Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 119

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 119 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 119 ต้าหนิวลงมือ

 

“ตู้ม!”

 

โม่หรูเยียนกระเด็นออกไปทันที ร่างของนางกระแทกเข้ากับรถมาที่จอดอยู่อย่างรุนแรงและเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของเหล่าผู้คุ้มกันทุกๆคนก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้ว

 

หลังจากนั้นร่างกายของนางก็ร่วงหล่นลงมาที่พื้น นางพยายามยืนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและกระอักเลือดออกมาทันที บนหน้าอกของนางนั้นชุดเกราะสีดำถูกกระแทกจนจมลึกลงไปข้างในและมีรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

ในฐานะที่นางเป็นเจ้าของชุดเกราะตัวนี้ โม่หรูเยียนย่อมรู้ดีว่าชุดเกราะของนางนั้นมีความแข็งมากเพียงใดแม้แต่ธนูและหน้าไม้ก็ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับชุดเกราะตัวนี้ได้เลย แต่ในตอนนี้ชุดเกราะของนางกลับเสียหายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะความเสียหายบริเวณหน้าอกถ้าหากไม่ใช่เพราะชุดเกราะนางคงตายไปแล้วใช่ไหม?

 

โม่หรูเยียนคิดเรื่องนี้ในใจ แต่ที่น่าแปลกประหลาดก็คือแม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

 

“นายหญิงน้อย ระวังตัวด้วยขอรับ” ในตอนนี้ผู้คุ้มกันหลายๆคนรีบวิ่งเข้ามาใกล้เพื่อตรวจสอบดูว่านางเป็นอะไรหรือไม่และท่านลุงไฉก็อยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน

 

“อ้าก!”

 

เงาดำพุ่งเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วและต่อจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา กลุ่มผู้คุ้มกันที่วิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้รีบหนีออกไปทันทีแต่ในตอนนี้เงาดำไม่ได้ควักหัวใจของพวกเขาออกมาอีก มันแค่โจมตีไปยังหน้าอกของเหยื่อจนหน้าอกมีรอยยุบลงไปอย่างชัดเจน ชายที่โดนโจมตีนั้นล้มลงไปที่พื้นทันทีและกระอักเลือดออกมา สภาพของเขาในตอนนี้ยากที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้

 

“ถอยออกไป ไม่ต้องห่วงข้า” เมื่อโม่หรูเยียนเห็นเช่นนี้ นางก็ไม่สนใจความเจ็บปวดของตนเองอีกต่อไปและพยายามยืนขึ้นมาพร้อมกับถือหอกเอาไว้ในมือ

 

นางย่อมทราบดีถึงความแข็งแกร่งของเงาดำในตอนนี้ แม้ว่าทุกๆคนจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่นอน

 

“ท่านนักพรตเต๋า ยังไม่รีบส่งต้าหนิวออกมาช่วยเหลือข้าอีก ถ้าหากข้าตายไปท่านคิดหรอว่าตนเองจะรอดไปได้” ในตอนนี้โม่หรูเยียนหันไปมองต้าหนิวที่ยังคงอยู่ในรถม้าและตะโกนออกมาทันที

 

นางไม่คิดเลยว่ามู่อี้จะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้และเขาสนใจเพียงแค่ความปลอดภัยของตนเองเท่านั้น แต่เขาไม่คิดเลยหรือไงว่าถ้าหากทุกๆคนที่นี่ต้องตายไปทั้งหมดแล้วเขาจะรอดชีวิตออกไปได้อย่างไรกัน? แม้ว่าต้าหนิวจะทรงพลังมากเพียงใดแต่ก็คงยากที่มันจะช่วยมู่อี้ให้ปลอดภัยได้ เพราะความเร็วของเงาดำนั้นไม่มีทางที่ต้าหนิวจะไล่ตามมันได้ทันอย่างแน่นอน

 

ในการนี้มีเพียงแค่การร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะมีโอกาสเอาชนะศัตรูได้

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายนอกรถม้านั้นมู่อี้สามารถ “มองเห็น” ได้อย่างชัดเจน เขาเองก็ไม่คิดว่าเงาดำตนนั้นจะทรงพลังมากขนาดนี้ แม้แต่โม่หรูเยียนก็ยังไม่อาจต่อกรกับมันได้ แม้ว่าจะมีคนตายไปเป็นจำนวนมากแต่ในความคิดของเขานั้นมันยังเร็วเกินไปที่เขาจะปรากฏตัวออกไปในตอนนี้

 

แม้ว่าการหยดเลือดลงไปบนต้นไผ่จะไม่ใช่สิ่งที่สามารถหยุดกลางคันได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีวิธีการอื่นที่จะสามารถเอาชนะศัตรูได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเขาคงไม่เลือกที่จะเริ่มการหยดเลือดในคืนนี้หรอกใช่ไหม?

 

แน่นอนว่าโม่หรูเยียนไม่เคยสนใจมาก่อนว่ามู่อี้จะทำอะไรอยู่ นางสนใจเพียงแค่ต้าหนิวเท่านั้น

 

เพราะเพียงแค่ต้าหนิวคนเดียวก็มากพอที่จะทำให้นางนึกถึงปัญหาหลายๆข้อแล้ว ไม่ต้องพูดถึงฉายาของมันที่มีชื่อว่ายักษ์คลั่งแห่งลัทธิเทพธิดาพันบุตรเลย

 

“ต้าหนิว” มู่อี้ส่งพลังแห่งจิตใจของเขาเข้าไปยังจิตใจของต้าหนิวทันทีและต้าหนิวที่กำลังนอนอย่างขี้เกียจในตอนนี้ก็รีบลุกขึ้นมาทันที แต่มันก็ไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของมู่อี้และพยายามส่ายหัวต่อต้านอยู่หลายครั้ง ท่าทีของมันทำให้มู่อี้รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา

 

ความสามารถในการถ่ายทอดความคิดด้วยพลังแห่งจิตใจของมู่อี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนจิตใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกคำสั่งกับต้าหนิวด้วยคำพูดแต่การสื่อสารด้วยจิตใจนั้นดียิ่งกว่าคำพูดเสียอีก มันสามารถทำให้ต้าหนิวเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อได้โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเลย

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยออกคำสั่งอะไรกับต้าหนิวมาก่อนเลยและปล่อยให้ต้าหนิวได้ทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ แต่เขาไม่คิดเลยว่าครั้งแรกที่เขาจะออกคำสั่งต่อต้าหนิวด้วยพลังแห่งจิตใจนั้นมันจะมีท่าทีต่อเขาเช่นนี้

 

“หึ!” เมื่อเห็นเช่นนี้มู่อี้ก็ถอนหายใจออกมาทันที ความโกรธก็ถูกส่งผ่านไปพร้อมกับพลังแห่งจิตใจของมู่อี้ด้วยเช่นกันและต้าหนิวก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของมู่อี้ในทันที มันไม่ได้ทำตัวโง่เง่าดื้อด้านอีกต่อไปและดวงตาขนาดใหญ่ของมันก็จ้องมองไปที่เงาดำที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตรงหน้า

 

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือกลายไปเป็นผีดิบแล้วก็ตาม แต่เงาดำก็ยังคงมีสัญชาตญาณหลงเหลืออยู่ ในตอนนี้มันรับรู้ได้ถึงดวงตาที่กำลังจ้องมองมาที่มันแม้ว่าจะมีผ้าม่านของรถม้าที่ปิดกั้นเอาไว้ก็ตาม เมื่อมันจ้องมองไปที่ต้าหนิวมันก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามบางอย่างและตอนนี้มันก็ไม่ได้ไล่ตามล่าผู้คุ้มกันคนอื่นๆอีกต่อไปเพียงแค่หันมาจ้องมองต้าหนิวนิ่งๆเท่านั้น ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของมันทำให้ท่านลุงไฉและผู้คุ้มกันคนอื่นๆสามารถหนีรอดออกมาได้สำเร็จ

 

“ใช่แล้ว แบบนี้แหละ ต้าหนิวมาเจ้ารีบลงมือเถอะ” โม่หรูเยียนรีบพูดออกมาทันทีเมื่อนางเห็นสถานการณ์ในตอนนี้

 

ต้าหนิวไม่ได้สนใจนางเลย มันไม่ได้มองมาที่นางเลยด้วยซ้ำ แค่เดินตรงเข้าไปหาเงาดำเท่านั้น

 

เงาดำจ้องมองไปยังต้าหนิวที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ท่าทีของมันเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

แต่ในที่สุดเมื่อต้าหนิวใกล้จะถึงตัวของมันนั้น มันก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

 

เงาดำพุ่งตัวเข้ามาหาต้าหนิวอย่างรวดเร็วและฝ่ามือของมันก็ตรงเข้าไปที่หน้าท้องขนาดใหญ่ของต้าหนิว พลังของมันในตอนนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่มันโจมตีโม่หรูเยียนก่อนหน้านี้เลย

 

เมื่อเห็นเช่นนี้สายตาของต้าหนิวก็ดูเป็นประกายขึ้นมาทันที มันสูดหายใจเข้าไปลึกๆและจากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ของต้าหนิวก็ฟาดออกไปที่ศีรษะของเงาดำทันที

 

“ตู้ม!”

 

เงาดำใช้มือซ้ายของมันโจมตีเข้าไปที่หน้าท้องของต้าหนิวส่วนมือขวาของมันยกขึ้นมาป้องกันศีรษะของตัวมันเอง แต่ร่างกายของมันก็ยังคงกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

 

โม่หรูเยียนจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้และมันก็ทำให้นางได้พักหายใจด้วยเช่นกัน

 

หลังจากได้พักหายใจช่วงเวลาสั้นๆแล้ว หอกในมือของนางก็พุ่งออกไปอีกครั้งและโจมตีเข้าไปที่เงาดำทันที

 

เงาดำที่ถูกต้าหนิวฟาดจนกระเด็นออกมา แม้ว่ามันจะกระเด็นออกมาอย่างรุนแรงแต่มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักและสามารถยืนขึ้นมารับการโจมตีของโม่หรูเยียนที่เข้ามาในตอนนี้ได้อย่างง่ายดาย

 

การโจมตีในครั้งนี้โม่หรูเยียนไม่ได้เล็งไปที่ตำแหน่งสำคัญอย่างศีรษะหรือหน้าอก แต่นางเลือกโจมตีไปที่ต้นขาและหัวเข่าของศัตรู

 

“ฉึก!”

 

เมื่อเทียบกับศีรษะของมันแล้วต้นขาของเงาดำไม่ได้มีความแข็งมากขนาดนั้น ดังนั้นเมื่อโม่หรูเยียนแทงหอกในมือของตนเองออกไปนั้นก็สามารถทะลุต้นขาของมันเข้าไปได้ทันที

 

“โฮก!”

 

เงาดำร้องคำรามออกมาอีกครั้งหนึ่ง ในตอนที่มันกำลังจะใช้มือดึงปลายหอกที่แทงเข้าไปในต้นขาของมันออกมานั้น ทันใดนั้นโม่หรูเยียนก็หมุนด้ามหอกอย่างรุนแรง

 

“กึก!”

 

เสียงของหอกที่กำลังหมุนดังขึ้นมาเล็กน้อยและจากนั้นร่างของเงาดำก็สั่นขึ้นมาทันที โม่หรูเยียนถอยกลับมาพร้อมกับหอกที่อยู่ในมือของนาง

 

แต่แม้ว่าจะดึงหอกกลับมาแล้ว ปลายหอกก็ยังคงติดอยู่ในบริเวณข้อต่อต้นขาของเงาดำและในตอนนี้ที่บริเวณปลายทั้งสองข้างของใบหอกนั้นมีสิ่งที่เหมือนกับหนามแหลมยื่นออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้หอกยังคงเกี่ยวติดอยู่กับกระดูกข้อต่อของเงาดำเอาไว้

 

เงาดำพยายามดึงหอกออกจากต้นขาของมัน แต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าปลายหอกจะฝังแน่นขนาดนี้และมันไม่สามารถดึงปลายหอกออกมาได้จนร่างกายของมันแทบจะล้มลงไปที่พื้น

 

โม่หรูเยียนยังคงกุมหอกเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา ร่างกายของนางมีอาการสั่นเล็กน้อยและลมหายใจของนางก็ดูรุนแรงขึ้นราวกับว่านางกำลังเหนื่อย ลมหายใจที่รุนแรงนั้นแสดงให้เห็นว่าพละกำลังของนางเริ่มอ่อนล้าลงไปมากแล้วในตอนนี้และนางก็คงไม่อาจยื้อไว้แบบนี้ได้อีกนานสักเท่าไหร่

 

แม้ว่าหอกในมือของนางจะรั้งตัวศัตรูเอาไว้ได้ แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว

 

“ต้าหนิว เจ้ายังไม่พร้อมอีกหรอ” โม่หรูเยียนจ้องมองไปที่ต้าหนิวที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ นางไม่ได้เลือกโจมตีไปยังตำแหน่งสำคัญของเงาดำก็เพราะต้องการทำให้ความได้เปรียบในด้านความเร็วของเงาดำนั้นหมดไป ตราบใดที่เงาดำสูญเสียความเร็วที่เป็นข้อได้เปรียบของมันไป นางเชื่อว่าพละกำลังของมันไม่มีทางเทียบกับต้าหนิวได้อย่างแน่นอน

 

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วโม่หรูเยียนก็ทำได้เพียงต้องเชื่อมั่นในตัวต้าหนิวเท่านั้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด