืนการคว้ากุมของหยางฮง
หยางฮงหันไปมองฉินเทียนอีกคราหนึ่งก่อนจะออกแรงบีบที่ฝ่ามือ กระโหลกของมือสังหารผู้นั้นยุบตัวลง โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นไผในอากาศ
ยั่วยุ? ข่มขู่? แสดงพลัง?
หยางฮงสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณได้โดยง่าย การแสดงพลังครั้งนี้มีความหมายเช่นนั้นเอง
ฉินเทียนชะงัก ความแข็งแกร่งของหยางฮงอยู่เหนือจินตนาการของเขาไปไกล
เมื่อหนึ่งในมือสังหารตกตาย ความกดดันทางด้านหยางหลินก็คลายลง ฉับพลันนั้นเขาก็กดเจดีย์สยบวิญญาณลง และมือสังหารขั้นกลั่นวิญญาณที่เหลืออีกสองคนก็ถูกดูดเข้าไปข้างใน เสียงกรีดร้องของพวกเขาดังขึ้นก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หยางหลินเก็บเจดีย์สยบวิญญาณ จากนั้นจึงเร่งเร้าพลังปราณก่อนจะพุ่งเข้าหาฉินเทียน
เห็นเช่นนั้นก็ก้าวออกมาหยุดยั้งเขาไว้ “เจ้าจะขึ้นเป็นประมุขตระกูลฉินคนใหม่ เป็นขุนนางคุณูปการของอาณาจักรขอบนภา เจ้าจะได้ทั้งยศศักดิ์และความมั่งคั่ง”
“เสนอการละเว้นโทษ และดึงตัวเข้าร่วมงั้นรึ?”
ฉินเทียนเพิ่มความตื่นตัว เผชิญหน้ากับกลิ่นอายรุนแรงของหยางฮง เขาไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย เขาได้ประจักษ์พลังของหยางฮงมากับตา รัศมีเปลวเพลิงสีเข้มนั่นน่าสะพรึงจริงๆ จะเข้าไปใกล้ไม่ได้เด็ดขาด
“คิดว่าการเสนอละเว้นโทษจะได้ผล?”
หยางฮงยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ยังไม่เป็นที่พอใจงั้นรึ?”
“เป็นขุนนางคุณูปการในการก่อตั้งอาณาจักร ได้ทั้งลาภยศสรรเสริญ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชิงเหอก็ยังเป็นเช่นนั้น หรือศิษย์ที่ไม่สลักสำคัญคนหนึ่งของตระกูลฉินจะไม่พอใจ?”
“ข้าจะกล้าไม่พอใจได้อย่างไร?”
ฉินเทียนกล่าวเสียงเรียบ หากแต่ภายในจุดตันเถียนกลับรีบเร่งฟื้นฟูพลังปราณที่ขาดหาย สำหรับสิ่งที่หยางฮงกล่าวมานั้น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย หากเป็นในอดีต ตัวเขาก็คงจะตกปากรับคำ แต่ยามมองไปที่อวิ๋นม่านที่กำลังจมอยู่ในความทุกข์แล้ว ความโกรธเกลียดที่อยู่ภายในตัวเขาก็แทบจะเบิดปะทุออกมา
หยางฮงยิ้มอย่างยินดี “ผู้มีปัญญาย่อมรู้สถานการณ์ สำหรับเจ้าที่มีระดับบ่มเพาะถึงขั้นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในภายภาคหน้าจะต้องเป็นขุนนางคนสำคัญของอาณาจักรขอบนภาอย่างแน่นอน คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะว่าเจ้าจะได้รับที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด”
“ฮ่าๆ……”
ฉินเทียนหัวเราะก่อนจะหันไปมองอวิ๋นม่าน สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ “นอกจากนางแล้ว ข้าไม่ต้องการสิ่งใด”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหยางฮงและหยางหลินก็เปลี่ยนไป
ในนครหลวงแห่งนี้มีเพียงพวกเขาสองคนที่ทราบถึงตัวตนของไป่สือชานซิ่น พวกเขาสามารถใช้นางเพื่อต่อต้านโชคชะตาและทำให้อาณาจักรขอบนภาเจริญรุ่งเรืองไปนับพันนับหมื่นปี หยิบยืมปราณมังกรและฝึกฝนจนบรรลุขอบเขตสูงสุด ทั้งยังสามารถต่อชะตาพวกเขาให้มีอายุขัยได้อีกหลายพันปี
ยิ่งไปกว่านั้น หยางหลินยังสามารถใช้ประโยชน์จากไป่สือชานซิ่นของอวิ๋นม่านเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อตัวตนอันสูงส่งของนิกายอมตะหนันเทียน ในอนาคต เขาจะมีดินแดน โอสถวิเศษ และคัมภีร์ทักษะระดับสูงจำนวนมาก ถึงตอนนั้นเขาก็คงมีสมบัติขั้นอมตะให้ใช้ไม่ขาดมือ
“ไม่ได้!”
“ไม่ได้!”
สองพ่อลูกพลันโพล่งออกมาพร้อมกัน ขณะที่มีโทสะปรากฏขึ้นในแววตา
ฉินเทียนเขม็งตึงขึ้นมา และเขาก็ทราบในทันทีว่าหยางหลินนั้นไม่ได้หลงใหลในรูปโฉมของอวิ๋นม่าน เพียงสังเกตจากสีหน้าของคนทั้งสองก็ทราบได้แล้วว่าอวิ๋นม่านมีความสำคัญต่อพวกเขายิ่ง ‘คิดไม่ถึงว่าในตัวอวิ๋นม่านจะยังมีความลับที่น่ากลัวซ่อนไว้อยู่’
ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งปั่นป่วน
อย่างไรก็ตาม หยางฮงไม่มอบเวลาให้เขาได้ขบคิดมากนัก “ผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกสำหรับข้า เพียงลงมือก็สามารถคร่าชีวิตเจ้าแล้ว การยอมให้เจ้าได้เป็นขุนนางคนสำคัญนับว่าไว้หน้าเจ้ามาก อย่าได้ปฏิเสธความเมตตาจากข้า”
ถ้อยคำ ‘อย่าได้ปฏิเสธความเมตตาจากข้า’ ถูกเน้นย้ำอย่างหนักแน่น แรงกดดันอันมหาศาลถูกปล่อยออกมาพร้อมกับถ้อยคำนั้นบีบให้ฉินเทียนต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ฉินเทียนหันไปถามอวิ๋นม่านด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “เจ้าจะแต่งงานกับหยางหลินหรือไม่?”
หยาดน้ำตายังคงไหลรินเต็มใบหน้าขณะที่อวิ๋นม่านส่ายศีรษะระรัว “ไม่….ข้าไม่แต่ง….ข้าจะไม่แต่ง…….”
“งั้นก็ดีแล้ว”
ฉินเทียนเก็บมาวมาวที่ใช้ร่างต่อสู้ไปแล้วเข้าแหวนมิติ จากนั้นจึงทะยานขึ้นฟ้าพลางตะโกนออกมา
“เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้า!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด