Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 153 รูปแบบของกระบี่

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 153 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 153 รูปแบบของกระบี่

 

ในตอนสุดท้าย ทุกย่างก้าวทําให้เขารู้สึกราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง เขาหายใจอย่างหนักและก้าวไปอย่างยากลําบาก บางครั้งเขาถึงกับรู้สึกอยากจะหยุดวิ่งทิ้งตัวลงไปทั้งอย่างนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่ร่างอันงดงามและสีหน้าของนาง,เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องรักษาหน้าของเขาเอาไว้ เขาจะต้องไม่ล้มลงต่อหน้านางแบบนั่นมันจะน่าอายเกินไปแล้ว

 

ในที่สุดเมื่อเขาวิ่งจบรอบสุดท้าย,เซี่ยวเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ล้มลงไป สูดหายใจเข้าลึก,เขานั่งลงขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

 

เมื่อผู้หนึ่งเหนื่อยล้าและร่างกายถูกกดดันไปถึงขีดจํากัด, นั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะดึงศักยภาพของคนคนนั้นออกมาเมื่อเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงหลักการนี้มาตั้งแต่ในอดีตแต่ยังไม่เคยมีใครมาคอยสั่งสอนเขาเช่นนี้มาก่อน

 

ตอนนี้เขาได้รับโอกาสนั้นมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้ ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปทั่วร่างของเขาอย่างช้าๆ หลังจากที่หมุนเวียนพลังปราณไปครบรอบ,มันก็ซึบซับเข้าไปในเนื้อหนังและกระดูกของเขา

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของเขารู้สึกสุขสบายอย่างมาก เม็ดเหงื่อบนร่างของเขาระเหยออกไปอย่างช้าๆกลายเป็นไอสีขาว

 

– หลิวหรูเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกําลังมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น นางเผยรอยยิ้มไม่คาดคิด ในสายตาของนางนางมองเห็นฉากความทรงจํา,ราวกับนางได้เห็นตัวเองในอดีต

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินหยุดการหมุนเวียนพลังปราณในร่างของเขา เขาลืมตาขึ้นมาเจอกับสายตาของหลิวหรูเยว่ เขายิ้มขึ้นบางๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน

 

เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “พี่สาวหรูเยว่เริ่มชี้แนะข้าได้แล้ว?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มเบาๆ “ไม่เลวๆ, ทักษะกระบี่ที่เจ้าใช้จะต้องเป็นทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ข้าเคยร่ําเรียนทักษะกระบี่นี้มาก่อนเมื่อข้ายังเยาว์ ต่อมามันไม่เข้ากับแนวทางของข้า,ข้าจึงยอมแพ้ไป”

 

ความงุนงงปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิน,หลิวหรูเยว่เคยฝึกฝนทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันมาก่อน? นั้นช่างน่าแปลก,ไม่ใช่ว่าเฟิงเฟยเสวี่ยเคยกล่าวว่าทักษะนี้มันมาจากสํานักฉินสวรรค์?

 

มองเห็นความงุนงงของเซียวเฉิน,หลิวหรูเยวจึงอธิบาย “มันไม่น่าแปลกอะไร ศาลากระบี่สวรรค์ได้รวบรวมทักษะกระบี่จากทั่วทุกมุมโลก,ยกเว้นแต่ที่เป็นทักษะสืบทอด”

 

“ข้าได้ยอมแพ้ในทักษะกระบี่นี้เพราะรูปแบบของมัน ให้ข้าได้ถามเจ้าก่อนเจ้าคิดว่ารูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันเป็นเช่นไร? เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมกับเจ้าหรือไม่?”

 

รูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันเป็นเช่นไร? เซี่ยวเฉินไม่เคยนึกถึงคําถามเช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยคิดแม้แต่ว่าเขาเหมาะสมกับมันหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ฝึกฝนทักษะกระบี่นี้มาอย่างยาวนาน,เซี่ยวเฉินก็พอมีความคิดคราวๆเกี่ยวกับทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,มันก็ตอบได้ไม่ยากเย็นนัก “ดุร้ายและรวดเร็ว แรงเหนี่ยวนําสูงเต็มไปด้วยพลังราวกับแม่น้ําไหลหลาก เมื่อมันได้เริ่มก็เหมือนกับสายฝนกระหน่ําที่ไม่อาจหยุดยั้ง”

 

หลิวหรูเยว่พยักหน้า “ดูเหมือนเจ้าจะมีความเข้าใจเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม คําที่เจ้าอธิบายในตอนแรกมันเป็นเพียงการเน้นจุดพิเศษของทักษะกระบุสายฟ้าฉับพลัน,ไม่ใช่รูปแบบของมัน”

 

“รูปแบบของมันคือสุดท้ายที่เจ้าพูด,เหนี่ยวนําไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง การถอยกลับแม้แต่ก้าวเดียวนั้นหมายถึงครึ่งเป็นครึ่งตายเสู้อย่างเต็มกําลังเผชิญหน้ากับอันตราย ถึงตาย แม้แต่ก่อนที่จะเข้าต่อสู้เจ้าก็ผลักตัวเองเข้าไปในเส้นทางที่ไร้ทางหันกลับ เจ้าคิดว่าทักษะนี้เหมาะสมกับเจ้าหรือไม่?”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้แจ้ง – ราวกับสายฟ้าลั่นเข้ามาในหัวของเขา คําถามที่เขาไม่อาจตอบได้ทันใดนั้นก็กระจ่างชัด

 

เขารู้สึกอยู่เสมอความความเข้าใจต่อทักษะกระบี่สายฟ้า ฉับพลันของเขาเหมือจะมีอะไรขาดหายไป

 

ในวันนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าอะไรที่ขาดหายไป เขาขาดความมุ่งมั่น,ความมุ่งมั่นที่มากล้นที่จะไม่ถอยกลับแม้ตัวจะถึงฆาต

 

อย่างไรก็ตาม,มันจะเหมาะสมกับเขาอย่างแท้จริง?

 

เซี่ยวเฉินอดที่จะคิดถึงปัญหานี้ไม่ได้ หลังจากผ่านไปนาน,ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เขาทบทวนหลายสิ่งก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเหมาะสมกับรูปแบบนี้ แม้ตอนนี้จะยังไม่คู่ควร,ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เหมาะสมกับมัน ตอนที่พวกเราแลกกระบวณท่ากันก่อนหน้านี้เจ้าอยากให้ข้ายอมให้เจ้าลงมือก่อนโดยหวังว่าจะใช้ข้อได้เปรียบของมัน นั่นไม่ใช่รูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน”

 

เซี่ยวเฉินไม่อาจเข้าใจได้ เขาจึงถามขึ้น “แต่จังหวะของข้า ถูกเจ้าที่ขัด ข้าจะไม่ถอยกลับได้เช่นไร? มันเป็นไปไม่ได้กับคู่ต่อสู้ที่ระดับขอบเขตพลังหรือความแข็งแกร่งเท่ากัน,ข้าจะไม่มีวันถอยกลับ”

 

“เจ้ามันช่างปากแข็ง ความแข็งแกร่งที่ข้าใช้ก่อนหน้านี้มันไม่เกินไปกว่าระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าเจ้าลองดูอีกสักครั้งก็ย่อมได้” รอยยิ้มเติมเต็มใบหน้าอันงดงามของหลิวหรูเยาะดูเหมือนนางจะกระตือรือร้นที่จะลองอีกครั้ง

 

เซี่ยวเฉินนึกถึงฉากเมื่อก่อนหน้าแล้วก็ยิ้มแบบอายๆ “มิกล้า,ข้าขอเชื่อเจ้า”

 

หลิวหรูเยวรู้สึกช่างน่าเสียดาย,นางพูดขึ้น “เช่นนั้นก็ดี,ข้าจะไม่กวนเจ้าแล้ว ตอนนี้มันยังเร็วไปหน่อยที่จะบอกเจ้าทุกอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่เข้าใจ ฝึกฝนแปดท่ากระบี่พื้นฐานก่อนและมาแสดงให้ข้าดู!”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเขินอาย “ข้าไม่ได้ร่ําเรียนทักษะกระบี่พื้นฐานมาก่อน เมื่อข้ายังเด็ก,ตระกูลให้ข้าฝึกฝนทักษะฝ่ามือและหมัดเท่านั้น พื้นฐานกระบี่สามารถเลือกไม่เรียนก็ได้ในตอนนั้น,ข้าไม่เคยคิดที่จะเรียนกระบี่มาก่อน,ข้าจึงไม่ได้เรียนมา”

 

ตอนที่เซียวเฉินยังเด็ก,เขาไม่สามารถหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งจดจ่อไปที่การพยายามหลอมรวมวิญญาณยุทธ ไม่มีอะไรที่เขาฝึกฝนได้,รวมไปถึงทักษะกระบี่พื้นฐาน

 

ต่อมา หลังจากที่เซี่ยวเฉินหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธได้สําเร็จ,เขาไม่ได้ให้ความสําคัญกับกระบวณท่ากระบีพื้นฐาน เพราะเขาต้องเรียนรู้หลายอย่างมากเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง,แต่เขาก็ไม่เคยฝึกฝนกระบีพื้นฐานแบบจริงจัง

 

หลิวหรูเยว่รู้สึกปวดหัวตุบ “สุยเฟิง! ย้ายก้นของเจ้ามาทางนี้

หลิวสุยเฟิงผู้ที่กําลังฝึกฝนอยู่ด้านข้าง,หยุดมือจากสิ่งที่ทําอยู่และพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาถามขึ้น “พี่สาว,ว่าไง!”

 

“ข้ายอมแพ้แล้ว เจ้าจัดการสอนแปดกระบวณท่ากระบี่พื้นฐานให้เขาซะ เจ้ามีเวลาหนึ่งวัน ข้าจะมาดูผลงานในวันพรุ่งนี้” หลิวหรูเยว่นวดขมับนางรู้สึกปวดหัว

 

“ข้าขอตัวก่อนแล้วจะกลับมาดูผลในวันพรุ่งนี้ ใช่แล้ว, แผ่นถ่วงน้ําหนักก็ให้เขาใส่ไว้อย่างนั้น” หลังจากที่หลิวหรูเยว่พูดจบ,นางก็จากไปทันที

 

หลิวสุยเฟิงมองไปที่เซี่ยวเฉินและถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เย่เฉิน,เจ้าไม่เคยแม้แต่จะเรียนกระบวณท่ากระบี่พื้นฐาน?”

 

เซียวเฉินตอบ “มันสําคัญด้วย? ข้าไม่เคยร่ําเรียนมันมาก่อน”

 

หลิวสุยเพิ่งยิ้มขมขึ้น “ข้า “เลื่อมใสเจ้าจริงๆ ช่างโชคดีที่เจ้าไม่ได้เข้ามาโดยผ่านทางนิกายชั้นนอก ทักษะกระบี่พื้นฐานเป็นรากฐานของทุกทักษะกระบี่ นิกายศาลากระบี่ สวรรค์มีกฏ หากไม่ได้ฝึกฝนพื้นฐานกระบี่จนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นเจ้าไม่สามารถเรียนทักษะต่อสู้ใดๆ”

 

“ดังนั้นสําหรับคนอย่างพวกเราและนักบ่มเพาะพลังผู้ที่ต้องการเข้าศาลากระบี่สวรรค์,ทักษะกระบี่พื้นฐานจําต้องฝึกฝนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น คนส่วนใหญ่จะฝึกฝนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลาง,และจะมีบางคนเช่นพี่สาวของข้า ผู้ที่ฝึกฝนจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าทักษะกระบี่พื้นฐานจะมีความสําคัญถึงเพียงนี้ เขาอดถามขึ้นไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้าฝึกฝนทักษะกระบีพื้นฐานไปจนถึงขั้นใด?”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอย่างหมดหนทาง “ข้าไม่ได้มุมานะถึงเพียงนั้น หลังจากที่มาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น, ข้าก็หยุดลง อย่ามัวพูดคุย มันยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะเรียนรู้

 

เซียวเฉินพยักหน้าและเตรียมที่จะถอดแผ่นถ่วงน้ําหนักบนแขนของเขาออก เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นดังนั้น,เขาก็รีบหยุดเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “อย่าบอกข้าว่าเจ้าจะให้พี่น้องต้องไปลําบากถึงเพียงนี้”

 

หลิวสุยเฟิงมีสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าไม่ได้หาเรื่องให้เจ้าต้องลําบาก สําหรับเจ้าที่สามารถฝึกฝนทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันจนมันประทุเสียงฟ้าคํารามออกมาได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพยายามของเจ้า แม้แต่ในประวัติศาสตร์ของศาลากระบีสวรรค์,ก็มีไม่มากนักที่จะสามารถทําได้ถึงเพียงนั้น”

 

“พี่สาวของข้าคาดหวังในตัวเจ้าสูงมาก มิฉะนั้นนางคงไม่ชี้แนะเจ้าถึงรูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน”

 

“ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันถูกสร้างขึ้นมาโดยจักรพรรดิกระบี่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูง,แต่ศักยภาพของมันไร้ขีดจํากัด หากเจ้าต้องการปรับปรุงมันอย่างแท้จริง ทักษะกระบีพื้นฐานจะต้องฝึกฝนขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม หากเจ้าต้องการเรียนรู้มันด้วยระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ เจ้าจะต้องฝืนทนเป็นอย่างมาก มันไร้ซึ่งทางลัด”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น เขาหยุดมือในสิ่งที่กําลังทําอยู่ หลิวสุยเฟิงเริ่มสาธิตทักษะกระบี่พื้นฐาน มีเพียงแปดท่วงท่าในทักษะกระบีพื้นฐานกวาด,ฟัน,ผลัก,เฉือน,ช้อน,กวัดแกว่ง,สับ,และแทง พวกมันรู้จักกันในทวงท่ากระบี่พื้นฐาน

 

เนื่องจากมันเป็นทักษะกระบีพื้นฐาน

 

โดยปกติพวกมันเป็นเรื่อง่ายที่จะทําความเข้าใจ เซียวเฉินเพียงแค่ต้องทําความเข้าใจก่อน จากนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง เนื่องจากเขาใส่ตัวถ่วงน้ําหนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม,การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งช่างยากลําบาก

 

หลิวสุยเชิงส่ายหัวไปมาไม่หยุด “ขาของเจ้าไม่ควรเคลื่อนไหว แขนของเจ้ายกขึ้นให้สูงกว่านี้”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินลงมือฝึกฝนด้วยตัวเองจริงๆ เขาพบว่ามีข้อผิดพลาดหลายอย่าง มันเป็นเพียงแค่แปดกระบวนท่าง่ายๆ แต่เขายังทําผิดพลาดอยู่

 

ช่วงเช้าผ่านเลยไปเช่นนี้ ขณะเดียวกัน,หลิวสุยเฟิงก็ชี้แนะเขาต่อไปเรื่อยๆ, บางครั้งก็สาธิตให้เขาดูตาม เขาไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด นั่นทําให้เซียวเฉินรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก

 

“พี่สุยเฟิงพี่เย่เฉินได้เวลาอาหารแล้ว” เสียงอันไพเราะของเสี่ยวเมิ่งดังมาจากพื้นที่ประลอง ช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่งกําลังถืออาหารเดินเข้ามาทางพวกเขาอย่างช้าๆ

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นดังนั้น เขายิ้มออกมาเบาๆ “ตอนเช้าพอไว้แค่นี้ อย่าไปฟังพี่สาวของข้ามากนัก ตอนที่ข้าฝึกฝนทักษะกระบี่พื้นฐาน,มันใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจภายในหนึ่งวัน”

 

เซี่ยวเฉินปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาก่อนที่จะพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว การเคลื่อนไหวทั้งแปดนี้คือพื้นฐานของทักษะกระบี่ทั้งหมด,มีการพลิกแพลงมากมายแต่พวกมันก็ยังอยู่ในแปดกระบวณท่านี้

 

จากที่ศาลากระบี่สวรรค์กล่าวว่าผู้นั้นจะต้องฝึกฝนทักษะกระบีพื้นฐานถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นก็เนื่องมาจากเหตุนี้ หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน, เซียวเฉินก็สามารถเข้าใจว่าทําไม

 

อาหารกลางวันเสี่ยวเมิ่งเป็นคนทําขึ้นมาด้วยตัวเอง ในตอนแรกนางเสิร์ฟข้าวต้มให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเชิง นางเกรงว่าเซี่ยวเฉินอาจจะไม่เข้าใจ,นางจึงกล่าวขึ้น “นี้เป็นการคําแนะนําของพี่สาวหรูเยว่ หลังจากออกกําลังอย่างหนักหน่วง,เจ้าต้องดื่มข้าวต้มก่อนที่จะอิ่มท้องด้วยอาหารจานหลัก”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มกับตัวเอง ผู้หญิงนางนี้ช่างใส่ใจรายละเอียดดีนัก แม้กระทั่งนักโภชนาการจากโลกของเขาก็กล่าวเช่นนี้

 

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่มันออกมา มันก็จ้องมองไปที่เสี่ยวเมิ่งด้วยดวงตาสีใสกลมโต

 

“เป็นจิ้งจอกน้อยที่น่ารักอะไรอย่างนี้!” ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปล่งประกายด้วยความสุข

 

ทันทีที่หลิวสุยเฟิงเห็นหยกสีแดงบนหน้าอกของเซี่ยวเฉิน,มีความประหลาดบนใบหน้าของเขา เขาพูดขึ้น “หรือนั่นจะเป็นหยกวิญญาณสีเลือด?”

 

เซียวเฉินพยักหน้า เขาไม่ได้ปล่อยเจ้าเพื่อนตัวน้อยออกมาตลอดสองสามวัน เมื่อเสียวไปได้กลิ่นอาหาร,มันก็อดไม่ได้ที่จะออกมา

 

เซี่ยวเฉินมีปฏิสัมพันธ์กับคนพวกนี้และพบว่าพวกเขาใจดี จึงไม่ได้หยุดเสียวไปเอาไว้

 

“ยังมีข้าวต้มเหลืออีกหรือไหม? เจ้าตัวน้อยนี้หิวแล้ว” เซี่ยวเฉินถามขึ้นพร้อมมองไปที่นาง

เสี่ยวเมิ่งยิ้มบางๆและพยักหน้า หลังจากที่นางเติมข้าวต้มมาเต็มชาม,นางก็วางลงตรงหน้าของเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋เผยรอยยิ้มนางรักและถูหัวของมันกับเสี่ยวเมิ่ง เสี่ยวเมิ่งเป็นสุขอย่างมากพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด