เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ – ตอนที่ 48 เฟยหนี้

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ ตอนที่ 48 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 48 เฟยหนี้

 

ลู่หยุนเป็นแค่ผู้ฝึกพลังปราณ การใช้ดาบพิฆาตโลกันต์จึงไม่อาจเข้าถึงแม้เพียงเศษเสี้ยวของพลังทั้งหมด แต่ในการเดินทางครั้งนี้เขาได้ใช้ดาบสังหารเหล่าแม่มดผีดิบและอสูรมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งยังใช้ดาบเล่มเดียวกันนี้สังหารเจ้าเมืองเทียนเหอซึ่งมีพลังปราณแก่นดั้งเดิมสูงที่สุดผู้หนึ่ง

 

สําหรับลิ้งฮั่นนั้นแทบจะเรียกได้ว่าต้องใช้พลังอย่างมากในการใช้ดาบแต่ละครั้ง ทว่าเจ้าเมืองสนธยาดูเหมือนจะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

 

หรือว่าเขาจะมีชะตาต้องกันกับดาบ ความคิดจินตนาการของฉิงฮั่นเริ่มเตลิดไปไกล

 

“เจ้าพูดถูก ดูซี พอยันต์หินผนึกมังกรถูกทําลายและพลังแก่นชีวิตถ่ายเทออก ทําให้โครงร่างถูกทํา ลายไปด้วย!”พูดพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

แผ่นยันต์หินผนึกมังกรทั้งหนักและแข็งแรงทนทานเพราะได้ผสานเอาโครงร่างไว้ภายใน เพื่อสกัดกั้นสิ่งที่มันผนึกไว้มิให้หลุดออกมา ในเวลานี้พลังชีวิตของแผ่นหินลดถอยลงไปทุกขณะและโครงร่างถูกทําลายไปแล้ว มันจึงกลายเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาเท่านั้น

 

ฉับพลันนั้นเอง ลู่หยุนตกใจจนขนหัวลุก “ยู่อิงหนีไป!” 

 

หนองน้ําปีศาจที่อยู่ด้านหลังของนางปรากฏส่วนหัวใหญ่มโหฬารกําลังโผล่ขึ้นมาจากน้ํา มันคือนางแม่มดผีดิบยักษ์! ร่างอสูรยักษ์กําลังคลานขึ้นมาบนฝั่งตรงมาที่ยู่อิง

 

ยู่อิงสะดุ้งสุดตัว นางรีบคว้าตัวฉิงฮั่นแล้ววิ่งตรงมาทางลู่หยุนซึ่งกําลังใช้พลังไฟปรามรกตตัดแผ่นยันต์หิน

 

พริ้บบบ!

 

แผ่นหินเกิดเปลวไฟลุกพรึบขึ้น

 

“ไม่ต้องเผาแผ่นหิน” ลู่หยุนเร่งรีบ เมื่อเห็นชัดว่าร่างยักษ์ของแม่มดผีดิบคลานไต่ขึ้นมาบนฝั่ง “เจาะให้เป็นช่อง!”

 

“ไอ้พวกต่ําช้าพ่อแม่ไม่สั่งสอน! กล้าดีอย่างไรจึงมาขโมยสมบัติของข้า! อยากตายหรือไง!” เสียงหลี่ยวไฉร้องด้วยความโกรธ

 

เจ้าอ้วนมันเป็นคนอย่างไรนะ ลู่หยุนคิดด้วยความประหลาดใจเขาหมดสติหลังจากได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่พอได้สติกลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีก

 

เยี่ยเส้นพลันครอบงําเบี่ยงเบนการรับรู้ของหลี่ยวไฉอีกรอบไม่ว่าในตอนนี้สิ่งที่เห็นจะเป็นอะไร เขาเปลี่ยนแผ่นยันต์แห่งขุนเขาและสายน้ําให้กลายเป็นภูเขาลูกย่อมก่อนโยนใส่หน้านางแม่มดผีดิบอย่างแรงจนเสียงดึงอึกทึก

 

พลั่ก!

 

แรงกระแทกทําให้มันผงะออกไปและส่งเสียงกรีดร้องแหลมจนแสบแก้วหู ยู่อิงฉวยโอกาสใช้พลังไฟปราบมรกตเผาทะลวงยันต์หินผนึกมังกรเพื่อเจาะทะลุให้เป็นช่องแม้ว่าโครงร่างจะถูกทําลายแต่แผ่นหินยังแข็งอยู่มาก นางจึงต้องใช้พลังจนสุดความสามารถจึงเจาะทะลุแผ่นหินให้มีขนาดกว้างเพียงพอ

 

“เจ้ากับฉิงฮั่นเข้าไปก่อน!” ลู่หยุนร้องสั่งสาวใช้ช่วยพยุงนิ่งฮั่นมุดเข้าภายในโถงดานใน เขาเร่งตามเข้าไปติดๆเมียวเข้าไปรออยู่แล้วเหมือนว่าเขาจะเข้าไปทันทีที่เจาะช่องได้สําเร็จ

 

“ที่นี่มันอะไรกัน!” เมื่อนางแม่มดผีดิบส่งเสียงกรีดร้องทําให้หลี่ยวไฉจึงได้เห็นว่าแท้ที่จริงมันคืออะไร เขาตะกายเบียดแย่งพรวดพราดมุดเข้าไปในห้องเดียวดายโดยร่างอ้วนไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

ห้องเดียวดายมีความลึกราวสิบสองหลา ไร้สิ่งตกแต่งนอกจากอะไรอย่างหนึ่งปรากฏอยู่ตรงกลางห้อง

 

“เจ้านครเฉินชุย!” ฉิงฮั่นจดจําได้

 

เมื่อหยุดมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าเต็มสองตา ความรู้สึกชนิดหนึ่งก็พลันผุดขึ้นในใจ “เจ้าเมือง!”

 

ร่างของสตรีในท่านั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่บนเสื่อ ผิวขาวเนียนเรียบแลดูเปราะบาง อาภรณ์ไหมสีดําเน้นให้ทรวดทรง

 

ย่างชัดเจน นางน่าจะมีอายุราวไม่เกินสิบหกปี ความงดงามเท่าที่เห็นอาจเทียบเคียงได้กับโล่วยีและยู่ยิ่งหากจะน้อยกว่าก็ตรงมันแฝงไว้ด้วยความโกรธและชิงชังในท่าที่นั้น

 

นางคล้ายกับปีศาจจอมอาฆาตข้างนอกไม่ผิดเพี้ยน

 

“นั่นหรือคือตําราค่ายกลโลกานิมิต” ลู่หยุนสังเกตเห็นวัตถุทรงกลมที่นางประคองไว้ แสงสว่างเรืองรองจากวัตถุตกกระทบพื้นผิวผนังในโถงนั้น จนเกิดเป็นแสงสว่างส่องไปในระยะไกล “สิ่งนี้เองที่ทําให้ทั่วทั้งหลุมฝังศพสว่างไสว”

 

“ในตํานานกล่าวถึงแสงแห่งค่ายกล” เสียงของฉิงฮั่นดุจคนละเมอ “แสงที่ส่องสว่างทั่วทั้งภายนอกและภายในโครงสร้างของค่ายกลหลั่งไหลอยู่ในหลุมฝังศพ จนในเทือกเขาลูกใหญ่แปรเปลี่ยน”

 

ชายสองคนต่างดําดิ่งอยู่กับความคิดของตนขณะจ้องมองสิ่งล้ําค่า “ข้าจะไม่บอกใคร” หนุ่มน้อยสูงศักดิ์กล่าวขึ้นก่อน

 

ลู่หยุนพยักหน้ารับรู้ “เอาละ” เขาค่อย ๆ เดินตรงไปยังร่างของเจ้าเมืองที่ละก้าว

 

“แม่เจ้าโว้ย นัยน์ตานั่น! นัยน์ตามหึมา!” เสียงของหลี่ยวไฉร้องอย่างตกอกตกใจดังก้อง

 

ทุกคนในห้องหันขวับไปพบกับลูกนัยน์ตาอันน่าเกลียดน่ากลัวแอบมองลอดเข้ามาทางช่องประตู ตาสีขาวขุ่นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของทุกคนในที่นั้น

 

“กั้นไว้” ลู่หยุนร้องสั่ง แม่มดผีดิบยักษ์กลับยังไม่ทําอันตรายแก่คนทั้งหมด มันได้แต่จ้องมองด้วยนัยน์ตาน่ากลัวลูกใหญ่อยู่เงียบ ๆ อย่างกระวนกระวาย

 

ฟื้ววว!

 

ลูกไฟปราบมรกตพุ่งออกจากมือของยู่อิงเข้าไปปิดช่องประตูหิน ป้องกันสายตาน่าสยดสยองที่จ้องมองมาของนางแม่มดผี

ดิบ

 

เยี่ยเงินปรารถนาจะให้หลี่ยวไฉหยิบแผ่นยันต์ของเขาออกมาแต่นางกลับไม่แน่ใจว่าจะสามารถทําให้เขาทําในสิ่งที่ต้องการได้หรือไม่ แผ่นยันต์เป็นของล้ําค่าที่สุดของหลี่ยวไฉ นางเคยครอบงําจนเขายินยอมละทิ้งของล้ําค่าที่เก็บมาทิ้งจนหมดยกเว้นสิ่งเดียวที่เขาไม่ยอมทิ้งเด็ดขาด

 

ลู่หยุนเดินไปหาร่างเจ้าเมืองที่นั่งขัดสมาธิอยู่

 

“ช้าก่อน” ฉิงฮั่นร้องห้าม “ข้าคิดว่าร่างนี้น่าจะต้องเน่าเบื่อยผุพังไปนานแล้วแต่ที่ยังอยู่อย่างนี้ได้อาจจะเป็นเพราะตําราค่ายกลโลกานิมิตที่ประคองไว้ ถ้าเจ้านําตํารานั่นออกไปเสียร่างจะสลายเป็นฝุ่นละอองทันที และฝุ่นละอองของร่างเซียนทองคําเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆ่าเจ้าได้”

 

ลู่หยุนชะงักลึก เหงื่อกาศชุ่มโชกบ่าไหล่ “เจ้าช่วยชีวิตข้าอีกครั้งแล้ว” กล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด

 

ลิ้งฮันไม่ตอบ เขากัดริมฝีปากของตนเองความกังวลฉายชัดในดวงตา

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น” ความคิดหนึ่งผุดในหัว “ขอบเขตพลังหยินและหยาง!”

 

เสียงของประตูสู่อเวจีคํารามเป็นการเปิดทางให้กับทั้งร่างของเจ้าเมืองและตําราค่ายกลโลกานิมิตเข้าสู่วงจร ความทรงจําสว่างวาบอย่างปนเปยุ่งเหยิง

 

ทั้งผีชั้นเลวลู่ซวนและลู่ฮวงกลับถูกปีศาจเจ้าเมืองที่โกรธแค้นอย่างแสนสาหัสขับไล่จนหนีเตลิดด้วยความตื่นกลัว แม้แต่ทหารเสกสองตนก็ยังหวาดกลัวนาง

 

ที่แห่งนี้มีทั้งภูเขาลอยได้และโลงศพเคลือบทองแดงหากมใช่สิ่งที่ลู่หยุนต้องการในเวลานี้

 

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ใช้นิ้วชี้หน้าเจ้าปีศาจจนมันต้องหยุดกึก“เจ้าสองตัวมันไม่ได้เรื่อง!”เขาสบถใส่ทหารเสก

 

จึงไม่น่าแปลกที่ผีเลวทั้งสองไม่อยู่ในสาระบบของคัมภีร์เป็นตาย เพราะพวกมันเป็นผีชั้นเลว! เหมือนของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั้งสองตายในหลุมฝังศพจึงกลายเป็นผีเฝ้าหลุม

 

“ทูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏลําดับสองจงไปยังที่ของเจ้า”ลู่หยุนออกคําสั่ง

 

ฟื้ววววว!

 

เปลวไฟสีดําลอยออกจากร่างกายเข้าห่อหุ้มซากของเจ้าเมือง แทนที่ร่องรอยแห่งความโกรธและน่าหวาดกลัวของนางด้วยท่าทีสงบเยือกย็น ควันปีศาจจางหายไปขณะที่ร่างนั้นเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ เปลือกตาค่อยเผยอทีละน้อยเผยให้เห็นดวงตาสดใสมีแววปนเศร้า

 

“ทูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏลําดับสอง เฟยหนี้ ขอคารวะนายท่าน ข้าน้อยหยาบคายจึงขอรับการลงทัณฑ์ พลางค้อมตัวลงต่ําจนติดพื้น

 

จุดตันเถียนของลู่หยุนเริ่มรับรู้อีกนามหนึ่งเข้ามา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตของนาง สิ่งที่นางเคยกระทํา รวมทั้งความทรงจําของนางทั้งหมด เขาย่อมรับรู้ไปด้วย

 

เฟยหนี้ เจ้าเมืองเฉินชุย แห่งเขตสนธยา หลางเซียเทียน

 

ค่ายกลของนางจัดว่าเป็นหนึ่งและทําลายยากที่สุดของค่ายกลในโลกนี้ จนได้รับขนานนามว่า “ราชินีแห่งค่ายกล”โดยค่ายกลเหล่านี้นางจึงมีชัยเหนือเซียนไร้เทียมทานถึงสามสิบหกเซียนในการประลองที่ทะเลเหนือ แม้นางจะเป็นเพียง เซียนทองคํา

 

ราชินีค่ายกลแห่งโลกเซียน! ฟังดูเย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้! ยิ่งกว่ายู่อิงเสียอีก เขาเหลือบมองเฟยหนี้และในตอนนั้นรู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน “หลินได้ยู่วหรือนี่”

 

เฟยหนีนางเป็นผู้หญิงสวยจัดและมีเสน่ห์ หากแต่ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดและอ่อนโยน นัยน์ตาสดใสปนเศร้า

 

“ลุกขึ้นเถิด เจ้าทําไปเพราะบาปที่ติดตัวเจ้า” ลู่หยุนมองเห็นในท่าทีของนาง “เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนครเฉินชุย”

 

“เจ้าเมืองตายไปแล้ว นายท่าน” เฟยหนี้ตอบกลับอย่างหวาดเกรง “เฟยหนี้เป็นเพียงฑูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏลําดับสองเท่านั้น”

 

ลู่หยุนส่ายหน้าปฏิเสธคําพูดนั้น

 

“นี่เป็นสิ่งล้ําค่าจุดกําเนิดค่ายกลนายท่าน” กล่าวพลางยื่นตําราค่ายกลโลกานิมิตให้แก่ลู่หยุน

 

“เจ้าเก็บรักษามันไว้เถิด อยู่กับเจ้าน่าจะเหมาะมากกว่าข้า” ลู่หยุนปฏิเสธ “อีกอย่างข้าก็ได้มอบภาพวาดแห่งความว่างเปล่าของเจ้าให้กับสหายของข้าไปเสียแล้ว”

 

อันที่จริงในสายตาของลู่หยุน หนุ่มน้อยฉิงฮั่นเปรียบเสมีอนเพื่อนของเขา ทั้งสองฟันฝ่าอุปสรรคแห่งความเป็นความตายภายในหลุมฝังศพแห่งนี้มาด้วยกัน

 

“สิ่งใดในชีวิตที่เป็นของข้าช่วงใช้คนนี้ ย่อมเป็นของนายท่านด้วย” เฟยหนี้ตอบ “นายท่านสามารถเรียกหาได้ทุกเมื่อ”

 

“ตอนนี้พลังปราณของเจ้าระดับไหน” ลู่หยุนใคร่รู้

 

“ ข้าน้อยยังต้องฟื้นฟูพลัง ตอนนี้พลังปราณระดับเซียนแท้จริงนายท่าน”

 

นางเคยเป็นเซียนทองคํา ลู่หยุนหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะต้องตามหาหนอนหน้าผีมาเพื่อกําจัดนางแม่มดผีดับยักษ์เสียแล้ว”

 

พลังเซียนแท้จริงมิอาจล้มนางแม่มดผีดิบนั่นลงได้ ดังนั้นทางเดียวจําต้องพึ่งเจ้าหนอนปีศาจ

 

ความทรงจําเกี่ยวกับพลังค่ายกลของเฟยหนี้เริ่มถ่ายเทเข้าสู่ลู่หยุน ผนวกกับความชํานาญศาสตร์ฮวงจุ้ยของเขา ยิ่งทําให้รู้สึกเหมือนเปิดตารู้แจ้งโครงร่างภายในหลุมฝังศพแห่งนี้ให้แก่ชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยรู้มาก่อน

 

“บางอย่างในโลงศพเคลือบทองแดงนั่นนะ นายท่าน” ยู่อิงร้องขึ้น “มันมีต้นตอเดียวกันกับภาพทัศนียภาพแห่งความเด่นชัดและภาพวาดแห่งความว่างเปล่าเจ้าค่ะ”

 

“เช่นนั้นหรือ” ลู่หยุนหยุดคิด “สิ่งที่อยู่ในโลงศพน่าจะเป็นมหัตภัยร้าย หากข้าน้ํามันออกมาจากประตูสู่อเวจีย่อมมีบางอย่างไม่พึงประสงค์ แต่ในสถานที่นี้ทุกอย่างอยู่ในอํานาจของข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

 

เมื่อคิดดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปหยุดข้างหน้าโลงศพเคลือบทองแดง แง้มฝาโลงศพเปิดออกเพียงเล็กน้อย แสงสีแดงจ้าสว่างวาบ

 

หลินได้ยวเป็นหนึ่งในตัวละครของเฉาเสียฉินในนวนิยายอมตะเรื่องความฝันในหอแดง นางถูกวาดภาพให้เป็นหญิงสาวมีการศึกษา สติปัญญาหลักแหลม ฉลาด และสวยบอบบาง นางยังต้องเผชิญกับเรื่องราวทุกข์ระทมเศร้าโศกเป็นนิจ นับว่าเป็นนิยายอมตะมากที่สุดเล่มหนึ่ง

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด