อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 223

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 223 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 223 สูตรที่ได้รับการปรับปรุง
จากคำตอบของเพวกเขา พวกก็เห็นได้ว่าการเปิดระบบพิเศษมีความผิดปกติอย่างแน่นอน ระบบซองแดงของเขามันพิเศษมาจากจนเขาไม่สามารถเปิดระบบพิเศษนี้ได้เลย
สุดหล่อโคตรเจ๋งกล่าวขึ้นทันที “จริงๆ แล้วจากคำตอบที่ผมได้รับ ถ้าผมไม่สามารถที่จะแตะต้องทางเดินเข้าสู่ระบบพิเศษได้เลย หลังจากที่บรรจุระดับที่ 9 เมื่อเพชรพลังงานมาถึงจำนวนที่แน่นอน มันก็จะเข้าไปได้โดยอัตโนมัติ”
“สุดหล่อโคตรเจ๋ง ตอนนี้ในกลุ่มของพวกเรา อันดับของคุณอยู่สูงที่สุดเลย ระดับอาวุโสเขาจำกัดจริงๆ ไหมนะ?” ชายชุดเกราะถาม
“เอาล่ะ มันเป็นความจริงที่ว่ามีข้อจำกัดอยู่สองสามข้อ ของบางรายการก็เป็นที่ต้องห้ามให้กลุ่มพันธมิตรใช้ได้เท่านั้นเหมือนกับซองแดงในกลุ่มก้าวหน้า ตราบใดที่ไม่ถูกใช้โดยรัฐบาลกลาง สิ่งของพวกนี้ก็จะไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลกลาง”
นักวิจัยกล่าวว่า “เทียนยู่กรุ๊ปได้สร้างความร่วมมือกับทางทหารและเป็นของหน่วยงานทางทหาร ข้อมูลผู้ใช้ของพวกเราถูกบันทึกไว้ในกองทัพ ถ้าคุณซื้ออาวุธอันตราย สมองแสงของรัฐบาลกลางก็จับตามองคุณเป็นพิเศษ ทันทีที่คุณนำอาวุธอันตรายออกจากระบบซองแดง ตำรวจของรัฐบาลจะตามตัวคุณ”
“ผมรู้ว่าประชาชนอย่างผมถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสมองแสงรัฐบาลกลาง ผมออกไปข้างนอกโดยสวมชุดเกราะตามปกติเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับภารกิจตลอดเวลา” ชายชุดเกราะกล่าวอย่างภูมิใจ
นักธุรกิจพลังงานกล่าวอย่างปรามาสว่า “มันก็แค่การกักกันตัวของบุคลากรสงครามพิเศษ อย่าได้อ้างถึงสมองแสงของรัฐบาลกลางที่ดูแลประชาชนเป็นพิเศษเลย เท่าที่ฉันรู้คนที่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยสมองแสงของสมาคมซึ่งต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในรายชื่อบนสุดของจักรวาล”
ชายชุดเกราะนิ่งเงียบ ซึ่งการดูแลพิเศษที่เขาพูดนั้นหมายถึงผู้ผลิตพลังงานที่มีทั้งหมดสองแนวคิด
“แม่ง คุณเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพวกนั้น ทำไมคุณถึงไม่เอาฉันไปเปรียบเทียบกับยานอวกาศดวงดาวล่ะ คนพวกนั้นโหดเหี้ยมและสามารถทำลายดาวเคราะห์ได้กว่าครึ่งดวงโดยปราศจากอาวุธ พวกเขาสามารถต่อสู้เพียงฝ่ายเดียวกับกองทัพติดอาวุธ”
อู๋ฮ่าวเหรินถามสุดหล่อโคตรเจ๋ง “เมื่อถึงระดับ 9 แล้วคุณสามารถเข้าไปที่ระบบพิเศษผ่านทางเพชรพลังงานได้อย่างนั้นหรือ มีใครเคยลองบ้างหรือยัง?”
“แน่นอนสิ มีคนเคยลองแล้ว คนโหดเหี้ยมพวกนั้นพวกที่ถึงระดับ 9 แล้วดูเหมือนจะใช้วิธีการนี้เข้าไปในระบบพิเศษนะ อย่างไรก็ตามระบบพิเศษเองก็ยังถูกจำกัดโดยระดับของผู้คนและระดับของระบบพิเศษที่พวกเขาเข้าไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมีข้อจำกัดบางประการสำหรับการแลกเปลี่ยนรายการของภายในนั้น”
“อ๋อ มีข้อจำกัดอย่างนี้นี่เอง แม่ง ฉันกำลังจะไปพบพวกทรราชย์ท้องถิ่นระดับ 9 ในนั้นสินะ” จ้าวรถบินกล่าว
“ไร้สาระน่า มิฉะนั้นถ้าคุณมีระบบพิเศษคุณต้องการที่จะทำอะไรกับระบบซองแดง มันคงไม่สะดวกสบายไปกว่าระบบซองแดงเพื่อที่จะสัมผัสถึงระบบพิเศษและค้าขายได้โดยตรงในนั้น”
มาถึงตอนนี้
“อย่าไปคิดถึงระบบพิเศษเลย” มิสเตอร์เรดาร์กล่าว ผู้ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย “มันมีสถานการณ์พิเศษบางอย่างภายในนั้น คุณสามารถซื้อได้โดยตรง แต่ถ้าคุณไม่ต้องการซื้อสิ่งของมันก็มีเงื่อนไขบางอย่าง”
“คุณเรดาร์ ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้? คุณไปทราบข่าวนี้มาจากไหนกัน?”
“จากเพื่อนของฉันเขาเคยสัมผัสระบบพิเศษมาแล้ว หลังจากที่เข้าไปแล้วเขาพบว่ามันเป็นหลุมพลาง มันจะต้องใช้ความจริงใจและต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาชอบในกลุ่มซองแดงนั้น”
คนทั้งกลุ่มนั้นพากันนิ่งเงียบ พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือวัตถุประสงค์ของเทียนยู่กรุ๊ปในการเปิดระบบพิเศษนี้ขึ้นมา
อู๋ฮ่าวเหรินครุ่นคิดถึงปัญหาอื่นๆ ในตอนนี้ ถ้าเขาไม่ต้องการที่จะฆ่าผู้คนเพื่อสะสมพลังวิญญาณเขาจะสามารถทำได้ไหม ถ้านั่นยังคงเป็นปัญหาสำคัญกับเทพแห่งสงคราม การสันนิษฐานนี้ก็ยังคงอยู่
เขายิ่งทวีความอยากรู้ เกิดอะไรขึ้นกับการลองสังหารกันนะ?
สถานการณ์ของหลิงเหมิงเสวี่ยเกี่ยวข้องกับเทพแห่งสงครามจริงๆ งั้นหรือ หรือว่าเกิดจากอุบัติเหตุ?
ภาวะฉุกเฉินของระบบซองแดงเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุนั้นหรือเปล่านะ?
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูพวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งอื่น เขาจึงเข้าไปที่กลุ่มระดับสองและมองดูในนั้น ขณะนี้ผู้คนในนี้ดูเงียบเชียบกว่ากลุ่มระดับหนึ่ง แน่นอนบางทีมันเป็นเพราะว่าพวกเขาฉกซองแดงในกลุ่มที่สูงกว่า
เมื่อเข้าไปในกลุ่มเชฟ อู๋ฮ่าวเหรินเห็นลุงชาวจีนกำลังออนไลน์อยู่ ราวกับว่าเขากำลังสื่อสารกับคนอื่นอยู่
“เป็นอย่างไรบ้างครับ คุณลุง?”
“เธอนี่เอง ฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับวัสดุและสูตรต่างๆ ที่เธอให้ฉันมาเมื่อเร็วๆ นี้ ฉันได้พัฒนาบางอย่างด้วยนะ นี่อย่างไรล่ะ เอาไปด้วยและถามฉันได้ถ้าเธอไม่เข้าใจตรงไหน”
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปที่ซองแดงที่ลุงคนนั้นยื่นให้ เขาแค่ปรารภอย่างไม่ตั้งใจในตอนนั้นแต่ลุงคนนี้กลับช่วยเขาพัฒนามันจริงๆ
“หลานเอ๋ย อย่าได้ดูถูกสูตรนั่น มันถูกพัฒนาโดยพวกเราหลายต่อหลายครั้งหลังจากที่ได้ศึกษามัน” กุ๊กอีกคนกล่าวผู้ซึ่งฉกจานไป
“ผมรู้แล้ว ผมจะศึกษามันครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินนิ่งเงียบหลังจากลุงและอีกคนหนึ่งที่เพิ่งจะพูดเกี่ยวกับวิธีการทำอาหารได้จากไปแล้ว
เมื่อกลับออกมาจากเขตซองแดง เขามองไปที่สูตรที่ลุงชาวจีนมอบให้แก่เขา และครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เขาพร้อมที่จะทดลองมันแล้ว เขาเลือกที่จะทำซุปที่แสนจะธรรมดาที่สุดหนึ่งอย่าง ส่วนผสมและเครื่องปรุงรสพร้อมอยู่ในเรือนกระจกของเขาแล้ว
เขาเข้าไปที่เรือนกระจก นำวัตถุดิทั้งหมดออกมาและอู๋ฮ่าวเหรินก็จัดการมันในสนาม
ถึงแม้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการทำอาหาร อู๋ฮ่าวเหรินเคยทำมันมาก่อนหน้านี้แล้วแต่กินไม่ได้ เขาทำตามสูตรอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มันช่างง่ายดาย แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาเลือกทำซุปก็เพราะว่ามันง่าย และอาหารจานอื่นๆ มันค่อนข้างซับซ้อนและมีขั้นตอนการทำมากมายเป็นโหล
“จี้ ทำไมนายไม่เอาหุ่นยนต์ทำอาหารออกมาและเขียนขั้นตอนเหล่านี้ลงในโปรแกรม นายก็จะสามารถทำให้มันสมบูรณ์ได้เลยนะ”
“ใช่แล้ว แต่ถ้าคุณทำอย่างนั้น มันก็คงจะไม่เป็นไรถ้าคุณกินมันแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าคุณกินบ่อยๆ คุณต้องมีปัญหาแน่ๆ” อู๋ฮ่าวเหรินคิดตาม ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเหตุผลนั้นฟังขึ้น ถึงแม้ว่ามันเป็นอาหารจานที่เลิศรส มันคงจะไม่เป็นอะไรนักถ้าจะกินแล้วอร่อยในครั้งแรก แต่ถ้าเขาต้องกินรสชาติเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ว่ามันจะมีรสชาติอร่อย แต่เขาก็คงจะอ้วกแน่ๆ
ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ว่าทำไมเชฟทั้งหลายไม่ถูกกำจัดในอนาคต เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ทำอาหร ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำอาหารจานเดียวกัน แต่รสชาติของการปรุงครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองย่อมแตกต่างกัน
เห็นได้ชัดว่าหม้อที่บ้านไม่ได้เป็นหม้อแรงดัน อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกดีเมื่อได้กลิ่นหอมกระจายออกไป
“แม่คะ หอมอะไรเช่นนี้ หอมมาก!”
อู๋เสี่ยวซาน อู๋จวนจวนวิ่งเข้ามาจากสนามข้างนอก ตามมาด้วยหลิงเหมิงเสวี่ยผู้ซึ่งเหมือนกับเด็กใคร่รู้ จมูกของพวกเขาสูดดมกลิ่นหอมในอากาศและเคลื่อนไหว พวกเขาช่างน่ารัก
“อ้าวพี่ชาย ทำไมถึงเป็นพี่ได้ล่ะ?”
อู๋เสี่ยวซานมองพี่ชายของเธอที่อยู่ในครัวอย่างประหลาดใจ
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ พวกเธอสองคนเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บซะก่อน ซุปกำลังจะเสร็จแล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินเงยหน้าขึ้นและเห็นหลิงเหมิงเสวี่ยมองอย่างเด็กใคร่รู้ อย่างไรก็ตามเธอขี้อายและยืนอยู่ข้างนอกห้องครัว เธอมองเข้ามาด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาส่ายหัวและเขาก็ไม่รู้จะทำอะไร
จากนั้นสักพัก สีของซุปในหม้อก็เปลี่ยนไป อู๋ฮ่าวเหรินจึงยกลงจากเตา เมื่อเปิดหม้อออก กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และแรงก็ลอยออกมากระทบหน้าทุกคน พวกเขาสูดดมความหอมและต่อมความอยากอาหารของทุกคนก็เริ่มทำงาน
เขาเติมลงในจานและยกออกไปขณะที่มองไปที่แมวน้อยตะกละสามตัวในห้องครัว
“นั่งดีๆ สิ ระวังด้วยมันร้อน ซดตอนที่มันเย็นแล้วสิ”
อู๋ฮ่าวเหรินวางซุปไว้บนโต๊ะนั่งมองเด็กทั้งสามคน และเตือนขึ้น
“เสี่ยวซาน ดูแลเหมิงเสวี่ยด้วย เดี๋ยวปากของเธอจะพองเอานะ”
“ฉันรู้แล้ว มาสิพี่เหมิงเสวี่ย เดี่ยวฉันจะเป่าให้นะ”
หลิงเหมิงเสวี่ยจ้องไปที่ซุปที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างกับเด็กตะกละซึ่งมันดูน่ารักมาก
อู๋ฮ่าวเหรินคิดในใจว่า ฉันไม่รู้เลยว่าเธอจะสามารถร้องเพลงเหมือนผีสาวรึป่าว ถึงแม้ว่าเธอจะมีปัญหาด้านไอคิว แต่เสียงเธอช่างคล้ายกับผีสาวจริงๆ
ถ้วยซุปทำให้อู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจถึงหัวใจของการกินอาหารดีๆ การดื่มสิ่งดีๆ ในท้ายที่สุดทั้งสี่คนก็พากันดื่มซุปจนหมดหม้อ ด้วยกระเพาะที่เต็มเปี่ยมแต่คงไว้ซึ่งความหมายบางอย่าง
———————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด