ศพ – ตอนที่ 230 รวมตัวที่ศาลเจ้าหลักเมือง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 230 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 230 รวมตัวที่ศาลเจ้าหลักเมือง

 

เฟิงเฉ่วหานก็พูดตรงเกิน จะพูดขวานผ่าซากไปไหน

 

แต่เขาพูดถูกทุกอย่าง เรื่องคําทํานาย มันลึลับซับซ้อนมาก

 

จะดีหรือร้าย ถึงร้ายก็แค่หนีจากมันเท่านั้น

 

คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคําทํานายบอกไว้ว่าชีวิตนี้ผมจะได้เจอผู้หญิงที่พาทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายมาสู่ตัว งั้นก็ปล่อยให้เธอมาซิ ! ไม่ว่าเธอจะเป็นมู่หลงเหยียนหรือเซียนจิ้งจอก เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงออกมาชัดเจนมากกว่านี้

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดกับเหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆว่า “ นายพูดถูก ! คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ”

 

เฟิงเฉ่วหานไม่ใช่คนพูดมาก เมื่อเห็นผมพูดแบบนั้น เขาก็ไม่พูดไร้สาระ ยื่นบุหรี่ให้ผมทันที

 

ในเวลาเดียวกัน ท่านนักพรตตู๋ก็หันมาพูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน ฝันมีทั้งดีและร้าย แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะผู้หญิง ถ้าตอนนั้นเธอสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้แล้ว เธอจะต้องระวังตัวให้มากๆ แบบนี้ก็จะสามารถเลี่ยงจากปัญหาที่ไม่จําเป็นได้แล้ว หรือเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี !”

 

เมื่อได้ยินคําพูดของท่านนักพรตตู๋ ผมก็พยักหน้ารัวๆ และพูดขอบคุณท่านนักพรตตู๋

 

อาจารย์เห็นผมได้คําทํานายแล้ว จึงพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ เหล่าตู มาเช้าขนาดนี้ เพื่อคุยเรื่องชูหม่าของเสี่ยวฝานเหรอ”

 

เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าก็กลับมาปกติอีกครั้ง “ ใช่ เมื่อเช้าได้ยินเสี่ยวเฟิงพูดว่าเสี่ยวฝานจะไปเป็นชูหม่า ก็เลยมาถามให้ละเอียด ไปเป็นชูหม่าของใคร ทําไมจู่ๆถึงไปเป็นชูหม่าได้”

 

เมื่ออาจารย์ฟังจบ ก็รีบตอบกลับทันที “ ฉันก็คิดอยู่ ทําไมนายถึงมาเช้าขนาดนี้ ที่แท้ก็มาถามเรื่องเสี่ยวฝานจะไปเป็นชูหม่านี่เอง ครั้งนี้ เสี่ยวฝานไปเป็นชูหม่าของสํานักหูแห่งเขาฉิน ! ”

 

“ สํานักหู เป็นศิษย์ลําดับที่เท่าไหร่ ” ท่านนักพรตตู๋ถามต่อ

 

แต่อาจารย์กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ประมุขของสํานักหู”

 

“ อะไรนะ ประมุขของสํานักหู เหล่าติง ไม่ตลกนะอย่ามาล้อเล่นน่า ” เห็นได้ชัดว่าท่านนักพรตตู๋ไม่เชื่อ เขาคิดว่าอาจารย์โม้

 

แต่อาจารย์กลับหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” “ เหล่าตู๋ ฉันเคยโกหกนายเหรอ เป็นประมุขสํานักหูจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะยอมให้เสี่ยวฝานไปเป็นชูหม่าได้ยังไง”

 

หลังฟังอาจารย์พูดจบ ผมก็พูดออกมาว่า “ ใช่ครับท่านนักพรตตู๋ ครั้งนี้ ผมไปเป็นศิษย์นางพญาจิ้งจอก !”

 

เมื่อท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

 

ผ่านไปสักพัก ผมถึงได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดว่า “ ประมุขสํานักหูถึงกับลงเขามารับศิษย์ด้วยตัวเอง เสี่ยวฝาน เธอโชคดีมากเลย ! แต่ว่า เท่าที่ฉันรู้ การลงเขามารับศิษย์ ปกติจะต้องมีโชคชะตาต่อกัน ไม่รู้ว่าเสี่ยวฝานและประมุขสํานักหูมีวาสนาอะไรต่อกันเหรอ”

 

สําหรับเรื่องนี้ เป็นธรรมดาที่ผมจะพูดความจริงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อคืนผมจึงเตี๊ยมกับอาจารย์เรียบร้อย

 

ตอนนี้จึงได้ยินอาจารย์ส่งเสียง “ อะฮึ่ม ” หลังจากนั้นก็พูดว่า “ เป็นแบบนี้ ตอนเป็นวัยรุ่นฉันเคยไปตัดผมให้พระในป่า มีอยู่มาคืนหนึ่งฟ้าร้องดังลั่น จู่ๆจิ้งจอกตัวหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้องของฉันพร้อมกับบาดแผล ตอนนั้นฉันยังถือศีลอยู่ จึงปล่อยให้จิ้งจอกอยู่ในห้องหนึ่งคืน พอเห็นมันบาดเจ็บ ฉันเลยเอายามาใส่ให้มัน ! มันจึงเห็นเป็นผู้มีพระคุณ จํากล่องครั้งที่แล้วได้ไหม”

 

“ จําได้ครับ กล่องไม้สีดํา !” เฟิงเฉ่วหานพูด

 

“ ใช่ กล่องไม้สีดําใบนั้นแหละ ตอนนั้นฉันไม่อยากพูด แต่ตอนนี้ก็บอกพวกนายได้แล้ว นั่นเป็นกล่องที่ฉันได้มาตอนเป็นวัยรุ่น เพราะจิ้งจอกที่ฉันช่วยเอาไว้อยากตอบแทน มันจึงทิ้งเอาไว้ ! วันนั้นที่ใช้กล่อง มันก็ไปกระตุ้นนางพญาจิ้งจอก”

 

“ นางพญาจิ้งจอกรู้สึกผิด บวกกับเรื่องลงเขามาตามหาศิษย์ และเรื่องที่ฉันเคยช่วยคนสํานักหูเอาไว้ เธอจึงส่งข้อความมาบอกว่า อยากได้เสี่ยวฝานไปเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นพวกเราเลยตอบตกลงเพราะแบบนี้ ”

 

นี่เป็นเรื่องที่ผมและอาจารย์สร้างขึ้น ซ่อนมู่หลงเหยียนและความสัมพันธ์ระหว่างนั้นเอาไว้ ทุกอย่างถูกนําวางไว้บนตัวของอาจารย์

 

เมื่อทําแบบนี้แล้ว พวกเราก็จะสามารถเล่าเรื่องได้อย่างราบรื่น

 

เมื่อท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงได้ยินก็อึ้งกันไปพักหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไร

 

เรื่องช่วยจิ้งจอกบนภูเขา มีมาตั้งแต่โบราณ และพวกเรายังเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติในสายตาพวกเรา

 

ด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ จึงทําให้เรื่องนางพญาจิ้งจอกลงมารับศิษย์ อยากให้คนกราบไหว้บูชาถูกอธิบายได้อย่างง่ายดาย

 

ดังนั้น ท่านนักพรตตู๋จึงไม่ถามอะไรมาก เพียงพูดกับผมว่าโชคดีสุดๆ บอกให้ผมคว้ามันเอาไว้ในอนาคต เมื่อเป็นศิษย์แล้วจะได้รับการดูแลจากสํานักหู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราบสิ่งชั่วร้าย หรือทําดีสะสมบุญ ก็จะสะดวกขึ้นเยอะ ในเวลาเดียวกันก็จะมีวิธีอีกมากมาย ที่ใช้ในการจัดการเรื่องยุ่งยากได้

 

ท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานคุยกันในร้านต่ออีกพักหนึ่งหลังจากรู้เรื่องราวที่ชัดเจนแล้ว พวกเขาก็ออกไป

 

บอกว่าพอถึงวันที่ผมจะไปเป็นศิษย์ พวกเขาจะมาหาใหม่

 

หลังจากท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงออกไป ในบ้านก็เหลือเพียงผมกับอาจารย์สองคน

 

เมื่ออาจารย์เห็นพวกท่านนักพรตตู๋ไปแล้ว เขาก็พูดปลอบใจผมสองสามประโยค

 

บอกว่าในสองวันนี้ผมไม่ต้องคิดมาก บอกว่าชูหม่าก็คือการกราบอาจารย์ มีเรื่องให้หนักใจเล็กน้อยเท่านั้น

 

มันเหมือนกับผมฝันเห็นเรื่องแปลกๆ เขาบอกว่าให้ผมไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ และยังบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว บอกให้ผมสบายใจได้

 

ในอดีตที่ผ่านมาจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป

 

ส่วนตัวผม แม้ในใจจะค่อนข้างเครียดและรู้สึกสงสัย

 

แต่มันเหมือนกับที่อาจารย์และเหล่าเฟิงพูดไว้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พวกเราพูดไปก็ไม่ได้อะไร คิดมากไปก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยังไงพวกเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้

 

ดังนั้น สองวันหลังจากนั้น เวลาว่างผมจึงอยู่เฝ้าร้านเล่นเกมกับเหล่าเฟิงและหยางเจ่วบ้างบางครั้ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก

 

จนกระทั่งถึงวันชหม่า ผมและอาจารย์เริ่มกระวนกระวาย

 

เพราะตอนไปชูหม่าเป็นเวลากลางคืน ดังนั้นตอนเช้าผมและอาจารย์จึงเดินไปที่ศาลเจ้าหลักเมือง จัดการให้ที่นั้นดูสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเราก็กลับบ้านจุดธูปและทําเรื่องอื่นๆ

 

เวลาประมาณสี่โมงเย็น เหล่าฉิน ท่านนักพรตตู๋ และเหล่าเฟิงมาที่ร้านของพวกเรา พวกเขาวางแผนว่าจะไปชูหม่ากับผมคืนนี้ ในเวลาเดียวกันก็อยากเปิดหูเปิดตา เจอประมุขของสํานักหูสักครั้ง

 

แต่พวกเขาเพิ่งมาถึงไม่นาน หยางเฉ่วที่รีบเดินทางมาจากในเมืองก็มาถึง

 

แม้หยางเจ่วและพวกอาจารย์จะไม่ค่อยคุ้นเคยกันมากนัก แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของผมและเฟิงเฉ่วหาน พวกอาจารย์จึงไม่ได้ถามอะไรมาก

 

ทุกคนนั่งกินอาหารเย็นแบบง่ายๆ หลังจากนั้นก็แบกสัมภาระตรงไปที่ศาลเจ้าหลักเมืองก่อน

 

ทุกคนล้วนเป็นคนใน พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็เริ่มทํางานทันที นําของเซ่นไหว้ น้ำ เหล้าและของอื่นๆ ออกมาวางให้เรียบร้อย

 

ในเวลาเดียวกันก็จุดธูป เผาเงินกระดาษ และแขวนผ้าแดงไว้ที่ประตู

 

หลังจากทําเรื่องพวกนี้เสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว

 

ส่วนเรื่องนางพญาจิ้งจอกจะมากี่โมงนั้น พวกเราไม่รู้จริงๆ ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่นั่งรอ

 

ทุกคนไม่มีอะไรทํา จึงเริ่มหาเรื่องคุยกัน

 

เวลาประมาณสามทุ่มครั้ง นางพญาจิ้งจอกยังไม่มา จนทําให้ยายโม่มาถึงแล้ว

 

พวกเรารู้สึกถึงสายลมที่ค่อยๆพัดเข้ามา สายลมอันเยือกเย็น ปรากฏขึ้นที่นอกตัววัดอย่างกระทันหัน

 

ทุกคนที่อยู่ในศาลเจ้าหลักเมือง ต่างตกใจ มองไปที่ประตูทันที

 

เมื่อมองไป ก็เห็นร่างของหญิงแก่คนหนึ่งกําลังถือไม้เท้าเดินเข้ามา

 

ท่านนักพรตตู๋ เฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วไม่รู้จักยายโม่ ตอนนี้เมื่อเห็นผีแก่ตนหนึ่ง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง

 

แต่อาจารย์และเหล่าฉัน ตอนนั้นพวกเขาได้เจอยายโม่ที่ศาลเจ้าหลักเมืองแห่งนี้ พวกเขารู้ฐานะของยายโม่ดี และยายโม่ยังเคยช่วยชีวิตพวกเราไว้

 

ตอนนี้เมื่อเห็นยายโม่เดินเข้ามา ทั้งหมดคนก็ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ

 

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็ได้ยินเหล่าฉันพูดว่า “ นี่ นี่ไม่ใช่ยายโม่ที่ช่วยพวกเราไว้คืนนั้นเหรอ”

 

ยายโม่หัวเราะ “ ฮิฮิฮี ” “ วันนี้มีงานมงคล ข้าน้อยเองก็มาร่วมสนุก ไม่ทราบว่าทุกท่านจะรังเกียจไหม !” 

 

เสียงเพิ่งเงียบลง อาจารย์ก็เดินเข้ามาต้อนรับแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ทํามือคารวะ “ ท่านยายโม่ ไม่ได้พบกันนานนะครับ ลูกศิษย์ของผมชูหม่ามียายมาเป็นสักขีพยาน ถือเป็นเกียรติกับลูกศิษย์ของผมมากครับ เชิญครับเชิญทางนี้…”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด