Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 192

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 192 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

สามปีให้หลังยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์

 

กว่าครึ่งของยอดเขาปกคลุมไปด้วยสีแดงปลูกไว้ด้วยข้าวหยกเพลิง และรวงข้าวช่อใหญ่ก็โน้มลงพื้นให้ความรู้สึกถึงผลการเก็บเกี่ยวอันมหาศาล

 

บนฟ้านกหงเอี่ยนป่ายจํานวนมากบินวน พุ่งผ่านหมอกสะกด พวกมันกําลังล่าเหยื่อที่บนเขา

 

ที่ใต้หน้าผาสระน้ําเล็ก ๆ ของเดิมนั้นได้รับการขยับขยาย ยังคงรักษารูปลักษณ์ของทะเลสาบธรรมชาติเอาไว้ราชาปลาวิญญาณนั้นว่ายน้ําอยู่อย่างเอื่อยเฉื่อยและที่ตามมันมานั้นเป็นฝูงปลาวิญญาณเล็ก ๆ ขณะที่พวกมันว่ายน้ําอย่างสบายใจบางครั้งพวกมันก็พ่นน้ําขึ้นมาจากทะเลสาบ

 

“ตราบใดที่จิตใจของข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็สามารถเข้าสู่ภวังค์สงบได้!”

 

ตรงหน้ากระท่อมฟาง ฟางหยวนวางกาน้ําชาที่มีน้ําชาเต็ม ขณะที่ยกจอกขึ้นจิบช้า ๆ เขากําลังคิด

 

แม้ว่าเวลาจะผ่านมาพอสมควรแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ยังคงเหมือนตอนที่เขาฝาสู่ระดับรวมธาตุได้

 

“น่าเสียดาย… ข้ายังไม่สามารถบรรลุถึงระดับสวรรค์มายาได้ ชาชําระจิตและของวิเศษอื่น ๆตอนนี้ข้าก็ใช้ไม่ได้ผลแล้ว!”

 

สามปีที่ผ่านมา ประเทศโยวกับประเทศเซียนั้นปกครองดินแดนแถบนี้ และฟางหยวนก็ได้รับผลิตผลของพืชวิญญาณมาอย่างต่อเนื่อง

 

การดูแลพืชระดับ 5 นั้นดูเบาไม่ได้เลย ทักษะนี้ของเขาทําให้เขาได้พืชกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์พิเศษมากมายแต่ว่าเขาก็ไม่ได้โชคดีไปทั้งหมด มันมีทั้งที่กลายพันธุ์ไปเป็นสายพันธุ์พิเศษแล้วใช้ การไม่ได้ หรือที่เหมือนกับข้าวหยกเพลิง ไม่มีการกลายพันธุ์พิเศษใดที่สะดุดความสนใจของเขาเลย

 

“จนถึงตอนนี้ กระทั่งข้าวหยกเพลิงก็ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของข้าได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยังเป็นแหล่งอาหารที่ดีสําหรับนกหงเอี่ยนป่ายและปลาวิญญาณ…”

 

ฟางหยวนลูบคาง

 

เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนของตระกูลหยางนั้นทําให้เขาจําเป็นต้องกินอาหารในปริมาณที่มากจนน่ากลัว

 

เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กของเขานั้นมีส่วนประกอบหลักเป็นเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่นี้ดังนั้นมันจึงมีเงื่อนไขความต้องการเหมือนกัน

 

ด้วยของวิเศษและข้าวหยกเพลิงจํานวนมาก การฝึกตนของเขาจึงพัฒนาไปเร็วในระยะแรกแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ของวิเศษต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ไม่ให้ผลและทําได้เพียงแค่ทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปของเขา

 

ฟางหยวนคิดว่านี่เป็นเพราะเขากินอาหารวิเศษพวกนี้เป็นอาหารหลักทําให้พวกมันสูญเสียประสิทธิภาพทางยาต่อเขาไป

 

มีทางแก้อื่นอยู่ ก็คือการเล่นแร่แปรธาตุและเม็ดยาวิญญาณ

 

อันที่จริง ฟางหยวนก็กําลังใช้วิธีนี้อยู่ หลังจากผลาญยาวิเศษไปจํานวนมาก เขาก็รู้สึกว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุของเขานั้นพัฒนาขึ้นก้าวใหญ่ ตอนนี้เขามีความคุ้นเคยกับการใช้หัตถ์แห่งไฟและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสามารถเดินออกไปบอกผู้อื่นว่าเขาเป็นจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุได้แล้ว

 

แต่ว่า แม้ว่าเขาจะมีของวิเศษอยู่ในมือจํานวนมาก และยังมีเก็บเอาไว้อีกมหาศาล ก็มีเพียงยา วิเศษจํานวนไม่มากที่ให้ผลดีต่อเขา ต่อให้ฟางหยวนได้สูตรยาต่าง ๆ ทั้งหมดมาเขาก็ทําได้แค่ค่อย ๆ กินมันเข้าไปจนมันไม่มีฤทธิ์ต่อเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้ข้าวหยกเพลิงและของวิเศษอื่น ๆ เป็นอาหารนกและปลา และแน่นอนว่าเขาก็ควรได้อะไรกลับคืนมาเช่นกัน

 

มันอาจจะเป็นเพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรืออาจจะเพราะของวิเศษที่เดิมเป็นของนกหงเอียนป่ายนั้นค่อยๆ ฟื้นฟูกลับขึ้นมาแม้แต่ทะเลสาบใต้หน้าผา ฟางหยวนก็ได้พยายามไปจับปลาเงินมาจํานวนหนึ่งมาเลี้ยงเอาไว้ในทะเลสาบก่อนที่พวกมันจะเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น

 

“ด้วยความช่วยเหลือของยาและของวิเศษ ในที่สุดข้าก็สามารถสร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สองได้กว่าครึ่งขึ้นกับวันนี้แล้วว่าข้าจะสามารถสร้างส่วนที่เหลือได้หรือไม่!

 

เขายืนขึ้นและเดินเข้าไปในสวนสมุนไพรวิเศษด้วยสายตาคาดหวัง

 

ที่นี่นั้นขยายขึ้นและต่างไปจากเดิมมาก มันปลูกพืชวิญญาณที่หายากและสูงค่ามากมายเอาไว้เช่นเดียวกับพืชที่พัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษอีกหลายชนิด

 

หากจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุบนดินแดนแถบนี้มาเห็นสวนสมุนไพรนี้เข้า เขาคงจะเสียสติไปเลยแต่ที่นี่กลับไม่ได้พิเศษอะไรในสายตาฟางหยวน

 

ขณะที่เขาเดินเข้าสวนสมุนไพรวิเศษมา เขาก็พบต้นไม้เล็ก ๆ ที่มีเปลือกลําต้นสีดําสนิทมันเหมือนกับต้นไม้เล็ก ๆ ต้นนี้นั้นหลอมขึ้นจากโลหะ

 

บนกิ่งของต้นไม้มีมีผลกลมสีแดงห้อยอยู่หลายผล และยังมีกลิ่นหอมแรงลอยออกมา

 

ผลไม้นี้มีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ มันเหมือนพุทราจีน แต่ว่าใหญ่กว่า และยังมีสี เขียวแฝงอยู่บนผลสีแดงอื่น ๆ

 

“แกวัก แกรัก!”

 

“กีกี้”

ราชานกหงเอี่ยนป่าย อินทรีดําหางเหล็ก และฮวาหูเตียวนั้นอยู่ข้าง ๆ มองไปอย่างคาดหวัง

 

“ผลหยกแดง… ในที่สุดก็จะสุกแล้ว รอคอยกันนานเหลือเกิน!”

 

ดวงตาของฟางหยวนแทบจะมีน้ําตาคลอ

 

ระยะเติบโตของต้นไม้นี้นั้นยาวนานเกินไป กระทั่งตัวเขาเองก็หมดหวังไปแล้ว

 

เรื่องดีก็คือยังมีต้นอื่น ๆ ที่ด้านข้างให้เขาคอยเปรียบเทียบและติดตามดูการเติบโตของต้นไม้นี้และในที่สุดเขาก็มาถึงจุดนี้ได้

 

ตอนบ่าย เรื่องมหัศจรรย์บางอย่างก็เกิดขึ้น

 

สีเขียวที่แฝงอยู่ในผลหยกแดงค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ และกลิ่นหอมของผลไม้นี่ก็แรงขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า!

 

ฝูงนกหงเอี่ยนป้ายวุ่นวายขึ้นมาทันที กระทั่งราชาปลาวิญญาณในทะเลสาบก็สะบัดหางอยู่บนผิวน้ําแสดงความไม่พอใจ

 

“ผลหยกแดง มันสุกแล้ว!”

 

ฟางหยวนตื่นเต้นและเอื้อมมือออกไปเด็ดผลหยกแดงออกมา ก่อนจะส่งเข้าปากตัวเอง

 

“กร้วม!”

 

มันกรอบเหมือนผลผิงกั่ว และผลหยกแดงก็ถูกกัดแหว่งเป็นพระจันทร์เสี้ยว เนื้อผลไม้เต็มไปด้วยน้ําชุ่มฉ่ํา

 

“อึก!”

 

พอฟางหยวนกลืนลงไป พลังอบอุ่นสายหนึ่งก็ไหลเข้าสู่ช่องท้องเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์อันบริสุทธิ์

 

ผลหยกแดงนั้นจําแนกได้ว่าเป็นพืชวิญญาณระดับปริศนา และการกินมันเข้าไปตรง ๆ ทุกวันย่อมมีประโยชน์

 

โดยไม่ยอมให้เสียโอกาสนี้ไป ฟางหยวนหลับตาและลงมือควบคุมพลังมหาศาลที่อยู่ในร่าง

 

“ครืน!”

 

เกิดแรงระเบิดรุนแรงในร่างของฟางหยวน และท่ามกลางสายสมพัดโหม ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นบนหน้าอกของเขาและมองเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง

 

“เพี้ยะ!”

 

ตามมาด้วยชีพจรศักดิ์สิทธิ์อีกจุดที่ปรากฏบนแผ่นหลังของเขาและส่องประกายสว่างขึ้นเรื่อยๆนอกจากนี้ยังมีชีพจรศักดิ์สิทธิ์อ่อนจางอื่น ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนแขนขวาของเขา แม้จะเทียบได้ เพียงหนึ่งส่วนของชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง

 

ในหน้าต่างสถานะของเขา [เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 3 (ห้าในสิบส่วน) ของ เดิมนั้นหายไปเปลี่ยนเป็น (ระดับ 3 (ห้าส่วนกิ่งในสิบส่วน)

 

“เพิ่มขึ้นถึงเพียงนี้? ไม่น่าเชื่อ!”

 

ฟางหยวนหัวเราะอย่างดีใจและหยิบผลหยกแดงที่เหลือขึ้นมาใส่ปาก

 

“อืม…”

 

ขณะที่เขาเพิ่มพูนระดับการฝึกตนอย่างต่อเนื่อง ชีพจรศักดิ์สิทธิ์บนแขนข้างขวาของเขาก็สว่างขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง

 

ขณะที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างเอาแน่นอนไม่ได้ ระดับความก้าวหน้าของระดับ 3 ของเขาจู่ ๆ กระเบิดออกแล้วกลายเป็น เจ็ดในสิบส่วน!

 

“อ้ะ! ไม่พอ! เกือบไม่พอ!”

 

ดวงตาของเขาเปิดกว้าง เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน เขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังเวทย์ในร่างของเขานั้นสงบนิ่งลง เขาคว้าผลหยกแดงอื่น ๆ เข้าปากอย่างต่อเนื่อง

 

“ครืน!”

 

พลังเวทย์ที่ราวกับกับน้ําหลากถูกปล่อยออกมาและสร้างความกดดันมหาศาลจนฟางหยวนนงงไปชั่วขณะด้วยความช่วยเหลือจากพลังเวทย์เหล่านั้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สามก็เกิดขึ้นและหายไปในร่างของเขา

 

“อู่จงระดับชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สาม ข้าทําสําเร็จแล้ว!”

 

เขามองหน้าต่างสถานะของตัวเอง

 

“ชื่อ: ฟางหยวน

 

พลังกาย: 30.0

 

พลังลมปราณ: 30.0

 

พลังเวทย์: 9.9

 

สายวิชา: จ้าวแห่งฝัน

 

การฝึกตน: [จ้าวแห่งฝัน (ระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุ), อู่จง (ชีพจรที่สาม)

 

วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 4) (0 ใน 10 ส่วน)], คาถาสะกด, ก้าวมายา

 

ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)”

 

“ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สาม! และยังพลังธาตุเริ่มต้นระดับสองของข้า ข้าอยู่ในระดับพลังธาตุระดับที่ห้าแล้ว!”

 

ระดับสวรรค์มายาของจ้าวแห่งฝันนั้นเป็นการก้าวข้ามช่วงใหญ่มาก แม้ว่าการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝันของเขานั้นจะยังติดขัดอยู่ที่เดิมแต่ในด้านวิทยายุทธ์นั้นเขาก้าวหน้าไกลกว่าทุก ๆ คน

 

โลกนี้เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ด้วยเหตุบังเอิญมากมายที่เขาพบ กระทั่งฟางหยวนเองก็พูดไม่ออก

 

ขณะเขามองต้นผลหยกแดงแกร็น ๆ ตรงหน้า สัตว์วิญญาณหลายตัวที่ข้างกายเขานั้นก็นตระหนกเขายิ้มอย่างจนปัญญา

 

“ผลหยกแดงที่เหลือนั้นไม่พอให้ข้าใช้สร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สี่ นอกจากนี้ ข้ายังมีความรู้สึกว่าทรัพยากรบนดินแดนแห่งนี้นั้นค่อยๆใช้การไม่ได้สําหรับข้า!”

 

สําหรับผู้ที่มีความสามารถสูงในระดับขอบเขตแยกธาตุ ดินแดนแห่งนี้นั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะอํานวยต่อการฝึกตนของพวกเขาพืชวิญญาณอย่างมากก็เป็นระดับเหลืองหรือระดับลึกลับ ซึ่งมีคุณสมบัติอันจํากัด เม็ดยาวิญญาณที่สร้างได้ก็ไม่ใช่เมีดยาอันสมบูรณ์แบบที่ทุกคนต้องการไขว่คว้ามาครอง

 

เขามีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะทิ้งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นเดินทางสู่อาณาจักรต้าเฉียน

 

“พอคิดดูแล้ว ชาชําระจิตก็ไร้ผลกับข้า และยังข้าวหยกเพลิง ถ้าผลหยกแดงก็จ บลงเช่นเดียวกันข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…”

 

ฟางหยวนได้ลองวิเคราะห์สถานการณ์เช่นนี้แล้ว

 

หลังจากอ่านบันทึกโบราณมากมายและคาดเดาผ่านประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาความเข้าใจในดินแดนนี้ก็ค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้น

 

“ดินแดนแห่งนี้นั้นขาดแคลนพลังเวทย์ มันขาดพลังธาตุตามธรรมชาติ และยังมีน้อยคนที่จะฝึกตนจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นบางอย่างที่เหนือกว่านั้น!”

 

การขาดแคลนพลังธาตุนํามาซึ่งการลดลงของพืชวิญญาณ ซึ่งทําให้นักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับรวมธาตุไม่สามารถทะลวงด่านได้ และนี่ก็เป็นวัฏจักร

 

เพื่อทําลายวัฏจักรนี้ เขาเองก็ต้องเปลี่ยนผืนดินทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องออกไปจากโคลนบ่อนี้

 

แน่นอนว่าฟางหยวนนั้นไม่ได้มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงผืนดินทั้งหมด และดังนั้นเขาก็ทําได้แค่เลือกที่จะหนีออกไปและมองหาโอกาสที่อื่น

 

แต่ก่อนจะจากไป เขายังมีหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย

 

“ในส่วนของของวิเศษ ของพวกนี้แทบจะใช้การไม่ได้สําหรับข้า นอกจากนี้ ข้ายังมีไข่มุกภูผานทีและยังเก็บของพวกนี้เอาไว้แล้ว…”

 

ของที่เก็บเอาไว้ในมุกภูผานที่นั้นไม่เน่าเสีย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

 

“ส่วนประเทศโยว ประเทศเซียและเหล่าศิษย์และผู้ใต้บัญชา มันก็เหมือนเจ้าของร้านลาออกไปเท่านั้นเอง ที่สําคัญที่สุดยังคงเป็นมรดกของอาจารย์!”

 

อาจารย์เป็นซินทิ้งมรดกเอาไว้ข้างหลังทั้งหมดสามส่วน และฟางหยวนก็เพิ่งได้รับมาสองส่วนเท่านั้น

 

การติดอยู่ที่ระดับก่อนระดับสวรรค์มายาทําให้เขาต้องพยายามหลายวิธีเพื่อที่จะทะลวงด่านแต่ก็ไม่สามารถ

 

“แต่ตอนนี้ ข้าฝาสู่ระดับใหม่ในวิทยายุทธ์ของข้า ตามที่ข้าเคยฝึกฝนมาก่อน ข้าสามารถลองวัดดวงดูได้!”

 

หลังจากคิดแล้วเขาก็ไปลองทันที ฟางหยวนไปที่รังของราชานกหงเอียนป่ายในถ้ําที่อาจารย์เป็นซินทิ้งมรดกเอาไว้

 

ตรงหน้าประตูแก้วสีม่วง

 

ฟางหยวนยื่นมือออกไป และพลังธาตุฝันของเขาก็พุ่งขึ้น

 

แต่ว่าประตูก็ยังคงนิ่งและไม่ขยับสักนิด ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะล้มเหลวแล้ว

 

“ระดับสวรรค์มายานั้นยากเกินไป ไม่เพียงต้องมีพรสวรรค์และฝึกฝนอย่างหนัก ที่สําคัญกว่านั้นมันยังต้องการโอกาส… ประตูสุดท้ายที่อาจารย์วางไว้ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับความสามารถของข้า!”

 

ฟางหยวนสูดลมหายใจลึก ๆ และเรียกใช้วิชาอินทรียักษ์กายาเหล็ก ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามปรากฏขึ้นบนร่างของเขาก่อนที่จะหายไปอีกครั้ง

 

“ฮา! เปลี่ยนพลังกายไปเป็นพลังลมปราณ! เปลี่ยนพลังลมปราณไปเป็นพลังเวทย์! เปลี่ยนรูปแบบพลังธาตุ!”

 

ตอนที่เขาคํารามออกไป พลังธาตุของวิทยายุทธ์ของเขาก็ไหลผ่านชีพจรศักดิ์สิทธิ์และผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ขณะที่มันไหลเข้าไปที่หน้าผาก ไปถึงหว่างคิ้วของเขา

 

“ครืน!”

 

ขณะที่จุดจูเฉียวของเขาสั่น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น

 

พลังธาตุจากวิชากําลังภายนอกของเขา ผ่านการหมุนเวียนอย่างตั้งใจ ได้เปลี่ยนไปเป็นพลังธาตุฝันอันยากเข้าใจ ราวกับแม่น้ําสายใหญ่ พลังธาตุฝันไหลเข้าไปสู่ประตูแก้วสีม่วง

 

ชั่วหนึ่งก้านธูป! สองก้านธูป!

 

หลังจากเกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดประตูก็ขยับ!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด