Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 109

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 109 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 109: เข้าสู่โลกแห่งความฝัน

“จ้าวแห่งฝันนั้นเป็นนายเหนือความฝันของตนเอง! ถ้าจ้าวแห่งฝันต้องการพัฒนาไปข้างหน้า ย่อมต้องเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในความฝันของผู้อื่น… การเข้าไปมีส่วนร่วมนั้นมีความเสี่ยงสูงยิ่ง และจะประสบความสำเร็จง่ายกว่าหากมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่มีการฝึกพลังเวทย์มาน้อย…”

ขณะที่เขานึกถึงคำอธิบายที่ตกทอดมา ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจัง

จ้าวแห่งฝันที่สามารถเข้าสู่ความฝันของผู้อื่นได้นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ผู้แฝงฝัน’ ขั้นต่อไปนั้นจะอนุญาตให้จ้าวแห่งฝันปรับเปลี่ยนความฝันของผู้อื่น และอาจจะเรียกเป็น ‘ผู้สร้างฝัน’ ได้!

สองขั้นตอนนี้เป็นระดับขั้นพื้นฐานของจ้าวแห่งฝัน

หลังจากทั้งหมดนี้ ก็จะเป็นการฝึกฝนเพื่อขึ้นไประดับสวรรค์สูงสุด คือเข้าใจกฎแห่งความเป็นจริงและปรับใช้กับความฝัน เปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งความฝันมาสู่โลกแห่งความจริง

โดยสรุปแล้ว ยิ่งโลกแห่งความฝันเหมือนจริงเท่าไหร่ อัตราการไหลของเวลาก็ยิ่งเหมือนกันมากเท่านั้น

“มีเพียงเมื่อโลกแห่งความฝันนั้นเหมือนกับความเป็นจริงที่จ้าวแห่งฝันจะเริ่มสร้างสิ่งของจริงได้… ถ้าข้าต้องการไปถึงระดับเดียวกับที่อาจารย์ของข้าอยู่ ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกอีกมาก…”

อาจารย์เวิ่นซินไม่เพียงขึ้นถึงระดับสวรรค์มายา แต่ยังสามารถสร้างโลกของท่านเองและให้กำเนิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย

ฟางหยวนนึกภาพความซับซ้อนของการไปถึงระดับนั้นไม่ออกเลย

“ความเสี่ยงของการแฝงเข้าไปในความฝันของผู้อื่นนั้นอันตรายกว่าเข้าสู่ความฝันของตัวเอง… ถ้าหากข้าได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหาร มันจะทำลายพลังเวทย์ของข้าและแม้กระทั่งร่างกายในโลกจริงของข้า…”

ฟางหยวนเดินออกมา มองไปที่ราชานกหงเอี่ยนป๋ายแล้วก็จมลงไปในห้วงความคิด

“แกว๊ก!”

ไข่ฟองหนึ่งปริออก ลูกนกที่มีขนหร็อมแหร็มผิวหนังสีแดงโผล่ออกมา

มันลืมตาเล็ก ๆ ของมันขึ้นและรู้สึกหิว

ด้วยสัมผัสได้ถึงพลังจำนวนหนึ่ง มันจึงจิกกินเปลือกของตัวเองลงไปตามสัญชาตญาณ ขณะคอยจับตาดูลูกนกตัวอื่น ๆ

ลูกนกบางตัวนั้นแข็งแรงกว่า หลังจากออกจากเปลือกมาก่อนและกินเปลือกของตัวเองลงไปหมดแล้ว มันก็เล็งเปลือกของนกตัวอื่น

ในการต่อสู้อย่างโหดร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด การมีสายเลือดเดียวกันนั้นมีผลขัดขวางการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของพวกมันเพียงน้อยนิด

ลูกนกแต่ละตัวรีบกินเปลือกของพวกมันลงไปโดยเร็วและกรีดร้องเสียงดัง พวกมันไม่เต็มใจแบ่งส่วนของพวกมันให้นกตัวอื่นที่เหลือ

“ชู่! ชู่!”

ตอนที่ลูกนกหลายตัวถูกรีดไถและกำลังจะสู้กันอยู่แล้ว ก็มีสายลมหอบใหญ่พัดมาและมีนกยักษ์ปรากฏตัวขึ้นที่เหนือรัง

ขนนกยักษ์ตัวนั้นมีสีขาวบริสุทธิ์ และมีดวงตาแดงก่ำ มีขนสีทองอยู่ที่บนกระหม่อม ราวกับเป็นมงกุฎ

“เพี๊ยะ!”

หลังจากมันร่อนลงที่รังแล้ว กรงเล็บสีดำมะเมื่อมก็กางออก หย่อนชิ้นเนื้อกวางลงไปตรงหน้าลูกนกเหล่านั้น

‘กวาง? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยนัก?’

ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจของลูกนก แต่มันก็หายไปเพราะถูกเนื้อดึงดูดความสนใจไป

มันหอมมากเลย!

เมื่อพวกมันหิว ดวงตาของลูกนกทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“จิ๊บ! จิ๊บ!”

“จิ๊บ! จิ๊บ!”

ลูกนกกระโดดไปข้างหน้าพร้อมลูกนกตัวอื่น ๆ และเริ่มจากเลือดที่หยดลงมาจากเนื้อ

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

ราชานกมงกุฎทองร้องออกมาเสียงดัง ใช้กรงเล็บและจะงอยปากฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กลง ให้ลูกนกกินง่ายขึ้น

แม้ว่ามันเป็นเพียงสัตว์ พวกมันก็ฉายแววความพิเศษออกมา แม้จะเป็นลูกนกเกิดใหม่ ก็ไม่มีปัญหากับการกินเนื้อดิบ

“กินให้อิ่มท้องเป็นดี…”

ความคิดอื่นผ่านเข้ามาในใจของลูกนก

หลังจากนั้น พลังที่มันมีก็ถูกใช้ไปในการย่อยเนื้อ ปล่อยให้ลูกนกที่เหนื่อยอ่อนหลับใหลไป…

เพียงพริบตาเดียว หลายปีก็ผ่านไป

บนท้องฟ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผืนหนึ่ง ลูกนกเติบใหญ่ขึ้น และพวกมันเริ่มกางปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม

ราชานกมงกุฎทองรอจนกระทั่งลูกนกทั้งหมดเติบโตเต็มที่ก่อนที่จะนำพวกมันไปที่หน้าผา ที่หน้าผา ราชานกมงกุฎทองก็ผลักพวกมันออกไปทีละตัว!

นกวิญญาณเหล่านี้ที่ยังไม่สามารถบินได้ก็จะหล่นลงไปตาย!

ภายใต้ความกลัวและความกดดันจากความตาย นกวิญญาณหลายตัวก็ตื่นขึ้นและสามารถกระพือปีกพาตัวเองขึ้นมาได้

เมื่อพวกมันสามารถบินได้ครั้งหนึ่ง พวกมันก็นับว่าเติบโตเต็มที่และสามารถเริ่มออกล่าด้วยตัวเองได้

พ่อของลูกนกเหล่านี้ หรือก็คือเจ้านกยักษ์ไล่ลูกนกทั้งหมดออกจากรังอย่างโหดร้าย

ทุกวัน ลูกนกที่ถึงวัยเติบโตเต็มที่แล้วต้องทนหิวและใช้ความพยายามอย่างมากในการออกไปล่าอาหารของตัวเอง มันยังต้องสร้างรังของตัวเองเพื่อดึงดูดนกตัวเมียในอนาคตอีกด้วย

ถูกกดดันให้ต้องเอาชีวิตรอดและขยายเผ่าพันธุ์ ลูกนกกลายเป็นนักล่าที่เก่งกาจที่สุดในฝูง มันสามารถล่าเหยื่อได้มากกว่าและเหยื่อที่ล่าได้ก็ตัวใหญ่กว่านกขาวธรรมดาตัวอื่น เป็นรองก็แค่เพียงราชานก

แต่ว่า ยังมีหลายอย่างที่นกขาวน้อยยังคงสับสนอยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันคุ้นเคยกับการบิน แต่ยังไม่รู้ว่าจะมือของมันมีไว้ทำอะไร

‘มือคู่หนึ่ง… นี่เป็นคำใหม่!’

ความคิดเช่นนั้นปรากฏขึ้นหลายครั้งในจิตใจของเจ้านกน้อยที่รู้จักคิด นี่ทำให้มันพิเศษยิ่งกว่านกตัวอื่น ๆ

ถึงตอนนี้ มันคิดที่จะท้าทายตำแหน่งราชานก

มีเพียงอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดที่มันจะได้มีความสุขไปกับพลังอันยิ่งใหญ่ในฝูง นี่เป็นความฝันของนกขาวทุกตัว

ราชานกตัวปัจจุบันคือราชานกมงกุฎทอง

“เดี๋ยวก่อนนะ… ชิงบัลลังก์? ทำไมข้าถึงต้องทำเช่นนั้น?”

เจ้านกน้อยรู้สึกสับสนเล็กน้อยที่ความคิดเช่นนั้นปรากฏขึ้นในใจของมัน

“ข้าเป็นใคร ข้ามาจากที่ไหน และข้ากำลังจะไปที่ไหน… ข้าเป็นแค่นกตัวหนึ่งจริง ๆ ใช่ไหมตอนนี้? ไม่! ไม่! ข้ามีชื่อ… ชื่อของข้าคือ…”

บนฟ้า เจ้านกน้อยตกอยู่ในภวังค์และเริ่มตกลงไปอย่างรวดเร็ว

“ข้านึกออกแล้ว!”

“ข้านึกออกแล้ว!”

“ข้าเป็นนกขาวตัวหนึ่ง… ไม่! ข้าเคยเห็นนกชนิดนี้ที่ไหนสักแห่ง!”

“ข้าไม่ใช่นกขาว ข้าคือฟางหยวน!!!”

“ข้า… อยู่ในความฝันของราชานกหงเอี่ยนป๋าย!!!”

ความคิดสับสนมากมายผ่านเข้าไปในใจของมันราวกับน้ำมวลมหึมา และมันก็ยังคงทำอะไรไม่ถูกเมื่อความรู้สึกต่าง ๆ ท่วมท้น

“ข้ากลายมาเป็นนกตัวหนึ่ง…จริง ๆ เหรอ?!”

ขณะที่เขาตกลงจากฟ้า ฟางหยวนก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เขาไม่มีความสามารถที่จะทำให้ร่างนกของเขาบินได้อีกครั้ง

“อย่างไร… นี่ก็ไม่ใช่ความฝันของข้า… และนี่ย่อมมีผลสะท้อนตามมา… ที่ใกล้เข้ามาแล้ว!!!”

เขายังคงหวาดกลัวที่ได้รู้ว่าเขากลายเป็นนกตัวหนึ่ง “โชคดี ข้ายังสามารถรู้ตัว และนี่หมายความว่าข้าได้เคยชินกับมันแล้ว และต่อไปภายหน้าข้าน่าจะรู้ตัวได้เร็วขึ้น… แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากตกลงไปตายเป็นกองเลือดเนื้อเละ ๆ!”

ฟางหยวนกรีดร้องและเจ้านกก็ส่งเสียงร้องออกมา ด้วยความพยายามอย่างมาก เขาก็สามารถกางปีกออกแล้วบินได้อีกครั้ง

“เกือบไปแล้ว!”

เขาผ่อนลมหายใจออกยาวและพูด “นี่ไม่ใช่ความฝันของข้า ถ้าข้าถูกสังหารที่นี่ ย่อมมีผลกระทบแน่แล้ว!”

“ครืน!”

ทันทีหลังจากที่เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

เสียงฟ้าร้องดังมาจากด้านบนและสายฟ้าก็ฟาดลงมา อากาศสั่นสะเทือน และมือยักษ์อันน่ากลัวข้างหนึ่งก็โผล่มาจากไหนไม่รู้

เป้าหมายของมือยักษ์นั้นเห็นได้อย่างชัดเจน มันพุ่งตรงที่หน้าผาและไม่มีใครหนีพ้น!

“บ้าจริง… ถ้าเพียงแต่ข้ามีระดับการฝึกตนของข้า…”

มองนิ้วขนาดยักษ์ ฟางหยวนรู้สึกเหมือนเป็นมด ขณะที่จิตใจกำลังปั่นป่วน จิตของเขาก็ดับไป

ยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์

กลับมาที่รังของราชานกหงเอี่ยนป๋าย

ฟางหยวนก้าวถอยหลังสองสามก้าวแล้วลืมตาขึ้น เลือดกำเดาสองสายไหลออกมา

“นี่คือ…ผลกกระทบจากโลกแห่งความฝัน!”

เขาเช็ดเลือดออกและมองไปที่ราชานกหงเอี่ยนป๋ายที่ดูสับสน จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว

เขาลองใช้การแฝงฝันเพื่อที่จะสื่อสารกับราชานกหงเอี่ยนป๋ายแต่กลับต้องเผชิญหน้ากับการพ่ายแพ้อย่างน่าสงสาร!

แม้ว่าเจ้านกจะเป็นสัตว์วิญญาณกึ่งมีปัญญา การต่อต้านในโลกแห่งความฝันของมันนั้นกลับรุนแรงนัก จิตเหนือสำนึกของมันรวมเข้ากับของฟางหยวน ทำให้ฟางหยวนไปเกิดเป็นนกหงเอี่ยนป๋ายและทำให้ความฝันลึกลับของเขาน่ากลัว

โชคดี ฟางหยวนเป็นจ้าวแห่งฝันและสามารถรู้ตื่นขึ้นหลังจากมีเงื่อนงำเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น เขาคงจะยังถูกกักเอาไว้ในโลกแห่งความฝันนั้น

ถึงอย่างนั้น หลังจากรู้ตื่นแล้ว สัมปชัญญะของราชานกหงเอี่ยนป๋ายก็ตอบโต้เขาทันที

“มือยักษ์นั่นปิดทั้งแผ่นฟ้า… นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกแห่งความฝันนั้น มันปรากฏขึ้นในโลกนั้นเพื่อรับมือกับข้าโดยเฉพาะ…”

ฟางหยวนยกมือแตะคางและจมลงสู่ภวังค์

แม้ว่าทุกอย่างในโลกนั้นจะเป็นเพียงมายา มันก็ยังดูเหมือนจริงมากในจิตใต้สำนึก เพราะว่าราชานกหงเอี่ยนป๋ายหวาดกลัวมือยักษ์นั่นที่สุด มันย่อมทิ้งรอยประทับเอาไว้ในความฝันของมันเป็นธรรมดา

นี่เป็นความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งฝัน ในโลกแห่งความฝัน คู่ต่อสู้มักจะเผยข้อมูลอันมีค่าออกมาโดยไม่รู้ตัว

“แต่ว่า… ความเสี่ยงก็ยังคงสูงถึงเพียงนั้น…”

นึกถึงสถานการณ์อันตรายที่เขาเพิ่งได้สัมผัสมาในโลกแห่งความฝัน ฟางหยวนก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่

“ถ้าไม่ใช่เพราะการโต้กลับจากจิตใต้สำนึกของเจ้านก และข้ารู้ตัวขึ้นในความฝัน ความล้มเหลวนี้คงจะทำร้ายพลังเวทย์ของข้า มันคงไม่ง่ายเพียงแค่สูญเสียธาตุความฝันไประดับหนึ่งและมีเลือดออกเล็กน้อยเช่นนี้…”

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

ราชานกหงเอี่ยนป๋ายจ้องฟางหยวนและสับสนเล็กน้อย มันไม่รู้ว่าฟางหยวนเพิ่งพบเจออะไรมา

แต่มันก็มีความรู้สึกประหลาดต่อฟางหยวนขึ้นโดยไม่รู้ตัว มันรู้สึกว่าเขาใจดี แต่ก็ชั่วร้ายอยู่ในเวลาเดียวกัน และรู้สึกหวาดกลัวเขา

“แต่ว่า… นี่ก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง ต่อไป ข้าจะต้องคุ้นเคยกับวิธีการเช่นนี้ให้มาก เทียบกับมนุษย์ที่ซับซ้อนและจ้าวแห่งความฝันที่ซับซ้อนยิ่งกว่า นี่เรียกว่าเป็นงานง่ายเลยทีเดียว!”

ฟางหยวนนั่งลงและพลังธาตุฝันของเขาก็ไหลช้า ๆ ไปตามร่างกาย อาการปวดหัวของเขาค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ

“ตอนนี้ จิตใต้สำนึกของเจ้านกนับข้าเป็นศัตรู ข้าไม่ควรเริ่มจากมัน ข้าควรเริ่มจากความฝันของอินทรีดำหางเหล็กและฮวาหูเตียวก่อนที่จะลองเข้าไปในความฝันของมันอีกครั้ง หลังจากนี้ ก็จะเป็นโลกแห่งความฝันที่ซับซ้อนของมนุษย์…”

หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาก็เดินออกจากถ้ำและสูดลมหายใจลึกเอาอากาศในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไป เขารู้สึกสดชื่นขึ้น

“ข้าฝ่าด่านกลายเป็นจ้าวแห่งฝันได้แล้ว ต่อไป ก็ อู่จง!”

“ข้าได้ลองวิธีและหนทางที่จะฝ่าด่านผ่านเคล็ดวิชากรงเล็บอินทรีเหล็กในโลกแห่งความฝันแล้ว ยังมีอีกสามวิธีที่เป็นไปได้ที่จะข้าจะสามารถทำได้ และข้าจำเป็นต้องลองทั้งหมดนั้นในโลกแห่งความจริง…”

แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างโลกแห่งความฝันและโลกแห่งความจริง ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเสียสติไปเมื่อมีพลังธาตุฝันของเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง

แน่นอนว่า ฟางหยวนย่อมไม่ใช้ร่างกายของตนในการทดสอบ ดังนั้น เขาจำต้องหาตัวทดลอง

“แม้ว่าธาตุความฝันนั้นจะกำเนิดมาจากฟ้าและดิน มันก็อยู่ในรูปแบบที่ต่างกันไป อย่างเช่น พลังธาตุความฝันนั้นเป็นมายามากกว่า ขณะที่พลังธาตุของผู้ฝึกยุทธ์ในศูนย์รวมจิตนั้นมาจากจุดตันเถียน… เพื่อที่จะเป็นตัวทดลองที่เหมาะสม ต้องใช้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูตี่และสามารถควบคุมพลังธาตุก่อกำเนิดได้… ข้ามีคนเช่นนั้นอยู่ในมือผู้หนึ่งแล้ว ไม่… ข้าอาจจะมีถึงสองคน!”

ฟางหยวนมองไปทางเมืองชิงเย่ สีหน้าเจ้าเล่ห์

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด