Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 141

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 141 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ต้นปี หลิวเอี๋ยนจากอี้ซานฝูโจมตีเซี่ยหยางฝู เพียงแค่ครึ่งเดือน เขาก็ยึด 15 เมืองและเผาทำลาย 8 เมือง ทำให้เกิดการล้มตายไปเป็นจำนวนมากและทั้งประเทศเซี่ยก็ตกอยู่ในความหวาดผวา!

กองทัพของเซี่ยหยางฝูนั้นพ่ายแพ้ในการต่อสู้และเจ้าเมืองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งเมืองหลวงไป จากนั้นเขาก็ไปขอความช่วยเหลือจากชิงฉวนฝู ราชวงศ์ประเทศเซี่ย และทุกผู้ที่มีความสามารถพอ

วันที่ 15 เดือนสี่ กองทัพของอี้ซานฝูเข้าล้อมเมืองเซี่ยหยางฝูและสงครามครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น

 

เช้าตรู่

เหนือกำแพงเมืองเซี่ยหยางฝู มีผู้ฝึกตนจำนวนมากขึ้นไปสังเกตการณ์เคลื่อนไหวในค่ายทหารของศัตรู

“เฮ่ย!”

นักศึกษาผู้คงแก่เรียนในชุดสีเขียวผู้หนึ่งถอนหายใจอย่างอดไม่ได้และพูด “ทุกคำสั่งปฏิบัติตามเคร่งครัด ฝึกทหารทุกวัน และแม้แต่ค่ายยังมีการจัดการอย่างมีวินัย… เป็นกองทัพอันแข็งแกร่งจริง ๆ!”

“ฮึ่ม กองทัพเซี่ยหยางฝูของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอี้ซานฝู เจ้าแก่หลิวเอี๋ยนนั่นมีประสบการณ์เชิงยุทธ์มากและยังมีมู่หลี่กับเซียงจื่อหลงคอยช่วยเขาอีก!”

เจ้าเมืองเซี่ยหยางฝูที่อยู่ด้านข้างนักศึกษาผู้นั้นมีสีหน้าถมึงทึง

นักศึกษาผู้ที่ให้ความเห็นเมื่อครู่นี้ คือเจ้าเมืองชิงฉวนฝู แม้ว่าทั้งคู่จะมีตำแหน่งเดียวกัน เจ้าเมืองชิงฉวนฝูก็ไม่ได้พูดอะไรที่จะเป็นการทำร้ายจิตใจกันและยังเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อช่วยเซี่ยหยางฝู

“พูดได้ดี!”

นักศึกษาผู้นั้นหัวเราะและไม่ปฏิเสธ “แม้ว่าความแข็งแกร่งของกองทัพของข้าจะเพิ่มมากขึ้น แต่ข้าก็มีทหารเพียงห้าหมื่น และมีกำลังเสริมอีกเพียงสองหมื่นเท่านั้น ด้วยความสามารถของท่าน ท่านเจ้าเมืองเซี่ยหยางฝู พวกเรายังมีโอกาส!”

“ข้าไม่กลัวสงคราม แต่หลิวเอี๋ยนไม่ได้ก่อสงครามนี้อย่างที่มันควรเป็น เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ และยังออกมาลงมือเองหลายครั้ง พวกเราจะทำอะไรได้?”

เจ้าเมืองเซี่ยหยางฝูถอนหายใจ

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดท่านจึงยังต้องการความช่วยเหลือของข้า?”

นักศึกษาในชุดเขียวหัวเราะและพูดต่อ “หลิวเอี๋ยนทำเกินไปแล้วคราวนี้!”

จากที่พวกเขาเห็น หลิวเอี๋ยนนั้นทำลายกฏเกณฑ์ของอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์

ต่อให้ไม่พูดถึงความโลภไม่รู้จักพอของเขาและความต้องการโจมตีผู้อื่น เขายังใช้ฐานะนักรบศักดิ์สิทธิ์ของตนทำลายล้างผู้อื่นและทำให้ผู้อื่นเสียหน้าและสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล ฝ่ายที่ถูกโจมตีเมื่อสู้อีกฝ่ายไม่ได้ก็ไปหากำลังเสริมมาช่วย ถึงแม้จะยังไม่สามารถเอาชนะได้ แต่การกระทำของฝ่ายแรกนั้นก็นับได้ว่าชั่วร้าย

หลิวเอี๋ยนนั้นเป็นผู้เริ่มสงครามนี้ ย่อมสมควรถูกกำจัด

“ราชวงศ์แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะสนับสนุนพวกเราอย่างเต็มที่ในสงครามครั้งนี้ แต่กลับไม่ได้ส่งความช่วยเหลือเป็นชิ้นเป็นอันมา…”

เจ้าเมืองเซี่ยหยางฝูแค่นหัวเราะเสียงเย็นและพูด “ดูเหมือนว่าหลังสงครามคราวนี้ พวกเราคงไม่ใช่แค่ต้องเปลี่ยนเจ้าเมืองอี้ซานฝู แต่ราชวงศ์ก็ควรเปลี่ยนด้วย… เหอเหอ…”

“อันที่จริง… มีการเคลื่อนไหวหลายอย่างจากราชวงศ์เมื่อเร็ว ๆ นี้!”

เมื่อนักศึกษาผู้นั้นได้ยิน คิ้วของเขาก็ขยับเช่นกัน

แม้จะมีความวุ่นวายในอี้ซานฝู ราชวงศ์ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก และครั้งนี้เป็นปัญหาระหว่างรัฐ แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ภายในเพียงไม่มาก…

ถ้าไม่เพราะเรื่องหลิวเอี๋ยนบีบบังคับ เจ้าเมืองชิงฉวนฝูก็คงไปถามหาคำอธิบายจากราชวงศ์และพรรคพวกแล้ว

ในอดีต ทั้งสามรัฐนั้นเคยร่วมมือกันสร้างปัญหาให้แก่ราชวงศ์มาแล้ว

ผลสุดท้ายก็เป็นราชวงศ์ที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่สามารถพูดอะไรได้และยังอาจสูญเสียตำแหน่งจักรพรรดิ ดังนั้น ราชวงศ์จึงถอยกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมและฟื้นฟูความสูญเสียที่ได้รับอยู่เงียบ ๆ

แม้ว่าครั้งนี้สถานการณ์จะต่างไป ผลสุดท้ายก็ยังคงเป็นแบบเดิม

เจ้าเมืองชิงฉวนฝูเชื่อมั่นเช่นนั้น

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงกรีดร้องยาวและเงาสีดำมาจากฝั่งศัตรู มีคนอยู่ด้านบนและคนผู้นั้นดูโหดเหี้ยมอำมหิต จะเป็นใครไปได้นอกจากตัวหลิวเอี๋ยนเอง?

“เซี่ยอวิ๋นชิง หลานเซียวเฉิง!”

เห็นเจ้าเมืองทั้งสองล้วนอยู่ตรงนี้ หลิวเอี๋ยนยิ่งตื่นเต้นและพูด “พวกเจ้าทั้งสองก็มา? ดีมาก! ข้าสามารถกำจัดพวกเจ้าทั้งคู่ได้ในครั้งเดียวและไม่ต้องเก็บแรงเอาไว้เพื่อแยกจัดการทีหลัง!”

“เหล่าหลิว คำพูดของเจ้ากำแหงเกินไปแล้ว!”

หลานเซียวเฉิงจับตามองหลิวเอี๋ยน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดปากกว้างแต่เสียงของเขาก็ดังไปทั่วฟ้า

“โฮก! โฮก!”

มีเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังมาจากในเมือง และเงาร่างใหญ่โตทะมึนก็ลอยมาเหนือกำแพงเมือง มันกางปีกออกและบินขึ้นฟ้าไป

เงาดำนั่นคล้ายมังกรคล้ายพยัคฆ์ในเวลาเดียวกัน!

มันดูเหมือนพยัคฆ์ตัวมหึมาแต่มีปีกและดูมีพลังล้นเหลือ

เป็นพยัคฆ์พันธุ์พิเศษที่มีปีก!

คือพยัคฆ์ปีกขาว! มันเป็นสัตว์วิญญาณของชิงฉวนฝู ไม่เพียงสามารถบินได้ แต่ร่างกายยังแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าและยังสามารถรับมือกับ [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 11)] ได้!

“ไป!”

เซี่ยอวิ๋นชิงและหลานเซียวเฉิงกระโดดเบา ๆ ขึ้นไปบนหลังของพยัคฆ์ขาว หลานเซียวเฉิงมองหลิวเอี๋ยนผู้โดดเดี่ยวและหัวเราะ “ข้าประทับใจนักที่เจ้ากล้าสู้กับพวกเราแม้จะตัวคนเดียว แม่ทัพทั้งสามของเจ้าไปไหนแล้วเล่า นักรบศักดิ์สิทธิ์และเจ้าสำนักน้อยนั่นด้วย?”

“แค่ข้าผู้เดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะพวกเจ้าทั้งสอง!”

แม้ว่าเจ้าเมืองทั้งสองตรงหน้าหลิวเอี๋ยนก็เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้เก่งกาจเช่นกัน แต่หลิวเอี๋ยนก็มั่นใจมากและทำราวกับคนทั้งคู่ได้ตายตกในเงื้อมมือเขาไปแล้ว!

ท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้เจ้าเมืองทั้งสองเกรี้ยวกราดมากขึ้น

“ดี! ดีมาก! ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีพลังมากพอที่จะเอาชนะพวกเราได้ด้วยตัวเองจริง ๆ พวกเราจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน?”

เซี่ยอวิ๋นชิงหัวเราะเป็นนานและรู้สึกตื่นเต้น

จากที่เขาเห็น มันยากที่หลิวเอี๋ยนจะเอาชนะพวกเขาทั้งคู่ได้ด้วยตัวคนเดียวถ้ายังไม่ได้มีพลังถึงขอบเขตแยกธาตุ!

นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะจบสงครามที่ตัวหลิวเอี๋ยนเอง

เขาหันหน้าไปและเห็นหลานเซียวเฉิงเองก็มองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งคู่แทบรอจะเอาชนะหลิวเอี๋ยนไม่ไหวแล้ว

คนทั้งคู่มองหน้ากันขณะพยัคฆ์ปีกขาวคำรามเสียงดัง มันพุ่งไปทางหลิวเอี๋ยน…

ขณะที่เจ้าเมืองทั้งสามรัฐกำลังต่อสู้กัน

กลับมาที่เมืองหลวงของประเทศเซี่ย

ประเทศเซี่ยแบ่งออกเป็น 3 รัฐ แผ่นดินส่วนใหญ่นั้นปกครองโดยแต่ละรัฐ และมีเพียงส่วนน้อยที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ มันก็เพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในประเทศนี้

เมืองหลวงนั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง 3 รัฐ และยังไม่มีกำแพงเมืองล้อมรอบอีกด้วย!

อาจจะพูดได้ว่าเป็นเช่นนี้เพราะเจ้าเมืองทั้ง 3 เป็นผู้เลือก แต่ว่า มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าราชวงศ์ของประเทศเซี่ยนั้นเป็นหุ่นเชิดมาตลอด และไม่สามารถต่อต้านผู้ใดที่มีอำนาจได้เลย

ในเมื่อรอบเมืองหลวงไม่มีกำแพง จึงมีศัตรูอยู่รอบทิศทาง และเมืองก็มีแนวโน้มถูกคุกคามจากหลายทิศ ราชวงศ์ย่อมอ่อนแอลง

ถ้าไม่เพราะสมบัติของราชวงศ์ที่ยังเหลืออยู่ และข้อจำกัดของเจ้าเมืองทั้งสาม ทั้งประเทศเซี่ยคงถูกทำลายสิ้นไปแล้ว

“ว่าอย่างไร องค์หญิง?”

กลับมาที่อาคารสูงของราชวัง เซี่ยหลิงอวิ๋นที่เพิ่งกลับจากการเดินทางในฐานะราชทูตรับถ้วยชาเอาไว้ สีหน้าของนางซับซ้อน ขณะเผชิญหน้ากับนักพรตผมขาวที่ดูมีพลัง

“แม้ว่าหลิงอวิ๋นจะไม่พอใจ และอี้ซานฝูจะมีปัญหา แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องของประเทศเซี่ย ทั้งสองรัฐเซี่ยหยางฝูและชิงฉวนฝูล้วนภักดี เช่นนั้นเราจะปล่อยให้ประเทศกุ้ยเข้ามาจัดการเรื่องนี้ให้เราได้อย่างไร?”

“นอกจากนี้… ข้าเป็นเพียงผู้หญิง และท่าน ราชทูตจากประเทศกุ้ย มองหาผิดคนแล้ว!”

เซี่ยหลิงอวิ๋นพูดอย่างมั่นใจ “ท่านควรไปหาท่านพ่อหากต้องการพูดคุยเรื่องนี้!”

“เหอเหอ… องค์หญิงเซี่ย เหตุใดท่านถึงปิดบังความจริงจากข้า? องค์หญิงเซี่ย อำนาจของท่านนั้นพูดได้ว่ายิ่งใหญ่นักในประเทศนี้! อันที่จริง พระราชาของข้านั้นชื่นชมในวิธีการรับมือเรื่องนี้ของท่านยิ่งนัก!”

นักพรตชราส่ายหน้าและดูเหมือนจะรู้ความลับบางอย่าง

“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?”

สีหน้าของเซี่ยหลิงอวิ๋นเปลี่ยนไป

“ข้าไม่ได้พูดโดยไม่มีหลักฐาน วิธีของท่านนั้นพิเศษมาก เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ท่านก็สามารถผูกมิตรและได้รับการสนับสนุนจากนักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จง นี่ไม่น่าเชื่อเลย!”

นักพรตชราหัวเราะและพูด

ขณะที่เขาพูด พลังของเซี่ยหลิงอวิ๋นก็กระตุกเบา ๆ และนางก็ไม่สามารถหมุนเวียนพลังในร่างได้ทำให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนสีไป

“มีอู่จงอยู่ตรงนี้ ท่านคงไม่ต้องให้ข้าระบุตัวนักรบศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?”

นักพรตชรามองเข้าไปในดวงตาเซี่ยหลิงอวิ๋นอย่างแน่วแน่ราวกับต้องการรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

“บอกข้า ท่านกำลังจะทำอะไร?”

เซี่ยวหลิงอวิ๋นสูดลมหายใจลึกและเปลี่ยนท่าทีไป

ถ้าฟางหยวนอยู่ตรงนี้ เขาต้องประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงสีหน้าท่าทางของนางเป็นแน่

เซี่ยหลิงอวิ๋นหยัดตัวตรงอย่างมั่นใจ นางดูราวกับเป็นแม่ทัพผู้ไม่เคยคิดคำนวณสิ่งใดผิด

“ข้าพูดไปแล้ว พระราชาของข้าอยากจะช่วยท่าน แต่ว่า หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านก็แค่มอบส่วนหนึ่งของอี้ซานฝูเป็นการตอบแทนพระราชาของเข้า… และท่านทั้งสองก็เข้าพิธีแต่งงาน องค์ราชาประทับใจในตัวท่านมานานแล้ว…”

นักพรตชราส่ายหน้าขณะพูดเช่นนั้นกับเซี่ยหลิงอวิ๋น

เมื่อนางได้ยิน นางก็หัวเราะและจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสายตาเย็นเยียบ “ราชาของประเทศเซี่ยเรียกร้องจากข้ามากนัก ข้าคงต้องปฏิเสธท่านแล้ว!”

“ท่านจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้หรอก!”

นักพรตชราพูดต่อด้วยความมั่นใจ “แผนการของท่านที่จะโจมตีแบบประสานนั้นก็ฟังดูยอดเยี่ยมทีเดียว และท่านยังวางหนอนบ่อนไส้เอาไว้ข้างกายหลิวเอี๋ยน แต่ว่า ท่านพลาดบางอย่างไป!”

“ลู่เหรินเจีย?!”

เซี่ยหลิงอวิ่นนั้นบอกออกมาได้ในทันทีและนางก็ประหลาดใจนัก “ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าลู่เหรินเจียนั้นน่าจะมีความเกี่ยวพันกับอำนาจจากภายนอก ที่แท้เป็นพวกท่านนี่เอง!”

“พวกเราเพียงแค่วางเล่ห์กลเล็กน้อยและไม่คิดว่าจะได้อะไรนักหรอก!”

นักพรตชราลูบเคราและพูดต่ออย่างโอหัง “ข้าเห็นว่าท่านรู้เรื่องลู่เหรินเจียอยู่บ้างและอาจจะรวมถึงวิถีลับอย่างหนึ่ง…”

“ใช่วิธีใช้ของวิเศษระดับสูงเพื่อทะลวงด่านหรือไม่?”

เซี่ยหลิงอวิ๋นขัดเขาและมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย

“องค์หญิง ท่านก็รู้เรื่องนั้น ท่านนี่พิเศษจริง ๆ…”

นักพรตชราแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ที่ข้าต้องการพูดถึงนั้นเป็นวิธีอื่น วิธีที่ทำให้ปิศาจโลหิตและผู้อื่นสามารถใช้เลือดของคนธรรมดาฟื้นฟูพลังธาตุของตนได้! วิธีนี้เรียกว่า เคล็ดหลอมโลหิต เคล็ดนี้สามารถทำให้เกิดหายนะได้เพราะว่ามันต้องใช้เลือดของคนนับพันเพื่อสำแดงผล และคนผู้นั้นก็ยังอาจจะเกิดความผิดปกติทางจิตใจหากเรียกใช้เคล็ดวิชานี้!”

“หลอมโลหิต? หลอมโลหิต!”

เซี่ยหลิงอวิ๋นตกตะลึงและเล็บของนางก็จิกลงไปบนเนื้อโดยไม่รู้ตัว “เมืองหวงสือที่ถูกเผาไป?”

“ถูกต้อง พวกเราส่งคนไปสังเกตการณ์ และใช่ มีความเป็นไปได้ที่ชาวเมืองมากมายได้กลายเป็นเหยื่อของเคล็ดวิชานี้… อย่าไร หลิวเอี๋ยนก็ยังคงฉลาด เขาเผาทั้งเมืองไปเลยตรง ๆ เพื่อไม่ให้มีหลักฐานใดหลงเหลือ”

นักพรตชรายิ้มประหลาดและพูดต่อ “ข้าคิดว่าอีกไม่นาน ท่านจะได้รู้ว่านี่คือเรื่องจริงหรือเท็จ!”

“องค์หญิง!”

ในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูรัวเร็ว จากนั้นคนรับใช้ผู้หนึ่งก็ผลุนผลันเข้ามาท่าทางตระหนก “มีข่าวล่าสุดจากเซี่ยหยางฝู! หลิวเอี๋ยนเอาชนะเจ้าเมืองทั้งสองได้แล้ว เขาสังหารเซี่ยอวิ๋นชิงส่วนหลานเซียวเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหนีไปได้ เซี่ยหยางฝู…ถูกยึดแล้ว!”

“อะไรนะ!?”

สีหน้าของเซี่ยหลิงอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด