Divine Card Creator – ตอนที่ 37

อ่านนิยายจีนเรื่อง Divine Card Creator ตอนที่ 37 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

แม้ว่าเทคนิคการเข้ารหัส D จะระดับต่ำกว่า แต่ราคาของมันเป็นมิตรอย่างมาก!

 

มันต้องใช้เงินเพียง 6 หมื่นหยวนเท่านั้น!

 

นอกจากนี้หลายคนที่เรียนรู้เทคนิคการเข้ารหัสระดับสูงก็มักจะซื้อเทคนิคการเข้ารหัส D ก่อน เพราะมันเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่สุดที่ทําให้ฝึกฝนทักษะระดับสูงได้ง่ายขึ้น

 

หรือบางที…

 

เขาควรจะกัดฟันยอมซื้อเทคนิคการเข้ารหัส C ไปเลยดี?

 

อันที่จริงเขามีงบเพียงแค่ 1 แสนหยวนเท่านั้น ที่เหลือคงต้องกู้ไม่ก็หาวิธีอื่นเอา …

 

ใจเย็นก่อนไอหนุ่ม! ใจเย็น!

 

ลู่หมิงพยายามกําจัดความโลภออกไปจากใจ

 

แน่นอนเขาคงไม่ยอมให้การกู้เงินจํานวนเล็กน้อยแบบนี้มาปั่นป่วนชีวิตตนเอง! ลู่หมิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกันแล้วการซื้อเทคนิคระดับต่ำไปก่อนคุ้มกว่ามาก เพราะมันจะลดภาระด้านการเงินให้เขามหาศาล

 

เอิ่ม…

 

มันก็เหมือนกับการซื้อรถ

 

กล่าวคือก่อนที่จะตัดสินใจเลือก คุณต้องจัดสรรเงินอย่างเหมาะสมก่อน

 

“งั้นฉันเลือกแกละกัน!”

 

ลู่หมิงจ้องไปที่เทคนิคการเข้ารหัส D และเตรียมจะซื้อมัน

 

จังหวะนั้นเองก็มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งเข้ามาพอดี ร่างอ้วนๆ กลมๆ เดินเข้ามาหาเขาด้วยความตุ้ยนุ้ยเหมือนมนุษย์ลูกชิ้นกําลังกลิ้ง

 

“พี่ลู่พี่ลู่ ผมมาซื้อการ์ดพลังงาน”

 

จางเสี่ยวปังรู้สึกตื่นเต้นมาก ” ผมขอซื้อเยอะๆ เลย แต่ขอส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ได้ไหม”

“นายต้องการกี่ใบ?”

 

ลู่หมิงเดินไปคุยที่หน้าประตูทางเข้าเพื่อบล็อคไม่ให้จางเสี่ยวปังเข้ามาในร้าน

 

“10 ใบ!”

 

จางเสี่ยวปังพูดด้วยเสียงเบา และทําหน้าเคร่มขรึมราวกับสายลับกําลังแลกเปลี่ยนข้อมูล

 

ลู่หมิงมองบน

 

เหอะๆ นี่หรอที่เรียกว่า เยอะ?

 

“ไม่ใช่ตอนนี้นายควรบ่มเพาะอยู่หรือ?”

 

ลู่หมิงสงสัย

 

“ใช่”

 

จางเสี่ยวปังยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ตอนแรกผมไม่นึกว่าการบ่มเพาะจะต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้ ผมอุส่าเตรียมการ์ดพลังงานไว้ตั้ง 3 ใบ แต่ผมกลับใช้มันจนหมดเลย”

 

นับตั้งแต่ที่ลู่หมิงสามารถผสมการ์ดระดับสูงออกมาได้ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็เร็วติดจรวด ถ้าเขาบ่มเพาะด้วยความเร็วแบบเต็มอัตราจริงๆ เพื่อพลังงาน 100 แต้มต่อวัน เงินของเขาอาจจะหมดไปหลายแสนภายในเวลาไม่กี่วัน!

 

เขาลืมปัญหาพวกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

 

สถานการณ์ที่จางเสี่ยวปังพบเป็นเรื่องปกติสําหรับนักศึกษาทั่วๆ ไป!

 

เขาชะล่าใจเกินไป ชะล่าใจมากเกินไปจริงๆ

 

ลู่หมิงปรับวิธีคิดของตนให้เหมือนคนทั่วๆ ไปอีกครั้ง

 

“โอเค

 

นี่ส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์สําหรับนาย”

 

ลู่หมิงเตรียมการ์ดพลังงานสิบใบให้เขา

 

“ขอขอบพระคุณอย่างสูง

 

จางเสี่ยวปังกราบลู่หมิงงามๆ ไปทีนึง

 

แน่นอนว่าจางเสี่ยวปังรู้ดีว่าปกติแล้ว มันแทบจะไม่สามารถทํากําไรจากการขายการ์ดพลังงานในราคาลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ได้เลย นี่นับว่าพี่ลู่ยังคงดูแลเขาค่อนข้างดีอยู่ ฮ่าๆ

 

“พี่ลู่ ผมจะบอกความลับกับพี่อย่างนึง คือช่วงหลังมานี้มาตรฐานการสร้างภาพลวงตาของผมพัฒนาขึ้นอย่างมาก” จางเสียวปังพูดด้วยความหลงตัวเอง

 

“พัฒนาในแง่ไหน” ลู่หมิงยิ้มเยาะ “นายทําให้ภาพลวงตาเปลี่ยนสีตามอารมณ์ของผู้ใช้ได้แล้ว?”

 

“ใช่ ผมทําได้แล้ว!”

 

จางเสี่ยวปังตอบอย่างไม่ลังเล “แม้ว่าผมจะยังไม่เคยทําอย่างนั้น แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคหลักที่เอาไว้ใช้แล้ว”

 

ลู่หมิงตกใจ “นายฝึกสําเร็จแล้วจริงๆ เหรอ?”

 

“แน่นอน”

 

“ถ้าพี่ไม่เชื่อเดี๋ยวผมทําให้ดู” จางเสี่ยวปังโชว์อย่างพึงพอใจ

 

ฟู่ววว !

 

พลังงานส่องแสงและเกิดแสงวาบขึ้น

 

จางเสี่ยวปังนําลู่หมิงเข้ามาสู่โลกภาพลวงตาของเขา

 

นี่คือแก่นภาพลวงตามันมีหน้าที่คล้ายกับการ์ดดั้งเดิมของลู่หมิง และมันกําลังแสดงภาพลวงตาที่จางเสี่ยวปังมักใช้ในการบ่มเพาะ

 

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มันค่อนข้างว่างเปล่า

 

ในจุดที่ห่างไกล…

 

มีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง

 

ไอหมอนี่กําลังจะทําอะไรฟะ?

 

ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

 

“รอแป๊ป!”

 

จางเสี่ยวปังหายใจเข้าลึกๆ “ขอผมปลุกอารมณ์ในตัวก่อน”

 

หลังจากนั้นสักพักเขาก็เริ่มมีอารมณ์

 

ดูเหมือนหมอนี่จะจินตนาการถึงอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งทําให้อารมณ์ของเขาไม่คงที่นัก เห็นได้จากการหายใจอย่างหนักหน่วง

 

“เรียบร้อย” จางเสี่ยวปังตะโกนเสียงดัง

 

หลังจากนั้นไม่นานสุนัขที่อยู่ห่างออกไปก็ขยับอย่างกะทันหัน มันวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่บริเวณใกล้ๆ ต้นไม้จากนั้นมันก็เกาะต้นไม้ และเอาตัวกระแทกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง

 

ลู่หมิงรู้สึกสับสน

 

“ไหนว่าเสร็จแล้วไง นายกําลังทําบ้าอะไร?”

 

“อ้าว พี่ก็ดูมันสิ เร็วเข้า ดูนี่!”

 

จางเสี่ยวปังทั้งตื่นเต้นทั้งพึงพอใจ “มันเปลี่ยนไปแล้ว!”

 

ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

 

เมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ ๆ สุนัขตัวนั้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นว่าสีจะเปลี่ยนไปเลย

 

“มันเปลี่ยนไปจริงๆ!”

 

จางเสี่ยวปังดีอกดีใจ “นี่ไงพี่ลู่ ตอนนี้มันกําลังตกมันจากความหงี่ของผม ดูสิว่าตอนนี้มันดุร้ายรุนแรงขนาดไหน”

 

ลู่หมิงเหนื่อยหน่ายใจยิ่งนัก

 

ทันใดนั้นลู่หมิงรู้สึกว่า iq ของเขากําลังลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อมีเพื่อนเป็นตัวปัญญาอ่อนแบบนี้

 

ไอหมอนี่มันไหวปะเนี่ย ถามจริง!

 

“พี่ชาย คุณดูสิ”

 

จางเสี่ยวปังรู้สึกตื่นเต้น “เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พอผมมีอารมณ์ ระดับความต้องการทางเพศของสุนัขตัวนี้ก็แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

“เหอะๆ”

 

ลู่หมิงไม่อยากจะสนทนากับหมอนี่อีกต่อไป

 

ปัญญาอ่อน!

 

ปัญญาอ่อนชัดๆ!

 

“เฮ้ เฮ้”

 

เมื่อเห็นว่าลู่หมิงไม่สนใจเขาอีกต่อไป จางเสี่ยวปังก็รู้สึกตัวขึ้นพร้อมพูดอย่างเขินอาย “ผมรู้ว่ามันยังค่อนข้างห่างไกลจากเป้าหมาย แต่พวกเขาก็ใช้แก่นภาพลวงตาเหมือนกัน! ผมวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากนี้ระดับความตื่นจะเปลี่ยนไปตามอา รมณ์ของผู้ใช้:

 

มันจะเป็นสีแห่งความสุขเมื่อพวกเขามีความสุข

 

มันจะเป็นสีแห่งความเหงาเมื่อพวกเขาเสียใจ

 

มันจะเป็นแห่งความหิวกระหายเมื่อพวกเขาเกิดอารมณ์ 

 

มันจะเป็นสีจางๆ เมื่อพวกเขาเบื่อ” จางเสี่ยวปังกล่าวอย่างตื่นเต้น

 

ลู่หมิงหมดคําพูด

 

ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่า บางทีการล้อเล่นกับจางเสี่ยงปังตอนนั้นอาจเป็นเรื่องผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของตน? ถ้าหมอนี่มันทําอย่างที่พูดจริงๆ ไม่อยากจะคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นยังไง!

 

ไอหมอนี่มัน…

 

“อืมม พี่ลู่”

 

“พี่ควรคิดว่ามันเป็นเวอร์ชั่นเบต้าละกันนะ”

 

จางเสี่ยวปังถูมือของตน “โปรดมั่นใจว่าในเมื่อตอนนี้ผมเข้าใจเทคนิคการตรวจจับอารมณ์ของผู้ใช้แล้ว เทคนิคการเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ของผู้ใช้ก็คงเป็นเรื่องกล้วยๆ ดังนั้นเมื่อผมเชี่ยวชาญเทคนิคการเปลี่ยนสีท้องฟ้าแล้ว โปรเจคนี้ก็คงจะเสร็จสมบูรณ์ได้ในเร็ววัน!”

 

อืมก็น่าจะอย่างนั้นล่ะมั้ง

 

ลู่หมิงพอจะเข้าใจวิธีคิดของหมอนี่บางส่วนขึ้นมาบ้างแล้ว

 

เอาจริงๆ แล้ว ศาสตร์ลวงตาก็คล้ายคลึงกับการสร้างการ์ด ถ้ามองอย่างผิวเผินแล้วสิ่งที่ไอปัญญาอ่อนนี่ทํามันก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับคําขอของลู่หมิง!

 

เขาทํามันสําเร็จแล้วสองในสามเทคนิคจากที่ลู่หมิงต้องการ ต่อให้ไม่อยากก็ต้องนับว่าเข้าใกล้ผลลัพธ์แล้วจริงๆ!

 

“งั้นก็สู้ๆ ละกัน”

 

ลู่หมิงตบไหล่ของเขา “ในเมื่อนายได้การ์ดพลังงานไปแล้วก็รีบๆ ไปเรียนรู้ละกัน”

 

“รับทราบ ท่านประธาน!”

 

ตอนนี้จางเสี่ยวปังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากําลังจะจากไป จางเสี่ยวปังรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ นั่นเป็นเพราะจนถึงเวลานี้ลู่หมิงยังไม่ยอมให้เขาเข้าไปในร้านเลย!

 

“พี่ลู่ ทําไมวันนี้คุณไม่ยอมให้ผมเข้าไปในร้านเลย?”

 

จางเสี่ยวปังพูดด้วยความน้อยใจ

 

ลู่หมิงมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันอุตส่าห์ออกมาดูแลนายอย่างเพื่อนสนิท แต่นายกลับอยากเข้าบ้านฉันงั้นหรอ?”

 

“ฮะ?”

 

จางเสี่ยวปังมองอย่างงงงวย

 

“เอาล่ะ ช่างมัน นายรีบไปเถอะ”

 

ลู่หมิงไล่เขาออกไป เขากลับเข้าไปในร้านหลังจากยืนยันได้ว่าไออ้วนจางออกไปแล้วจริงๆ

 

เอ่อ…

 

การเข้ารหัส..

 

ลู่หมิงนึกขึ้นมาได้

 

อย่างไรก็ตาม…

 

ในขณะเดียวกันนี้ ก็มีร่างหนึ่งเดินมาจากระยะไกล

 

“สวัสดีลูกค้า ให้ฉัน… “

 

หลังจากนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่เป็นเพราะแขกของเขาตัวค่อนข้างใหญ่ผิดปกติ

 

ความผิดปกตินี่มัน…

 

“จางเสี่ยวปัง!”

 

ลู่หมิงสูดหายใจเข้าอย่างแรง

 

อย่างไรก็ตาม…

 

ในขณะนี้จางเสี่ยวปังไม่สนใจลู่หมิงแม้แต่น้อย เขากําลังจ้องมองไปที่สาวน้อยที่กําลังศึกษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวที่มุมนึงของร้าน เขาเบิกตากว้างและแลบลิ้นออกมา ไม่น่าแปลกใจที่ลู่หมิงจะปฏิเสธให้เขาเข้าไป!

 

มากเกินไปแล้ว!

 

สาเหตุที่แท้จริงคือลู่หมิงมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วย!

 

ไม่น่าแปลกใจเลย…

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ลู่อุดอู้อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว เขาไม่ได้ออกไปเรียนด้วยซ้ำ

 

ปรากฏว่า …

 

“ผม…ผมอยากเปิดร้านเหมือนพี่!

 

ผมอยากจ้างพนักงานหญิงสักคนบ้าง!”

 

จางเสี่ยวปังอารมณ์พลุ่งพล่าน พี่ลู่เป็นทหารผ่านศึกที่มากประสบการณ์อย่างแท้จริง!

 

“ทหารผ่านศึกกับผีน่ะสิ!” ลู่หมิงตอบอย่างดุร้าย

 

เขารู้ว่าจางเสี่ยวปังกําลังคิดนอกลู่นอกทางอยู่แน่ ๆ เขาไม่รู้ว่าสมองของไออ้วนคนนี้เติบโตขึ้นได้ยังไง ดูเหมือนว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หมอนี่ก็จะเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับเรื่องอย่างว่าโดยอัตโนมัติ

 

“เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน” ลู่หมิงรู้สึกว่าคําอธิบายนี้ดีกว่า

 

“ศิษย์?” จางเสี่ยวปังคิดสักพัก และพูดกับลู่หมิงด้วยความตื่นกระหายกว่าเดิม “ผม.ผมเองก็อยากรับศิษย์หญิงด้วย!”

 

เขาจะพูดอะไรได้อีก?

 

“มานี่หน่อย เสี่ยวไป๋”

 

ลู่หมิงถอนหายใจ “ทักทายลุงโรคจิตนี่หน่อย เขาจะได้รีบไปไกลๆ ซะที”

 

“สวัสดีคุณลุง”

 

คุณเสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นและทักทายด้วยท่าทางจริงจัง

 

“สวัสดี สวัสดี”

 

จางเสี่ยวปังเผยรอยยิ้มใจดี

 

อย่างไรก็ตามขณะที่เสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งตัว เขาตะโกนด้วยความตกใจ ”เจียงเยว่ไป๋!”

 

เมื่อพูดจบ…

 

จางเสี่ยวปังก็หันหลังและพยายามหนีอย่างสุดกําลัง

 

“ฮะ?”

 

ตอนนั้นเองเสี่ยวไลู่ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการสร้างการ์ดก็มองไปที่ลุงประหลาดตรงหน้าเธออีกครั้ง “เอ๊ะ นั่นมันเสี่ยวปังนี่หน่า!”

 

“พวกเธอรู้จักกันหรอ?”

 

ลู่หมิงคว้าตัวจางเสี่ยวปังที่ต้องการหลบหนีอย่างรวดเร็ว

 

“แฮ่ๆ ใช่แล้ว…” จางเสี่ยวปังพูดด้วยท่าทางลําบากใจ

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ลู่หมิงเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้น

 

“เดี๋ยวฉันเล่าเอง”

 

เสี่ยวไลู่กัดปากกาสร้างการ์ด ขณะที่ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะปล้นบ้านของฉัน และถูกพ่อฉันจับได้ เขาจึงถูกตีอย่างรุนแรง”

 

“ขโมยของ?”

 

ลู่หมิงประหลาดใจ

 

เขามองไปที่หมวกในมือของจางเสี่ยวปัง สรุปนายสร้างหมวกนี้เพื่อขโมยของหรอกเหรอ?

 

“ฉันไม่ได้จะขโมยของ!”

 

จางเสี่ยวปังรู้สึกผิด ” พี่ก็รู้ตอนนั้นผมตกวิชาอะไรบ้าง ตอนแรกผมอยากจะขี้โกงเปลี่ยนเกรดของตัวเอง แต่อาจารย์ใหญ่ปฏิเสธมัน ดังนั้นผมเลยต้องแอบเข้าไปในบ้านของเขาและทําการเปลี่ยนเกรดในคอมพิวเตอร์ของเขา แต่เขากลับเจอผมโดยไม่คาดคิด…”

 

ลู่หมิงพูดไม่ออก

 

หน้าด้าน!

 

ไม่มีคําบรรยายไหนชัดเจนกว่านี้แล้วสําหรับไอหมอนี่? 

 

ไอหมอนี่แอบเข้าไปในบ้านอาจารย์ใหญ่เพื่อเปลี่ยนเกรดตัวเอง!? วอนหาที่ตายชัดๆ!

 

ลู่หมิงยิ้มอย่างเอือมระอาเล็กน้อย

 

แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

อาจารย์ใหญ่

 

เสี่ยวไป๋…

 

บ้านของเธอ…

 

เดี๋ยวก่อนนะ….บางอย่างดูไม่ถูกต้องนัก?

 

ลู่หมิงลูบหัวและพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าไอบ้าเจียงที่ตนสาปแช่งไปก็คืออาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยนี่หว่า !!!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด