จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 174 ใจแลกใจ ของขวัญ และการเตรียมการ

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี ตอนที่ 174 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

การกระทำของโจ่ถิงฟางและรัฐบาลฉู่โจว ทำให้โล่เฉินประหลาดใจอย่างมาก

ล้วนเป็นพวกที่รู้จักเรื่องราว

โล่เฉินรู้ความหมายของโจ่ถิงฟาง เขาเองก็วางแผนที่จะดึงตระกูลโจ่เข้ามาเป็นพวกไว้ในใจเหมือนกัน

ในอนาคตเขาจะกลับไปเมืองหลวงหรือไม่?

แค่อาศัยการฆ่าหลันโย่วเวยและมีนักบู๊พ่อมดอยู่บ้างไม่มากเพียงพอ เขาต้องการการสนับสนุนจากหลายตระกูล

ตระกูลขุนนางที่ตั้งมั่นอยู่ในเมืองหลวงเหล่านี้ หยั่งรากลงลึกไปแล้ว ไม่อาจมองข้ามความแข็งแกร่งของพวกเขาได้

ตระกูลหนึ่งตระกูลอาจมองข้ามได้ แต่ถ้าเป็นสิบ หรือหลายสิบล่ะ…

ดังนั้น ภายใต้สะพานที่ทอดให้ของลู่เฟิง

โล่เฉินและโจ่ถิงฟาง ลูกชายของนายกเทศมนตรีฉู่โจว หานหยู่ถิง ตระกูลนิ่งตระกูลเหยียนและอื่นๆ ได้จัดปาร์ตี้กันที่แม่น้ำฉู่หวย

มีช่วงเวลาที่ดีอย่างยิ่ง

หลังจากมาฉู่โจววันที่ห้า โล่เฉินก็รู้สึกว่านี่ถือว่ามากพอแล้ว

ทุกอย่างล้วนถูกจัดการหมดแล้ว ดังนั้นจึงได้เวลากลับแล้ว

แต่ก่อนที่จะกลับไป เขาต้องการพบใครอีกคนหนึ่ง

ตระกูลเหยียน ห้องโถง

“พี่เทียน น้องสาวของฉันบอกว่าไม่ต้องการพบนาย” เหยียนเจิงรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เขาเอ่ยด้วยความรู้สึกขอโทษ “ถ้าหากเป็นเพราะภาพวาดนั้น พี่เทียนควรล้มเลิกความคิดเสียเถอะ เสี่ยวยู่ไม่มอบมันให้กับนายแน่”

“ไม่ ฉันมาหาเธอ…”

โล่เฉินขมวดคิ้วและพูดว่า “ช่างเถอะ ฉันไปที่ห้องหน้ามุขตะวันตกเอง พวกนายไม่ต้องตามมา ฉันไม่มีทางทำร้ายเสี่ยวยู่ อีกทั้งยังจะมอบโชคครั้งใหญ่ให้เธอ”

เหยียนไห่เซิงสองพ่อลูกท่าทางสับสน แต่ก็ไม่ได้หยุดโล่เฉินไว้

ทางทิศตะวันตก

ที่หน้าประตูลานบ้าน โล่เฉินผลักประตูเข้าไปโดยตรง

“คุณเหยียน”

ไม่มีการตอบสนอง

โล่เฉินเดินไปที่หน้าต่างและตะโกนอีกครั้ง “คุณเหยียน ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อภาพวาด แต่ผมมีอะไรจะให้คุณ ถ้าคุณไม่พูดจา ผมจะถือวิสาสะเข้าไปแล้ว”

“ออกไปซะ ฉันไม่ต้องการของของคุณ”

ที่ห้องหน้ามุขมีคำพูดเย็นชาดังขึ้นมา

โล่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากลองฟังเรื่องราวเกี่ยวกับภาพวาดนั่นสักหน่อยไหม?”

สิบกว่าวินาทีต่อมา เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น

เหยียนหรูยู่ปรากฏตัวหน้าประตูในชุดชุดฮั่นสีขาวอีกครั้ง ชุดพลิ้วไหว ราวกับนางฟ้า แต่สีหน้าของเธอกลับเย็นเฉียบดุจน้ำค้างแข็ง ให้ความรู้สึกว่าไม่อาจเข้าใกล้ได้

“ฉันขอบคุณที่คุณพาเหยียนเจิงไปด้วย และขอบคุณมากที่ช่วยตระกูลเหยียน ฉันเป็นเพื่อนกับคุณได้ แต่ก่อนอื่นใด คุณห้ามหมายตาเกี่ยวกับภาพนั้นอีก”

“บอกผมได้ไหม ว่าทำไมคุณถึงให้ความสำคัญกับภาพวาดนั้นมากขนาดนี้”

เหยียนหรูยู่ขมวดคิ้วและเดินไปที่ลานบ้าน ใบหน้าที่เย็นชาของเธอแสดงความชื่นชมออกมา ดวงตาของเธอเป็นประกาย

“ภาพนั้นดูราวกับมีมนต์ขลัง สรุปสั้นๆ ก็คือ เธอทำให้ฉันเข้าใจผู้ชายมากขึ้น”

“เข้าใจผู้ชาย?”

“ใช่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้ชายที่สง่างามได้ขนาดนี้ ราวกับพระเจ้าผู้ครอบครองและควบคุมโลก เขาเป็นเทพบุตรของฉัน”

โล่เฉินยิ่งเก้อเขินมากขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ

เขาเอ่ยถาม “นี่มันก็เป็นแค่ภาพเท่านั้น ไม่ใช่คนจริงๆสักหน่อย”

“ไม่!”

เหยียนหรูยู่หันกลับมาและพูดอย่างแน่วแน่เป็นพิเศษ “ต้องมีแน่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไม แต่สัญชาตญาณของฉันบอกว่าในโลกนี้จะต้องมีผู้ชายที่ดุจดั่งเทพเจ้าแบบนี้อยู่แน่”

“เอ่อ ก็ได้”

“ภาพวาดนี้เป็นอาหารทางจิตวิญญาณของฉัน เป็นเพราะภาพวาดนี้ ฉันถึงมีที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจให้คอยปฏิเสธสิ่งล่อใจ ยกตัวอย่างเช่น คุณชายตระกูลเฟิงในจีนหลิงนั่น ทุกคนล้วนอยากไปเป็นคุณนายน้อยของเขา เสพสุขความสบายร่ำรวย”

มีร่องรอยดูหมิ่นฉายขึ้นในแววตาของเหยียนหรูยู่ เธอพูดอย่างราบเรียบว่า “สำหรับฉันแล้วก็งั้นๆ หากเปรียบเทียบเขากับเทพบุตรในภาพวาด ต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่อาจเทียบกันได้เลยสักนิด”

“การประเมินของคุณออกจะสูงเกินไปหน่อยหรือเปล่า” โล่เฉินหน้าแดงเล็กน้อย

“ไม่สูงไม่สูง”

ใบหน้าของเหยียนหรูยู่ดูจริงจังขึ้นมา จริงจังจนน่ารักอยู่เล็กน้อย เธอส่ายหัวและพูดว่า “คุณไม่เข้าใจภาพวาดนั้น รวมทั้งพ่อแม่และพี่ชายของฉันด้วย พวกเขาล้วนไม่เข้าใจมัน มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงและชื่นชมแนวคิดศิลปะและแก่นแท้ของภาพวาดนั้น”

“จะว่ายังไงดีล่ะ….”

“เอาเป็นว่า ถ้าหากมีโอกาสได้เห็นเทพบุตรในภาพวาดสักครั้ง ต่อให้ต้องแลกกับชีวิตสิบปี ฉันก็ยินดี”

คนโง่ ฉันก็ยืนอยู่ต่อหน้าเธอนี่ไง

ในใจของโล่เฉินเมื่อได้ยินก็ภูมิใจอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าเหยียนหรูยู่นั้นไม่ธรรมดา——

โดยทั่วไปแล้ว ธรรมดาทั่วไปหากได้ภาพวาดนั้นไปก็จะคิดว่ามันเป็นแค่ภาพวาดธรรมดาๆเท่านั้น แต่เหยียนหรูยู่สามารถเห็นถึงแก่นแท้ของมัน อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางพลังจิตของตนเธอขึ้น นี่หายากมากจริงๆ

ต้นเหตุก็คือ

รากฐานวิญญาณของเหยียนหรูยู่นั้นอยู่ในระดับสูง และมีความสามารถในการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยม

คืนนั้นโล่เฉินไม่ได้สังเกตเห็น เป็นเพราะรากฐานวิญญาณนั้นเป็นสิ่งลวงตา ไม่อาจอธิบายออกมาได้ บางครั้งมันก็ถูกค้นพบได้ง่ายดายอย่างมาก แต่บางครั้งมันก็ถูกเก็บซ่อนเร้นไว้ลึกอย่างยิ่ง

และเหยียนหรูยู่นั้นเป็นฝ่ายหลัง

ในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็มองมันออก

“ตอนนี้ คุณเข้าใจหรือไง หากคิดจะเอารูปภาพนั้นไปจากกำมือของฉัน มีแต่ต้องฆ่าฉันก่อนเท่านั้นแหละ”

“ฆ่าไม่ฆ่าอะไรกัน ต่อให้คุณยื่นคอมาให้ผม หน้าตาสะสวยขนาดนี้ผมฆ่าไม่ลงหรอก!” โล่เฉินยิ้ม

เหยียนหรูยู่ความคิดชัดเจนอย่างยิ่ง เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “หรือพูดง่ายๆก็คือ ถ้าฉันไม่สวยคุณคงใช้กำลังเอามันไปแล้ว? จริงๆด้วย คุณก็เหมือนคนอวดดีพวกนั้น”

“เอ่อ…”

“ฉันขอแนะนำให้คุณทางที่ดีจงไปฝึกฝนทัศนคติที่ถูกต้องสามประการเอาไว้ซะ อย่ามัวแต่เน้นที่รูปลักษณ์ ต้องรู้จักมองข้ามไปบ้าง เนื้อหนังภายนอกดูดีแล้วยังไง หนึ่งร้อยปีผ่านไปก็เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้นแหละ มีเพียงจิตวิญญาณภายในเท่านั้นที่มีโอกาสสืบทอดต่อกันไปได้อีกยาวนาน”

เอ่อนี่

ขนาดยังไม่ได้ฝึกฝนนะ แต่กลับพูดหลักการของนักพรตออกมาเป็นชุดๆ

โล่เฉินอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

“คุณคิดว่าตลกหรือไง ก็เข้าใจได้อยู่ นั่นเพราะขอบเขตจิตวิญญาณของคุณยังไม่มาถึงระดับของฉัน แต่ก็อย่าท้อแท้ ขอบเขตนั้นสามารถฝึกฝนกันได้”

“อืม ผมจะฝึก” โล่เฉินพูดไม่ออกแล้วจริงๆ

เหยียนหรูยู่พยักหน้าอย่างชื่นชม “คุณยังค่อนข้างดี อย่างน้อยๆฉันก็เห็นความบริสุทธิ์ในดวงตาของคุณ ต่างจากพวกคุณชายเจ้าสำราญข้างนอกพวกนั้น ดวงตามีแต่ความเห็นผิดและสกปรก ถูกกัดเซาะด้วยความปรารถนาต่างๆ พวกเขาปราศจากจิตวิญญาณ”

“ไม่ผิด ผมก็คิดแบบนั้น.”

บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนเป็นประสานกลมกลืนกัน

ในระยะไกล ที่มุมหนึ่งของทางเดิน

เหยียนไห่เซิงและเหยียนเจิงสองพ่อลูกกำลังเฝ้าดูอยู่ พวกเขาพบว่าทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะอะไรกันใหญ่โต แต่กลับพูดคุยกันอย่างมีความสุข ก็ค่อยโล่งใจในที่สุด

“ทักษะจีบน้องสาวของพี่เทียนใช่ได้นี่ วันนั้นน้องสาวยังมีท่าทางเกลียดเขาจะตาย ตอนนี้กลับสามารถคุยกันดีๆ ได้แล้ว พ่อ ผมคิดว่าพี่จิ่งเทียนมีหวังได้เป็นลูกเขยของคุณ”

เหยียนเจิงลูบคางและครุ่นคิดกับตัวเองว่า “แม่เจ้าโว้ย หากสามารถลงเอยกันได้ เขาก็กลายมาเป็นพี่เขยของฉัน ดีจริงๆ”

ในลานบ้าน

เหยียนหรูยู่หันกลับมาถาม “เมื่อกี้คุณพูดว่า…เกี่ยวกับเรื่องราวของภาพวาดนั้น แค่พูดไร้สาระใช่ไหม”

“ไม่ใช่”

“อย่างนั้นก็ลองบอกฉันมา”

ในใจของโล่เฉินเปลี่ยนเป็นรู้สึกเศร้า เขาหลับตาลง ในสมองของเขาคือภาพใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเย่ถง จนในใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

“ภาพวาดนั่น เป็นภาพที่ผู้หญิงคนหนึ่งวาดให้คนที่เธอชอบ น่าเสียดาย ผู้ชายคนนั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่ใส่ใจ และเพิกเฉย”

“ต่อมา ชายคนนั้นประสบภัยพิบัติ ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ผู้หญิงคนนั้นไม่ลังเลที่จะปกป้องเขาด้วยชีวิต ในที่สุดชายคนนั้นก็รอดชีวิต ส่วนเธอกลับตายจากไป”

“ภาพวาดนั้น มีความรักของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชาย เก็บซ่อนเร้นเอาไว้อยู่ลึกล้ำอย่างมาก…ภาพแผ่นหลังนั่น อยู่ยงคงกระพันจริงๆไร้คู่ต่อกรจริงๆ และเป็นผู้ครอบงำจริงๆ แต่ว่าเขาโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง”

“มันเป็น…กาลเวลาที่โดดเดี่ยว ความว่างเปล่าไร้ญาติมิตรสูญเสียโลกใบนี้!”

สีหน้าของเหยียนหรูยู่เปลี่ยนไปเป็นไม่มั่นคง

เมื่อโล่เฉินพูดสองประโยคแรก เธอสูดจมูก คิดว่านี่ช่างเป็นเรื่องราวสะพานแห่งความรักอันน้ำเน่าของแมรี่ซูเสียจริง

อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงสองประโยคหลัง เหยียนหรูยู่ก็ตกตะลึง

นั่นเพราะ

เธอเองก็เคยรู้สึกได้ถึงความเหงาจากแผ่นหลังของบุรุษในภาพวาด แต่มันไม่ชัดเจนและไม่สามารถรู้สึกได้ตลอดเวลา

บางครั้งที่เธอสัมผัสได้ถึงมัน ในใจของเหยียนหรูยู่ก็จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างลึกลับ

“คุณเชื่อสิ่งที่ผมพูดไหม?”

โล่เฉินหันกลับมา สายตาของเขาล้ำลึกราวดวงดาวบนท้องฟ้า

เหยียนหรูยู่พยักหน้าตามสัญชาตญาณ

หลังจากได้สติกลับมาอย่างช้าๆ เธอก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณ คุณเข้าใจแก่นแท้ทางศิลปะของภาพวาดนั่น….ก็ใช่ ถ้าหากคุณไม่เข้าใจ คุณก็คงไม่มายืนกรานอยากได้ภาพวาดนั้น”

“ไม่พูดถึงภาพวาดแล้ว วางไว้ที่คุณนี่แหละ เมื่อกี้ผมพูดไปแล้วว่ามีของมาให้คุณ นี่มีประโยชน์สำหรับคุณ”

ความลับในภาพวาด สิ่งที่เย่ถงต้องการจะพูดกับเขา โล่เฉินล้มเลิกความคิดที่จะดูมันแล้ว

เย่ถงจากไปแล้ว ความลับนั่นทางที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้มันกลายเป็นฝุ่นไปตลอดกาล

หากขุดมันออกมา

รังแต่จะเพิ่มความเศร้า

“ของอะไร?”

“มองผมสิ”

ทันใดนั้น สมองของเหยียนหรูยู่ก็ว่างเปล่า

ราวกับเธอสูญเสียจิตวิญญาณไปและตกสู่ในอ้อมแขนของโล่เฉิน

ในเวลาเดียวกัน พลังทิพย์จากมือของโล่เฉินก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเหยียนหรูยู่เพื่อชำระร่างกายของเธอให้บริสุทธิ์ และกระตุ้นการทำงานในร่างกายของเหยียนหรูยู่

โล่เฉินคล้ายกำลังจะให้เหยียนหรูยู่ฝึกฝน นั่นเพราะรากฐานวิญญาณระดับสูงนั้นหากฝึกฝนก็จะรุดหน้าได้เร็วอย่างยิ่ง ภายใต้การสอนของเขา ในอนาคตเธอจะต้องเป็นเทียนเซียนได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมันแล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดไป

เหยียนหรูยู่ตอนนี้มีชีวิตที่ดีอย่างยิ่ง ถ้าเธอฝึกฝน อย่างนั้นก็จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไป ในฐานะลูกศิษย์ของเขา ในอนาคตย่อมต้องมีเขาเข้าไปเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบในอนาคต

นี่มันไม่ยุติธรรมกับเธอ

ที่มุมทางเดิน เหยียนไห่เซิงโกรธขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ “ไอ้สารเลว จิ่งเทียนเจ้านั้น กล้าดียังไงมาลวนลามเสี่ยวยู่ ฉันจะไปสู้กับเขา”

“พ่อครับ เห็นอยู่ชัดๆว่าเสี่ยวยู่เป็นฝ่ายเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่เทียนก่อน”

“นี่…”

ใบหน้าของเหยียนไห่เซิงอึมครึมไม่มั่นคง

สิ่งนี้อยู่เหนือกว่าหลักเหตุผลทั่วไป

แต่เคยเจอหน้าจิ่งเทียนสองครั้ง ลูกสาวของตนไม่น่าจะเป็นฝ่ายเข้าหาได้ขนาดนี้

“ไม่ได้ ฉันจะไปดูหน่อย”

“ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ ผมไม่ได้ลวนลามหรูยู่ พวกคุณรออยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว เชื่อผม” เสียงของโล่เฉินดังขึ้นมาช้าๆ

เหยียนไห่เซิงหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน และพาเหยียนเจิงเดินไปที่ประตูลาน

เมื่อเห็นว่ามีลำแสงไหลผ่านฝ่ามือของโล่เฉินออกมา สองพ่อลูกก็อ้าปากค้าง

ครึ่งชั่วโมงเต็มๆผ่านไป

ทุกอย่างจึงจบลง

โล่เฉินอุ้มเหยียนหรูยู่ไปที่ห้องด้านใน จากนั้นจึงเดินออกมาพร้อมเช็ดเหงื่อของเขา

“หรูยู่ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เธอจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง นอกจากนี้ หากมีปัญหาใด ๆ จำไว้ว่าให้ติดต่อผม ผมได้บอกตระกูลนิ่งเอาไว้แล้ว อีกไม่นานจะมีโครงการมากมายที่จะร่วมมือกับตระกูลเหยียนของคุณ”

“ลูกพี่ ฉัน….” ดวงตาของเหยียนเจิงเป็นสีแดงอยู่บ้าง

“เหยียนเจิง นายก็พยายามเถอะ ครั้งหน้าที่ฉันมาฉู่โจว ฉันหวังว่าจะเห็นนายและตระกูลเหยียนเปลี่ยนไปแล้ว”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด